ใครมีพ่อแม่ไม่ชอบวัดพระธรรมกายโปรดอ่าน
#1
โพสต์เมื่อ 30 November 2008 - 12:43 AM
เกือบทุกคนจึงนำมาโพสอีกครั้งเพราะเห็นว่าอาจจะเป็นประโยชต่อคนที่อยากจะชวนพ่อแม่เข้าวัด
เรื่องของของพระสารีบุตรอัครสาวกผู้เลิศด้วยปัญญา
ครอบครัวของพระสารีบุตรอัครสาวกผู้เป็นเลิศด้วยปัญญากว่าภิกษุทั้งหลายนับถือศาสนาของปริพาชกมาก่อน
(นับถือพรหมว่า เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง)
เมื่อพระสารีบุตรและพี่น้องร่วมอุทรอีกเจ็ดคน ออกบวชและบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญาทั้งหมด
แต่ก็มิอาจทำให้โยมแม่ของท่านมีความเข้าใจมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้ จนวันสุดท้ายที่ท่านจะต้องละสังขาร
ทิ้งกายมนุษย์ไปสู่อายตนะนิพพาน เหล่าพระราชาทั้งหลายในชมพูทวีป,เทวดาทั้งหลายมีพระอินทร์เป็นต้น
,พรหมทั้ง 16ชั้น,และ อรูปพรหมทั้งหลาย ต่างเข้ามานมัสการท่านและถามปัญหาข้อธรรมมะจากท่านเป็นครั้งสุดท้าย
รัศมีกายของทวยเทพทั้งหลายทำให้เมืองทั้งเมืองสว่างยิ่งกว่าตะวันเที่ยงเสียอีก โยมมารดาจึงกระซิบถามพระสารีบุตรว่าผู้
ที่มากราบลูกนั้นเป็นใครทำไมจึงมีรูปกาย/แต่งกายงดงาม มีรัศมีกายสว่างไสว พระสารีบุตรจึงตอบว่า นั่นคือพระอินท์บ้าง ,
มหาพรหมชั้นต่างๆบ้าง
ฯลฯ โยมมารดาจึงเพิ่งคิดได้ว่า "ลูกของเรายังมีอานุภาพเห็นปานนี้ แม้แต่พรหมที่เรานับถือยังมากราบนมัสการลูกเรา
แล้วพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาเล่าจะมีอานุภาพปานใด" พระสารีบุตรตรวจดูวาระจิตของมารดาแล้วเห็นว่า
จิตโยมมารดาหย่อนจากทิฐิมานะแล้วจึงแสดงธรรม เมื่อแสดงธรรมจบลงโยมมารดาก็มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง พระเถระเจ้าก็นฤพาน
จะเห็นว่าแม้พระสารีบุตรจะมีปัญญามาก และมีพี่น้องเป็นอรหันต์ถึง7องค์ ก็ยังต้องใช้เวลาทั้งชีวิตกว่าจะทำให้มารดามี
ความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาได้
แล้วเราล่ะ สติปัญญาของเรามีไม่ถึงหนึ่งส่วนในสิบหกส่วนของท่านด้วยซ้ำ และเราก็ไม่มีพี่น้องที่เป็นพระอรหันต์
เลยสักคน(หรือใครมีช่วยบอกด้วยครับ อยากทำบุญกับท่าน)ดังนั้นการที่แม่ของเรายังไม่เข้าใจในการสร้างบารมีของเรา
ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบร้อน ขอให้เราสร้างบารมีต่อไป
และค่อยๆอธิบาย(ในเวลาที่ท่านพร้อมจะฟัง)ให้ท่านฟังไปเรื่อยๆ และให้ชวยท่านทำบุญบ่อยๆ สักวันท่านจะเข้าใจเอง
หากเราทำให้ท่านมีศรัทธา มีความเข้าใจได้ก่อนที่วันสุดท้ายของเราจะมาถึง ก็นับว่าเรา โชคดีกว่าพระสารีบุตรแล้ว
