***ทำไมต้องห้าม กินสัตว์10ชนิด ไม่เข้าใจ***
#1
โพสต์เมื่อ 21 September 2008 - 03:38 PM
สัตว์บางตัวใหญ่กว่า สัตว์ที่ห้ามเอาใว้ ทำไมกินได้ เช่น วัวควาย ซึ่งใหญ่กว่า งู
ในกรณี ที่กินเข้าไปแล้ว มารู้ทีหลังว่าเป็น เนื้อ งู หมา จะบาปใหม แล้วจะทำยังไง
สัตว์ที่ไม่ได้ห้ามเอาใว้ กินได้ทุกชนิดเลยใช่หรือไม่ครับ เช่น จระเข้ กวาง นกกระจอกเทศ เต่า
ที่ห้ามกินนั้นหมายถึง ห้ามกินแม้ สัตว์ตัวนั้น จะตายลงเอง โดยไม่มีใครฆ่า ใช่หรือไม่ครับ
มีที่มาที่ไปยังไงครับถึงต้องห้าม ช่วยอธิบายหน่อยครับ
ขออนุโมทนาสาธุครับ
#2
โพสต์เมื่อ 21 September 2008 - 05:16 PM
รอคนตอบ
#3
โพสต์เมื่อ 21 September 2008 - 05:37 PM
อาจพอรู้ๆกันบ้างแล้วว่า พุทธศาสนานั้นห้ามเนื้อสัตว์ไว้10 ชนิด คือ
1เนื้อมนุษย์
2เนื้อช้าง
3เนื้อม้า
4เนื้อสุนัขบ้าน
5เนื้องู
6เนื้อราชสีห์หรือสิงโต
7เนื้อเสือโคร่ง
8เนื้อเสือดาว
9เนื้อหมี
10เนื้อสุนัขป่า
แต่ในข้อกำหนดนี้ คือ"สำหรับพระภิกษุเท่านั้น" ในส่วนของฆราวาสมิได้มีการห้ามแต่อย่างใด
โดยข้อกำหนดนั้น การฉันเนื้อมนุษย์ถือว่าผิดแรงที่สุด รองลงมา คือเนื้อช้าง จนไปถึง เสือโคร่งตามลำดับ
และได้มีข้ามห้ามอื่นๆเช่น
-ห้ามฉันอาหารที่เลือกมาฆ่า
-ภิกษุไม่เป็นไข้ ห้ามออกปากขอโภชนะอันประณีตเช่นนี้ คือ
เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ปลา เนื้อ(นอกเหนือจากเนื้อต้องห้าม ๑๐) นมสด นมส้ม
-ในนิกายหินยาน ห้ามทานน้ำจากผลไม้จำพวกมหาผล(มะพร้าว) นม ฯลฯในยามวิกาล
#4
โพสต์เมื่อ 21 September 2008 - 05:59 PM
1. เป็นสัตว์ดุร้ายและมีอันตราย
2. สัตว์ต้องห้ามบางชนิดเป็นสัตว์ที่เรียกได้ว่าเป็นสัตว์ของพระราชา เช่น ช้าง ม้า
ในกรณีที่กินโดยไม่รู้ไม่ถือว่าขาดและไม่บาปแต่อย่างใด หากเนื้อที่กินไปมาในลักษณะเป็นก้อนแบบที่ว่าไม่รู้ว่าเป็นเนื้ออะไร
ว่าแต่ทำไมคุณสาครถึงได้ถามหว่า หรือว่าอยากลองกินบ้างครับ เหอๆ แต่จะได้กินหรือจะถูกกินกันน้า ^ ^"
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#5
โพสต์เมื่อ 21 September 2008 - 09:07 PM
สัตว์บางตัวใหญ่กว่า สัตว์ที่ห้ามเอาไว้ ทำไมกินได้ เช่น วัวควาย ซึ่งใหญ่กว่า งู
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดหรือชนิด เพราะก่อนหน้านี้พระพุทธองค์ก็มิได้ทรงบัญญัติว่าสัตว์ชนิดใดห้ามฉัน มาบัญญัติภายหลังก็เพราะชาวบ้านส่วนหนึ่งเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า...ไปตามกิเลสของเขา ก็เป็นเรื่องความเห็นหรือค่านิยมของคนในสมัยนั้นที่อาจส่งผลต่อความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา และถึงไม่ฉันก็ไม่เห็นจะเป็นไร ลองมาดูกันว่า
