กลุ้มใจค่ะ เรื่อง การทำบุญ ช่วยตอบทีนะคะ
#1
โพสต์เมื่อ 24 December 2008 - 04:04 PM
แต่ถ้าตอนนี้ ตัวเราเองก็ป่วย ไม่สบาย
มีเงินก็ต้องซื้อยา ซื้ออาหารกิน 3 มื้อ (เพราะต้องกินยา)
บำรุงให้ร่างกายแข็งแรง
เพื่อจะได้หายป่วยเร็ว ๆ มีแรงกลับมาทำงานได้ตามปกติ
เพราะขนาดตอนนี้เสียงพูดยังจะไม่มีเลย พูดไปไอไป
แต่แฟนเรากลับหาว่าเรากินเปลือง ใช้เปลือง
ไม่รู้จักกินประหยัด ยาไม่ต้องกินเดี๋ยวก็หายเอง
ไปวัดสิ คนเขาป่วยหนักกว่าเรา นั่งรถเข็น
ยังไปวัดเลย เราก็เถียงบอกไปแล้วไปนั่งไอ
ไปแล้วไข้ขึ้นกลับมาโทรม พักให้หายก่อนแล้วไป
จะดีกว่านะ ไม่ไปสร้างบาปไอแค๊ก ๆ ให้คนอื่นเขารำคาญ
ขณะนั่งสมาธิด้วย (เพราะเคยตัวกะตัวเอง และไม่อยาก
ให้ตัวเองเป็นแบบนั้น)
จนตอนนี้เงินเหลือติดตัว 60 บาท ซึ่งเรากันไว้
เป็นค่ากับข้าวพรุ่งนี้ แฟนเราจะยังเอาเงินไปทำบุญ
ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมอีก เรารู้สึกว่า "เกินไป" หรือเปล่า
เพราะธุรกิจเราตอนนี้มีแต่ลูกค้ารับของสิ้นเดือน
เงินเก็บก็เอามาทำบุญจนหมดแล้ว แต่ก็มีรายรับเข้ามาเรื่อย ๆ
ประปราย 100-200 บาทต่อวันในช่วงนี้ ก็ต้องเจียด ต้องประทัง
ให้รอดวันต่อวันกินใช้กัน 2 คน
อยากให้ผู้รู้ช่วยแนะนำทีค่ะ
ว่าสิ่งที่แฟนทำแบบนี้ คิดแบบนี้มันเกินไปหรือเปล่า
เพราะดิฉันก็ไม่อยากไปขวางการทำบุญเขาหรอกค่ะ
ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 24 December 2008 - 04:13 PM
ต้องฉลาดในการใช้ทรัพย์ นะคะ
แบ่งออกเป็นส่วนๆ เมื่อเหลือจากที่ต้องใช้เพื่อเลี้ยงชีพ และครอบครัวแล้ว
จึงนำไปช่วยเหลือ สนับสนุน ความดีต่างๆๆ
หากครอบครัวของเรา เรายังช่วยไม่ได้ -- แล้วจะไปช่วนผู้อื่นได้อย่างไร
ทำแล้วต้องไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น -- จึงถูกต้องเหมาะสม
หลวงพ่อ ไม่อยากให้ลูกๆๆ ต้องลำบากนะคะ
ทำให้ดีๆ นะคะ
อย่าให้รักบุญมาก จนลืมรักตัวเอง นะคะ
"รักษา อารมณ์ดี + อารมณ์เดียว + อารมณ์สบาย ทั้งวัน "
#3
โพสต์เมื่อ 24 December 2008 - 05:08 PM
และเป็นเรื่องเฉพาะตน แฟนคุณอยากสร้างบารมีแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันนั้นไม่ผิด แต่อย่าลืมการสงเคราะห์ภรรยาด้วย
