Jump to content


Photo
- - - - -

ธรรมะพิเศษ (9) เพื่อขุนรบพิเศษ : ทำความดี ทำไมมีอุปสรรค!!!


  • You cannot start a new topic
  • Please log in to reply
6 replies to this topic

#1 pandin24

pandin24
  • Members
  • 29 posts

Posted 24 September 2009 - 02:29 PM





เราจะทำความดี ทำไมต้องมีอุปสรรคด้วย ???



การทำความดี แล้วประสบพบอุปสรรคเป็นของธรรมดา นักสร้างบารมีที่แท้จริงจะต้องไม่หวั่นไหว ดูตามแบบอย่างจากนักสร้างบารมีทั้งหลายในอดีต เช่น



นางวิสาขามหาอุบาสิกา เกิดมาเป็นธิดาของธนัญชัยเศรษฐี ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีใหญ่แห่งยุค ได้ฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ทั้งยังเป็นผู้มีปัญญามาก อายุ 7 ขวบสามารถเป็นแม่งาน จัดดูแลการต้อนรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระอรหันตสาวกหมู่ใหญ่ได้ โดยไม่ขาดตกบกพร่องเลย



แต่ครั้นถึงคราวเจริญวัยมีครอบครัวต้องไปอยู่กับครอบครัวสามีซึ่งเป็นเศรษฐีต่างเมือง และพ่อสามีเป็นมิจฉาทิฎฐิ นับถือชีเปลือย ไม่นับถือพระพุทธศาสนา นางวิสาขาเจอความขัดแย้งเรื่องความศรัทธาในศาสนา จนถึงขนาดพ่อสามีโกรธจะไล่ออกจากบ้าน ซึ่งสำหรับสตรีที่ออกเรือนแล้วถือเป็นเรื่องใหญ่คอขาดบาดตาย เป็นวิกฤตครั้งร้ายแรงซึ่งเป็นอุปสรรคมาขวางการสร้างบารมี



แต่นางวิสาขาไม่หวั่นไหวเลย ยังมั่นคงในความดีตลอด แก้ปัญหาด้วยสติและปัญญา ท้ายที่สุดด้วยความมั่นคงในความดีนั่นเอง ทำให้พ่อสามีกลับมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา และนับถือนางวิสาขา ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ตน เลื่อนเป็นแม่ของตนเลย คือเป็นแม่ทางธรรม นางวิสาขาจึงได้ฉายาว่า นางวิสาขามิคารมารดามาตั้งแต่นั้น



ส่วนฝ่ายชาย อนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นมหาเศรษฐีมีทรัพย์มาก สร้างเชตวันมหาวิหาร ถวายพระพุทธเจ้าสิ้นทรัพย์ถึง ๕๔ โกฏิกหาปนะ คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันคงหลายแสนล้านบาท ทำบุญเรื่อยมา อุปถัมภ์ค้ำจุนพระพุทธศานามาตลอด ไม่เคยไปวัดมือเปล่าเลย



แต่ถึงคราวกรรมเก่าตามมาทัน สมบัติเสื่อมลง ฐานะยากจนลงขนาดที่ว่า จะเลี้ยงพระยังไม่มีข้าวจะเลี้ยง ต้องใช้ปลายข้าวต้มเป็นข้าวต้มกับน้ำผักกาดดองถวายพระ แต่ก็ยังไม่ยอมเลิกทำบุญ นี่ถ้าเป็นคนทั่วไป คงจะรำพึงรำพันว่าเราทำบุญมาขนาดนี้ ทำไมบุญไม่เห็นช่วยเลย ฐานะจากที่เคยร่ำรวยกลับมาย่ำแย่อย่างนี้ ศรัทธาก็คงหวั่นไหวแล้วว่าสงสัยทำดีไม่ได้ดี ทำบุญมามากขนาดนี้ บุญไม่ช่วยกลับยากจนลง เลิกทำบุญดีกว่า คนทั่วไปอาจคิดหวั่นไหวอย่างนี้ได้