ให้นึกเสมอว่า ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ เราเป็นเด็กในสายตาของพ่อแม่เสมอ และให้นึกถึงพระสารีบุตรไว้เตือนใจ
การที่ใครสักคนจะเข้าใจในคำสอนและบังเกิดศรัทธาได้คนผู้นั้นต้องเป็นผู้มีบุญมาเกิด เพราะคำสอนของพระพุทธศาสนา
เป็นคำสอนที่สวนกระแสกิเลสที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์ ดังนั้นถ้าบุญน้อยๆแม้เกิดมาได้ฟังคำสอนจากพระพุทธเจ้า
ก็ไม่อาจบรรลุธรรมใดๆได้และอาจทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อพระพุทธเจ้าก็ได้เช่น
พระเทวทัตทั้งที่ได้เกิดเป็นญาติของพระพุทธองค์แท้ๆ ยังไม่อาจบรรลุธรมใดๆซ้ำยังทำกรรรมอันหนักอีกด้วย
สร้างบารมีต่อไป และอย่าท้อใจครับ ให้ทำเฉยๆ คือหยุดนิ่งเฉย นั่งสมาธิอธิฐานจิตตอกย้ำบ่อยๆ
แล้วท่านจะมีความเข้าใจในสักวันแน่นอนครับ สู้ต่อไปนะ ต้องสู้จึงจะชนะ
#2
โพสต์เมื่อ 30 November 2008 - 02:33 AM
"ทุกชีวิตดิ้นรนค้นหาแต่จุดหมาย ใจในร่างกายกลับไม่เจอ...
ทุกข์ที่เกิดซ้ำเพราะใจนำพร่ำเพ้อ หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข"
#3
โพสต์เมื่อ 30 November 2008 - 11:59 AM
แล้วท่านก็จะศรัทธาในตัวของเราก่อน แล้วก็จะศรัทธาวัด
ดูตัวอย่างพระสารีบุตร ท่านฝึกตัวท่านจนเป็นพระอรหันต์ แม้พรหมยังต้องมากราบ
พอแม่ท่านทราบถึงคุณธรรมของพระลูกชาย ว่ามีมากขนาดไหน ท่านก็ศรัทธา.....
ถ้าจะให้ดีก็ออกบวชอย่างพระสารีบุตร ซิ
ฝึกตัวเองให้เป็นพระอรหันต์
ไม่ได้ ก็เข้าถึงพระธรรมกาย
แม้ไม่เข้าถึงแต่ยึดมันในพระรัตนตรัย บวชตลอดชีวิต สุดท้ายก็จะสมเร็จสมปรารถนา
นำพาคุณพ่อคุณแม่เข้าวัดได้แน่นอน
มีตัวอย่างเยอะแยะไป เช่น พระที่วัดพระธรรมกายเป็นต้น...ฯลฯ
หยุดให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ ง่ายนิดเดียว เดี๋ยวก็ได้
ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง นิ่งอย่างเดียว เดี๋ยวก็ได้ ง่ายนิดเดียว
ajvj
#5
โพสต์เมื่อ 30 November 2008 - 08:27 PM
#6
โพสต์เมื่อ 30 November 2008 - 08:34 PM
ได้ข้อคิดอะไรดี ๆ และมีกำลังใจขึ้นเยอะ
เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน
ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงคนอื่น
#7
โพสต์เมื่อ 01 December 2008 - 04:25 PM
แต่ยังไงก็คงต้องเอาตัวเองก่อน ลื้อทีหลัง อย่างพระอาจารย์ว่าไว้
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
#8
โพสต์เมื่อ 01 December 2008 - 10:25 PM
#9
โพสต์เมื่อ 01 December 2008 - 11:50 PM
#10
โพสต์เมื่อ 01 December 2008 - 11:55 PM
#11
โพสต์เมื่อ 02 December 2008 - 08:49 PM
#12
โพสต์เมื่อ 06 December 2008 - 10:28 PM