เพราะเป็นมงคลอย่างยิ่งเจ้าชายสิธทัตถะ ออกบวชได้เพราะ พระนางพิมพาและพระราหุลเป็นกษัติย์
ขาดพระองค์ไปก็ไม่เดือดร้อน
แต่คุณยังไม่สบาย และยังไม่สามารถดูแลตนเองได้ แฟนคุณควรคำนึงการัทำหน้าที่สามีที่ดีด้วย
ไม่งั้นในภพต่อไปเขาจะสร้างบารมีอย่างมีอุปสรรคมาก และการสร้างบารมีเป็นคู่กันนั้นควรก็ต่อเมื่อ มีกำลังใจที่เท่ากัน
คือเด็ดเดี่ยว กล้าทิ้งชีวิตเหมือนกัน โดยมีเป้าหมายมุ่งบรรลุธรรมชัดเจน เหมือนปิพผลิมานพ(พระมหากัสสปะ)และภรรยา
ที่แต่งงานกัน ด้วยความจำเป็นแต่มีมโนปนิธาณแน่วแน่ที่จะบรลุธรรม จึงไม่ยุ่งเกี่ยวกันด้วยกาม
และสุดท้ายทั้งคู่ได้ออกและบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในที่สุด
วันนี้คุณทั้งคู่ยังไม่มีความพร้อมที่จะทำเช่นนั้น เพราะฉะนั้นควรหาทางเตือนแฟนของคุณว่า บุญจากการสงเคราะห์ภรรยานั้น
เป็นมงคลเช่นกัน และ หากสร้างบุญแล้วทำครอบครัวเดือดร้อน บุญที่ได้จะเป็นบุญปนวิบาก ไม่บริสุทธิ์ มีอานิสงค์น้อย
และคุณเองแม้จะป่วยก็ขอให้ทำหน้าที่ภรรยาที่ดีด้วย คือการสงเคราะห์สามี ก็เป็นบุญและเป็นมงคลอย่างยิ่ง
ที่จริงอยากอธิบายมากกว่านี้ แต่หากคุณไปอ่านหนังสือ "มงคลชีวิต" และ "ครอบครัวอบอุ่น" จะเข้าใจได้ดีกว่า
บวช
#4
โพสต์เมื่อ 24 December 2008 - 05:10 PM
ถ้าเป็นผม.....ผมจะจับเข่าคุยกันเลย อธิบายให้เขาเข้าใจเรา บอกความรู้สึกที่แท้จริงของเราออกไป ต้องหยุดเพื่อคุยให้ได้ อธิบายไปเลยว่าเรากลัวอะไร กลัวอย่างไรบ้าง ถ้าเค้ารักเรา เค้าก็จะแคร์ความรู้สึกเราและหาทางสร้างบารมีที่สามารถไปพร้อมๆ กัน ทรัพย์นั้นช่วยกันหาก็ต้องช่วยกันใช้ ชีวิตต้องมีสมดุล ถ้าไม่สมดุลอาจไม่มีชีวิต เวลาสร้างบารมีก็ลดลงไปกว่าที่ควรจะเป็น
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณ crystal.mind คือแบ่งทรัพย์เป็นส่วนๆ ตามที่มีสอนในพระศาสนา อย่างไรก็ตามการยกใจให้เท่าเทียมทันของคู่บุญคู่บารมีนั้นสำคัญมากๆ ครับ
สู้ สู้
#5
โพสต์เมื่อ 24 December 2008 - 05:22 PM
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4766
คุณไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี ได้ตอบไว้ดีแล้ว
ในความคิดเห็นที่ 10 และ 15
อนุโมทนาบุญครับ...สาธุ
Someday I'm gonna be free.