แต่อนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นพระโสดาบันแล้ว ศรัทธาในพระรัตนตรัยไม่หวั่นไหวแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่ลำพังตนเองไม่หวั่นไหวเท่านั้น แม้แต่เทวดาที่เฝ้าประตูบ้านซึ่งเป็นเทวดามิจฉาทิฏฐิเหาะลงมาให้เห็นมาเกลี้ยกล่อมว่าเศรษฐีเลิกทำบุญเถิด ทำไปทำไม ทำไปตั้งมากแล้ว มีแต่จนลงๆ เดี๋ยวจะไม่มีข้าวกิน เลิกทำบุญเก็บเงินไว้ใช้ดีกว่า



แทนที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีจะเชื่อ กลับไล่เทวดาให้หนีไป นี่อย่าว่าแต่คนธรรมดามาชวน แม้เทวดามาเกลี้ยกล่อมให้เลิกทำบุญ อนาถบิณฑิกเศรษฐีก็ยังไม่ยอมเลิก ทั้งๆที่ตนเองก็ลำบากขนาดนั้น ศรัทธายังมั่นคง ไม่หวั่นไหว และด้วยความมั่นคงในบุญนี้เอง สุดท้ายเทวดาต้องกลับตัวกลับใจไปช่วยตามสมบัติเก่ามาให้ อนาถบิณฑิกเศรษฐีจึงกลับมาเป็นเศรษฐีดังเดิม





เรื่องของกรรมเป็นเรืองที่ซับซ้อน กรรมในอดีตที่เราเคยทำไว้นับชาติไม่ถ้วน มันซับซ้อนกันมาไม่ได้มเฉพาะชาตินี้ บางครั้งชาตินี้เราทำความดีอยู่ แต่กรรมเก่ามนอดีตที่ทำไว้ส่งผล เราจึงต้องประสบทุกข์ ถ้าคนมองแต่เฉพาะชาตินี้ก็จะคิดว่า ทำไมทำดีแล้วไม่ได้ดี หรือในทางกลับกัน คนบางคนชาตินี้เขาทำชั่วอยู่ แต่บุญเก่าที่เขาเคยทำไว้ในอดีตก็มี มันเป็นจังหวะที่บุญส่งผล เขาเลยยังดูเหมือนได้ดีอยู่ คนไม่เข้าใจก็เลยคิดว่า ทำไมทำชั่วแล้วได้ดี จึงเข้าใจสับสนกันไป เพราะเรื่องของกรรมเป็นเรื่องที่ซับซ้อน นับภพ นับชาติไม่ถ้วน



แต่ทำดีแล้วจะต้องได้ดี ทำชั่วจะต้องได้ชั่วอย่างแน่นอน ต่างแต่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น ผู้ที่เป็นนักสร้างบารมีจริงๆ จึงต้องมีใจที่มั่นคง หนักแน่นในธรรม ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ก็ไม่หวั่นไหว มุ่งมั่นตั้งใจทำความดีต่อไป





อย่าว่าแต่อุบาสก อุบาสิกาที่เป็นพระโสดาบันเลย แม้แต่พระอรหันต์อย่างพระมหาโมคคัลลานะ ซึ่งเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะ คือเป็นเลิศทางมีอิทธิฤทธิ์ เหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ยังถูกโจรทุบจนนิพพาน เพราะกรรมในอดีตที่เคยตีแม่เอาไว้ตามมาทัน เหาะหนีหายไปที่อื่น เดี๋ยวเขาก็ตามไปอีก ลงท้ายท่านเห็นว่าเป็นกรรมเก่า จึงไม่หนีไปไหน ปล่อยให้โจรทุบ ผู้ที่ไม่เข้าใจอาจสงสัยได้ว่า เอ๊ะ!เป็นพระอรหันต์ เป็นเลิศทางมีฤทธิ์ด้วย ทำไมปล่อยให้โจรทุบได้ น่าจะใช้ฤทธิ์ จัดการโจรไปเลย เรื่องของกรรมมันมีความซับซ้อนกันมามาก ไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างที่คนทั่วไปคิดกัน



แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ยังมีบางช่วงที่พระองค์กับพระภิกษุสงฆ์สาวกไปอยู่ในเขตที่มีทุพภิกขภัย เกิดขึ้น ภัตตาหารธรรมดาจะเสวยยังไม่มีเลย ต้องเสวยอาหารที่เขาใช้เลี้ยงม้า มีอรหันต์ที่มีฤทธิ์อาสาพระพุทธเจ้า ว่าจะขอใช้ฤทธิ์ไปเอาง้วนดินที่อยู่กลางโลกซึ่งมีรสชาติโอชามากเหมือนน้ำผึ้งมาถวาย พระองค์ก็ยังทรงห้ามไว้ พอใจที่จะเสวยตามมีตามได้อย่างนั้น เพราะเห็นว่าเป็นเศษกรรมในอดีตที่ตามมาทัน



เราจะเห็นได้ว่า แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังทรงเคยเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ยังทรงเคยพบความยากลำบากต่างๆแต่พระองค์ก็ไม่ได้หวั่นไหวอะไร พระอรหันต์ อุบาสก อุบาสิกา ผู้เป็นกำลังสำคัญของพระพุทธศาสนา ก็ล้วนเคยเผชิญปัญฆาอุปสรรคอันยิ่งใหญ่มาแล้ว



แต่นักสร้างบารมีบัณฑิตทั้งหลายในกาลก่อนเหล่านั้น ท่านไม่หวั่นไหวกับอุปสรรคที่ประสพพบเลย ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย คงมีใจมั่นคงอยู่ในบุญตลอดเวลา ยิ่เกิดอุปสรรค ก็ยิ่งมั่นคงในบุญมากยิ่งขึ้น ถือเป็นเครื่องเสริมบารมีให้กล้าแกร่ง ในที่สุดก็เอาชนะอุปสรรคทั้งปวงได้





ยอดกัลยาณมิตรทุกท่านครับ พระเดชพระคุณหลวงพ่อสอนว่า


“อุปสรรคใดใดในโลกนี้

เขานั้นมีเอาไว้ให้เราข้าม

อย่ายอมแพ้แต่จงพยายาม

อยู่ที่ความคิดรู้สู้ที่ใจ

อุปสรรคแค่นี้ก็แค่นี้

อุปสรรคแค่นี้สักแค่ไหน

อุปสรรคแค่นี้สักเท่าใด

อุปสรรคแค่ไหนใจคิดเอง”



ยอดกัลยาณมิตรทุกท่านครับ..... อุปสรรคนั้นมีไว้ให้ข้าม แม้ว่าในขณะนี้ ทุกๆท่านอาจกำลังเผชิญกับอุปสรรคที่ถาโถมพุ่งเข้าใส่ ทั้งเล็ก และ ใหญ่ ที่ทำให้นาวาแห่งชีวิตโอนเอนไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพ ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาครอบครัว ปัญหาต่างๆนาๆในชีวิต.....ขอให้ทุกท่านได้ตรึกระลึกนึกถึง นักสร้างบารมี บัณฑิตทั้งหลายในกาลก่อน ที่ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรค ใจยังคงปักมั่นในบุญตลอดเวลา และ ในที่สุดก็เอาชนะอุปสรรคทั้งหลายนั้นได้



และในปัจจุบันนี้ นับเป็นบุญอย่างยิ่งที่พวกเราทุกท่าน ได้อยู่ภายใต้ธงธรรมชัย ที่โบกสะบัด อย่างสง่างาม ท่ามกลาง พายุแห่งอุปสรรคทั้งหลาย..... ขอให้ยอดกัลยาณมิตรทุกท่าน ได้ระลึกนึกถึงพระคุณของมหาปูชนีย์อาจารย์ คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่ พระผู้ปราบมาร พระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสอง และ คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง ที่ท่านได้สร้างบารมีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน โดยไม่ไหวหวั่นต่ออุปสรรคทั้งหลาย.....และหล่อหลอมดวงใจให้เป็นหนึ่งเดียวกับท่าน เพียรมุ่งมั่น ก้าวเดินตามท่านไป โดยไม่ไหวหวั่นต่ออุปสรรคใดๆ เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ สู่ที่สุดแห่งธรรม



และในโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในขณะนี้ คือ บุญทอดกฐินสามัคคี หนึ่งรอยปีคุณยายมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง เพื่อสถาปนาอาคารคุณยายหนึ่งร้อยปี ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวรวมทุกงานสร้างบารมีของวัดพระธรรมกาย และ เป็นฐานทัพใหญ่ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ วิชชาธรรมกายไปทั่วโลก.....



....... ทุกๆท่านต่างมีหัวใจดวงเดียวกันที่จะทุ่มเทอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ในการทุ่มเททั้งกำลังทรัพย์ กำลังกาย กำลังใจ และกำลังความคิด ในการสร้างมหาทานบารมีในครั้งนี้ และ ทำหน้าที่ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร ชักชวนผู้มีบุญทั้งหลายทั่วโลกมาร่วมบุญทอดกฐินคุณยายหนึ่งร้อยปี...... เพื่อนำความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี้น้อมถวายแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ เพื่อถวายเวลา และความแข็งแรงให้ท่าน เพื่อให้โอกาสท่านได้ทำงานที่แท้จริง ที่ไม่อาจมีใครทำแทนท่านได้เลย



ขอให้ทุกท่านมีกำลังใจที่สูงส่ง มีกำลังใจอย่างไม่สิ้นสุด ในการเอาชนะอุปสรรคทั้งหลาย เพื่อทุ่มสุดฤทธิ์ ปิดกองกฐินคุณยาย สถาปนาอาคารหนึ่งร้อยปี ภายในสี่สิบวัน เพื่อสี่สิบปีที่พอรอ......ชิตังเม!!!








“แม้นพายุจะถาโถมทิศทางใด ธงธรรมชัยคงสง่าคู่ฟ้าเอย”

“แผ่นดิน” (จะพยายาม) ไม่หวั่นไหว ต่อคำสรรเสริญ และ นินทา


[/color]

24 กันยายน 2552

[color="#0000ff"]




กราบขอบพระคุณ วารสารตะวันธรรม และ บทเพลงธงธรรมชัย

และ ขอขอบคุณ “ท้องฟ้า” สำหรับความช่วยเหลือในทุกๆเรื่องครับ

#2 usr30288

usr30288
  • Members
  • 12 posts

Posted 24 September 2009 - 03:20 PM

สาธุครับ คุณแผ่นดิน ที่นำบทความดีๆมาให้นะครับ
อุปสรรคมีไว้ข้ามจริงๆครับ
ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

#3 *innerspot*

*innerspot*
  • Guests

Posted 24 September 2009 - 05:13 PM

แหล่มจริงๆ

#4 Suk072

Suk072
  • Members
  • 430 posts
  • Gender:Male

Posted 25 September 2009 - 12:00 PM

กราบอนุโมทนาบุญค่ะ

#5 Nee-Sansanee 2

Nee-Sansanee 2
  • Members
  • 893 posts
  • Gender:Female

Posted 25 September 2009 - 07:29 PM

สาธุ ค่ะ
เป็นกำลังใจ ดีจังเลย nerd_smile.gif




#6 niwat

niwat
  • Members
  • 1,420 posts
  • Gender:Male

Posted 30 September 2009 - 09:15 AM

อนุโมทนา สาธุ กับธรรมะใสๆ ครับ smile.gif

#7 Nee-Sansanee 2

Nee-Sansanee 2
  • Members
  • 893 posts
  • Gender:Female

Posted 28 September 2010 - 04:00 AM

สาธุค่ะ กลับมาทบทวน ดีเสมอ ค่ะ