ไม่อยากเวียนว่ายตายเกิด ควรทำอย่างไรบ้างค่ะ
#1
โพสต์เมื่อ 03 April 2009 - 12:52 PM
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นผู้หญิง อายุ 30 ค่ะ บวชคงไม่มีให้แน่ๆ (หรือจำเป็นไหมว่าต้องไปบวชชี)
แต่ในขณะนี้ ข้าพเจ้าได้รักษาศีลทั้ง 5 คือ
ไม่ดื่มสุรา ของมึนเมา ไม่พูดโกหก ไม่ลักขโมย ไม่ผิดลูกผิดเมีย ซื่อสัตว์ จิตใจเป็นกลาง ใจเย็น
ไม่อิจฉาริษยา ไม่เอาเปรียญคนอื่น ชอบทำทาน ทำบุญตามทุนทรัพย์ของตัวเอง ฯลฯ จิตใจให้เต็มร้อยค่ะ
ยกเว้น ศลี 8 ค่ะ ข้าพเจ้ายังให้สามีอยู่
พอมีวิธีแนะนำบ้างไหมค่ะ สถานะของข้าพเจ้าตอนนี้ คือ มีครอบครัวแล้ว มีลูกๆ ที่น่ารักอยู่ 2 คนค่ะ ครอบครัวมีความสุขค่ะ อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
เหตุผลที่ข้าพเจ้าอยากไปบวชชี เพราะไม่ต้องการเวียนว่ายตาบเกิดอีก อยากไปตอนนี้ แล้วถ้าไปตอนนี้จริงๆ ครอบครัวของข้าพเจ้าจะอยู่อย่างไร ทิ้งพวกเขาไว้ข้างหลัง ข้าพเจ้าทำไม่ได้แน่ๆ ค่ะ (เหมือนกับว่า ทิ้งภาระ แล้วไปหาความสุขคนเดียว) เพราะ ลูก 2 คน ยังเล็กมากๆ ค่ะ ยังคงเรียนหนังสืออยู่ 3 ขวบ กับ 6 ขวบ ค่ะ สามีไม่อยากให้ข้าพเจ้าไป เพราะเขายังรักข้าพเจ้า ถ้าขาดข้าพเจ้าไป เขาก็ต้องเป็นทุกข์ มันก็บาปอีกอ่ะคะ แถมทิ้งลูกอีก
ก็เลยคิดว่า อนาคตถ้าลูกๆ แต่งงงานมีครอบครัวหมดแล้ว เราไม่ต้องมีภาระต่อกันแล้ว ขอสามี ว่าจะขอลาบวชชี ตัดหมดทุกสิ่งทุกอย่างค่ะ อย่างนี้ จำเป็นไหมค่ะ ข้าพเจ้าอยากได้คำตอบมากที่สุดเลยค่ะ ขอขอบพระคุณมากๆ เลยนะคะ ที่ทุกท่านได้ให้คำตอบแก่ข้าพเจ้า
แล้วถ้ามีวิธีที่ดีกว่า ช่วยขอรายละเอียดด้วยนะคะ ข้าพเจ้าอยากทำมากๆ ค่ะ แต่ไม่มีใครแนะข้าพเจ้าเลยอ่ะคะ
เอ..
