การมาเกิด จะต้องเข้าทางปากช่องจมูกของบิดา เมื่อถึงฐานที่เจ็ดของบิดา จึงดึงดูดให้ไปหามารดา เพื่อประกอบธาตุธรรมส่วนหยาบ จากนั้นก็จะเข้าตามฐานที่ตั้ง จนถึงฐานที่เจ็ดของมารดา
อยากจะขอคำอธิบายจากผู้รู้ในกรณีที่ มีการผสมจากภายนอก หรือว่าการผสมโดยใช้น้ำเชื้อของบิดาที่เก็บเอาไว้นานมาก โดยที่ตัวบิดาได้เสียชีวิตไปแล้ว หลักการไปเกิดมาเกิดในกรณีนี้อธิบายได้อย่างไรครับ
เรื่องการไปเกิดมาเกิด
เริ่มโดย รักหลวงปู่, Nov 05 2008 03:47 PM
มี 4 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 03:47 PM
#2
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 04:45 PM
การผสมจากภายนอกจะประกอบธาตุธรรมผ่านมารดาตามฐานที่1ปากช่องจมูกซ้ายถึงฐานที่7ของมารดา เพราะน้ำเชื้อของฝ่ายบิดานั้นเมื่อมาผสมกับฝ่ายมารดา แล้วเข้าสู่กายมารดาก็จะเกิดวิญญาณธาตุปฎิสนธิกัน เมื่อปฎิสนธิแม้ประกอบธาตุธรรมในส่วนหยาบไม่ได้ก็ประกอบธาตุธรรมในส่วนละเอียดกันได้ ก็จะทำให้ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ได้ จึงเกิดเป็นกายมนุษย์ขึ้นมา...
#3
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 08:12 PM
การเกิดมีหลายแบบน่ะอย่าลืม
เกิดในครรภ์โบราณท่านว่า ชราภุชชะ อะไรประมาณนี้
เกิดจากการผสมภายนอกแบบนี้โดยมากจะใช้กับวัวนะ
โดยหลักการ
เป็นการชิงเกิดน่ะจะ เหมือนผีเข้าน่ะ ไม่มีที่ใหนเข้าเข้าตรงนี้ก็ได้วะ
อะไรแบบนี้
ได้เกิดเป็นคนได้ก็ดีละล่ะ
เกิดในครรภ์โบราณท่านว่า ชราภุชชะ อะไรประมาณนี้
เกิดจากการผสมภายนอกแบบนี้โดยมากจะใช้กับวัวนะ
โดยหลักการ
เป็นการชิงเกิดน่ะจะ เหมือนผีเข้าน่ะ ไม่มีที่ใหนเข้าเข้าตรงนี้ก็ได้วะ
อะไรแบบนี้
ได้เกิดเป็นคนได้ก็ดีละล่ะ
#4
โพสต์เมื่อ 06 November 2008 - 02:37 PM
จาก http://www.dmc.tv/pr...2548-01-29.html
ลูกและสามีได้แต่งงานกันมาได้ 9 ปี ก็ยังไม่มีบุตร ขณะนี้ลูกอายุ 37 ปี ลูกได้ไปพบคุณหมอ และได้ทำผสมเทียม 2ครั้งแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนคุณหมอต้องใช้วิธีการเจาะท้องส่องกล้อง จึงได้ทราบว่า ลูกมีปัญหาท่อรังไข่ตัน ไม่สามารถมีลูกได้เองตามธรรมชาติ คุณหมอจึงแจ้งว่าหากต้องการมีลูกจริงๆ "ต้องทำเด็กหลอดแก้ว" ซึ่งมีความสำเร็จเพียง 20–30 เปอร์เซ็นต์ ในการทำแต่ละครั้ง ลูกมีความกังวลใจมาก เพราะกระบวนการที่ต้องทำเด็กหลอดแก้วนั้น คุณหมอต้องฉีดยากระตุ้นไข่ให้ไข่สุกหลายๆฟอง โดยวิธีการกินยา ฉีดยา และดมยา โดยจะต้องฉีดยาประมาณ 10 วันๆละ 1 เข็ม พร้อมๆกับเจาะเลือดเพื่อเช็คระดับฮอร์โมนที่สัมพันธ์กับการสุกของไข่ เมื่อไข่สุกดีแล้วคุณหมอจะทำการเจาะไข่ออกมาหลายๆฟอง