#6 *innerspot*
โพสต์เมื่อ 24 December 2008 - 05:48 PM
#7
โพสต์เมื่อ 24 December 2008 - 06:30 PM
#8
โพสต์เมื่อ 24 December 2008 - 08:13 PM
#9
โพสต์เมื่อ 24 December 2008 - 08:32 PM
ที่เราจน เพราะในอดีต ทำทานไม่สม่ำเสมอต่อเนื่อง - ต้องแก้ด้วยการให้ทาน
ที่เราเจ็บ เพราะเราก่อกรรมปาณาติบาต - ต้องรักษาศีลแปดไปเลยค่ะ
หากยิ่งปล่อยให้ตัวเอง ขาดบุญอย่างต่อเนื่องแบบนี้ ความจน ความเจ็บ ก็จะยิ่งต่อเนื่องยาวนาน
ดูหลวงปู่เป็นตัวอย่างนะคะ ท่านต้องการเอาชนะความ เกิด แก่ เจ็บ ตาย แม้ไม่ได้กินข้าวมาสองวันเต็มๆ เพราะบิณฑบาตไม่ได้ แม้ในวันที่สาม ได้ข้าวมา แค่ 1 ทัพพี และกล้วยน้ำหว้า 1 ผล ท่านยังแบ่งกล้วยน้ำว้า ครึ่งผล ให้กับหมาแม่ลูกอ่อน
คิดเอาเองนะคะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#10
โพสต์เมื่อ 24 December 2008 - 09:14 PM
ไฟล์แนบ
#11
โพสต์เมื่อ 24 December 2008 - 10:21 PM
1.เอาไว้บำรุงครอบครัวและตนเอง
2.เอาไว้เป็นเงินเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น
3.เอาไว้เสริมสร้างธุรกิจการงานของตน
4.เอาไว้ทำบุญ
พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ท่านก็สอนมาอย่างนี้แนะนำมาอย่างนี้ทำไมไม่ทำตามท่าน การสั่งสมบุญบารมีต้องเดินสายกลางจึงจะสบายใจ ถ้าตึงเครียดมากเกินไปก็ขาดชีวิตไม่มีความสบายใจในการสั่งสมบุญบารมี ถ้าหย่อนมากเกินไปก็เข้าถึงธรรมถึงพระรัตนตรัยได้ยาก ต้องตั้งสติแล้วนะตอนนี้นึกถึงแต่พระพุทธเจ้าและพระรัตนตรัยเอาไว้แล้วนะเป็นกำลังใจให้นะครับ คิดเสียว่าเป็นกรรมเก่าของเราที่ต้องใช้ก็แล้วกันแต่ต้องสั่งสมบุญบารมีนะอย่ายอมแพ้ให้กับบาปกรรมนะ เป็นกำลังใจให้นะขอให้สุขภาพแข็งแรงหายป่วยไวๆ
#12
โพสต์เมื่อ 24 December 2008 - 11:21 PM
ดิฉันขอเล่าเรื่องของตัวเองเผื่อเป็นกำลังใจให้บ้างนะคะ
ดิฉันเข้าวัดมาตั้งแต่เด็กแล้วแต่เริ่มไปที่วัดปากน้ำก่อนตามมาวัดพระธรรมกายเนื่องจากคุณแม่พามา
เพิ่งจะมั่นใจในอานุภาพบุญอย่างสุดใจเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดย ดิฉันมาวัดทุกอาทิตย์ติดต่อกันมาหลายปีแล้ว
แต่ไม่เคยทำบุญหมดกระเป๋าเลยซักครั้ง แต่ก็ทำทุกบุญจำนวนมากอยู่เสมอๆ จนได้มาฟังเรื่องการสร้างบารมีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทำให้คิดว่า เอาล่ะ เป็นไง เป็นกัน ทำมันไปเลยหมดกระเป๋า หมดจริงๆนะคะ ไม่มีแม้แต่ในบัญชีแต่ได้คิดไว้แล้วว่าเย็นก็ไปทานข้าวบ้านคุณแม่แล้วกลับบ้านตัวเองเช้าก็กินนมในตู้เย็น กลับบ้านไปนั่งธรรมะใจใสปิ๊ง รุ่งขึ้นเพื่อนโทรมาแต่เช้าบอกว่า เธอๆฉันกลัวเธอไม่มีเงินใช้ ชั้นเห็นเธอทำบุญทุ่มสุดใจ เอาเลขที่บัญชีมาเดี๋ยวโอนตังค์ไปให้ ก็งงๆ เลยบอกเพื่อนว่าไม่เอานะโอนมาก็ถือว่าขอยืมแล้วกัน ศุกร์นี้เงินเดือนออกจะโอนคืนให้แล้วดิฉันก็ทำแบบนี้ บ่อยๆ พอเช้าวันจันทร์ก็มีอะไรแปลกๆบ้างมีอยู่ครั้งนึง ทำหมดกระเป๋าอีกแล้ว ไม่น่าเชื่อมีแต่เพื่อนๆ ,ลูกค้า ,เจ้านาย โทรมาตามไปจะเลี้ยงข้าวตลอดสัปดาห์จนเงินเดือนออก แล้วที่งงกว่านั้นคือ วันจันทร์ กิน บุฟเฟ่ห์ที่โรงแรมแกรนไฮแอท เอราวัณ วันอังคารเพื่อนตามไปกินติ่มซำ หูฉลามกับลูกค้าที่โรงแรมแกรนด์ไชน่าวันพุธ เพื่อนต่างบริษัทชวนไปกินบุฟเฟ่ห์ที่เขาสั่งมาเลี้ยงลูกค้าที่ห้องประชุม วันพฤหัสไปกินกับนายที่ โอเรียนเต็ล ส่วนวันศุกร์นายใหญ่เลี้ยงอาหารญี่ปุ่นที่ฟูจิ......เราก็งงว่า อาทิตย์นี้เราไม่มีเงินในกระเป๋าเลย แต่ทำไมมีแต่คนชวนไปกินข้าวฟรี แล้วแถมกินหรูทุกวัน ถ้าไม่ใช่เพราะบุญแล้วเพราะอะไรก็ไม่อาจทราบได้ ตอนเราทำบุญหมดกระเป๋า เราไม่ได้คิดอะไรเรื่องอื่นเลย ทำใจใสๆนิ่งๆ กลับบ้านนั่งธรรมะชัดใสสว่าง ไม้ได้คิดอะไรเลย เป็นแบบนี้มาไม่รู้กี่รอบแล้ว จะให้ยกตัวอย่างอีกก็ได้แต่เดี๋ยวคนที่ไม่เข้าใจหาว่าพูดเกินจริง แต่ยืนยันว่าไม่เกินจริงเลยค่ะ แถมน้อยกว่าเป็นจริงด้วยซ้ำ และมีอีกหลายเหตุการณ์อัศจรรย์ ก็เลยมาสังเกตุตัวเองว่าเป็นเพราะใจใสและนิ่งนั่นเอง
คุณจขกท ถ้าใจยังวิตกกังวล ดิฉันขอแนะนำว่าให้คุยกับสามีให้เข้าใจกันก่อนว่าเรามีความกังวล จิตใจไม่นิ่งขอเหลือเงินเผื่อเหนียวไว้บ้าง จะได้ไม่เครียดมากค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ และดิฉันขอยืนยันและเชื่อมั่นในอานุภาพแห่งบุญเสมอค่ะ
#13
โพสต์เมื่อ 25 December 2008 - 08:14 AM
#14
โพสต์เมื่อ 25 December 2008 - 11:53 AM
หากเราอุดรอยเฉพาะจุดแรก หรือจุดที่สอง สุดท้ายเรือก็ต้องจม ทางทีดีเราก็ต้องแบ่งยาไว้อุดรอยรั่วทุกๆ จุดน่ะครับ
เช่นเดียวกัน เหตุแห่งทรัพย์คือ บุญ หากนำไปใช้แต่จุนเจือครอบครัวโดยไม่ยอมสร้างบุญ ก็จะเจอวิกฤตที่ยิ่งๆขึ้นไปเรืื่อยๆ เหมือนที่เจ้าหญิงถั่วงอกเคยเจอมาแล้ว คือ ค้าขายเก็บเงินประหยัดแทบตาย สุดท้ายก็ยังไม่พอใช้ ทั้งนี้เพราะเธออุดรอยรั่วรอยเดียว แต่เมื่อเธอเริ่มสร้างบุญ ฐานะก็กลับมารวยขึ้นดังในปัจจุบัน ที่หลวงพ่อตั้งชื่อให้เธอว่า เจ้าหญิงถั่วงอก
แต่เช่นเดียวกัน เราคงใช้งบทั้งหมดไปสร้างบุญอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะรอยรั่วในปัจจุบันก็มีอยู่ ดังนั้น เราจึงควรต้องแบ่งงบไว้ทั้งสร้างบุญ และจุนเจือครอบครัวด้วยครับ
#15
โพสต์เมื่อ 25 December 2008 - 12:15 PM
ขนาดคุณยายอาจารย์เวลาท่านไม่สบายท่านจะบอกคุณครูไม่ใหญ่อยู่เสมอเลยครับ ว่าไม่อยากเจ็บไข้ เพราะทำให้ธรรมะของท่านติดขัดจะทำบุญก็ลำบากจะนั่งธรรมะก็ไม่ดี
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#16
โพสต์เมื่อ 25 December 2008 - 12:50 PM
จะทุกข์กาย หรือทุกข์ใจ หรือทุกข์ทั้งกายและใจ ก็ไม่เว้นแม้แต่ผู้เดียว..