อีกคำถามนึงนะคะ
ถ้าเราทำที่บ้าน จะได้ไหมค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 03 April 2009 - 01:55 PM
หากลูก ๆ โตแล้วแบบค่อนข้างรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องถึงขั้นแต่งงานก็ได้คะ และควรเตรียมพร้อมให้ลูก ๆ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป คุณจขกท.ต้องอบรมบ่มเพาะความดีและความรับผิดชอบให้ลูก ให้สามารถช่วยเหลือตัวเอง และรับผิดชอบตัวเองได้มากขึ้นไปตามอายุ หากตอนนั่น ความคิดนี้ยังคงอยู่ ก็ควรให้สามียินดีด้วยถึงจะดีคะ ส่วนระหว่างทาง ก็ถือศีล8ในวันพระไปก่อนคะ
#3
โพสต์เมื่อ 03 April 2009 - 02:02 PM
ขอกราบอนุโมทนาบุญกับคุณkookkaicartoon ค่ะ ตอนนี้ เมื่อเรามีครอบครัวมีภาระคือลูก ๆ และสามี ที่ต้องดูแล ก็
ขอให้ทำ"หน้าที่" ของตนเองที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ดีที่สุดนะคะ รักษา "เป้าหมาย" ของเราไว้ และก็หมั่น ทำทาน รักษา
ศีล และเจริญสมาธิภาวนาทุกวัน ๆ อย่าให้ขาด รักษาใจ รักษากาย ของเราไว้ให้ดี ๆ ทำบุญทุกบุญอย่างต่อเนื่่อง
ยึดมั่นในพระรัตนตรัย สั่งสมบุญไปตลอดจนกว่า จะถึงเวลานั้น ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
ไฟล์แนบ
เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#4
โพสต์เมื่อ 03 April 2009 - 04:15 PM
เริ่มต้นจากวันนี้นะคะ ที่สามารถทำได้ในขณะที่ยังมีครอบครัวอยู่
ให้ ทำทาน รักษาศีล นั่งสมาธิอย่างต่อเนื่องทุกๆ วัน
ให้ศึกษาเรื่อง บุญยกิริยาวัตถุ 10 ประการ และพยายามทำให้ครบทั้งสิบประการ ทุกๆ วัน
ให้นั่งสมาธิทุกๆ วัน วันละแยะๆ เท่าที่สามารถทำได้ พยายามทำการบ้านทั้ง 10 ข้อ ที่หลวงพ่อให้ทำ จะทำให้ใจละเอียด นั่งสมาิธิได้ก้าวหน้าขึ้น
วิธีที่จะหลุดออกจากกองทุกข์แบบเร็วๆ ก็คือการเป็นสมณะ เพราะเพศสมณะเหมาะสำหรับการบำเพ็ญเพียร เหมาะสำหรับการฝึกตน เหมาะสำหรับการทำจิตให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
การจะอยู่ในเพศสมณะได้ ก็ต้องได้เพศชายบริสุทธิ์ การจะได้เพศชายบริสุทธิ์มีคำแนะนำดังนี้(เท่าที่นึกได้ตอนนี้)
1. รักษาศีลแปดทุกวันพระ และพยายามรักษาศีลแปดให้ได้มากที่สุด สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่วันนี้
2. อธิษฐานจิตทุกวัน ให้ได้เพศชาย ได้เพศบริสุทธิ์ ถ้าอยากอยู่ในเพศสมณะก็ต้องอธิษฐานจิตเช่นกันค่ะ การอธิษฐานจิตเป็นการตั้งผังชีวิตให้กับตัวเราเอง อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องได้ในหนังสือ อธิษฐานบารมี http://www.kalyanami...pdf/Atitana.pdf