พร้อมกับเตรียมอสุจิไว้ผสม เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิขึ้นในหลอดแก้วในห้องปฏิบัติการ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมง เมื่อไข่เจริญระยะหนึ่งจึงย้ายเข้าสู่โพรงมดลูกต่อไป ซึ่งขั้นตอนนี้มีโอกาสล้มเหลวถึง 80 เปอร์เซ็นต์ การที่คุณหมอต้องนำไข่หลายๆชุด ฉีดเข้าไปในโพรงมดลูก หากติดขึ้นมาพร้อมๆกันหลายชุด คุณหมอจะเลือกชุดที่สมบูรณ์ที่สุดไว้ ที่เหลือต้องทำลายทิ้ง เพราะถ้าเก็บไว้หลายชุด อาจจะเป็นอันตรายได้ทั้งแม่และลูก
การทำเด็กหลอดแก้วนั้น ปฏิสนธิวิญญาณจะลงมาเกิดได้ต่อเมื่อไข่ที่แข็งแรงได้ผสมเชื้อแล้วนำมาฝังในมดลูก ส่วนที่ไม่สมบูรณ์ เพราะไม่มีปฏิสนธิวิญญาณแล้วหมอทำลายไข่นั้น ถือว่าลูกและคุณหมอไม่บาป
======================
การเกิดของมนุษย์ใน พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ยักขสังยุต เล่มที่ ๒๕ หน้า ๓๘๔
[๘๐๓] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่ารปนี้เป็นกลละก่อน มีลักษณะ หยาดน้ำมันงาทิ่ดอยู่บนปลายด้ายที่ทำด้วยขนสัตว์ เหลว ใส เล้ก กระจิ๋ว สันฐานกลม (หรือก็คือตัว ตัวเสปิมส์)
สัปดาห์ที่ 1 จากกลละเป็น อัพพุทะสีเหมือนน้ำล้างเนื้อ น้ำเลือด
สัปดาห์ที่ 2 จากอัพพุทะเกิดเป็นเปสิ คล้ายดีบุกเหลว. ก้อนเหลวๆ
สัปดาห์ที่ 3 จากเปสิ เกิดเป็นฆนะ ก้อนเนื้อ มีสัณฐานเท่าไข่ไก่เกิดขึ้น.ลักษณะเป็นก้อนเนื้อ
สัปดาห์ที่ 4 จากฆนะเกิดเป็น ๕ ปุ่ม (ปัญจสาขาปุ่มตั้งขึ้น ๕ แห่ง ปุ่ม ๕ปุ่มเกิดขึ้นที่อวัยวะ (1 เดือน)
สัปดาห์ที่ 5 - 42 ต่อจากนั้น มีผมขนและเล็บ (เป็นต้น) เกิดขึ้น เกสา โลมา นขาปิ จ ความว่า ผม เป็นต้นเหล่านี้ ย่อมเกิดใน ๔๒ สัปดาห์. ผม ขน เล็บ เกิดขึ้นจนถึงสัปดาห์ที่๔๒
๔๒ = ๙ – ๑๐ เดือน
มารดาของสัตว์ใน ครรภ์บริโภคข้าวน้ำโภชนาหารอย่างใด สัตว์ผู้อยู่ในครรภ์มารดานั้น ก็ยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยอาหารอย่างนั้นในครรภ์นั้น. = การให้อาหารผ่านทางสายสะดือ
ที่มา พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ยักขสังยุต เล่มที่ ๒๕ หน้า ๓๘๔
ลูกและสามีได้แต่งงานกันมาได้ 9 ปี ก็ยังไม่มีบุตร ขณะนี้ลูกอายุ 37 ปี ลูกได้ไปพบคุณหมอ และได้ทำผสมเทียม 2ครั้งแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนคุณหมอต้องใช้วิธีการเจาะท้องส่องกล้อง จึงได้ทราบว่า ลูกมีปัญหาท่อรังไข่ตัน ไม่สามารถมีลูกได้เองตามธรรมชาติ คุณหมอจึงแจ้งว่าหากต้องการมีลูกจริงๆ "ต้องทำเด็กหลอดแก้ว" ซึ่งมีความสำเร็จเพียง 20–30 เปอร์เซ็นต์ ในการทำแต่ละครั้ง ลูกมีความกังวลใจมาก