แต่ดูเหมือนทุกข์ใจนี่ ดูจะทรมาณจิต ทรมาณใจ มากกว่าทุกข์ทางกายน่ะครับ..
ทุกข์ทางใจนี่คืออะไร..ก็คิดวิตกกังวลไปสารพัด กลัวว่าจะเป็นอย่างนั้น กลัวว่าจะไม่เป็นอย่างนี้ เป็นต้น..
เมื่อคิดไปก่อนโดยที่ไม่รู้ว่าพอถึงเวลาจริงมันจะเป็นจริงอย่างที่คิดไว้หรือไม่..เค้าเรียก วิตกจริต..
เมื่อไม่คิดป้องกันอะไรเลย โดยที่พอจะรู้ว่าพอถึงเวลาจริงมันอาจจะเป็นจริงก็เป็นได้..เค้าเรียก ประมาทในชีวิต..
การที่จะ balance ระหว่าง วิตกจริต และ ความประมาทในชีวิต ให้ได้สัดได้ส่วนที่พอดี ย่อมขึ้นกับประสพการณ์ของคนคนนั้นและคู่ชีวิตของเขา เค้าเรียกว่า ระแวงภัยที่ต้องระแวง เป็นเรื่องของความไม่ประมาท เป็นเรื่องของนักสร้างบารมีที่ต้องช่วยกันคิด ถือเป็นมลคลชีวิตอันสูงสุดก็ว่าได้ครับ..
สรุป..อะไรๆก็ดีทั้งนั้นแหล่ะครับ บุญก็ดี ครอบครัวก็อบอุ่น ถ้าคนสองคนช่วยกันลดความระแวงในภัยที่ควรต้องระแวง คุณสองคนจะพบในความสุขอันจะนับจะประมาณมิได้ เลยล่ะครับ..
สาธุ..
#17
โพสต์เมื่อ 25 December 2008 - 01:31 PM
#18
โพสต์เมื่อ 25 December 2008 - 02:40 PM
น้ำใสเชื่อว่า การดำเนินชีวิตครอบครัวและการสร้างบารมีต้องไปด้วยกันค่ะ
ขอเอาใจช่วยนะคะ นั่งสมาธิมาก ๆ ใจใส ๆ อธิษฐานจิตรให้หายเจ็บหายไข้
ทรัพย์สินเงินทองไหลมาเทมาค่ะ
เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#19
โพสต์เมื่อ 25 December 2008 - 06:16 PM
#20
โพสต์เมื่อ 25 December 2008 - 11:26 PM
#21
โพสต์เมื่อ 25 December 2008 - 11:32 PM
ความตายไม่มีนิมิตหมาย.
เมื่อตื่นนอนขึ้นมาให้ระลึกว่า "เราโชคดีที่รอดตายมาได้อีก ๑ วัน"
ขอแจม //
#22
โพสต์เมื่อ 26 December 2008 - 04:31 PM
เพราะแฟนเราก็มาเปิดอ่านเหมือนกัน
(แอบสังเกตุ) คงอึ้งเหมือนเราด้วยว่ากระทู้เราขึ้น 5 ดาว
เชียวเหรอเนี่ย
ตอนนี้สุขภาพเราก็ดีขึ้น 90% แล้วล่ะ
พรุ่งนี้จะไปช่วยงานบุญตักบาตรพระ 1000 รูป
ที่ สน.พลับพลาไชยด้วย
สถานการณ์อย่างนี้ต้องเร่งสะสมญ
ทุกอย่างค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับค่ะ
แถมเมื่อคืนฝันว่าแฟนเราบวช ห่มผ้าเหลืองด้วย
ท่าทางจะเป็นลางดี
ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจเรา 2 คนนะคะ
แล้วพบกันธุดงค์ปีใหม่ที่วัดค่ะ
#23
โพสต์เมื่อ 26 December 2008 - 09:15 PM
และคุณก็คอยมาเป็นกองเสบียงดีไหมครับ อนุโมทนาครับ
#24
โพสต์เมื่อ 26 December 2008 - 10:55 PM