น้ำปัสสาวะรักษาโรคจริงไหม
#1
โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 11:28 AM
#2
โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 04:35 PM
แต่ก็ขึ้นอยุ่กับ บุญบาปในตัวอยุ่เบื้องหลังครับ
จะเจอยาดี หมอดี รึอยู่ ๆ ก็หายได้ เพราะกรรมหมด หรือมีบุญเป็นเหตุเบื้องหลังให้เจอเหตุในปัจจุบันที่ทำให้หายได้
ยืนยันตัวจริงเสียงจริงเจ้าของกรณีศึกษากฎแห่งกรรม
http://video.dmc.tv/programs/life_in_samsara/page5.html
หนังสือเรียนธรรมะ DOU http://book.dou.us/d...ya-book-gl.html
GL 101 จักรวาลวิทยา http://book.dou.us/gl101.html
GL 102 ปรโลกวิทยา http://book.dou.us/gl102.html
GL 203 กฎแห่งกรรม http://book.dou.us/gl203.html
GL 305 ปฏิปทามหาปูชนียาจารย์ http://book.dou.us/gl305.html
#3
โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 05:55 PM
#4
โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 06:32 PM
ตามพระไตรปิฎก
แต่ขอยกเอา
วิชา สรรพศาสตร์ในพระไตรปิฎก(บทที่ บทที่ 11 แพทยศาสตร์ในพระไตรปิฎก) มานะคะ
11.3.3 ยารักษาโรคในพระไตรปิฎก
ยารักษาโรคในพระไตรปิฎกเป็นยาที่ได้จากธรรมชาติโดยตรง ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติสามารถนำมาใช้เป็นตัวยาได้ทั้งหมด หากเรารู้คุณสมบัติในส่วนที่เป็นยาของมัน ครั้งหนึ่งหมอชีวกโกมารภัจจ์ถือเสียมเดินไปรอบเมืองตักกสิลาเป็นระยะทาง 1 โยชน์ เพื่อต้องการหาว่ามีสิ่งใดบ้างที่ไม่อาจจะนำมาทำเป็นยาได้ แต่ท่านไม่พบสิ่งนั้นเลย จากเรื่องนี้จึงอาจจะกล่าวได้ว่า "สรรพสิ่งในธรรมชาติสามารถนำมาทำยาได้หมด" สำหรับยาต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกและอรรถกถานั้น สามารถแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ดังนี้ คือ น้ำมูตรเน่า, เภสัช 5, สมุนไพร, เกลือ, ยามหาวิกัฏ และ กลุ่มเบ็ดเตล็ด
1) น้ำมูตรเน่า
มูตร แปลว่า น้ำปัสสาวะ คำว่า"น้ำมูตรเน่า" ก็คือน้ำมูตรนั่นเอง เพราะร่างกายของคนเราได้ชื่อว่าเป็นสิ่งเปื่อยเน่า น้ำมูตรที่ออกมาใหม่ๆ และรองเอาไว้ในทันทีทันใด ก็ได้ชื่อว่าเป็นน้ำมูตรเน่าเพราะออกมาจากร่างกายที่เปื่อยเน่า
การนำน้ำมูตรเน่ามาทำเป็นยาจะทำโดยวิธีการดองด้วยตัวยาอื่นๆ เช่น สมอ เป็นต้น จึงมักจะเรียกว่า "ยาดองน้ำมูตรเน่า" ซึ่งมีสรรพคุณในการรักษาโรคต่างๆได้หลายชนิด
น้ำมูตรเน่าเป็นยารักษาโรคหลักของพระภิกษุในสมัยพุทธกาล เป็นหนึ่งใน "นิสสัย 4 ที่พระภิกษุจะต้องใช้เป็นประจำ ซึ่งพระอุปัชฌาย์จะบอกในวันบวชว่า "ให้อยู่โคนไม้เป็นวัตร บิณฑบาตเป็นวัตร ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร และฉันน้ำมูตรเน่าเป็นยา" พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า "บรรพชาอาศัยมูตรเน่าเป็นยา เธอพึงทำอุตสาหะในสิ่งนั้นตลอดชีวิต..." และพระองค์ยังตรัสว่า น้ำมูตรเน่านั้นเป็นของหาง่าย และไม่มีโทษ
ที่มา : http://main.dou.us/v...s_id=308&page=5
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#5
โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 08:07 PM
V
V
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=15262
และกระทู้ข้างล่างนี้ ได้พูดถึงยาหรือโอสถวิเศษของพระพุทธเจ้า น่าศึกษาครับ
V
V
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2822
เท่าที่ศึกษามา พบว่าการใช้ปัสสาวะเป็นการรักษาโรคนั้น เป็นส่วนหนึ่งของคำบอกอนุศาสน์ในพิธีอุปสมบทที่พระอุปัชฌาย์จะต้องบอกนิสสัย 4 ประการ ให้แก่พระบวชใหม่
นิสสัย 4 คืออะไร ? นิสสัย 4 แปลว่า เครื่องอาศัยของบรรพชิตอันได้แก่
1) ปิณฑิยาโลปโภชนะ คือ โภชนาหารที่ได้มาด้วยกำลังปลีแข้ง หรือ เดินบิณฑบาตนั่นเอง