เพราะกระบวนการที่ต้องทำเด็กหลอดแก้วนั้น คุณหมอต้องฉีดยากระตุ้นไข่ให้ไข่สุกหลายๆฟอง โดยวิธีการกินยา ฉีดยา และดมยา โดยจะต้องฉีดยาประมาณ 10 วันๆละ 1 เข็ม พร้อมๆกับเจาะเลือดเพื่อเช็คระดับฮอร์โมนที่สัมพันธ์กับการสุกของไข่ เมื่อไข่สุกดีแล้วคุณหมอจะทำการเจาะไข่ออกมาหลายๆฟอง พร้อมกับเตรียมอสุจิไว้ผสม เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิขึ้นในหลอดแก้วในห้องปฏิบัติการ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมง เมื่อไข่เจริญระยะหนึ่งจึงย้ายเข้าสู่โพรงมดลูกต่อไป ซึ่งขั้นตอนนี้มีโอกาสล้มเหลวถึง 80 เปอร์เซ็นต์ การที่คุณหมอต้องนำไข่หลายๆชุด ฉีดเข้าไปในโพรงมดลูก หากติดขึ้นมาพร้อมๆกันหลายชุด คุณหมอจะเลือกชุดที่สมบูรณ์ที่สุดไว้ ที่เหลือต้องทำลายทิ้ง เพราะถ้าเก็บไว้หลายชุด อาจจะเป็นอันตรายได้ทั้งแม่และลูก
การทำเด็กหลอดแก้วนั้น ปฏิสนธิวิญญาณจะลงมาเกิดได้ต่อเมื่อไข่ที่แข็งแรงได้ผสมเชื้อแล้วนำมาฝังในมดลูก ส่วนที่ไม่สมบูรณ์ เพราะไม่มีปฏิสนธิวิญญาณแล้วหมอทำลายไข่นั้น ถือว่าลูกและคุณหมอไม่บาป
======================
การเกิดของมนุษย์ใน พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ยักขสังยุต เล่มที่ ๒๕ หน้า ๓๘๔
[๘๐๓] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่ารปนี้เป็นกลละก่อน มีลักษณะ หยาดน้ำมันงาทิ่ดอยู่บนปลายด้ายที่ทำด้วยขนสัตว์ เหลว ใส เล้ก กระจิ๋ว สันฐานกลม (หรือก็คือตัว ตัวเสปิมส์)
สัปดาห์ที่ 1 จากกลละเป็น อัพพุทะสีเหมือนน้ำล้างเนื้อ น้ำเลือด
สัปดาห์ที่ 2 จากอัพพุทะเกิดเป็นเปสิ คล้ายดีบุกเหลว. ก้อนเหลวๆ
สัปดาห์ที่ 3 จากเปสิ เกิดเป็นฆนะ ก้อนเนื้อ มีสัณฐานเท่าไข่ไก่เกิดขึ้น.ลักษณะเป็นก้อนเนื้อ
สัปดาห์ที่ 4 จากฆนะเกิดเป็น ๕ ปุ่ม (ปัญจสาขาปุ่มตั้งขึ้น ๕ แห่ง ปุ่ม ๕ปุ่มเกิดขึ้นที่อวัยวะ (1 เดือน)
สัปดาห์ที่ 5 - 42 ต่อจากนั้น มีผมขนและเล็บ (เป็นต้น) เกิดขึ้น เกสา โลมา นขาปิ จ ความว่า ผม เป็นต้นเหล่านี้ ย่อมเกิดใน ๔๒ สัปดาห์. ผม ขน เล็บ เกิดขึ้นจนถึงสัปดาห์ที่๔๒
๔๒ = ๙ – ๑๐ เดือน
มารดาของสัตว์ใน ครรภ์บริโภคข้าวน้ำโภชนาหารอย่างใด สัตว์ผู้อยู่ในครรภ์มารดานั้น ก็ยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยอาหารอย่างนั้นในครรภ์นั้น. = การให้อาหารผ่านทางสายสะดือ
ที่มา พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ยักขสังยุต เล่มที่ ๒๕ หน้า ๓๘๔
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#5
โพสต์เมื่อ 06 November 2008 - 04:40 PM
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร