ความรักที่ไม่สมหวัง
#1
โพสต์เมื่อ 13 August 2009 - 03:22 AM
ผมก็งี้แหละ ใครๆ ต่างก็มองว่าเป็นลูกผู้ดีมีชาติตระกุลแต่ ไม่มีใครรู้เลยว่าอาภัพรักแค่ไหน มีอะไรที่เพรียบพร้อมแต่อาภัพรักยิ่งนัก เป็นคนชอบศิลปะและดนตรี ซึ่งคนในแนวนี้อารมณ์อ่อนไหวอยู่แล้ว ผมยิ่งร้องไห้ง่ายด้วย เรื่องความรักนี่ยิ่งร้องไห้นานมาก ก็คนเล่นดนตรีร้องเพลงแบบผมอารมณ์อ่อนไหวอยู่แล้วน่ะ ความรักที่ไม่เคยสมหวัง รักใครก็ถูกชายอื่นตัดหน้าเอาไปหมด ไม่รู้ว่าบาปกรรมตัวไหนเล่นงานผมนะ เพราะผู้หญิงคนที่ผมรักนั่นแหละ ที่ตอนมัธยมเธอเป็นเพื่อนผมน่ะ เธอโทรมาอีก เธอบอกว่าจะกลับมาเป็นครูอยู่ที่บ้านน่ะ แต่เอาเข้าจริงๆ เค้าไม่ได้มา เธอบอกว่ายังคบกับแฟนเธออยู่ แฟนเธออยู่กรุงเทพ เธอเลยไม่กลับมา ดูสิ ตอนก่อนหน้านั้นผมรู้สึกคั่งแค้นผู้ชายคนนั้นมากเพราะมาเปลี่ยนเธอให้เป็นคนละคน ผมไม่รู้จะรอต่อไปดีไหม สำหรับผมนะ เธอคนนี้ คนที่ผมรัก ต่อไปถึงแม้เธอจะเป็นยังไงผมก็ยังรับเธอได้เสมอ ถ้าเธอไม่มีวันกลับมาก็แล้วไป ถึงผมจะมีใครหรือแต่งงานกับใครในอนาคต แต่เธอจะอยู่ในใจผมเหมือนเดิมแหละ ผมไม่รู้ว่าต้องเหนื่อยกับการรอคอยให้เธอกลับนานแค่ไหน แต่ผมรู้สึกว่าไม่ควรรอต่อไป ไม่ควรรักต่อไปเพราะเดี๋ยวจะยิ่งจมลงกองทุกข์มากไปกว่านี้ ควรจะยินดีกับเธอถ้าวันหนึ่งเวลาตายจะได้ตายอย่างสงบสุข ถ้าผมยังเศร้า ถ้าตายไปด้วยจิตใจเศร้า ผมคงตกนรกหมกไหม้แน่ อันนี้พระอาจารย์ท่านบอกมา ว่า ถ้ารักแบบครอบครองเป็นคู่รักไม่ได้ ก็รักแบบเมตตาได้ไหม ที่จริงเธอเป็นเพื่อนสนิทของผมตั้งแต่มัธยม ที่ผมรักเธอแต่สำหรับเธอ ผมเป็นเพื่อนที่เธอพึ่งได้มากที่สุดคนนึงเวลาเธอมีปัญหา ผมเล่าต่อล่ะนะ ผมอยากจะบอกจริงๆ ว่าความรู้สึกของผมทีมีต่อเธอ คนที่ผมรักมันดำเนินมานาน ถึง 7 ปีแล้ว ผมอยู่กับความรู้สึกนี้มานาน 7 ปี จนฝังอยู่ในใจ ผมเคยลืมไปหลายครั้งแต่มันหวนกลับมาเสียดแทงหัวใจหลายครั้งเมื่อ หลังจากที่รู้ว่าเธอเริ่มมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาเกี่ยวพันเมื่อซัก 5 ปีก่อน ทั้งๆ ที่ผมตามรักมานานมาก แต่เค้ามาตัดหน้าผมไปซะท่านผู่อ่านคงเข้าใจล่ะนะว่าเรารักมานานแต่คนมาทีหลังมาหักหน้าเอาแบบนี้มันรู้สึกยังไง ตอนนั้นผมและเธอต่างก็เป็นนักศึกษา แต่ผมโดนไทร์มาอยู่ราชภัฏที่บุรีรัมย์ซึ่งต้องเริ่มเรียนใหม่ เธอก็คบกับชายคนนี้ซึ่งมีงานทำ มีฐานะอันจะกิน ผมรู้สึกยินดีบ้างแต่ความรู้สึกบางอย่างมันเสียดแทงหัวใจเหมือนมีเข็มปักฝังอยู่ภายใน