พระอรรถกถาจารย์ท่านสรุปไว้ว่าอย่างไร
(พระไตรปิฎกและอรรถกถาภาษาไทย 91เล่ม ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 7 หน้า 174)
ที่ทรงห้ามเนื้อมนุษย์ก็เพราะมนุษย์มีชาติเหมือนตน
ที่ทรงห้ามเนื้อช้างและม้าก็เพราะเป็นราชพาหนะ
ที่ทรงห้ามเนื้อสุนัขและงูก็เพราะเป็นของสกปรก
ที่ทรงห้ามเนื้อราชสีห์ เสือเหลือง เสือดาว เสือโคร่ง หมี ก็เพื่อต้องการความไม่มีอันตรายแก่ตน
ในกรณี ที่กินเข้าไปแล้ว มารู้ทีหลังว่าเป็น เนื้อ งู หมา จะบาปไหม แล้วจะทำยังไง
ในกรณีที่เป็นโยมกินโดยไม่รู้ศีลไม่ขาดและไม่บาปแต่อย่างใด(ลองศึกษาเรื่ององค์แห่งศีลดูนะครับจะเข้าใจมากขึ้น)
(บาปต่อเมื่อ ลงมือฆ่าด้วยตนเอง สั่งให้เขาฆ่า รู้เห็นยินดีว่าเขาฆ่ามาเพื่อเรา)
ในกรณีที่เป็นพระภิกษุฉันโดยไม่รู้ ศีลขาดแต่ไม่บาปแต่อย่างใด(อาบัติเพราะมีพระวินัยที่ทรงบัญญัติไว้ จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม) ดังนั้นต้องแน่ใจ หรือถามโยมก่อนว่าเป็นเนื้ออะไร(เนื้อต้องห้ามหรือไม่) ก็ไปปลงอาบัติก็หายอาบัติครับ
สัตว์ที่ไม่ได้ห้ามเอาไว้ กินได้ทุกชนิดเลยใช่หรือไม่ครับ เช่น จระเข้ กวาง นกกระจอกเทศ เต่า
อันนี้ไม่มีบัญญัติไว้ในพระวินัย ก็ฉันได้แล้วแต่รสนิยม แต่ต้องไม่ลงมือฆ่าด้วยตนเอง สั่งให้เขาฆ่า รู้เห็นยินดีว่าเขาฆ่ามาเพื่อเรา และควรพิจารณาด้วยว่าสัตว์นั้นต้อง ไม่มีโรค ไม่มีพยาธิ ไม่เป็นอันตราย
อย่างใดอย่างหนึ่ง และไม่เป็นที่รังเกียจ และขบฉันเพื่อประทังชีวิต ฉันเป็นเภสัช
ที่ห้ามกินนั้นหมายถึง ห้ามกินแม้ สัตว์ตัวนั้น จะตายลงเอง โดยไม่มีใครฆ่า ใช่หรือไม่ครับ
ใช่ถูกต้อง ไม่กินทั้งเนื้อ และแม้แต่เลือด หรือกระดูกก็ตาม
มีที่มาที่ไปยังไงครับถึงต้องห้าม ช่วยอธิบายหน่อยครับ
เท่าที่ได้อ่านมาจากพระไตรปิฎก พบว่ามีสาเหตุมาจากชาวบ้านส่วนหนึ่งนำไปถวายให้พระภิกษุสงฆ์ฉัน แล้วชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งพอทราบเข้าก็ เพ่งโทษ ติเตียนโพนทะนาว่า...พระภิกษุจึงนำเรื่องนี้ขึ้นกราบทูล
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติขึ้นเป็นพระวินัย
(ตามไปดูที่มาที่ไปได้ที่หนังสือพระไตรปิฎกและอรรถกถาภาษาไทย 91เล่ม ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
(เล่มปกสีน้ำตาล ขนาดA5) เล่ม7 หน้า 94-100)
ถ้าไม่ค่อยมีเวลาไปค้นก็ดูได้ตามนี้เลยครับแบบย่อๆ
ที่ทรงห้ามเนื้อมนุษย์ ก็เพราะไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใสหรือเลื่อมใสแล้วก็ตาม
(สยองขวัญคนกินคน)
ที่ทรงห้ามเนื้อช้างและม้า ก็เพราะเป็นราชพาหนะ
