ธรรมะพิเศษสำหรับขุนรบพิเศษ
กฐินคุณยาย 100 ปี
Episode 1
หัวใจของครัวคือ ความสะอาด ประหยัดสุด ประโยชน์สูง งานบุญใหญ่เลี้ยงคนเป็นแสน เช่นงานสลายร่างคุณยายอาจารย์ ต้องมีอาสาสมัครรับบุญ หุงข้าวตั้งแต่ หกโมงเย็นจนหกโมงเช้าโดยแบ่งผลัดกันรับบุญ ทั้งหมดต้องใช้อาสาสมัครประมาณหลายพันคน เราเห็นภาพสวยๆ แต่เบื้องหลังต้องสู้กันสุดๆ เช่น ใบกระเพรา ต้องเด็ดกันเป็นตันๆ พระเดชพระคุณหลวงพ่อสอนเสมอว่า ต้องเสร็จ ต้องทัน ต้องไปถึงเป้าหมาย ส่วนวิธีการทำอย่างไรก็วางแผนกันไป ดังนั้นเวลาอยู่กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ คำว่าไม่ได้ ไม่มี ไม่มีไม่ได้ ไม่ได้ต้องได้ ต้องได้ดีกว่าดีที่สุด
หลวงพี่ได้อยู่ร่วมสร้างบารมีกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาสิบกว่าปี พูดคำเดียวว่า YES เพราะคำสั้นๆ นี่แหละ ทำให้งานสำเร็จทุกอย่าง
ดังนั้น เวลารับกองกฐินยาย ต้อง YES คำเดียวเท่านั้นจะสำเร็จเป็นอัศจรรย์
เวลาอยู่กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ใช้คำเดียวว่า YES ข้างในท่านทำหมดแหละ งานไม่ว่าจะมากมาย ยากแค่ไหน สุดท้ายสำเร็จหมดทุกอย่าง และสำเร็จเป็นอัศจรรย์ เพราะบารมีของท่าน
หลวงพี่โชคดีที่หมู่คณะให้โอกาสได้รับบุญดูแลครัวด้วย และได้ทำหน้าที่ หน.แผนกประดิษฐานการติดตั้งองค์พระบนแคสดิ้ง เมื่องานเร่งๆ บางครั้งพระเดชพระคุณหลวงพ่อสั่งงานผ่านมาทาง ผ.อ.ของหลวงพี่ ก็ ตอบท่าน ว่า ครับ แค่นี้ ตอบ ครับก่อน แล้วเดี๋ยววิธีการก็จะมาเอง
หลวงพี่ ไม่พูดอะไรเยอะ YES ปุ๊บ ก็ลุยเลย เอาจริงนะ ถ้าจับอะไรแล้วไม่ปล่อยเลย จนกว่างานจะเสร็จ
อะไรที่ทำได้ยากแล้วจะปลื้ม จำได้ไม่ลืมเลย อย่างเช่นมหาธรรมกายเจดีย์ หลวงพี่ไม่เคยลืมเลย เพราะ ทั้งทำบุญ บอกบุญ ทั้งรับบุญติดตั้งด้วยตนเอง และก่อนที่จะมาที่นี่ หลวงพี่ได้ไปช่วย บอกบุญที่ประเทศญี่ปุ่น ก็ปรึกษาทีมงานว่าไหนๆๆปิดเจดีย์ทั้งทีจะต้องปลื้มให้สุดๆๆตั้งเป้าให้สูงเข้าไว้โดยร่วมกันตั้งเป้าที่หมื่นกว่าองค์ก็สำเร็จเป็นอัศจรรย์ หลวงพี่ยังเจออานุภาพอจินไตยมากมายเลย
ปีนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเป็นประธาน การก่อสร้าง อาคารคุณยาย เองด้วย เพราะท่านเคยบอกว่า ถ้าไม่มีคุณยาย ก็ไม่มีหลวงพ่อ และ ไม่มีวัดพระธรรมกาย
ต่อไปอาคารนี้จะเป็นศูนย์รวมของงานเผยแผ่วิชชาธรรมกาย ให้คนทั้งโลก ทุกเชื้อชาติ และ เผ่าพันธ์ได้มาศึกษา
สิ่งก่อสร้างนี้มีอายุเป็นพันปี
โอกาสเปิดแล้ว ทุ่มทำ ทุ่มเท เอาชีวิตเป็นเดิมพันเลย
หลวงพี่เมื่อรับมอบหมายจากหมู่คณะแล้ว จะทุ่มชีวิตเลย จะทำให้สุดๆ พวกเราลองถามตัวเองดูว่า พวกเรา ทำสุดๆแล้วหรือยัง พวกเราจะรู้ตัวเอง แล้วก็รู้ว่าที่เราทำไปยังไม่สุดหรอก ถ้าเราทุ่มสุดชีวิตจริง สำเร็จทุกคน ตั้งกี่กองก็ทะลุ
พวกเราชอบเป็นอย่างนี้ ชอบวิ่งระยะสั้น ไม่ชอบวิ่งมาราธอน เอ้อระเหย ลอยชาย ชมนกชมไม้ ต้องให้จี้ ต้องให้ลนถึงจะถึงเป้า มันเลยรวยแบบฉุกละหุกเกินไป เลยทรัพย์ไม่ได้นอนมา ไม่ได้มาคอยแบบเย็นๆ สบายๆ อย่างเช่นบวชพระ เจ็ดพันตำบล ต้องให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อ รำพึงออกมาแรงๆ
ทำให้สุดๆ ของหลวงพี่หมายความว่าต้องเอาความสามารถออกมาใช้ให้หมดเลย ทั้งกำลังใจ กำลังกาย กำลังความคิด กำลังคำพูด กำลังทรัพย์ ขุมกำลังที่มีอยู่ในตัวทุกอย่างต้องเอามาทุ่มให้หมดเลย
ต้องถามตัวเราเองนะ ว่าเราจริงหรือเปล่า ??? คุณยายท่านจริงนะ จริงคำเดียวสร้างวัดได้ ของเราจริงแค่ หนึ่งกอง ถ้าทำไม่ได้ ยังไม่จริง แสนจริงยังไม่พอ ต้องล้านจริง
พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านขอใช้กายหยาบของลูกเท่านั้น ข้างในท่านทำเอง ถ้าเรามั่นใจในวิชชาธรรมกายพวกเราจะไม่กลัวอะไรเลย หลวงพี่เองมั่นใจในวิชชาธรรมกายมากไม่สงสัยเลย ในวิชชาธรรมกาย
เวลาหลวงพี่ออกไปไหน หลวงพี่จะขอพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า ให้ใช้กายหยาบของลูกเป็นทางผ่านของพระนิพพาน จะไปทำหน้าที่ตามสมบัติให้หลวงพ่อ ขอให้หลวงพ่อท่านทำละเอียด เอากายหยาบทำหน้าที่ตามสมบัติให้ แล้วทุ่มทำไปเลยนะ ลุยแบบสะบั้นหั่นแหลก ไม่กลัวความลำบาก ไม่กลัวทุกอย่าง เมื่อเราทุ่มชีวิตได้ ความลำบากไม่มีความหมาย ขนาดเรายังทิ้งชีวิตได้ ความลำบากจะไปกลัวอะไร ถ้ายังไม่ทิ้งชีวิต ใครเขาด่า เราก็เหี่ยวแล้ว เหี่ยวแล้วแห้ง ห่อไปอีกต่างหาก ห่อ แห้ง เหี่ยว แล้วก็ฟุบ หมดกำลังใจ โถ มัวเสียเวลาทำไมกับสิ่งเหล่านี้ มันเป็นอาการของฝ่ายตรงข้าม เบื่อ กลุ้ม เซ็ง ปล่อยให้เขาเข้ามาในใจ มาทำให้ใจเราท้อแท้และหมดพลัง ฝ่ายบุญมันต้อง YES ต้อง ได้ ต้องมี ต้องสำเร็จ ต้องหลุด ต้องพ้น ต้องชนะ
คนไหนที่เหี่ยว เขาเข้าแล้ว เพราะอีกฝ่ายเขาทำละเอียดตลอด สู้กันอยู่ทุกวินาทีเลย โดยใช้ใจเราเป็นสมรภูมิ
เราอยากรวยสุดๆ ก็ทำให้มันสุดๆ ทุกอย่างสิจ้ะ จะให้ได้ที่สุดแห่งทรัพย์สมบัติก็ต้องทำแบบสุดๆ ถ้าทำแบบขยักขย่อน ก็ได้ รวยแบบขยักขย่อน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทำแบบอย่างให้ดูอยู่แล้ว เหมือนหม้อที่คว่ำ จะให้ตอนสภาวะแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ เป็นคนจน ท่านก็ให้ทานสุดๆ ท่านจึงได้ที่สุดแห่งทรัพย์สมบัติคือสมบัติจักรพรรดิ์ พวกเราฝันว่าจะได้สมบัติจักรพรรด์ แต่ไม่ทำให้สุดๆ มัวแต่นอน ก็ฝันไปเถิด
หลวงพี่จะมองดูตัวอย่างของ พระเดชพระคุณหลวงปู่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสอง คุณยาย ว่าท่านทำอย่างไร เช่น คุณยายท่านทำแบบอย่างให้พวกเราดูอยู่แล้ว คือทำจริง เอาชีวิตเป็นเดิมพัน เอาชีวิตเข้าแลก ทั้งๆที่ท่านก็ไม่รู้หนังสือ ในตอนที่ท่านได้รับคำสั่งจากพระเดชพระคุณหลวงปู่ ให้รอผู้สืบทอดอยู่ทีวัดปากน้ำ หรือ ตอนที่ท่านดูแลคุณยายทองสุก ซึ่งเป็นอาจารย์คนแรกของท่าน ท่านก็เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ในการดูแล เพราะคุณยายทองสุกท่านเป็นมะเร็ง ท่านทุ่มดูแลจนสุดชีวิตเมื่องานเสร็จท่านก็ล้มป่วย ทำทุกอย่างจนไม่สามารถติตนเองได้
พวกเราล่ะ ตอบแทนพระเดชพระคุณหลวงพ่อถึงที่สุดแล้วหรือยัง??? ถ้าไม่มีพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ก็ไม่มีวันนี้ของพวกเรา พวกเราก็จะไม่รู้เป้าหมายของชีวิตว่าเกิดมาทำไม
ต่อให้มีเงินเป็นแสนล้าน จะเกิดมาทำไม ถ้าไม่รู้เป้าหมายของชีวิต ชีวิตก็จะวนเวียน เหมือนนกเหมือน กา กินบุญเก่าไป
พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านไม่สบาย ทั้งโรคลม ปวดหัว โรคที่ขา ถามว่าถ้าไม่มีพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เงินเราจะเก็บเอาไว้ทำอะไร จะมีความหมายอะไร ทำไมเราไม่เปิดโอกาสให้หลวงพ่อท่านไปทำวิชชา ทำไมเราไม่ สนับสนุนงานหยาบให้บรรลุเป้าหมาย ถ้าเราคิดอย่างนี้ เราจะเกิดกำลังใจที่จะสู้ ไม่ถอยหลังเลย ไม่ว่าปัญหาใดๆไม่สนเลย จะบูชาธรรมพระเดชพระคุณหลวงพ่อให้ได้ แม้ไม่มีทรัพย์ก็จะไปบอกบุญเอา ไม่ได้กลัวสักอย่าง
หลวงพ่อสอนว่าในโลกนี้มีธรรมอยู่สามฝ่าย มีคนอยู่สามประเภท เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย เฉยๆ
แต่ในใจของคนเรา ขึ้นอยู่กับว่ามีอะไรมากกว่ากันเท่านั้นเอง บางคนกุศลมากกว่า อกุศล และ เฉยๆ บางคน อกุศล มากกว่า หรือ บางคน เฉยๆมากกว่า แล้วแต่บุคคล
เวลาเราไปบอกบุญ เจอพวก อกุศล หรือ เฉยๆ ก็ไม่ต้องเหี่ยว เราก็ไปหาพวกที่เป็นกุศลแล้วเขาจะAlertเลย แล้วก็บอกบ่อยๆ
ตอนนั้นหลวงพี่เป็นนักเรียนอยู่ อายุ สิบเจ็ดปี อยู่ชั้นมัธยมห้า ตั้งแต่ปี 28 ช่วงนั้น พวกเราเข้าวัดกันหรือยังจ้ะ ถ้ามาถึงหลวงพ่อช้าพลาดบุญไปเยอะเลย พวกที่มาช้านะ เดี๋ยวจะตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อไม่ทัน ชาติต่อไปหลวงพี่อธิษฐานเลย ขอให้เจอพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เพราะหลวงพี่มาไม่ทันสร้างโบสถ์ กับสภาหลังคาจาก นอกนั้นทุกโครงงานหลวงพี่ได้ทำหมดหลวงพี่ไม่อยากเสียบุญอะไรเลย เพราะฉะนั้น คนที่มาช้า เรารู้ว่าเรามาช้า เราจะไปทำตามอารมณ์ หรือ ทำตามใจไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเราจะมาเจอพระเดชพระคุณหลวงพ่อช้า เหมือนอย่างเดิม ตามผังเดิม เพราะ อัธยาศัยติดมาข้ามชาติ ตามเคส ทำบุญตามอารมณ์บ้าง ทำบางทีบ้าง บางครั้งก็ทำถี่ๆ บางครั้งก็ทำทีๆ ทำตามอารมณ์
ดังนั้นเราจะต้องทำให้ผังเราแน่น แม้มีทรัพย์น้อย ก็ต้องทำถี่ๆ จะได้รวยถี่ๆ
พวกก่อนที่จะทำบุญ คิดมาก กว่าจะได้ทรัพย์มาต้องเหนื่อยซะก่อน
หลวงพี่เคยไปบอกบุญกฐินคุณยาย แปดสิบปี ตำรวจ ที่นครปฐม พอไปถึงท่านก็รำพึงให้หลวงพี่ฟังเลย ชั่วโมงครึ่ง เขาว่าเขารู้ข้อมูลวัดเราเยอะ พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสอนว่า ให้เขาอ๊วกให้หมดก่อน เพราะเขาอึดอัด ไม่เกินสองชั่วโมงที่เขาจะว่า แล้วเขาจะหมดอารมณ์ ไปเอง เหมือนคุณยาย ท่านถูกคนต่อว่า ท่านก็นั่งเข้าที่ฟัง หลวงพี่ก็เชื่อหลวงพ่อ ฟังไปเฉยๆ จรดกลางไปด้วย
สักพักนึง เขาพูดเอง เกิดงงตัวเอง ลืม เพราะที่อึดอัดมันออกมาหมดแล้ว ระบายหมดแล้ว พอระบายก็จะรู้สึกสบาย หลวงพี่ก็ฟังเฉยๆ จรดกลางไป ไม่ใช่เฉยหนีนะ เฉยสู้ ตามที่หลวงพ่อท่านสอน
ดังนั้นเวลาเราไปทำหน้าที่กัลยาณมิตร คือไปรบนะ ในสนามรบจริงๆ รบกับความตระหนี่ในใจคน
ทำบุญเอง หนึ่งล้าน ไม่สะใจเท่าไปบอกบุญ เพราะการทำบุญด้วยตนเอง เป็นการเอาชนะใจตนเอง แต่การไปบอกบุญ เป็นการเอาชนะทั้งใจตนเอง และ ชนะทั้งใจคนอื่น ชนะความตระหนี่ในใจคนอื่น นี่คือสุดยอด ฉะนั้นออกไปทำหน้าที่บอกบุญได้แล้วจ้ะ!!!!
อย่างเคสนี้เจอด่ามาชั่วโมงครึ่ง พอระบายออกหมด งงเลยทีนี้ ถามหลวงพี่ว่าตกลงพวกเรามาทำอะไรกันล่ะ แรกๆ กิเลสมันยังคุม ยังมืดอยู่ พอระบายออกไป ใจเริ่มสว่างๆ มาจากข้างใน พอถามหลวงพี่เข้า ทีนี้ก็ Counter Attack สิ
ทีนี้ก็อธิบายเลย ประเด็นนั้น ความจริงเป็นอย่างนี้ๆ อันนั้นข้อมูลเท็จนะ อันนี้ข้อมูลแท้ เป็นอย่างนี้
เชื่อไหมจากอกุศลนะ เพียงแค่ครึ่งชั่วโมง พลิกเลย จากหน้ามืด เป็นหน้าสว่างเลย ควักตังค์ทำบุญเลย ห้าพันบาท แล้วเข้าใจวัดเลย สะใจมากเลย จากมืดกลายเป็นสว่าง
ถ้าเป็นภาษาฟุตบอล ยิงประตูวินาทีสุดท้ายเลย
เคสนี้ยังจำได้เลย ยังปลื้มอยู่เลย ที่สามารถพลิก จากอกุศล เป็นกุศล และ ทำบุญด้วย
ใครบอกบุญแล้วไม่โดนว่าบ้าง ยกมือสิ เชย!!!! ถ้าอยู่วัดเรา ไปบอกบุญแล้วไม่เคยโดนต่อว่า จะขอดูตัวหน่อย แล้วถ่ายรูปเก็บไว้เลย
แม้แต่คุณยายเอง ท่านเป็นประธานกฐินเอง ท่านก็ไปบอกบุญ ตามต่างจังหวัด ไปเชียงใหม่ ไปสงขลา ไปขอนแก่น ท่านยังสู้เลย ท่านเป็นครูบาอาจารย์ท่านยังทำตัวอย่างให้ดูเลย แล้วเราเป็นใคร ทำไมไม่ออกไปบอกบุญ
ดังนั้นกฐินครั้งนี้ แม้ท่านไม่อยู่เอาพวกเราเป็นตัวแทนได้ไหมจ้ะ????
ต้องออกจากบ้านไปบอกบุญ
หลวงพี่ไปบอกบุญที่โคราช แบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ไปเจอบ้านกลางทุ่งนา เขาเล่นคุณไสย ไปถึงจึงรู้ เห็นโยมนั้งเต็ม ถามดู เขาบอกกันว่า เขามาถอนของ ถ้าเป็นเราๆ คงใจเสีย แต่หลวงพี่สู้ หลวงพี่คิดว่าไปกับหลวงพ่อ กับหลวงปู่ ตายก็ช่างมัน อย่างไรหลวงพ่อ ท่านคงจะไปส่ง
แล้วคนที่เล่นคุณไสย ก็เชิญหลวงพี่ไปนั่ง เขาเอาน้ำส้มมาถวาย พอหลวงพี่เอื้มมือไปจับแก้วน้ำส้ม เสียงผุดขึ้นมาจากในกลางเลยว่า อย่าฉันนะลูกนะ มือที่จับแก้วแข็งเลย ทีนี้ก็ลุยบอกบุญเลย คนนั้นนั่งขัดสมาธิเข้าหาเราเลย จากที่เขาหน้าขาวๆ คล้ำเลย หลวงพี่ก็จรดกลาง นึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ แล้วก็บอกบุญไป ตั้งแต่บ่ายโมงถึงหกโมงเย็น ไม่ได้ฉันน้ำเลย คิดว่าตายก็ตาย
สักพักเขาออกไป แต่เขายังไม่ยอมแพ้ จนหลวงพี่บอกบุญองค์พระสำเร็จ แกนกลาง สามหมื่น ร่วมบุญเลย
ต่อมาขึ้นรถจะกลับ เขาเดินมาแล้วบอกว่า รถหลวงพี่สตาร์ทไม่ติดหรอก แล้วรถสตาร์ทไม่ติดจริงๆด้วย แล้วช่วงนั้นก็จะมืดแล้วด้วย อยู่ในถิ่นของเขาด้วย หลวงพี่นึกถึงหลวงปู่อย่างเดียวเลย ข้างในก็บอกมาอีกว่า อย่าลงจากรถนะลูกนะ เขาหัวเราะใหญ่เลย สักพักจู่ๆก็มีเด็กสองคนเดินมา ไม่รู้เดินมาทำไม มาถามว่ารถสตาร์ทไม่ติด เหรอ แล้วก็เปิดฝากระโปรงรถสักพัก รถสตาร์ทติด รีบกลับวัดเลย