2) บังสุกุลจีวร คือ ผ้าที่เข้าทิ้งตามกองขยะหรือตามป่าช้า แสดงถึงชีวิตที่สมถะเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย
3) รุกขมูลเสนาสนะ คือ การอาศัยโคนไม้
4) ปูติมุตตเภสัช คือ ยาดองจากน้ำมูตรเน่าหรือน้ำปัสสาวะ เข้าใจว่าอาจจะเป็นพวกสมุนไพร ผัก ผลไม้นำมาดอง ไม่ได้ดื่มสดๆ เพียวๆ (อันนี้ตามความเข้าใจของผู้โพสต์)
พระพุทธเจ้าทรงกำหนดให้พระภิกษุยังชีพโดยอาศัยสิ่งเหล่านี้ โดยกล่าวเป็นภาษาบาลีว่า
"ปูติมุตตะเภสัชชัง นิสสายะ ปัพพัชชา ตัตถะ เต ยาวะชีวัง อุสสาโห กะระณีโย อะติเรกะลาโภ สัปปิ นะวะนีตัง เตลัง มะธุ ผาณิตัง"
หากจะให้วิเคราะห์จากนิสสัย 4 ประการนี้ ก็น่าจะมาจากพระพุทธประสงค์ที่ต้องการให้พระภิกษุดำรงชีวิตที่เรียบง่าย ประหยัดสุด ประโยชน์สูง ใกล้ชิดธรรมชาติ และได้ออกกำลังกายด้วยตนเอง
จากที่ได้ศึกษามา นอกจากในพระพุทธศาสนาที่บันทึกเรื่องนี้ไว้ ก็พบว่าการดื่มปัสสาวะรักษาโรค ที่ได้การยอมรับมากๆ ก็จากประเทศในซีกโลกตะวันออกคือแถบเอเชียบ้านเรา เริ่มที่วงการแพทย์แผนจีนถือว่า น้ำปัสสาวะของเด็กทารกเป็นยาบำรุงอย่างดีสำหรับคนผอมแห้งแรงน้อย หรือเป็นตาลขโมย แพทย์แผนไทยใช้น้ำปัสสาวะเป็นกระสายยา ดองเภสัชสมุนไพรหลายชนิด ส่วนในประเทศอินเดียนิยมการดื่มน้ำปัสสาวะทั้งส่งเสริมสุขภาพและรักษาโรค ยกตัวอย่างวิชาโยคะมีกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อล้างพิษในร่างกายด้วย
แต่ว่า คำสอนนิสสัยข้อที่ 4 ที่ว่าด้วยการดืมปัสสาวะเป็นยารักษาโรคนี้ก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างกว้างขวางในหมู่แพทย์ทั่วโลก ทั้งแพทย์ปัจจุบัน และแผนโบราณ
โดยเฉพาะในประเทศไทย เมื่อ พุทธศักราช2546 เกือบสิบปีมาแล้ว กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศมาฉบับหนึ่งว่า ปัสสาวะคือของเสีย ไม่มีสารที่เป็นประโยชน์ รักษาโรคไม่ได้ ความเชื่อเรื่องนี้เป็นค่านิยมผิดๆ
เร็วๆ นี้ได้ฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะชีโวเทศน์ทาง DMC ในเรื่องนี้พอดี ท่านบอกตอนหนึ่งว่า ข้อปฏิบัติหนึ่งในสี่ประการในนิสสัยสี่ที่ว่าด้วยการดื่มน้ำปัสสาวะนั้น ความจริงถือว่าปัสสาวะเป็นส่วนหนึ่งของของเสียในร่างกาย เมื่อเราดื่มกลับเข้าไป น่าจะไปเป็นตัวไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารต้านพิษขึ้นมาในร่างกายในลักษณะเดียวกันกับที่ปัจจุบันแพทย์ใช้วิธีการฉีดวัคซีน หรือพิษต้านพิษฉีดให้เรามีภูมิต้านทานโรคนั่นเอง
แต่ไม่ใช่ว่า โรคทุกโรคจะรักษาได้หมดด้วยปัสสาวะ เพราะโรคภัยไข้เจ็บมาจากส่วนหนึ่งคือพฤติกรรมการดูแลรักษาในปัจจบัน และส่วนหนึ่งวิบากกรรมในอดีตด้วย
#6
โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 08:39 PM
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)
#7
โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 09:28 PM
แต่ว่าหลายวันที่ผ่านมาไปอ่านเจอหนังสือสุขภาพที่หลวงพ่อทัตตะเขียนไว้
ก็เลยอยากรู้ข้อมูลอีกค่ะว่าจริงไหม
แต่ก็ไม่กล้าดื่มหรอกค่ะ อิอิ
#8
โพสต์เมื่อ 02 July 2009 - 01:19 AM
#9
โพสต์เมื่อ 02 July 2009 - 11:20 AM
เขาบอกว่า จริง ค่ะ
รักษาได้จริง
อ้้างอิงตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ
วิชา GB 410
การรักษาสุขภาพตามพุทธวิธี
http://main.dou.us/v...s_id=254&page=7
ดีมากมากค่ะ
#10
โพสต์เมื่อ 02 July 2009 - 11:31 AM
แต่ในสังคมเมือง มีทางเลือกอื่นครับ
#11
โพสต์เมื่อ 03 July 2009 - 11:00 AM
งั้นต้งลองกินกันหรือเปล่านะ
.
#12
โพสต์เมื่อ 15 July 2009 - 10:43 AM
นามปากกาของท่าน "บัวใต้น้ำ"
#13
โพสต์เมื่อ 29 August 2009 - 09:47 PM