ที่ทรงห้ามเนื้อสุนัข ก็เพราะเป็นสัตว์น่าเกลียด น่าชัง
ที่ทรงห้ามเนื้องู ก็เพราะเป็นสัตว์น่าเกลียด น่าชัง และแม้พระยานาคชื่อสุปัสสะก็เข้าไปในพุทธสำนัก ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระพุทธเจ้าข้า บรรดานาคที่ไม่มีศรัทธา ไม่เลื่อมใสมีอยู่ มันคงเบียดเบียนพวกภิกษุจำนวนน้อยบ้าง
ที่ทรงห้ามเนื้อราชสีห์ (เสื่อเหลือง เสือดาว เสือโคร่ง หมี) ก็เพราะว่า พวกภิกษุฉันเนื้อราชสีห์ (เสือเหลือง เสือดาว เสือโคร่ง หมี)แล้วอยู่ในป่า ฝูงราชสีห์ (เสือเหลือง เสือดาว เสือโคร่ง หมี)
ฆ่าพวกภิกษุเสีย เพราะได้กลิ่นเนื้อราชสีห์ (เสือเหลือง เสือดาว เสือโคร่ง หมี)
สรุปว่า ทำไมต้องห้าม กินสัตว์10ชนิด ก็เพราะว่าเกิดจากชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง ที่ชอบเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา ฯลฯ ไปตามกิเลสของตนเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เดือดร้อนถึงพระภิกษุสงฆ์ในเรื่องขบฉัน กับเรื่อง
ความปลอดภัยโดยเฉพาะกับพระธุดงค์ที่ต้องอยู่ในป่าเพื่อบำเพ็ญสมณะธรรม
#6
โพสต์เมื่อ 22 September 2008 - 11:40 AM
#7
โพสต์เมื่อ 22 September 2008 - 05:05 PM
Sa_Dhu_Anumonatami.gif 22.04K 126 ดาวน์โหลด
อ่านแล้วเข้าใจที่มาของพุทธบัญญัติ วินัยสงฆ์มากขึ้นครับ
สังเกตว่า การบัญญัติวินัยของภิกษุสงฆ์ ภิกษุณีสงฆ์
มีเรื่องธรรมชาติ สภาพแวดล้อมและประเพณีนิยม ทัศนคตินิยมของสังคมในยุคพุทธกาล
มาเกี่ยวข้องมากมายหลายข้อเลย
#8
โพสต์เมื่อ 22 September 2008 - 08:28 PM
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#9
โพสต์เมื่อ 22 September 2008 - 11:50 PM
เท่าที่เคยบวชมา พระอาจารย์ ท่านบอกว่าสมัยก่อนพระภิกษุ จะอาศัยป่าเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง ดังนั้นหากฉันเนืองู หรือเนี้อเสือ เข้าไปแล้ว เวลามีเหงื่อออก หรือจะมีกลิ่นสาบของงูหรือเสือ ออกมา ทำให้ งู หรือ เสือ ก็จะเลื้อยคลาน หรือ เดินเข้ามาหา นึกว่าพวกมัน ทำให้พระรูปนั้น โดนกัดตาย จึงเป็นที่มาของวินัยข้อนี้
#10
โพสต์เมื่อ 23 September 2008 - 08:39 AM
บ้านเราก็ไม่กินเนื้อวัวด้วย
เขาว่าเป็นสัตว์มีคุณ เป็นสัตว์ใหญ่ที่ให้นมเรากิน
แล้ววัวก็มีความเครียดเยอะ เขาเคยออกข่าวว่าอย่าไปกิน
ยิ่งคนที่นับถือเจ้าแม่กวมอิม หรือ พระโพธิสุตย์ ห้ามกินเนื้อวัว
เพราะเหม็นเนื้อ ท่านจะไม่อยู่คุ้มครองเรา
แต่เราถึงจะเชื่อรึไม่เชื่อก็ไม่กินมันหรอกเป็นสัตว์มีคุณ (ไม่เคยกินในชีวิต)
ปล่อยปลาดุกแล้วก็ไม่กินปลาดุกด้วย เรากินไม่ลงจริงๆ
#11
โพสต์เมื่อ 24 September 2008 - 10:13 AM