3. ต้องปรนบัติสามีดั่งเทพบุตร ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ...เช่น ต้องไม่ดุด่า ว่ากล่าว พูดจาสุภาพ อ่อนน้อม ให้เกียรติ ไ่ม่ถกเถียง
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#5
โพสต์เมื่อ 03 April 2009 - 06:40 PM
เป้าหมายชีวิตของมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้มี 3 ระดับ
1.ระดับบนดิน :หมายถึง ทำชีวิตในปัจจุบันชาติที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในครั้งนี้ให้ดีที่สุด ดูแลตนเองและครอบครัวให้อยู่ในกรอบแห่งศีลธรรมความดี ประคับประคองกันและกันทั้งทางโลกและทางธรรมไปให้ได้ตลอดชีวิต เรียกว่า "ทางโลกก็ไม่ให้ช้ำ ทางธรรมก็ไม่ให้ขุ่น" หรือจะเรียกว่า "มีชีวิต 200%"ก็ได้ ให้ทำแบบนี้ไปสักพัก แล้วคุณจะเข้าใจยิ่งๆขึ้นไปเอง ดังเช่น อนาถบิณฑิกเศรษฐี และนางวิสาขามหาอุบาสิกา ในสมัยพุทธกาล ท่านทั้งสองต่างเป็นพระโสดาบัน เป็นพระอริยะบุคคลเบื้องต้น แต่ท่านก็ยังใช้ชีวิตครองเรือนดูแลบุตร-หลาน สามี-ภรรยา ควบคู่กันไปกับการสั่งสมบุญ จนตลอดชีวิต
2.ระดับบนฟ้า :หมายถึง ทำชีวิตของเราให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท หมั่นสั่งสมบุญกุศล ทั้งทำทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา ให้มากที่สุดเท่าที่ชีวิตหนึ่งของเราจะทำได้ เมื่อถึงคราวที่เราจะต้องหลับตาลาโลกนี้ไป เราก็จะได้ไปพักบนสวรรค์ซึ่งเป็นดินแดนสุขคติภูมิ (เป็นที่พักระหว่างทางก่อนไปถึงพระนิพพาน) เพราะตราบที่เรายังไปพระนิพพานไม่ได้ เราไม่สมควรประมาททำชั่วอันจะส่งผลให้ไปเกิดในอบายภูมิอันเป็นดินแดนทุคติภูมิซึ่งไม่สามารถทำความดีได้เท่าสุขคติภูมิการหลุดพ้นจากอำนาจของสังสารวัฏก็จักชะงักลง
3.ระดับเหนือฟ้า :หมายถึง ทำพระนิพพานให้แจ้ง ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์ทุกคน
เราต้องตั้งใจทำเป้าหมายทั้ง 3 ระดับไปพร้อมๆกัน แต่ก็นั่นแหละ อยู่ที่บุญบารมีของตัวเราเองว่าสั่งสมมาแค่ไหน เราก็จะได้รับผลไปตามนั้น แต่เมื่อเราไม่ละทิ้งมโนปณิธานที่จะไปให้ถึงพระนิพพานแล้วล่ะก็ เราก็จะสมหวังในชาติหนึ่งชาติใดที่เรามาเกิดสร้างบารมีได้อย่างแน่นอน
ขอส่งใจช่วยแด่ผู้ปรารถนาพระนิพพาน ให้ถึงฝั่งพระนิพพานได้โดยง่าย...โดยเร็วพลันเทอญ...
#6
โพสต์เมื่อ 03 April 2009 - 06:48 PM
อ่านอยู่นะคะ ขอบคุณทุกความคิดค่ะ ตอนนี้ จิตใจข้าพเจ้าอยากไปมากๆ (ใจไปแล้ว) แต่กายยังอยู่กับครอบครัว กับสามี
รออ่านอีกนะคะ
#7
โพสต์เมื่อ 03 April 2009 - 10:46 PM
แต่จะทำอะไรคิดให้รอบคอบก่อนก็ดี หากเราไปบวชจนแก่แล้วเราก็ยังไม่บรรลุอะไรเลยจะรับได้ไหม
หากไปบวชแล้ว ทางบ้านเดือดร้อนจะทำให้จิตใจเรากังวลจนมีผลต่อการปฏิบัติธรรมหรือเปล่า
การบวชนั้นดีแน่ ๆ แต่ไม่แน่สำหรับทุกคนเสมอไป เพราะความเป็นมาของทุกคนไม่เหมือนกัน
อย่างน้อย ๆ ในสมัยพุทธกาลก็มีอุบาสก อุบาสิกา จำนวนมาก ที่บรรลุธรรมขั้นสูงในขณะครองเรือนเช่นกัน
โดยมากก็เป็นพระโสดาบันหรือเรียกว่าตัดวงจรการเกิดได้อย่างแน่นอนแล้ว ซึ่งหากเรายังต้องครองเรือนอยู่
ก็ลองศึกษาดูว่าท่านเหล่านั้นดำรงชีวิตอย่างไร แม้จะครองเรือนอยู่ก็ให้ปฎิบัติธรรมแบบคนครองเรือน
ไม่ให้เสียทั้งเรื่องตัวเองและคนรอบข้าง อย่าไปรอว่าบวชแล้วจึงจะตั้งใจปฏิบัติธรรม เอาตามพอเหมาะพอสม
การบรรลุธรรมเป็นเรื่องของใจที่พอเหมาะพอดี ถ้าอยากบวชจริง ๆ คงจะได้บวชแน่ ๆ
แต่้ถ้าไม่อยากเกิดอีก ก็ต้องหมั่นสั่งสมบุญและปฏิบัติธรรมโดยไม่มีข้อแม้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน
แค่การปฏิบัติธรรมอาจจะไม่เพียงพอ เพราะเราทุกคนมีกรรมเป็นของตน มีกรรมเก่าติดมามากมาย
เราต้องละบาปและสร้างบุญเพื่อให้กรรมเหล่านี้อ่อนกำลังลงไม่ให้เป็นอุปสรรคมาขัดขวางการปฏิบัติธรรม
ไม่อย่างนั้นก็จะมีเรื่องวุ่นวายมากวนใจอยู่ไม่รู้จบ แม้ไปบวชแล้วก็ใช่ว่าจะอยู่ได้ตลอดรอดฝั่ง
อย่างที่ทุกท่านแนะนำ ลองซ้อม ๆ ก่อนก็ดี รักษาศีลแปดทุกวันพระ หมั่นไปวัดและชวนคนอื่น ๆ ไปวัดด้วย
สุดท้ายก็ใจเย็น ๆ เพราะความร้อนรนทนไม่ได้นั้นตรงข้ามกับความเยือกเย็นเป็นอุเบกขา
#8
โพสต์เมื่อ 04 April 2009 - 12:15 AM
#9
โพสต์เมื่อ 04 April 2009 - 12:19 AM
วันนี้ข้าพเจ้าได้ขอสามีเรื่องถือศีล 8 แล้วค่ะ สามียินดีด้วยค่ะ
#10
โพสต์เมื่อ 04 April 2009 - 02:34 AM
#11
โพสต์เมื่อ 04 April 2009 - 02:19 PM
หากอยากหลุดพ้น แต่ในชาตินี้คงยาก เพราะแม้จะมีพุทธศาสนา แต่ไม่มีพระศาสดา โอกาสบรรลุอรหันต์ยากมาก ในโลกนี้อาจมีอยู่ไม่กี่ท่านเอง เพราะไม่ใช่ยุคพุทธกาล ให้ลองดูพุทธเจ้าพระองค์ถัดไป คือพระศรีอาริยเมตตรัย ก็ไม่นาน แต่ก็ต้องอีกหลายชาติหน่อย แต่เราก็ไม่ต้องไปสนใจว่าบำเพ็ญบารมีมาแล้วกี่ชาติ ครบถ้วน แล้วหรือยัง มันคงไม่จำเป็นต้องไปรู้ ขอเพียงหากอยากหลุดพ้น ก็ทำไปเรื่อยๆ ทุกๆ ชาติ เดี๋ยวชาติไหนถึงเวลาแล้วไดั พบพระพุทธศาสนาพบพระพุทธเจ้าแล้วก็จะบรรลุธรรมเองในที่สุด กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว เช่นกันการหลุดพ้นก็ต้องใช้เวลา
บารมี10 ทัศ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา ทั้ง 10 นี้อาจจะไม่จำเป็นต้องทำให้ครบ 10 อย่างในชาติเดียวก็ได้ หากเรามีภาระหน้าที่ทางโลกแต่อยากบวชชี ก็ต้องเข้าใจก่อนว่า ชีไม่ใช่ภิกษุณี เป็นเพียงระดับอุบาสิกาที่ถือศีล8 เท่านั้น อุบาสิกา ไม่จำเป็นต้องโกนหัวบวชก็ได้ ดูอย่างเช่น นางวิสาขาท่านก็เป็นอุบาสิกา ก็ไม่ได้
โกนหัวบวชชี ท่านก็ทำหน้าที่ทั้งทางโลกทางธรรมได้ไม่ขาด หากว่าคิดจะเป็นชีแต่ติดขัดเป็นไม่ได้ก็ถือศีล 8 ได้ในวันพระ
ขึ้น แรม 7,8,15 ค่ำ ใน1เดือนมี4 วัน หรือเราจะถือศีล8 เพิ่มใน1เดือนมากกว่า4วันก็ได้ ศีล8 ก็ทำที่ไหนก้ไดั ที่บ้าน ที่วัด
ที่ทำงาน ก็อาราธนาศีล8 แล้วก็ตั้งใจถือศีลให้ครบวัน
แต่ที่สำคัญมากๆคือ ทำบุญทุกๆบุญต้องอธิษฐานให้ได้บรรลุพระอรหันต์ หากทำบุญไปแล้วไม่อธิษฐานเลย ถึงแม้จะทำเกิน100 กัป ก็ไม่บรรลุ เพราะไม่ได้มีเป้าหมายจะบรรลุธรรม ถ้าทำแบบนั้นก็จะไ ด้เพียงได้อานิสงส์ของผลบุญเท่านั้น
#12
โพสต์เมื่อ 04 April 2009 - 06:35 PM
คำแก้วก็เคยคิดอยากบวชเหมือนกันนะคะ เพราะชีวิตของผู้ที่ได้ออกบวชเป็นชีวิตที่อิสระ ปลอดโปร่ง มีความสุข และที่สำคัญเราเป็นผู้หญิงที่ไม่ใช่ผู้ชายเกิดมาทั้งทีก็ควรแสวงหาหนทางที่มีความสุขให้ตัวเองเกิดไปภายหน้าจะได้เกิดเป็นชาย แต่ก็คงจะไม่ได้บวชหรอกค่ะ แต่ใครจะไปรู้ละคะ ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าพี่มีความตั้งใจที่ดี ก็ขอให้ทำให้ได้นะคะ ตอนนี้ก็ดูแลลูกและสามีให้ดี ชักนำให้เขาเข้าสู่เส้นทางการสร้างบารมีเมื่อถึงเวลาแล้วก็เดินหน้าต่อไปค่ะเมื่อพีเห็นสมควร
ถ้าหากว่าข้อความนี้อาจจะไม่ถูกต้องนักก็ขออภัย นะคะ
สู้ๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
เกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี
#13
โพสต์เมื่อ 04 April 2009 - 09:01 PM
ดังที่คุณ ping กล่าว เราก็ต้องยกระดับเป้าหมายจากบนดินขึ้นสู่บนฟ้า...หากเป็นไปได้ก็ไปกันทั้งครอบครัว...ให้ผู้ที่มีพันธะผูกพันธ์เห็นดีเห็นงาม...ปรับความเข้าใจปรับทิฐิให้เสมอกัน...เพื่อมิให้เป็นเครื่องกังวลเมื่อมุ่งเข้าสู่ทางธรรมอย่างเต็มตัว...เมื่อพบเป้าหมายเหนือฟ้า ก็จะพบแส้นทางและประโยชน์ในปัจจุบันและในภายภาคหน้าอันเที่ยงแท้ ขอเพียงมีจิตใจที่มั่นคงในเป้าหมายอันสูงสุด
ระหว่างนี้ก็ปฏิบัติธรรมควบคู่กับชีวิตฆราวาสไปก่อน ทุกอย่างต้องใช้เวลา จนกว่าจะถึงวันที่ทุกๆอย่างพร้อม คือ ความเป็นอิสระต่อเครื่องพันธนาการทั้งหลาย
#14
โพสต์เมื่อ 05 April 2009 - 09:30 AM
#15
โพสต์เมื่อ 06 April 2009 - 08:27 PM
ผู้ที่อยากบรรลุนิพพานในชาตินี้มีมาก.
