ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นทีละพระองค์


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 hk_girlza

hk_girlza
  • Members
  • 580 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 October 2009 - 01:31 PM

เหตุที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่อุบัติขึ้นในคราวเดียวกันหลายพระองค์
เพราะ

1. ตรัสรู้ธรรมเดียวกันและเหมือนกันทั้งหมด

หมายความว่า การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ แม้จะแสดงว่าสิ่งที่ตรัสรู้นั้น ไม่มีบุคคลใดเคยรู้ ไม่เคยมีบุคคลใดเคยสอนมาก่อน แต่การตรัสรู้นั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว และพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ตรัสรู้สิ่งเดียวกัน

ฉะนั้น เมื่อมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์อื่นเสด็จอุบัติขึ้นพร้อมกัน ก็จะทำให้พระองค์ไม่เป็นผู้น่าอัศจรรย์ แม้เทศนา คือ คำสอนของพระองค์ก็ไม่น่าอัศจรรย์ แต่ถ้ามีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นองค์เดียว ก็ทำให้พระองค์เป็นผู้น่าอัศจรรย์ เพราะความรู้นั้นไม่มีบุคคลใดเคยรู้มาก่อน ไม่มีบุคคลใดสอนมาก่อน จึงทำให้พระองค์ชื่อว่า ตรัสรู้เองโดยชอบ และแม้แต่เทศนาของพระองค์ก็เป็นที่น่าอัศจรรย์

2. ทำให้พุทธบริษัทแบ่งเป็น 2 ฝ่าย

หมายความว่า เมื่อมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้น 2 พระองค์ แล้วทรงช่วยกันสั่งสอนสรรพสัตว์ทั้งหลาย ก็จะทำให้พุทธบริษัทแบ่งเป็น 2 ฝ่าย เพราะต่างก็ถือเอาทิฏฐิในสำนักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตนนับถือ และจะทำให้มีการทะเลาะวิวาทกันเอง ซึ่งทำให้เทศนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่ไม่มีคุณค่า และไม่ได้ผลดังที่ปรารถนาไว้

3. แผ่นดินไม่อาจรองรับได้

หมายความว่า หมื่นโลกธาตุนี้ รองรับได้เฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียว รองรับไว้ได้ซึ่งพระคุณของพระตถาคตองค์เดียวเหมือนกัน ถ้าองค์ที่ 2 พึงเสด็จอุบัติขึ้น หมื่นโลกธาตุนี้จะไม่สามารถรองรับไว้ได้ พึงหวั่นไหวสั่นคลอน น้อมไป โอนไปเอียงไป เรี่ยราย กระจัดกระจายพินาศไป ไม่พึงเข้าถึงการตั้งอยู่ได้

เปรียบเสมือนเรือที่รับบุรุษไว้ได้เพียงคนเดียว เมื่อบุรุษคนหนึ่งขึ้นไป เรือพึงตั้งอยู่ได้พอดี ถ้าบุรุษคนที่สองซึ่เงป็นเช่นเดียวกันโดยอายุ โดยสี โดยวัย โดยประมาณ โดยอ้วน โดยผอม โดยอวัยวะน้อยใหญ่เท่ากัน บุรุษนั้นพึงขึ้นสู่เรือลำนั้น เรือนั้นพึงต้านไว้ไม่ได้ พึงหวั่นไหว สั่นคลอน น้อมไป โอนไป เอียงไป เรี่ยไร กระจัดกระจาย พินาศไป ไม่พึงเข้าถึงการตั้งอยู่ได้ เรื่อนั้นพึงจมลงไปในน้ำ

อีกอุปมาหนึ่งว่า เปรียบเหมือนเกวียน 2 เล่ม บรรจุรัตนะจนเต็ม และคนทั้งหลายพากันขนเอารัตนะของเกวียนอีกเล่มหนึ่งมาเพิ่ม เกวียนเล่มนั้น ย่อมทามนไว้ไม่ได้แน่ ดุมของเกวียนนั้นพึงไหวบ้าง กำของเกวียนนั้นพึงหักไปบ้าง เพลาของเกวียนนั้น พึงหักไปบ้าง ด้วยการขนรัตนะที่มากเกินไป

