ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

พระในบ้าน 2


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
ไม่มีการตอบกลับในกระทู้นี้

#1 Thaikeramos

Thaikeramos
  • Members
  • 12 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 August 2009 - 12:34 PM

ความเชื่อถือของคนโบราณมีว่า โลกนี้มีเทพชื่อนั้นๆ เป็นใหญ่คอยกำกับคุ้มครองมนุษย์ไว้เรียกว่า “ท้าวโลกบาล” มี 4 ท่าน คือ - ท้าวธตรฐ ประจำทิศตะวันออก - ท้าววิรุฬหก ประจำทิศใต้ - ท้าววิรูปักษ์ ประจำทิศตะวันตก - ท้าวกุเวร ประจำทิศเหนือ ท้าวโลกบาลซึ่งเป็นเทพเจ้าเหล่านี้ทำหน้าที่ปกป้องผองภัยให้ชาวโลกอย่างไร พ่อแม่ก็มีหน้าที่ปกป้องภัยให้แก่เลือดในอกของตนคือลูกอย่างนั้น และท่านก็ทำเช่นนี้มาก่อนใครหมดแม้ท้าวโลกบาลทั้ง 4 นั้นจะเผลอหรือไม่ยอมปกป้องเราก็ตามแต่ พ่อแม่ไม่เคยลืมและไม่เคยละทิ้งท่านปกป้องเราตลอดมา ท่านปกป้องอย่างไร ? ข้อนี้เห็นจะต้องสาธยายกันยาวหน่อย เพราะเป็นเรื่องจริงที่มองเห็นได้ แต่เรื่องจริงนี้แปละที่เรามักจะมองข้ามความสำคัญไปหรือทำเป็นไม่รู้เสียเฉยๆ ก็มี เรื่องปกป้องลูกนี้ พ่อรู้สึกจะทำได้น้อยและไม่ค่อยสนิทนักเหมือนแม่ แม่ทำสิ่งที่ทำได้ยากได้แม่ต้องอดทนอดกลั้นทุกอย่างนับแต่รู้ว่าลูกมาเกิดแล้ว เคยทานเผ็ดก็ต้องงด เคยทานร้อนก็ต้องเว้น กลัวลูกจะลำบาก เคยกระโดดโลดเต้นก็ต้องหยุด กลัวพลาดพลั้งหกล้มไปจนเป็นอันตรายต่อลูกในท้อง จะทำงานหนักก็กลัวลูกจะทรมานสารพัดจะกลัว คลอดออกมาแล้วยิ่งไม่ให้ ห่างหูห่างตาได้เลย ประคบประหงมยิ่งกว่าไข่ในหินเสียอีก ชนิดที่เรียกว่า “ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม” นั่นเชียวละ ดึกๆ ดื่นๆ จะง่วง จะเพลีย จะหนาวจะร้อนอย่างไร หากลูกร้องขึ้นมา แม่เป็นต้องสะดุ้งตื่นและรีบดูลูก หาสาเหตุว่าลูกร้องทำไม ลูกพูดไม่ได้สักคำบอกไม่ได้สักนิดว่าเป็นอะไรจึงร้อง แม่ต้องเดาเอาว่าต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แล้วทำไปจนกว่าลูกจะหายร้อง หากยังไม่หายก็ต้องคอยปลอบคอยเอาใจกันอยู่นั้นแล้ว แม้ว่าลูกจะหลับคาอกไปแล้ว แต่แม่ก็ยังหาหลับได้สนิทลงไปไม่ แม่ทำยิ่งกว่านี้ ปกป้องลูกยิ่งกว่านี้ และท่านมานับด้วยสิบปีคือ ตั้งแต่ลูกมี “เท้าเท่าฝาหอย” อย่างที่พูดกันจริงๆ พอลูกเติบใหญ่มีวัยอันสมควรแล้ว ความต้องการของลูกเพิ่มขึ้นทั้งที่จำเป็นและไม่จำเป็น ยามหิวพ่อแม่ก็หามาป้อนยามเจ็บไข้ก็พยายามเยียวยารักษา ยามร้องก็ใช้อ้อมอกและอ้อมแขนนั่นแหละเป็นเครื่องปลอมประโลมให้หายเศร้าโศก คอยเอาตาดูหูใส่ ทั้งในเวลาลูกกิน ยืน เดิน นั่ง นอน เล่น ไม่ว่าลูกจะไปทางไหนเป็นต้องชำเลืองตามองตามเสมอ กลัวลูกจะพลัดตกหกล้ม กลัวเป็นอันตราย กลัวไปเสียทุกอย่าง กว่าจะปกต้องรักษาอวัยวะต่างๆ ของลูกให้อยู่ครบมาได้จนโตนี้ พ่อแม่ต้องเหนื่อยยากเหลือเกินกว่าลูกจะรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ พ่อแม่ลงทุนลงแรงมากเหลือเกิน แล้วอย่างนี้จะไม่สมควรเรียกท่านว่าเป็น “พระเทพ” ได้อย่างไร แต่ก็ประหลาดใจอยู่เหมือนกัน พ่อแม่น่ะหวงแหนอวัยวะแขนขาของลูก ขนาดจะตีลูกสักแปะก็ต้องคิด กลัวลูกจะเจ็บปกป้องมามิให้มีรอยด่างพร้อย หรือถูกขีดข่วนเป็นบาดแผลในร่างกายของลูก แต่ลูกสิกลับนำอวัยวะร่างกายส่วนนั้นๆ ไปสังเวยหรือรองรับคมมีด คมกระบอง หรือลูกปืนของผู้อื่นโดยง่ายดายเหลือเกิน เวลาพ่อแม่ตีทำไมชอบโวยวายร้องไห้ ให้ลั่นบ้านทีไปถูกตีหรือเตะต่อยมาหน้าตาเขียวปูดทำไมชอบ ทำไมไม่เสียดายอวัยวะที่พ่อแม่อุตส่าห์ปกป้องมา และเลี้ยงดูมาจนเติบโตแข็งแกร่งกันเสียบ้างเลยทำไมจึงเป็นกันอย่างนี้ก็ไม่รู้ น่าประหลาดนัก มิใช่เฉพาะร่างกายเท่านั้นที่พ่อแม่ปกป้องให้ลูก แม้ชื่อเสียงของลูกพ่อแม่ก็คอยป้องกันไว้ให้เสมอกลัวลูกจะเสียชื่อเสียเสียง กลัวลูกจะดีไม่เท่าเขา จะดูได้จากเวลามีใครมาด่ารว่าลูกของตัวว่า ไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ ไปทำเสียอย่างนั้นอย่างนี้ หรือมาว่าเสียๆ หายๆ อย่างอื่น พ่อแม่เป็นต้องออกรับแทนลูกก่อนทุกครั้งไป จะปฏิเสธเป็นพัลวันทีเดียวว่าไม่จริงเป็นไปไม่ได้ ลูกตัวไม่เป็นอย่างนั้นแน่ทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่ได้สืบสาวราวเรื่องเลยว่าที่ะเขาพูดนะเป็นจริงแค่ไหนแต่ก็ป้องกันชื่อเสียงลูกไว้ก่อนละ