แต่ยังไงก็คงฝังเธอไว้ในสุสานหัวใจเพราะรู้สึกว่าคงไม่มีใครแทนที่เธอได้ อีกอย่างในสมัยเรียนมัธยมเธอเป็นเพื่อนสนิทที่ผมสนิทสนมที่สุด โชคชะตาความรักที่ผิดหวังมาตลอดทำให้ผมต้องเปลี่ยนจากคนเรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้วมาเป็นหนุ่มมาดเซอร์ซกมก บ้านและหอรกรุงรังอยู่อย่างนี้ จะเล่าให้ฟังเอาไหม ว่าคืนนั้นแหละผมโทรหาเค้า นึกว่าเธอจะกลับมาเป็นครูที่บ้านแล้ว แต่เค้ากลับไปอยู่กรุงเทพเหมือนเดิมเพราะแฟนเธอไห้กลับ ผมเลยแค้นสุดๆ ไม่รู้จะทำไง เป็นเวลา 5 ปีแล้วนะครับที่ผมจมอยู่กับรักมา 5 ปีเต็มๆ ทำให้ผมเปลี่ยนจากคนที่บุคคลิกภาพแบบเรียบร้อยสุภาพ มาเป็นพวกติสต์แตก แนวอาร์ตๆ ปล่อยตัวปล่อยใจตามอารมณ์สุดๆ นี่แหละสาเหตุที่ผมมาเป็นคนแบบนี้ เพราะโชคดีที่ผมมีกีตาร์ตั้ง 2 ตัวเป็นเพื่อนในยามเหงา เป็นเพื่อนเดินทางเวลาไปไหนพาไปด้วย เพื่อนผมคนนั้น ขนาดผ่านมา 5 ปีแล้วยังลืมเธอไม่ได้ ต้องคอยโทรถามข่าวเธอว่าเป็นยังไง ทั้งๆ ที่โทรไปแล้วเรื่องที่รับรู้มันเสียดแทงหัวใจขนาดไหน ทั้งๆ ที่รู้ว่าหัวใจจะต้องช้ำเลือดช้ำหนอง รุ่มร้อน เร่าร้อนในห้วใจขนาดไหน น้ำตาต้องตกกี่ครั้งก็ไม่รู้ พ่อแม่ผมเป็นข้าราชการระดับมหาวิทยาลัย แต่อยู่คนละมหาลัยกับที่ผมเรียน ลูกของเพื่อนพ่อแม่ผมที่เป็นข้าราชกรด้วยกันเค้าเป็นหมอ ตำรวจ ทหาร ข้าราชการฐานะใหญ่โตทั้งนั้นเค้ามีแต่แต่งตัวภูมิฐานสุภาพมีฐานะแต่ผมทำตัวแตกต่างมากชอบทำตัวติสต์แตกตลอดขลุกอยู่กับพวกนักดนตรีโฟล์คซอง และพวกวาดรูป แต่งตัวแบบคนเซอร์ไม่เหมือนลูกขาราชการคนอื่นๆ เลย ที่เค้าเป็นได้แบบพ่อแม่เค้า แต่ผมชอบเป็นศิลปินข้างถนนที่ไม่ได้เด่นดังอะไร เล่นดนตรีร้องเพลงไปวันๆ คุณคิดว่า เป็นยังไงล่ะ ขนาดผมแต่งตัวเซอร์ขนาดไหน ทำตัวมอมแมขนาดไหน คนเค้ายังมองออกว่าต้องเป็นลูกข้าราชการมีฐานะ ทำไมเค้าดูออกอ่ะ ขนาดนุ่งการเกงยีนส์ขาดๆ เสื้อผ้าฝ้ายเก่าๆ ดำๆน่ะ แถมทรงผมเซอร์ๆ ด้วย ผมรักเธอมานานตั้งแต่มัธยมแล้วน่ะ แต่พอพวกเราเรียนจบม.6 นะ เ ธอไปเรียนที่สารคาม ส่วนผมมาเรียนที่โคราช ตอนปี 2 ผมได้บอกรักเธอ พร้อมกันนั้น ทางโน้นได้มีผู้ชายคนหนึ่งมาจีบเธอและเป็น แฟนกัน ผมแค้นมากที่เค้ามาตัดหน้าผม ผมเป็นทุกข์มานานถึง 5 ปีเต็มๆ นะ จนผมต้องกินเหล้าเมาขาดเรียนบ่อยจนโดนรีไทร์จากโคราช อยากจะดึงรั้งเธอไว้ แต่ปัจจุบันเธอได้อยู่กินกับผู้ชายคนนั้นแล้ว และเธอคงไม่มีวันกลับมาหาผมแล้วหละ ความเสียใจมันได้ย้อนกลับมาเสียดแทงหัวใจผมครั้งที่สามแล้วนะ เล่าเรื่องมายาวแล้ว ผมขอแนะนำตัวผมชื่อแจ๊ค เชาวริณครับ เรียนคณะครุศาสตร์ด้านเทคโนโลยี แต่กลับชอบงานศิลป์และเล่นดนตรี ทำตัวอาร์ตๆ เป็นพวกติสต์แตกทั้งๆที่เรียนครู ผมเองก็ไม่ใช่นักเขียน อาจจะอ่านแล้วขัดตาก็ได้ครับ
#2
โพสต์เมื่อ 13 August 2009 - 08:29 AM
แต่พอจะรู้ว่าความรัก ก็เกมส์เดิมๆที่เปลี่ยนผู้เล่นรายใหม่มาเล่นอยู่ร่ำไป
ใครที่พ้นจากความทุกข์ในเกมส์นี้ได้ แปลว่าเป็นผู้เล่นที่ชนะแล้ว
ถ้าเปรียบความรักเป็นเป็นเศรษฐี ตอนนี้คุณก็เหมือนติดอยู่ในช่องหยุดเล่น 1 ตา หรือติดคุก เดี๋ยวพอคุณหลุดออกมาคุณก็จะสบายใจขึ้นครับ เชื่อเถอะครับ ผมเล่นเกมส์นี้บ่อยแล้ว
#3 *sky noi*
โพสต์เมื่อ 13 August 2009 - 09:18 AM
#4
โพสต์เมื่อ 13 August 2009 - 09:46 AM
#5
โพสต์เมื่อ 13 August 2009 - 09:57 AM
#6
โพสต์เมื่อ 13 August 2009 - 10:22 AM
แสดงว่าคุณรักเธอไม่จริงนะคะ ถ้ารักจริง มันจะมีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ใจคิดได้ว่า ใครรักเราจริง แล้วเรารักใครจริง
หมายถึงคิดได้ว่า พ่อ แม่ รักเราเสมอ แล้วเวลาที่เรารักใครแต่เค้าอยู่กะเราแล้วเค้าไม่มีความสุขนะ คุณรู้สักงัย ถ้าถามเรานะเลยที่จะต้องเลือก เราถามตัวเราเองเลยว่ารักเค้ามั้ย ถ้ารักเค้าแต่เค้าอยุ่กะเราแล้วเค้าไม่มีความสุข เราเห็นเค้ามีความสุขโดยที่เราไม่เป็นเจ้าของเค้าดีกว่า ทนไม่ได้ที่จะเห็นคนที่เรารักอยู่กะเราแล้วทุกข์ ไม่สุขใจ เราจะทุกข์ยิ่งกว่าอีกนะคะ แล้วอีกอย่างคุณไม่รักตัวเองเลย แล้วสาว ๆ ไหนจะกล้าฝากชีวิตไว้ละคะ
อ่านมาแล้วไม่แน่ใจตอนนี้เป็นงัย ทาน ศิล ภาวนา มั่นคงมั้ย ยังกินเหล้าอยู่เปล่า ทำตัวเองให้ดูดียัง อะไรประมาณเนี่ย เข้าวัดเป็นประจำหรือเปล่า เรื่องที่จะรับรองว่าคุณเป็นคนดีนะ
#7
โพสต์เมื่อ 13 August 2009 - 10:29 AM
#8
โพสต์เมื่อ 13 August 2009 - 10:41 AM
- หันมาวิเคราะห์ตัวเราเองก่อน ว่าที่ผ่านมา เราได้วางตนเหมาะสม คู่ควรให้ผู้อื่นรักและมั่นใจตัวเราได้มากน้อยเพียงใด
- เมื่อรู้จุดบกพร่องก็ปรับปรุงแก้ไข หาเป้าหมายแก่นสารชีวิต ทำชีวิตให้มั่นคง ให้ผู้อื่นเกิดความศรัทธาในตัวเรา
- แต่มาถึงตอนนี้ แม้ปรับปรุงได้...สายน้ำนั้นก็พัดผ่านไป ก็ต้องยอมรับว่าโอกาสนั้นไม่หวนคืน
- หากยังไม่ตัดอาลัยอาวรณ์ โลกก็ยังคงคับแคบ หลอกให้เราตกอยู่ในวังวน เฉาชีวิตจิตเศร้าหมอง นำมาซึ่งการตัดสินใจที่ผิดพลาดเพราะขาดสติอันจะเสี่ยงต่อทางแห่งอบาย
- ขออโหสิกรรมให้อภัยซึ่งกันและกัน...ในความพลาดพลั้ง ที่ผ่านมาในอดีต อย่าให้มีสิ่งใดค้างคาใจกัน
- เริ่มต้นชีวิตใหม่ เปิดใจให้กว้างสู่โลกทรรศน์ แล้วคุณจะทราบความจริงบางส่วนว่า โลกที่เราอยู่นั้นยังมีสิ่งดีดี งดงามและน่าอยู่ ไม่น่าจะเสียเวลามาจมปรักกับหนทางที่คับแคบเช่นนี้
- ผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปแล้ว แม้จิตใจคุณจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ในสังคม คุณยังต้องพบเผชิญกับปัญหาอื่นๆอีกหลากหลายมากมาย
- ทุกๆท่านในนี้ต่างก็ช่วยคุณได้เพียงให้คำแนะนำเท่านั้น ทำแทนคุณไม่ได้ เพราะคุณเท่านั้นที่ต้องลิขิตชีวิตคุณเอง ด้วยหลักการที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
#9
โพสต์เมื่อ 13 August 2009 - 10:44 AM
ลองนั่งสมาธิ ดู ทำให้ได้ทุกวัน
ช่วงแรกวันละ 20-30 นาที ก็ได้ ต่อไปก็เพิ่มเวลาเรื่อย ๆ
มองดูพระภายในตัวให้ได้ แล้วน้องเชาวริณ จะพบความสุขที่แท้จริงค่ะ
ขออวยพรให้น้องชนะตัวเองให้ได้นะคะ
มาบวชช่วงสั้น ดีไหมคะ อาจจะทำให้อะไร ดีขึ้นมานะคะ
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#10
โพสต์เมื่อ 13 August 2009 - 11:03 AM
#11
โพสต์เมื่อ 13 August 2009 - 11:28 AM
น่าเห็นใจมากเลยนะค๊ะ...ทำไมเอาชีวิติที่มีคุณค่าของเราไปให้กับคนที่เขาไม่เห็นคุณค่าละค๊ะ
คุณพ่อ,คุณแม่ท่านรักลูกเสมอนะค๊ะ ไม่ว่าลูกจะดีเลวขนาดไหนการที่ท่านให้กำเนิดตัวเรา
ก็มีบุญคุณมากอยู่แล้ว...และการที่ท่านเลี้ยงดูเรามาจนโต...ก็หวังอยากจะให้ลูกได้ดี..
มีอนาคตที่ดี...นี่คือน้ำใจของพ่อ,แม่ เราน่าจะทำตัวไม่ให้ท่านต้องเสียใจ
ชีวิติมีค่ามากทำให้สมกับคุณค่าของชีวิตด้วยการมาร่วมโครการบวช 7,000 รูป 7,000 ตำบล ก่อนนะค๊ะ
อย่าไปคิดอะไรมากเรื่องของผู้หญิงตอนนี้...ทำชีวิติและอนาคตของเราให้มีคุณค่า
ชีวิติเป็นของน้อย ค่ะเฉลี่ยปัจจุบัน แค่ 75 ปีเอง...และยังไม่รู้เลยว่าอายุของเรา
จะยืนยาวแค่ไหน...เอาวันเวลามาสร้างคุณค่าชีวิติด้วยการบวชก่อนนะค๊ะ
สร้างคุณค่าชีวิติด้วยการร่วมโครงการบวช 7,000 รูป 7,000 ตำบล
#12
โพสต์เมื่อ 13 August 2009 - 01:28 PM
สิ่งที่อยากเขาก็หลอก สิ่งที่หยอกเขาก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย
เลิกอยาก ลาหยอก รีบออกจากกาม เดินตามขันธ์สามเรื่อยไป
เสร็จกิจสิบหก ไม่ตกกันดาร เรียกว่านิพพานก็ได้
คำของพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนีค่ะ
หากจัดสรรเวลาได้สัก 3 อาทิคย์ ขอเชิญนะคะ บวช 7,000 รูปค่ะ
