เพราะเริ่มมี ความอาวุโสขึ้นมั้งเนอะ ... มองเห็นความไม่เที่ยงแท้ แน่นอนของชีวิตอยู่เรื่อยๆ ผ่านร้อน ผ่านหนาว
มาหลาย..เ.พ..ล..า แล้วเลยขอนำเรื่องอดีต ที่พอจะระลึกได้มาเล่าให้พวกเราชาว www.dmc. tv ได้อ่าน
อีกแล้วค่ะ (ใครอยากชมก็ได้นะคะ น้ำใสบ้ายอ อิอิอิ)
...........นานมาแล้ว สมัยที่น้ำใสยังเป็นละอ่อนอยู่ เคยเดินทางจากบ้านพระประแดง ไปเยี่ยมพี่ชายที่วงเวียนใหญ่
ระหว่างที่นั่งรถเข้าไปในซอยที่ค่อนข้างแคบ เห็นรถต่อกันเป็นแถวยาวอยู่ตรงเชิงสะพาน เบื้องหน้ามีผู้หญิงตัวเล็ก ๆ
ยืนถือไฟฉายค่อย ๆ ส่ายไฟไป-มา เหมือนให้สัญญาณอะไรบางอย่าง ที่ตอนนั้นน้ำใสก็ไม่เข้าใจ แล้วรถที่นั่งก็ไป
ต่อคิวกับรถคันอื่น ๆ เมื่อเห็นใกล้ ๆ อย่างนี้ก็ร้องอ๋อ... เพราะสะพานเหล็กเก่าทรุดโทรมที่อยู่ข้างหน้า เป็นสะพาน
ข้ามคลองเล็ก ๆ ที่แคบ เพียงให้รถผ่านไปได้แค่คันเดียว ถึงแม้จะเป็นสะพานที่รถวิ่งได้เพียงเลนเดียว แต่มันก็เป็น
เส้นทางลัดให้เราไม่ต้องผ่านการจราจรติดขัดที่ถนนใหญ่ ทำให้รถรามากมายต้องพึ่งพาสะพานเหล็กเก่า ๆ แห่งนี้
แต่...สะพานจะไม่มีทางทำหน้าที่ อำนวยความสะดวกให้แก่พวกเราได้เลย หากขาดผู้หญิงใจดี ตัวเล็ก ๆ ที่เป็น
ชาวบ้านในชุมชนริมคลองข้าง ๆ สะพานเหล็ก ที่คอยมายืนทำหน้าที่ส่งสัญญาณให้รถแต่ละฝั่งสลับกันขึ้นสะพาน
อย่างเป็นระเบียบ เมื่อเราต่อคิวกันยาวเหยียดขับผ่านไป ตรงที่เธอยืนอยู่ ก็มักจะเห็นคนไขกระจกลงแล้วยื่น
"ค่าขนม" ให้ แม้ดูจะเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ทั้งสองสิ่งเปรียบเสมือน การเติมส่วนที่ขาดระหว่างผู้ขับขี่กับ
เธอผู้มีน้ำใจและความอดทน ในการช่วยให้สะพานเหล็กเล็ก ๆ ที่ถูกสร้างด้วยงบประมาณจำกัด สามารถทำ
ประโยชน์ให้ส่วนรวมได้มากกว่าความสามารถจริง ๆ ของมันหลายเท่านัก น้ำใจที่ได้รับจากคนที่ไม่รู้จักกันยิ่ง
ทำให้ วันนั้น เป็นวันพิเศษของน้ำใสมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ... ความตราตรึงนี้ยังประทับอยู่ ณ กลางใจ ของ
น้ำใส จนกระทั่งตราบเท่าทุก วันนี้....