4. ไม่ชื่อว่า เป็นบุคคลผู้ประเสริฐ เป็นเอกบุคคล

หมายความว่า เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอุบัติขึ้นพร้อมกันในคราวเดียวกัน ก็จะทำให้พระพุทธองค์ ไม่ใช่เป็นเอกบุคคลอีกต่อไป เพราะพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นก็มีอยู่บนโลก ซึ่งทำให้คำว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเลิศ คำว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้เจริญที่สุด คำว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ประเสริฐที่สุด คำว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้วิเศษที่สุด คำว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้สูงสุด เป็นผู้ประเสริฐ ไม่มีผู้เสมอเหมือน เป็นผู้หาบุคคลเปรียบไม่ได้ คำเหล่านี้ ก็ย่อมเป็นคำที่ไม่เป็นความจริงอีกต่อไป

อุปมาเหมือนกับ มหาปฐพีอันกว้างใหญ่ย่อมเป็นอันเดียวกัน มหาสมุทรทะเลใหญ่ก็ย่อมเป็นอันเดียวกัน เทวดาผู้เป็นใหญ่ปกครองสวรรค์แต่ละชั้นก็ย่อมมีเพียงองค์เดียว ฉะนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นเลิศ เป็นผู้ประเสริฐ เป็นเอกบุคคล ไม่มีผู้เสมอเหมือน จึงเสด็จอุบัติขึ้นเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น

5. เป็นสภาพปกติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์

หมายความว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกพระองค์อุบัติขึ้นในโลกนี้เป็นสภาพตามปกติ เพราะคุณของพระสัพพัญญูเจ้าทั้งหลาย มีเหตุใหญ่ มีคุณอันประเสริฐอย่างใหญ่หลวง

อุปมาเหมือนกับแผ่นดินใหญ่นั้นมีผืนเดียวเท่านั้น สาครใหญ่มีสายเดียวเท่านั้น ภูเขาสิเนรุยอมแห่งภูเขาใหญ่ประเสริฐที่สุด ก็มีลูกเดียวเท่านั้น อากาศใหญ่มีแห่งเดียวเท่านั้น ท้าวสักกะผู้ใหญ่มีองค์เดียวเท่านั้น พระพรหมผู้ใหญ่มีองค์เดียวเท่านั้น พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ก็มีพระองค์เดียวเท่านั้น พระองค์เสด็จอุบัติขึ้นในที่ใด ที่นั้นก็ไม่มีโอกาสแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายองค์อื่นๆ ฉะนั้นพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้น ย่อมอุบัติขึ้นในโลก

สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่สามารถเสด็จอุบัติขึ้นในคราวเดียวกันหลายพระองค์ได้ เพราะจะทำให้ตำแหน่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถูกลดลง เนื่องจากไม่ใช่เอกบุคคลที่มีเพียงผู้เดียวบนโลก และการนำพระสัทธรรมมาสอนสรรพสัตว์ทั้งหลายก็ไม่เป็นผลสำเร็จดังที่ปรารถนาไว้ เพราะพุทธบริษัทจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายด้วยทิฏฐิที่ตนถือเอาจากสำนักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตนนับถือ

ในทรรศนะของโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา โดยคุณครูไม่ใหญ่ ให้ความเห็นในเรื่องการบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 2 พระองค์ไว้ดังนี้

“ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสั่งสมบ่มบารมีมาหลายภพหลายชาติ เพื่อต้องการที่จะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วนำสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากวัฏสงสารไปด้วย ตามความปรารถนาที่ได้ตั้งใจไว้ตั้งแต่เริ่มมีความคิดที่จะสร้างบารมีเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ดังนั้น เมื่อพระองค์อุบัติขึ้นย่อมยังสรรพสัตว์ ให้พ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร ดังนั้นพญามารจึงพยายามกีดกั้นไม่ให้เสด็จอุบัติขึ้นสองพระองค์ แต่ก็มีบุคคลบางพวกไม่รู้ แล้วกล่าวอ้างว่า ถ้ามาอุบัติขึ้นพร้อมกัน 2 พระองค์แล้วลูกศิษย์จะทะเลาะกัน นั่นเป็นเรื่องที่มนุษย์ที่ยังมีกิเลสคิดกัน แต่ในยุคที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านอุบัติขึ้นพร้อมกัน 2 พระองค์ แสดงว่าผู้มีบุญเขามาเกิด เขาจะมีสติปัญญามาก มีความคิดสอนตัวเองได้ เขาจะไม่คิดเอาอาจารย์ของตัวไปข่มพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่ง มีแต่จะชื่นชม แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ท่านจะสอนว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าแต่ละพระองค์นั้น เสมอกันทั้งคุณธรรมและคุณวิเศษ แต่ต่างกันที่ระยะเวลาที่สร้างบารมีเท่านั้น”

จากทรรศนะของโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน ในเรื่องนี้เป็นประเด็นที่น่าศึกษา การบังเกิขึ้นของพระองค์นั้น ต้องอาศัยเหตุปัจจัยหลายประการ และต้องอาศัยระยะเวลายาวนาน แต่เป้าหมายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์มุ่งตรงไปในทิศทางเดียวกัน คือ นำตนให้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ และนำพาสรรพสัตว์ทั้งปวงในโลกนี้ให้หลุดพ้นตามไปด้วย ยิ่งมากเท่าไรยิ่งดี

และความน่าจะเป็น ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรืออุบัติขึ้นพร้อม ๆ กัน หลายพระองค์ จะช่วยกันสั่งสอนสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นโดยเร็วและเป็นจำนวนมากขึ้นตามไปด้วย ประดุจเรือใหญ่ที่แล่นไปในมหาสมุทร ย่อมสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ลอยเกลื่อนอยู่ในมหาสมุทรได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน

ที่มา ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ( GL 204 )


#2 SatChu

SatChu
  • Members
  • 106 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 October 2009 - 01:59 PM

ใช่แล้วครับ ยิ่งพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นมาก ก็ยิ่งรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปได้มาก smile.gif

เพราะงั้นผมว่าทฤษฎีที่ว่า " พระพุทธเจ้าบังเกิดในยุคเดียวกันตั้งแต่ ๒ พระองค์ขึ้นไปทำให้โลกาวินาศ "

เป็นทฤษฎีที่ " ไม่ค่อยดี " เลยนะครับ

ส่วนเหตุผลก็เป็นตามที่คุณ hk_girlza กล่าวเอาไว้ตอนทัศนะของคุณครูไม่ใหญ่นั่นล่ะครับ smile.gif

แต่เราจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปได้ทั้งหมดอนันตจักรวาล เราต้องไปถึง " ที่สุดแห่งธรรม " นะครับ

เรพาะงั้นตอนนี้ก็เพียรพยายามทำบุญ สร้างบารมีไปเรื่อยๆอย่างยิ่งยวดนะครับ เต็มกำลังและทำด้วยความปลื้ม

สู้ๆนะครับผม happy.gif

  " ปราบมาร " 


#3 ::: นายพีท ลูกพระธัมฯ :::

::: นายพีท ลูกพระธัมฯ :::
  • Members
  • 706 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:โรงกลั่นอุดมการณ์

โพสต์เมื่อ 05 October 2009 - 02:09 PM

อนุโมทนาข้อมูลดีๆครับ


#4 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 October 2009 - 04:52 PM

QUOTE
เหตุที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่อุบัติขึ้นในคราวเดียวกันหลายพระองค์
- เพราะในภพสามนี้...มีความยาก 4ประการ ตามลำดับ...ดังนี้ dont_tell_anyone_smile.gif
1. การได้อัตตภาพเป็นมนุษย์.....ในมหาสมุทรที่เวิ้งว้างสุดประมาณ มีเต่าตาบอด 2 ข้างอยู่ตัวหนึ่ง กบดานอยู่ในมหาสมุทรเป็นเวลา 100ปี จึงจะโผล่ขึ้นมาหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วก็ดำลงไปกบดานตามเดิม พอครบ 100 ปีจึงจะโผล่ขึ้นมาใหม่ ในมหาสมุทรนั้นมีห่วงกลมๆตาเดียวลอยอยู่วงหนึ่ง ทรงกล่าวว่าโอกาสที่เต่าตัวนี้จะโผล่ขึ้นมา ได้จังหวะที่หัวเต่าจะสอดเข้าไปในห่วงตาเดียวได้พอดีนั้น ยากแสนยากอย่างไร การที่ชีวิตใดชีวิตหนึ่งจะได้เกิดมาเป็นคน เป็นสิ่งที่ยากกว่านั้นอีก
2. การได้มีชีวิตอยู่จนทุกวันนี้....มีลมหายใจอยู่...และต้องไม่วิกลจริตด้วย...จึงจะสามารถประกอบเหตุแห่งกุศล..สร้างบุญบารมีได้...แม้ไม่พบเนื้อนาบุญก็ยังมีโอกาสพบฌานลาภีบุคคล หรือ กัลยาณมิตร ยิ่งมีอุปนิสัยสร้างบารมีย่อมสั่งสมได้
3. การได้ฟังพระสัทธรรม..........มีเฉพาะชมพูทวีปที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิด...แม้พระองค์จะปรินิพพาน...ก็ยังมีพระธรรม คำสั่งสอนของพระองค์ ถ่ายทอดผ่านเหล่าพระสงฆ์ผู้เป็นอายุพระพุทธศาสนา
4. การอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...ในแต่ละมหากัปนั้น...ส่วนใหญ่จะเป็นสูญกัป...แต่อาจมีเฉพาะพระปัจเจกพุทธเจ้า...แต่มหากัปนี้เป็นมหากุศลมากที่เป็นภัทรกัป...(หากมีโอกาสบังเกิดพร้อมกัน การบังเกิดของพระองค์ในต่างโลกธาตุย่อมยังประโยชน์สูงสุดเมื่อเทียบกับในจักรวาลเดียวกัน)

nerd_smile.gif จากหนังสือ มิลินทปัญหา ฉบับพร้อมด้วยอรรถกถา ฎีกา
ชำระโดย พระธรรมมหาวีรานุวัตร (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2: 3 ธันวาคม 2509)
ถามถึงเหตุที่ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นพร้อมกัน ๒ พระองค์


ข้าแต่พระนาคเสน สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า "พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เกิดพร้อมกันในโลกธาตุอันเดียว" ก็พระตถาคตเจ้าทั้งปวง เมื่อจะทรงแสดงธรรม ก็ทรงแสดงโพธิปักขิยธรรม ๓๗ อริยสัจ ๔ เมื่อจะให้ศึกษาก็ให้ศึกษาในไตรสิกขา ( ศีล สมาธิ ปัญญา ) เมื่อจะทรงพร่ำสอนก็ทรงพร่ำสอนในอัปปมาทปฏิบัติ (การเป็นผู้ไม่ประมาท) เหมือนกันทั้งสิ้น
แต่เหตุไรจึงไม่เกิดพร้อมกัน ๒ องค์ โยมเห็นว่า ถ้ามีพระพุทธเจ้าเกิดพร้อมกันหลายองค์ จะทำให้เกิดประโยชน์สุขแก่โลกมากยิ่งขึ้น แต่เหตุไรจึงเกิดพร้อมกับ ๒ องค์ไม่ได้ โยมสงสัย


ขอถวายพระพร หมื่นโลกธาตุนี้ ทรงไว้ได้เพียงพระคุณธรรมของพระพุทธเจ้า คราวละพระองค์เดียวเท่านั้น ถ้ามีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นพร้อมกันถึง ๒ พระองค์ หมื่นโลกธาตุนี้ก็จะทรงอยู่ไม่ไหว จักถล่มทะลายไป
"เรือที่พอนั่งคนเดียวได้ เมื่อมีผู้มานั่ง ๒ คน เรือนั้นจะทรงอยู่ได้หรือไม่ ?"
"ไม่ได้ พระผู้เป็นเจ้า เรือนั้นต้องจม"
"ข้อนี้ก็อุปมาฉันนั้นแหละ มหาบพิตรอีกประการหนึ่ง บุรุษกินข้าวอิ่มแล้ว มีผู้ให้กินข้าวอีกเท่านั้นลงไป บุรุษนั้นจะเป็นสุขหรือไม่ ?"
"ไม่เป็นสุข พระผู้เป็นเจ้า ถ้าเขาขืนกินลงไปให้มากอีกเท่านั้น เขาก็ต้องตาย"
"ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร อีกอย่างหนึ่ง มีเกวียนอยู่ ๒ เล่ม บรรทุกเต็มไปด้วยรัตนะเหมือนกัน แต่เมื่อมีผู้มาขนเอารัตนะจากเกวียนอีกเล่มหนึ่ง ขึ้นไปบรรทุกรวมเกวียนเล่มเดียวกัน เกวียนเล่นนั้นจะทรงไหวไหม ?"
"ไม่ไหว พระผู้เป็นเจ้า เกวียนเล่มนั้นดุมต้องแตก กำต้องหัก กงต้องทรุดลง เพลาต้องหัก เพราะหนักเกินไป"
"ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร แต่ขอให้พระองค์ทรงสดับเหตุอื่นต่อไปอีก คือถ้ามีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดขึ้นพร้อมกัน ๒ พระองค์ ความวิวาทของพุทธบริษัทก็จักมีขึ้นคือ ต่างฝ่ายก็จะยกย่องพระพุทธเจ้าของตน เปรียบเหมือนบริวารของอำมาตย์ผู้ใหญ่ ๒ คน ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ยกย่องนายของตนฉะนั้น
อนึ่ง ถ้ามีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นพร้อมกันถึง ๒ พระองค์ คำว่า

อัคโค พุทโธ พระพุทธเจ้าเป็นอัครบุคคลนั้น คำนี้มิผิดไปหรือ
เชฏโฐ พุทโธ พระพุทธเจ้าเป็นผู้เจริญที่สุดก็จะผิด
วิสิฏโฐ พุทโธ พระพุทธเจ้าประเสริฐกว่าเทพยดามนุษย์นั้นก็ผิด
อุตตโม พุทโธ พระพุทธเจ้าเป็นผู้อุดมก็จะผิดไปสิ้น ดังนี้ เป็นต้น


อีกประการหนึ่ง ธรรมดามีอยู่ว่า ในแผ่นดินใหญ่หนึ่ง ๆ ก็มีสาครใหญ่เพียงหนึ่งเขาสิเนรุราชเพียงหนึ่ง อากาศเพียงหนึ่ง ท้าวสักกะเพียงหนึ่ง มารเพียงหนึ่ง มหาพรหมเพียงหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุเหล่านี้แหละ จึงไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดพร้อมกันถึง ๒ พระองค์ ขอถวายพระพร
ข้าแต่พระนาคเสนปัญหาข้อนี้ พระผู้เป็นเจ้าแก้ไขดีด้วยเหตุการณ์หลายอย่าง โยมขอรับว่าถูกต้องดีทั้งนั้น

และหากมีการอุบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมกัน 2พระองค์ในทวีปเดียวกันนั้น...ย่อมเป็นมหากุศลอย่างใหญ่หลวง เพราะ
QUOTE
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ก็ย่อมไม่สามารถกล่าวคุณของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้ามีพระคุณหาปริมาณมิได้โดยสิ้นเชิง เพราะเมื่อสรรเสริญพระคุณอยู่ตลอดกัป ก็ไม่สามารถจะให้พระคุณสิ้นสุดลงได้
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 767
happy.gif
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#5 Tree

Tree
  • Members
  • 2076 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 October 2009 - 11:15 PM