รายละเอียดอยู่ใน web dmc.tv นี้แล้วค่ะ
เข้าเรื่องจนได้
#13
โพสต์เมื่อ 13 August 2009 - 02:41 PM
จะได้มีกำลังใจที่สูงส่ง เพราะคนที่ไม่มีกำลังใจ ก็เหมือนคนที่ตายไปแล้วครึ่งตัว สู้ ๆ
การมีชีวิตอยู่ และอยู่อย่างมีความสุข มันดีกว่าอยู่แล้ว
เราพรางคนอื่นได้ แต่เราพรางตนเองไม่ได้
#14
โพสต์เมื่อ 13 August 2009 - 04:50 PM
ความรัก คิดแต่จะให้
แต่ ความใคร่ คิดแต่จะเอา
รักอย่างเดียว ก็คิดให้อย่างเดียว
ใคร่อย่างเดียว ก็คิดเอาอย่างเดียว
ทั้งรักทั้งใคร่ ก็ให้แต่หวังเอาคืนด้วย
มาบวชดีกว่านะน้อง ทำตัวซกมก จิตใจมันก็จะพลอยซกมกตามไปด้วย
การบวชก็เหมือนตัดขาดจากอดีต ผู้หญิงอกหักเขายังถือเคล็ดไปตัดผมเลย เราชายชาตรี บวชดีที่สุด ได้ทั้งตัวเอง พ่อแม่ วงศ์ตระกูล
#15
โพสต์เมื่อ 13 August 2009 - 04:52 PM
#16
โพสต์เมื่อ 13 August 2009 - 06:33 PM
คำตอบขั้นเทพเลยนะเนี่ย ว่าแต่ว่า...อย่าเล่นบ่อยละกัน เกมส์เศรษฐีเนี่ย เดี่ยวติดใจ หรือบังเอิญเกิดติดคุกตลอดชีวิตขึ้นมาล่ะแย่เลย
#17
โพสต์เมื่อ 14 August 2009 - 12:21 AM
เพราะการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมอย่างทันทีทันใดแบบนี้ ด้วยการมาบวชที่วัดพระธรรมกาย จะทำให้เราลืมเรื่องทุกข์ใจ ที่เราไปติดหล่มความคิดมานานตั้ง 5 ปีได้ชะงัดนักแล พอได้โอกาสมาบวช สิ่งดีจะเข้ามาแทนที่ในใจเราเอง และตลอดช่วงเวลาของการบวชถ้าน้องปฏิบัติตัวเป็นพระแท้ ก็รับรองได้เลยว่า หลังจากลาสิกขาแล้วจะพบเจอสิ่งดีๆกว่าเดิมๆหลายร้อยพันเท่านัก
ไม่ต้องคิดมาก มาบวชเลยครับ มาบวชเพื่อเริ่มต้นเรียนรู้ความหมายที่แท้จริงของ..ชีวิต..ที่ทุกข์น้อยลง..และสุขง่ายขึ้น ถาวรขึ้น
#18 *innerspot*
โพสต์เมื่อ 14 August 2009 - 12:54 AM
#19
โพสต์เมื่อ 14 August 2009 - 02:39 PM
2. รักคนที่รักเรา คือ พ่อกับแม่ อุตส่าห์ลำบากเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ ผู้หญิงโตมาค่อยเจอกัน ควรตอบแทนท่านด้วยการบวช7000รูป
3.เลิกฟังเพลง ไผ่ พงศธร (ยังลืมเธอไม่ได้ ต้องโทรไปถามข่าว) หรือเพลงฝังเธอไว้ในสุสานหัวใจ เปลี่ยนมาฟังเพลง เพื่อเธอ หินเหล็กไฟ อย่าไปเสียน้ำตา โปเตโต้
4. ไม่จากเป็น ก็จากตาย เราไม่จากเขาไปก่อน เขาก็จากเราไปก่อน คน สัตว์ สิ่งของ เป็นเช่นนี้หลวงพ่อบอกเอาไว้
#20
โพสต์เมื่อ 14 August 2009 - 08:44 PM
ทางที่จะปลอดภัยจากรักก็ฉันนั้น มีอยู่ทางเดียวคืออย่ารัก
#21
โพสต์เมื่อ 14 August 2009 - 10:06 PM