มีรอยสัก=ห้ามบวช
#1
โพสต์เมื่อ 07 March 2009 - 11:35 AM
ทางวัดบอกว่าถ้ามีรอยสักไม่สามารถบวชได้
ทางวัดให้ผมไปลบรอยสักมาก่อน แตเมื่อลบรอยสักแล้ว
รอยสักจะกลายเป็นเหมือนแผลไฟไหม้ ซึ่งดูไม่แตกต่างกันมาก
ผมจึงสงสัยว่าเพราะเหตุใด
มีรอยสักจึงบวชไม่ได้
พระเถระชั้นผู้ใหญ่มากมากก็มีรอยสัก
อานิสงผลบุญที่เกิดจากการบวชเพื่อทำนุบำรุงศาสนานั้นเทียบไม่ได้กับรอยสัก
เหตุใดวัดที่ผมมีศรัทธาอยากบวชเพื่อไปจำพรรษาจึงไม่อนุญาตให้ผู้มีรอยสักบวชครับ
อยากขอคำแนะนำวัดที่เคร่งในด้านปฎิบัติที่ยอมรับผู้มีรอยสักบวชจำพรรษาด้วยครับ
อนุโมทนา ครับ
#2
โพสต์เมื่อ 07 March 2009 - 11:43 AM
#3
โพสต์เมื่อ 07 March 2009 - 12:43 PM
แต่ถ้าที่แขนขวา ใช้ผ้ายืดพันทับเอาก็ได้น่ะ
ขออนุโมทนา ในความตั้งใจที่ดีครับ
#4
โพสต์เมื่อ 07 March 2009 - 01:28 PM
#5
โพสต์เมื่อ 07 March 2009 - 02:15 PM
ผมว่าเรามาช่วยกันรักษากฏระเบียบของทางวัด (เพราะท่านต้องมีเหตุผลแน่นอนครับที่ออกกฏมา) เราจะได้ช่วยหลวงพ่อท่านสร้างธรรมทายาทต้นแบบของโลก ให้กับพระพุทธศาสนาไปอีก พัน ปีข้างหน้ากันดีกว่านะครับ
อย่าพึ่งหมดกำลังใจและกำลังศรัทธานะครับ ถ้าเคยบวชกับหมู่คณะมาอย่างไรก็ได้บวชครับ
#6
โพสต์เมื่อ 07 March 2009 - 03:28 PM
#7
โพสต์เมื่อ 07 March 2009 - 03:28 PM
#8
โพสต์เมื่อ 07 March 2009 - 07:28 PM
#9
โพสต์เมื่อ 07 March 2009 - 08:57 PM
รอยสักไทยมีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัย ตามความเชื่อว่า การสักยันต์บนร่างกายของชายไทยในยุคนั้น ทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากศาสตราวุธ อยู่ยงคงกะพัน ความเชื่อดังกล่าวถูกถ่ายทอดมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันภาพลักษณ์ของผู้ที่นิยมสักในสังคมไทยไม่ค่อยได้รับการยอมรับนัก พวกที่นิยมสักตามร่างกายจะถูกมองว่าเป็นนักเลงหัวไม้ หรือโจร อาชญากร
สมัยอยุธยาตอนต้น ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เพื่อเป็นการทำเครื่องหมายแสดงหลักฐาน เช่น
- สักข้อมือ แสดงว่าได้ขึ้นทะเบียนเป็นชายฉกรรจ์ หรือเป็นเลขมีสังกัดกรมกองแล้ว
- การสักหน้าเพื่อแสดงว่าเป็นผู้ที่ต้องโทษปาราชิก
