ความเป็นมาของคำว่า "สาธุ"
#1
โพสต์เมื่อ 02 October 2009 - 12:43 PM
ความเป็นมาของคำว่า "สาธุ" นั้นมีประวัติความเป็นมา ดังมีเรื่องย่อว่า ... ชายคนหนึ่งอยู่ในเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ได้ฟังพระแสดงธรรมเทศนาแล้วเห็นโทษในการครองเรือน มีความปรารถนาจะขอบวช เพื่อแสวงหาความสงบในสมณธรรม จึงลาจากภรรยาไปบวช ได้ตั้งใจพากเพียรในสมณธรรมตามที่ปรารถนาไว้ตลอดมา
ต่อมาพระเจ้าปเสนทิโกศล ได้ทรงพบหญิงผู้เป็นภรรยาของชายคนนั้น และเมื่อทรงได้ทราบเหตุความเป็นมาทั้งหมด จึงเกิดสมเพชในนางผู้เป็นภรรยา รับสั่งให้นำหญิงนั้นมาเลียงไว้ในพระราชวัง ตั้งเป็นท้าวนางกำนัล
อยู่มาวันหนึ่ง ราชบุรุษนำดอกนิลุบลบัวเขียวมาถวายพระเจ้าปเสนทิโกศล กำมือหนึ่ง พระองค์จึงประทานแก่ท้าวนางคนละดอก ฝ่ายสตรีที่เป็นภรรยาของชายที่ไปบวชนั้น เมื่อไปรับพระราชทานก็ยิ้มแสดงความยินดีดุจนางอื่น ๆ แต่พอดมกลิ่นนิลุบลแล้ว นางกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ จึงร้องไห้ พระเจ้าปเสนทิโกศลสงสัยพระทัย จึงตรัสถามว่า เหตุใดนางจึงยิ้ม แล้วร้องไห้ นางจึงกราบทูลว่า ที่นางยิ้มเพราะดีใจที่ทรงพระกรุณาพระราชทานอดกบัวให้ แต่พอดมดอกบัวแล้วหอมเหมือนกลิ่นปากสามีที่ไปบวช นางคิดถึงความหลัง จึงร้องไห้
พระเจ้าปเสนทิโกศล ต้องการพิสูจน์วาจาของนาง จึงโปรดให้ประดับวังด้วยของหอมทั้งปวง เว้นแต่บัวนิลุบล แล้วอาราธนาสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า และเหล่าภิกษุสงฆ์ ให้มาฉันภัตตราหารในพระราชฐาน แล้วมีพระราชดำรัสถามหญิงนั้นว่า พระมหาเถระองค์ไหนที่นางอ้างว่าเป็นสามี หญิงนั้นก็ชี้ไปที่พระมหาเถระ เมื่อเสร็จภัตตกิจแล้วพระเจ้าปเสนทิโกศล อาราธนาให้พระพุทธเจ้าและภิกษุองค์อื่น ๆ กลับวัดไปก่อน เว้นพระมหาเถระ ขอให้อยู่เพื่อกล่าวอนุโมทนา
เมื่อสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จกับไปแล้ว พระมหาเถระองค์จึงกล่าวอนุโมทนาด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ และมีกลิ่นหอมฟุ้งออกจากปากพระเถระรูปนั้นอย่างน่าอัศจรรย์ กลบเสียซึ่งกลิ่นการบูร และพิมเสน ผสมกฤษณา หอมยิ่งกว่าดอกบัวนิลุบล ปรากฏการณ์นี้ปรากฏแก่ชนทั้งทั้งหลายในพระราชวัง ส่วนองค์มหากษัตริย์ เมื่อเห็นจริงดังหญิงนั้นกราบทูลก็ทรงโสมนัสน้อมนมัสการ ฝ่ายพระมหาเถระเสร็จสิ้นการอนุโมทนาแล้ว ก็กลับไปสู่วิหาร
ครั้นพอรุ่งเช้า พระเจ้าปเสนทิโกศล จึงเสด็จไปสู่พระวหาร ถวายนมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วกราบทูลถามว่า
"เหตุใดปากของพระมหาเถระจึงหอมนักหนา ท่านได้สร้างกุศลใดมา"
สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า
"เพราะบุพชาติปางก่อน ภิกษุรูปนี้ได้ฟังพระสัทธรรมไพเราะจับใจ เต็มตื้นด้วยปีติยินดี จึงออกวาจาว่า "สาธุ" เท่านั้น อานิสงส์แห่งการฟังพระสัทธรรมให้ผล จึงได้มีกลิ่นปากหอมดังนี้"
สาธุ สาธุ สาธุ
#2
โพสต์เมื่อ 02 October 2009 - 01:13 PM
#3
โพสต์เมื่อ 02 October 2009 - 01:51 PM
#4
โพสต์เมื่อ 02 October 2009 - 03:59 PM
#5
โพสต์เมื่อ 02 October 2009 - 04:05 PM
#6
โพสต์เมื่อ 02 October 2009 - 04:14 PM
#7
โพสต์เมื่อ 02 October 2009 - 05:55 PM
#8
โพสต์เมื่อ 02 October 2009 - 10:24 PM
#9
โพสต์เมื่อ 02 October 2009 - 11:00 PM
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
#10
โพสต์เมื่อ 03 October 2009 - 01:13 AM
ประโยชน์เรา อย่างน้อยก็ได้อานิสงค์อย่างเจ้าของกระทู้ว่า และส่วนแห่งบุญ (อย่าลืมอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ)
ประโยชน์ท่าน อย่างน้อยก็จะได้เป็นกำลังใจให้ท่านเหล่านั้นได้ทำบุญและกุศลสืบไปครับ
สาธุ ..... ครับผม
#11
โพสต์เมื่อ 03 October 2009 - 07:52 PM
#12
โพสต์เมื่อ 03 October 2009 - 09:29 PM
เพื่อนผมบางคนก็เพิ่งจะมากล่าวสาธุเป็นตอนผมเริ่มชวนเขาทำบุญ และบอกให้เขาพูดอนุโมทนา ด้วยคำว่า สาธุ ครับ
เพราะขาดแม้เพียงวันเดียว ใจเราจะหยาบ ทำให้ผังวิตกกังวลได้ช่อง
#13
โพสต์เมื่อ 05 October 2009 - 01:35 PM
กล่าวสาธุ อนุโมทนาบุญให้ติดปาก เพื่อให้บุญได้หล่อเลี้ยงตลอดทั้งวัน
บาปอกุศลเข้าแทรกได้ยาก
( จริง ๆ นะ )
สาธุ ( อีกที ) ค่ะ ^O^
#14
โพสต์เมื่อ 05 October 2009 - 02:57 PM
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#15
โพสต์เมื่อ 05 October 2009 - 03:26 PM
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#16
โพสต์เมื่อ 05 October 2009 - 04:11 PM
#17
โพสต์เมื่อ 23 October 2009 - 12:09 PM
#18
โพสต์เมื่อ 27 October 2009 - 09:39 AM