แต่ถ้าบุญยังไม่ถึง แม้ใจจะอยาก ก็ยังไม่สามารถ.
ถ้า"อยากจนเป็นทุกข์" ก็แปะเจี๊ยะทุกข์,ทุกข์ฟรีๆ,ทุกข์กินเปล่า.
เอาอย่างนี้ดีกว่าไหมครับ,
ลองเปลี่ยนมาเป็น"อยากนิพพานด้วยการวางแผนระยะยาว"ดีกว่า.
ไหนๆก็ยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกระยะหนึ่ง
ในช่วงนี้ก็ปรารถนาพุทธภูมิเป็นทีมกับหลวงปู่หลวงพ่อไปเลยดีกว่า
ได้ทำบุญสุดใหญ่หลายบุญ , บุญจะได้เต็มเปี่ยมเร็วๆกว่าปกติ
แล้วบุญเต็มเปี่ยมวันไหน , คุณก็นิพพานได้เลยทันที
วิธีเช็คว่าบุญเต็มแล้วหรือยังก็คือ
"เจริญสติปัฏฐาน๔ เป็นเวลา ๗ วันถึง ๗ ปี ก็จะสามารถบรรลุพระอรหัตตผลได้ในปัจจุบันชาติ"(มหาสติปัฏฐานสูตร)
ลองปฏิบัติธรรม ๗ วันต่อเนื่องดูนะครับ เช่น ภูเรือ
ผมขอเป็นกำลังใจให้ประสบความสำเร็จทั้งในปัจจุบันชาติและอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้าครับ.
#16
โพสต์เมื่อ 08 April 2009 - 06:34 PM
ถ้าไม่อยากเวียนว่ายตายเกิดอีก ก็มีเพียงทางเดียวคือการบรรลุอรหันต์ในชาตินี้ครับ ถ้ากำลังยังไม่ถึง ถ้าบรรลุโสดาปัตติผลในชาตินี้ก็เป็นหนทางที่ง่ายที่สุดแล้ว และเสี่ยงต่อการเวียนว่ายในวัฏฏะน้อยกว่าการปรารถนาพุทธภูมิ เพราะอย่างมาก รอแค่ 7 ชาติก็นิพพานได้ เป็นพระโสดาบัน เป็นได้ง่ายครับ หากเข้าใจหลักวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง
#17
โพสต์เมื่อ 10 April 2009 - 10:45 AM
พระโสดาบันก็ร่วมบุญกับทีมหลวงปู่หลวงพ่อได้ครับ.
จะได้ทำบุญสุดใหญ่หลายบุญ, บุญจะได้เต็มเปี่ยมเร็วกว่าปกติ.
จาก ๗ ชาติ อาจจะเหลือเพียง ๒ ชาติครับ.
#18
โพสต์เมื่อ 11 April 2009 - 10:46 PM
แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน ผมว่่าพระโสดาบันส่วนใหญ่บารมีก็เต็มๆ กันแล้วนะครับ พระโสดาบันที่บรรลุธรรมแบบท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี แล้วก็นางวิสาขา ผมว่าตอนนี้ไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่จะปฏิบัติวิปัสสนากันแล้วได้ซะส่วนมาก แล้วพอถึงพระโสดาบันแล้วก็ต่อพระอรหันต์เลย ไม่ค่อยมีใครที่หยุดแค่พระโสดาบันหรอก