ก่อนจะพัฒนานำความเชื่อทางไสยศาสตร์เข้ามารวมไว้ เป็นการสักเพื่อความแข็งแกร่งของจิตใจ และอยู่ยงคงกระพัน
- ปัจจุบันการสักยันต์เสื่อมความนิยมไปมาก เนื่องจากได้รับอิทธิพลความเชื่อมาจากชาวตะวันตก ที่มองผู้ที่มีลายสักว่าส่วนใหญ่มักเป็นพวกขี้เมา คนจรจัด เป็นนักเลง และคนชั้นต่ำ
- ในทางกลับกันระยะหลัง มีดาราระดับโลกนิยมสักตามตัว กลายเป็นแฟชั่นของคอหนังวัยรุ่นขึ้นมา
- ในทางการแพทย์ ผู้มีรอยสัก(Tattoo) โดยเฉพาะรอยสักเกี่ยวกับความรัก หรือรอยสักบริเวณที่ลับ ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงของกลุ่มฉีดยาเสพติดเข้าเส้น โรคตับอักเสบเรื้อรัง โรคเอดส์
- คนเมืองมีความรู้สึกว่าลายสักเป็นวัฒนธรรมของคนบ้านนอกคนไม่มีการศึกษา ทำให้ศิลปะบนผิวหนังประเภทนี้เกือบจะสูญไป
- แต่คนบางกลุ่มยังคงความเชื่อดั้งเดิมเอาไว้ เช่น สัญลักษณ์บางอย่างของลายสักสามารถทำหนังเหนียวได้ ศัตรูยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า หรือช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้าย
- ดังนั้นภาพผู้มีรอยสักจึงมักถูกมองว่าเป็นการเสียสมณะสารูป ของผู้เป็นพระแท้ แม้จะไม่มีกฎข้อห้ามในการบวชชัดเจน หรือแม้ จขกท.เป็นผู้มีศรัทธาอันเต็มเปี่ยมก็ตาม เชื่อว่าพระอาจารย์ท่านห้ามเพราะท่านเล็งผลอันไกล อันเลิศไว้ดีแล้ว...เพื่อ
-มิให้ใครตำหนิเรา...ว่าเป็นสมณะที่ไม่น่าเคารพ
-มิให้ใครตำหนิพระอุปัชฌาย์อาจารย์...ว่าไม่เข้มงวด
-มิให้ใครตำหนิวัด...ว่าหย่อนวินัย
-มิให้ใครตำหนิพระพุทธศาสนา...ว่าที่แท้พุทธกับไสย์ไปด้วยกัน
- ยังไงก็ขอ จขกท.ใช้ดุลยพินิจพิจารณาลบรอยสัก เพื่อสร้างโอกาสและเป็นที่ศรัทธาของผู้อื่นให้สมบูรณ์ด้วย...เทอญ
- อย่าดูเบาว่าตำหนิ...อันน้อยนิด...ไม่ผิด ไม่มีผลกระทบใดๆ
- อย่าลืมสักใจ ติดไว้ในเส้นทางแห่งมรรค ให้คงทนถาวร
สาธุ...สาธุ...สาธุ
#10
โพสต์เมื่อ 07 March 2009 - 09:23 PM
ทั้งสองท่านให้ข้อมูลได้ละเอียดชัดเจนดีจัง
โดยสรุปผมว่าถ้าในการบวชระยะสั้นน่าจะพออนุโลม
ให้ใช้ผ้ายืดพันทับไว้ได้นะ(เคยเห็นที่วัดมาแล้วในธทย.)
แต่ยังไงในระยะยาวคงต้องลบอยู่ดี เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียด
อ่อนนะครับต้องมองหลายๆด้าน...
แต่ต้องขออนุโมทนาบุญกับจขกท.ด้วยครับสำหรับความตั้ง
ใจอันดี...
ถ้าอยากได้"จริง"จะได้...แต่ตอนจะได้ไม่"อยาก"
#11
โพสต์เมื่อ 07 March 2009 - 10:45 PM
เรื่องรอยสักนั้น อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะคือไม่ว่าจะบวชระยะสั้นหรือระยะยาว ถ้าญาติโยมสาธุชนได้พบเห็นพระผู้เป็นเนื้อนาบุญแห่งวัดที่เขาศรัทธาอยู่ในชุดธงชัยพระอรหันต์ และมีรอยสัก เขาไม่รู้หรอกค่ะว่ารอยสักของท่านนั้นมีมาก่อนมาบวชที่วัดหรือว่าบวชที่วัดนี้แล้วยังไปสัก ก็ดูเหมือนคำสอนของหลวงพ่อที่ว่าให้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกนั้นมันขัดกันน่ะค่ะ แล้วรอยสักที่ว่ามันเล็กนิดเดียววันใสคิดว่าถ้าไปลบออกคงทนเจ็บได้น่ะ เป็นรอยแผลเหมือนไฟไหม้ยังดูดีกว่าเห็นเป็นรอยสัก ถึงแม้ว่าพระอาจารย์อนุญาตแล้วท่านจะสะดวกไหมล่ะหากท่านเป็นพระแล้วต้องมาคอยปิดบังรอยสักจะปฏิบัติกิจของสงฆ์หรือมีชีวิตประจำวันของสงฆ์ก็ไม่ถนัดถนี่ อีกทั้งไม่รู้ว่าจะเป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาหรือที่เสื่อมศรัทธาของสาธุชนก็ไม่รู้ไหน ๆ ก็ตั้งใจบวชกับหลวงพ่อแล้วก็ทำให้บริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา และใจ เลยนะ
รอยสักไม่ใช่อุปสรรค ความคิดและจิตใจต่างหากล่ะคือตัวอุปสรรค
ทางสว่างหากรอเราอยู่ข้างหน้าคำว่าฟันฝ่ามีไว้ทำลายอุปสรรค
ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ
#12
โพสต์เมื่อ 07 March 2009 - 10:56 PM
เคยเห็นพระฝรั่งองค์นึงที่วัดก็เห็นสักเต็มแขน เต็มหลังเลย ที่วัดคงไม่น่าจะมีสองมาตรฐานนะครับ
ก่อนมาถึงวัดหลายคนก็เคยหลงทางมาก่อน หวังว่าทางวัดคงใช้วิจารณญานได้ครับ
#13
โพสต์เมื่อ 07 March 2009 - 11:05 PM
รอยสักของผมอยู่ที่ใหล่ขวาเป็นสีฟ้าดำไม่มีความหยาบคายอะไรหลอกครับ
ผมวางแผนไว้ว่าจะบวช1พรรฌษาที่่เขาแก้วเสด็จโดยไม่ได้เพื่อเลือกไว้เลยก็เลยค้อนค้างเดว้งครับ
ผมแค่เสียดายเพราะคิดว่าความรู้และบุญกุศลที่ผมจะได้คงมีประโยชน์อย่างมากต่อผมและคนรอบข้าง มากกว่าสีฟ้าที่ใหล่ผม
รอยสักนี้มีความหมายต่อผมมากครับ อาจจะฟังดูไม่เข้าท่าแต่ก็ค์อความจริง
ผมมีความตั้งใจในการบวชครั้งนี้มากครับ ผมมีศีลปรมัตร2ข้อ จบปริณญาโท เเละนั้งสมาธิทุกวัน
ขอคำแนะนำหรือช่วยแนะนำวัดที่เคร่งในด้านปฎิบัติด้วยครับ
อนุโมทนา ครับ
#14
โพสต์เมื่อ 08 March 2009 - 12:01 AM
#15
โพสต์เมื่อ 08 March 2009 - 10:25 AM
แนะนำให้ลบออกก่อนเป็นดีครับ ถึงจะเป็นรอยแผลที่ดูไม่ต่างตามที่เจ้าของกระทู้ว่าก็เถิดครับ แต่ข้อกำหนดก็น่าจะเป็นข้อกำหนด จะได้ยังหมู่คณะได้อย่างไรละครับ
#16
โพสต์เมื่อ 09 March 2009 - 01:40 PM
ถ้าก่อนบวชยังลบไม่ได้ บวชไปก็คงไม่ได้ลบ
จขกท. ลองคิดดูครับ
#17
โพสต์เมื่อ 09 March 2009 - 04:04 PM
#18
โพสต์เมื่อ 09 March 2009 - 05:36 PM
และ
ก็เห็นใจพระอาจารย์ ด้วยค่ะ
ดิฉันเชื่อว่า ท่านคงไม่ได้รู้สึกสบายใจนัก ที่จะต้องปฏิเสธว่า ใครไม่ควรบวช
แต่นั่นก็เป็นหน้าที่ที่ท่านต้องทำให้ดีที่สุด
เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของหมู่คณะที่ใหญ่โตของเราค่ะ
เรียกว่า งานนี้ ทดสอบกำลังใจของ จขกท มากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัวค่ะ
และ ยังเป็นการประเมิน ขันติบารมี วิริยบารมี เพื่อให้ได้มาซึ่ง
ศีล สมาธิ ปัญญา เยี่ยง บรรพชิตอันงาม ผู้เป็นเพศบริสุทธิ์ ค่ะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#19
โพสต์เมื่อ 09 March 2009 - 07:39 PM
นั่นหมายถึงว่าถ้าจะสร้างบารมีจริงๆ ก็ต้องไม่มีข้อแม้ และเงื่อนไข มาเป็นอุปสรรค ให้ลุกเดินหนีหรือเสียศรัทธาอันแรงกล้า
สำหรับดิฉัน... ขอเล่่าความรู้สึกส่วนตัวนะคะ
เมื่อไปวัดบ่อยๆ ก็ชิดกับจริยวัตร ของพระที่วัด แค่รู้สึกว่าพระที่วัดพระธรรมกายทุกรูป ท่านจะหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส(คงยิ้มมาจากศูนย์กลางกาย)
แต่เมื่อได้ไปเจอพระที่วัดอื่นแยะๆ เช่นตอนงานตักบาตร ก็รู้สึกคิดถึงพระที่วัดพระธรรมกายขึ้นมาในใจอย่างทันทีทันใด เลยส่งผลให้เวลากราบก็เลยปลื้มไม่มาก
ยิ่งเวลาเจอพระที่มีรอยสักตามเนื้อตามตัว ก็ให้รู้สึกติดขิดตะขวงใจขึ้นเล็กๆ ภายในใจ
มองย้อนกลับมา มองจริยาวัตร ของพระที่วัดพระธรรมกาย ก็ให้รู้สึกว่า น่ากราบ น่าไหว้ น่าเลื่อมใส มองแล้วปรอดโปร่่ง เบิกบานใจ จนสร้างความศรัทธา ความเลื่อมใสยิ่งๆ ขึ้นในใจ
ดิฉันไม่แน่ใจว่าคนๆ อื่นๆ จะคิดแบบนี้มากน้อยแค่ไหน อาจจะไม่ทุกคน แต่ก็ค่อนข้างแน่ใจว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกแบบนี้
ถ้าที่อื่นๆ ตั้งมาตรฐานไว้ที่ 100% หลวงพ่อ(ธัมมะฯ)ก็ตั้งมาตรฐานไว้ที่ 200% อยากจะให้ลองคิดถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ดูค่ะ....ว่า
ถ้าไม่เกร่งจริง ก็สามารถถูกโค่นล้มเอาได้ง่ายๆ
ถ้าไม่เกร่งจริง แล้วจะไปสู้เค้าได้อย่างไร?
ถ้าไม่เนี๊ยบ ไม่ตั้งมาตรฐานเกินร้อย จะเอาแรงศรัทธามาจากที่ไหน?
ถ้าไม่เกร่งและเก่งจริง จะเป็นจุดเด่นให้สนใจหันมามอง ให้ฉงนใจ จนหันมาศึกษาได้อย่างไร?
เพราะเนี๊ยบ เพราะเกร่ง เพราะเก่ง เพราะทำจริง จึงสามารถสร้างศรัทธาทวนกระแสได้แบบนี้
และสุดท้ายก็เห็นกับนรอ. ท่านนึงที่บอกว่า เห็นรอยแผลเป็น ดีกว่าเห็นรอยสัก
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#20
โพสต์เมื่อ 10 March 2009 - 02:14 PM
ครูอาจารย์เราสอนให้พระทุกรูประมัดระวังในกิริยาอาการเวลาอยู่ต่อหน้าสาธุชน ให้ดูสำรวม น่าเลื่อมใส กราบไหว้
เคารพบูชา ทำให้กลายเป็นสัญญลักษณ์อันดีงามของวัดตกทอดมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้วค่ะ
การละเมิด/ฝ่าผืนทำได้ง่ายและเร็ว
การรักษาไว้ทำได้ยากและใช้เวลานานนะคะ
เป็นกำลังใจให้ และขอให้บวชสมความปรารถนา ขออนุโมทนาบุญค่ะ
#21
โพสต์เมื่อ 10 March 2009 - 03:33 PM
#22
โพสต์เมื่อ 10 March 2009 - 10:44 PM
บวชดีไม่บวชไม่ดี
เป็นชายต้องบวช ไม่บวชเกิดมาฟรี
รอยสักนิดหน่อยลบไปเถิด อย่าไปติดใจอะไรมาก
เหตุผลมีมากมาย
บวชเอาบุญนะคิอะไรมาก
แต่ถ้าบวชยาวยาว ค่อยว่ากันใหม่นะ
หยุดให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ ง่ายนิดเดียว เดี๋ยวก็ได้
ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง นิ่งอย่างเดียว เดี๋ยวก็ได้ ง่ายนิดเดียว
ajvj
#23
โพสต์เมื่อ 12 March 2009 - 02:07 AM
การคัดเลือกธรรมทายาทนี้ พระอาจารย์ท่านพิจารณาแล้วว่า สิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร
ถ้าเดินมาตามทางสายนี้ ก็ลองเข้ามาดูให้รู้ถึงแก่น มาเป็นธรรมทายาท
ในชีวิตหนึ่ง มีไม่กี่ครั้งที่จะได้เป็นพระแท้ มาเรียนรู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นเพื่ออะไร
วันนั้นเราเจอเคสหนักกว่าเธออีก.. แต่เขาก็กัดฟัน อดทนทำตามกฏระเบียบของหมู่คณะ
ขนาดที่ว่าสิ่งที่ยากที่สุด เขาก็ยังผ่านมาได้แล้ว ในการอบรมนี้ เขาคงเก็บเกี่ยวสิ่งดีดีมาได้เต็ม ๆ
สักได้.. ลบได้ สำคัญที่รอยบนเนื้อ หรือสำคัญที่ความทรงจำ
บวชที่นี่เถอะ.. เบอร์พระอาจารย์ประจำโครงการคงมีแล้วสินะ โทรคุยดู
อนุโมทนาบุญกับความตั้งใจจริง
#24
โพสต์เมื่อ 10 June 2009 - 01:57 PM
นัตถิ ภันเต (ไม่ ขอรับ)
คัณโฑ (เธอเป็นโรคฝีชนิดเป็นทั่วตัวหรือไม่)
นัตถิ ภันเต
กิลาโส (เธอเป็นโรคกลากหรือไม่)
นัตถิ ภันเต
โสโส (เธอเป็นโรคมองคร่อ หรือ หืด หรือไม่)
นัตถิ ภันเต
อะปะมาโร (เธอเป็นโรคลมบ้าหมูหรือไม่)
นัตถิ ภันเต
มะนุสโสสิ๊ (เธอเป็นมนุษย์ ใช่ไหม)
อามะ ภันเต (ขอรับ เจ้าข้า)
ปุริโสสิ๊ (เธอเป็นผู้ชาย ใช่ไหม)
อามะ ภันเต
ภุชิสโสสิ๊ (เธอเป็นไทแก่ตัวเอง ใช่ไหม)
อามะ ภันเต
อะนะโณสิ๊ (เธอไม่เป็นหนี้ใคร ใช่ไหม)
อามะ ภันเต
นะสิ๊ ราชะภะโฏ (เธอไม่ใช่ข้าราชการที่ยังมีภาระต้องรับผิดชอบ ใช่ไหม)
อามะ ภันเต
อะนุญญาโตสิ๊ มาตาปิตูหิ (บิดา มารดาของเธออนุญาต ใช่ไหม)
อามะ ภันเต
ปะริปุณณะวีสะติวัสโสสิ๊ (เธออายุครบ 20 ปี ใช่ไหม)
อามะ ภันเต
ปะริปุณณันเต ปัตตะจีวะรัง (เธอมีบาตรและจีวรครบ ใช่ไหม)
อามะ ภันเต
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