สืบเนื่องจากกระทู้นี้ครับ ....... หมื่นโลกธาตุุ กับจักรวาล นี้เหมือนกัน หรือต่างกันเช่นไรครับ

จากข้อมูลของเพื่อนสมาชิก " หมื่นโลกธาตุนี้ ทรงไว้ได้เพียงพระคุณธรรมของพระพุทธเจ้า คราวละพระองค์เดียวเท่านั้น"
แต่ ณ จักรวาล(ในความหมายของเราชาวพุทธ)ที่แตกต่างกันสามารถมีพระพุทธเจ้าพร้อมๆ กันได้ ดังในสมัยพุทธกาลที่พระสาวกได้เคยไปพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ อีกจักรวาลหนึ่ง






#6 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 October 2009 - 08:02 AM

QUOTE
หมื่นโลกธาตุุ กับจักรวาล นี้เหมือนกัน หรือต่างกันเช่นไรครับ


nerd_smile.gif ในจูฬนีสูตร, อังคุตตรนิกาย ตินิบาต, มก. เล่ม 34 ข้อ 520 หน้า 431-433
...พระอานนท์เข้าไปทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...ทรงแสดงเรื่องโลกธาตุขนาดต่างๆ...
1. สหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุ..........คือโลกธาตุอย่างเล็กมีนับพันจักรวาล
2. ทวิสหัสสีมัชฌิมิการโลกธาตุ...คือโลกธาตุขนาดกลางอันมีล้านจักรวาล
3. ติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุ.....คือโลกธาตุขนาดใหญ่มีแสนโกฎิจักรวาล

ดังนั้นยังมีจักรวาลอื่นๆอีกจำนวนมหาศาล นับอนันตจักรวาลครับ nerd_smile.gif


ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#7 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 October 2009 - 12:46 PM

QUOTE
หมื่นโลกธาตุนี้ ทรงไว้ได้เพียงพระคุณธรรมของพระพุทธเจ้า คราวละพระองค์เดียวเท่านั้น
- ตามปัญจมหาวิโลกนะครับ
http://www.dmc.tv/pr...ddha_Day_1.html
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#8 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 06 October 2009 - 02:37 PM

เรื่องของอจินไตย เอาไว้ปฏิบัติธรรมไปให้ถึงก่อน แล้วเราก็จะกระจ่าง ประดุจหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิดบัง จุดไฟในที่มืด ทีเดียวเชียวครับ

ส่วนการฟังคำอธิบาย ก็ฟังไว้ประกอบความเข้าใจในเบื้องต้นได้ครับ เพราะเป็นประดุจ แง้ม(ไม่หงาย)ของที่คว่ำ ก็ทำให้เห็นบ้างรำไร รำไร แต่อย่างไรเสีย ต้องปฏิบัติธรรมจึงจะเห็นแจ้งครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#9 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 October 2009 - 05:09 PM

เห็นด้วยกับคุณหัดฝันครับ

...โดยส่วนใหญ่ผมจะเลือกตอบเฉพาะที่มีแหล่งอ้างอิงเท่านั้น...เพราะที่นี่เป็นที่สาธารณะ...ตอบละเอียดเกินกว่านั้นไม่เหมาะครับ...ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลกัน...แถมยังอาจจะเกิดปริศนาตามมาหลากหลาย...ไม่มีที่สิ้นสุด
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#10 Tree

Tree
  • Members
  • 2076 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 October 2009 - 10:37 PM

นับว่่าไม่ผิดหวังจริงๆ ครับ ที่ถามเพื่อนสมาชิก มักจะได้องค์ความรู้ติดไปทุกครั้ง

การศึกษาธรรม สำหรับความคิดของผมเราควรทำให้สมดุลทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติ แต่ไม่ใช่ว่าเป็นทฤษฎีที่อยู่นอกเหนือตำรามาตรฐาน และการปฏิบัติก็มิใช่ที่ผิดไปจากแนวทางของชาวพุทธ หรือมีอะไรเข้ามาเจือปน

ขอร่วมอนุโมทาบุญด้วยนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