ไม่รู้เป็นอะไรค่ะ ช่วยที
#1
โพสต์เมื่อ 23 September 2009 - 05:49 PM
#2 *innerspot*
โพสต์เมื่อ 23 September 2009 - 06:33 PM
#3
โพสต์เมื่อ 23 September 2009 - 06:44 PM
สาธุ
#5
โพสต์เมื่อ 23 September 2009 - 10:52 PM
- ในสังคมที่มีศีล มีวินัย เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ถือเป็นเรื่องปกติ อาทิ ทวีปทั้งสามที่เหลือ บางประเทศในชมพูทวีป เช่น ญี่ปุ่น...
- แต่ในสังคมสีขาว ย่อมถือศีลเป็นสภาวะปกติเช่นกัน แถมยังกล้าบริจาคให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่เครือญาติ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ นอกจากความปรารถนาในการเพิ่มพูนบารมีนั้นๆ
#6
โพสต์เมื่อ 24 September 2009 - 02:35 AM
อย่างนี้ไม่ผิดปกติหรอกครับ อย่างน้อยก็ปกติตามศีลข้อ ๒
ศีล ท่านหมาย เอาว่า ปกติ ครับ ถ้าครบศีลทั้ง ๕ ข้อ ก็คือ ปกติของมนุษย์
พวกที่ผิดศีลเสียอีกละครับ ที่ผิดปกติ
#7
โพสต์เมื่อ 24 September 2009 - 12:37 PM
#8
โพสต์เมื่อ 24 September 2009 - 02:05 PM
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#9
โพสต์เมื่อ 24 September 2009 - 07:24 PM
แต่ก็มีพระบางรูปที่ปฏิบัติตนตรงกันข้าม แต่ให้ผลที่ดียิ่งกว่า จึงได้รับการยกย่องยิ่งกว่าน่ะครับ
พระรูปที่ว่านี้ ก็คือ พระอานนท์ นั่นเองครับ
เรื่องก็มีอยู่ว่า พระรูปอื่นๆ นั้น พอพระราชานำผ้าไตรจีวรมาถวาย ท่านก็รับตามที่จำเป็นเท่าที่ท่านพอใช้เท่านั้น
พระราชาก็ทรงเลื่อมใส ก็พระรูปนั้นๆ มักน้อยสันโดษ ไม่โลภในสิงที่เกินควร
แต่ครั้นพอถึงพระอานนท์ ถวายเท่าไหร่พระอานนท์ ท่านก็รับไว้ทั้งหมด สรุปพระอานนท์รับผ้าไตรถึง 500 ผืนเลยทีเดียว
พระราชาทรงไม่พอพระทัยอย่างยิ่ง ทรงคิดว่า พระอานนท์โลภ เพราะใช้แค่ผืนสองผืนก็พอ แต่นี่รับไว้ตั้ง 500 ผืนทีเดียว
แต่ครั้นเมื่อพระองค์ไปไต่ถามความจริงว่า พระอานนท์รับไปตั้งมากมายขนาดนั้นทำอะไร
พระอานนท์ ท่านก็ได้ชี้แจงว่า ท่านรับไว้มากจริง แต่ท่านรับไปถวายพระภิกษุที่จีวรเก่าขาด ที่ยังไม่ได้รับถวายจีวร
จากใคร พระราชาท่านก็ถามต่อว่า แล้วจีวรเก่าขาดเอาไปทำอะไร พระอานนท์ท่านก็อธิบายว่า นำไปใช้เป็นผ้าปูเตียง
ผ้า.... ผ้าขี้ริ้ว สุดท้ายนำไปตำให้ละเอียด แล้วนำไปฉาบทาฝาผนังกุฏิ
พระราชาได้ฟังเช่นนั้น ก็ทรงเลื่อมใส ประกาศยกย่องพระอานนท์ว่า นอกจากมักน้อยสันโดษแล้ว ยังใช้ของได้คุ้มค่า
อีกทั้งยังมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไปยังพระภิกษุรูปอื่นๆ อีกด้วย น่าสรรเสริญในคุณธรรมของพระอานนท์เป็นยิงนัก
#10
โพสต์เมื่อ 25 September 2009 - 10:50 AM
#11
โพสต์เมื่อ 25 September 2009 - 12:44 PM
" ปราบมาร "
#12
โพสต์เมื่อ 25 September 2009 - 02:32 PM
คือมีอะไรก็จะแบ่งให้คนอื่นๆได้ใช้กันถั่วหน้ากันจนบางทีเพื่อนร่วมงานไม่ค่อยพอใจที่เราทำแบบนั้น คิดว่าเราอยากได้หน้า
แต่ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยจริงๆค่ะ ชอบทำอะไรแบบตรงๆ ไม่ชอบการเสแสร้งเลยค่ะ จนบางคนบอกว่ามีอะไรก็เก็บไว้บ้างนะอย่าเอาไปแจกคนอื่นมากเพราะเราก็ไม่ได้รวยอะไรแค่ฐานะปานกลางแต่ก็คิดแต่อยากจะให้พอเห็นอะไรดีดีก็อยากให้คนอื่นอยากเห็นเค้าได้เหมือนเรารู้สึกเหมือนเราน่ะค่ะ อยากให้พวกเค้ายิ้มมีความสุขกัน แต่สิ่งที่ทำไปก็ไม่ค่อยเป็นที่พอใจของคนบางกลุ่มที่เค้าไม่เป็นเหมือนเรา บางทีก็โดนเหน็บว่าทำดีไปก็เท่านั้นไม่ค่อยมีผลอะไร ทำให้รู้สึกว่าเราบารมียังไม่พอที่จะทำให้คนอื่นเค้าคล้อยตามเราและทำแต่สิ่งที่ดีดีได้ บางทีก็ท้อค่ะ
#13
โพสต์เมื่อ 25 September 2009 - 03:02 PM
#14
โพสต์เมื่อ 26 September 2009 - 03:50 PM
ทั้ง 4 อย่างนี้เป็นคาถาที่ทำให้คนรักครับ หากปฏิบัติได้ทั้ัง 4 อย่างแล้วใครไม่รักก็จะกลุ้มครับ
ซึ่งคนบางกลุ่มนั้น บางทีปฏิบัติแค่คาถาข้อเดียว คือ ทาน เขาก็รักเราเสียแล้ว
แต่สำหรับคนอีกหลายๆ กลุ่ม ต้องใช้ทั้ง 4 คาถาไปพร้อมๆ กันครับ
เช่น ให้ทาน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คนอื่นแล้ว แล้วมีปิยวาจาหรือไม่
หากมีปิยวาจาแล้ว มีอรรถจริยา คือ คอยบำเพ็ญประโยชน์
ในทางที่ควรกับกลุ่มคนกลุ่มนั้นบ้างหรือไม่ เช่น คอยเป็นธุระให้
ในเรื่องที่พวกเขาไหว้วาน
หากทำแล้ว แล้วเราดีเสมอต้นเสมอปลายต่อพวกเขาหรือไม่
หากทำเช่นนี้แล้ว ยังไม่สำเร็จ ก็มีอยู่ประการเดียว คือ ในอดีตคงเคยผูกเวรกันมา
ถ้าอย่างนี้ ก็ต้องหมั่นสั่งสมบุญ แล้วอุทิศให้ผู้ที่เราอาจไปเคยล่วงเกินเขา เมื่อ
ภพชาติในอดีต เป็นต้น ครับ