คนที่เล่นของ เขาก็ถามเด็กสองคนว่า เอ็งมาทำไมว่ะ เด็กๆก็ตอบว่าไม่รู้เป็นอะไรอยากจะมาที่นี่ เหมือนมาแก้เคล็ดกัน
ได้องค์พระมาองค์นึง โดยเอาชีวิตเข้าแลก
องค์พระองค์นี้หลวงพี่จำไม่ลืม เพราะเอาชีวิตเข้าแลกจริงๆ
หลวงพี่ก็เขียนเคสไปถามหลวงพ่อ ท่านก็เฉลยไปแล้วว่า เขาไม่พอใจที่ลูกไปบอกบุญเขา แต่เพราะใจลูกใส คุณไสยก็เลยทำอะไรไม่ได้ เพราะความใสของลูกเป็นคุณ ทำให้ไม่โดนคุณไสย และคนนี้เล่นคุณไสยเก่งมาก
หลวงพี่จึงขอยืนยันว่า เราไปกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อจริงๆ ท่านคุ้มครองเรา และ หลวงพี่ก็มั่นใจจริงๆ ไม่เคยสงสัยเลย ว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านไปกับเราจริงๆ และ เวลาพูด หลวงพี่คิดว่า พระเดชพระคุณหลวงปู่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ คุณยายท่านพูด ก็สำเร็จจริงๆ สำเร็จมาตลอดเลย คิดอย่างเดียวว่าต้องทำให้ได้ ต้องทำให้สำเร็จ จะสู้จนถึงที่สุด ถ้ายังมีเวลาจะไม่ยอมแพ้
ถ้าระฆังยังไม่หมดยกนะ จะสู้อย่างเดียว ต้องสู้จนถึงที่สุด
เหมือนคุณยายท่านสู้ สร้างวัดจนป่วยเลย เราเป็นลูกศิษย์ท่านทำไมเราจะไม่ทำอย่างท่าน
ถ้าเรารวมหัวใจเป็นหนึ่งเดียวกันไม่มีใครสู้ลูกพระเดชพระคุณหลวงพ่อ หลานคุณยายได้ รวมใจกันทำสำเร็จหมด เราต้องสามัคคีกันสิจ้ะ ต้องทำงานเป็นทีม เพราะเราจะไปที่สุดแห่งธรรม ศิลปินเดี่ยวไปไม่ได้นะ พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเห็นแล้วว่าจะไปที่สุดแห่งธรรมจะต้องไปเป็นทีม ถ้าท่านไปองค์เดียวได้ ไม่ต้องมารอพวกเราหรอก เพราะท่านเห็นชัดเจนว่า พวกเราต้องไปเป็นทีม ฉะนั้นต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ให้เป็นใจดวงเดียวกับหลวงพ่อ ที่จะไปที่สุดแห่งธรรม
คำว่าเป็นทีมนี่คือ ว่าอย่างไรว่าตามกัน แม้มีอะไรขัดข้อง ก็ YES ไว้ก่อน เพราะเราจะไปเป็นทีม แม้เราจะไม่ถูกใจ ก็ต้องไปก่อน นี่เขาเรียกว่าเป็นทีม ว่าอย่างไรว่าตามกัน อารมณ์ส่วนตัวไว้ที่หลัง อารมณ์ส่วนตัวไปกันก่อน ส่วนรวมเขาว่าอย่างไร ก็ว่าอย่างนั้น เพราะเราจะไปกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อใช่ไหมจ้ะ และ ท่านต้องการเป็นทีมนะ ไม่ใช่ต้องการเดี่ยวๆ พวกเดี่ยวๆ ไมไม่รอดหรอก มารเอาไปกินหมด คนไหนเก่งๆ ส่วนมากไปไม่รอดสักที ฉะนั้นต้องเป็นหมู่เป็นคณะ มีพลังเยอะ
ฉะนั้นกองกฐินที่เราตั้งใจนะ ชนะหมด ถ้าเรารวมใจกันนะ ไม่มีคำว่าแพ้ถ้าเราสู้เต็มที่ สุดชีวิต
สำหรับเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น.....โปรดติดตามตอนต่อไป ครับ
แผ่นดิน (จะพยายาม) ไม่หวั่นไหว ต่อ คำสรรเสริญ และ นินทา
21 กันยายน 2552