อยู่กับเธอฉันคงตาย..ทั้งที่ยังหายใจ.....
#1
โพสต์เมื่อ 16 December 2009 - 11:56 AM
คือตอนนี้กำลังรู้สึกเหมือนเนื้อหาในเพลงๆนี้ค่ะ แต่! คำว่า"เธอ"ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงคนรักนะค่ะ แต่หมายถึง เพื่อนร่วมงาน ก็คือ She and He ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน He เป็นลูกชายเถ้าแก่ (ซึ่งมี Iq และ สภาวะทางอารมณ์ที่ตำกว่ามาตราฐาน) ส่วน She ก็อยู่ในสถานะพนักงานที่มีตำแหน่งเป็นลูกสะใภ้ควบคู่กัน She ทำงานแบบขอไปวันๆ แต่ถ้าวันไหนมีโอกาส She ก็มักจะยักยอกเงินบริษัทไปทุกๆครั้ง She and He พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดพนักงานตาดำๆ (อย่างดิฉัน) ให้พ้นทาง เพื่อว่าทำอะไรจะได้สะดวก (แต่ยังทำไม่สำเร็จค่ะ แต่บริษัทก็เสียหายเยอะ) จนตอนนี้บริษัทเริ่มไปไม่รอดสภาวะทางการเงินย่ำแย่ เงินเดือนพนักงานก็ออกช้ากว่าปกติ บางครั้งรอเป็นอาทิตย์ยังมี
**คำถาม ถ้าถ้าคุณเป็นน้ำแข็ง คุณจะทำอย่างไร ระหว่าง
A.ลาออก ไปหางานใหม่
B.อยู่ต่อ (ลืมบอกไปค่ะตัวเจ้านายเองใจดีมากๆๆๆๆๆๆๆ)
C. ..............................................................
#2
โพสต์เมื่อ 16 December 2009 - 12:09 PM
ผมว่าคุณน้ำแข็งใสมีคำตอบในใจอยู่แล้วหละครับ ซึ่งคือข้อ C ทำตามที่ตนเองเชื่อมั่นนะครับ happy & smile
#3
โพสต์เมื่อ 16 December 2009 - 12:16 PM
ทุกข์ หรือ สุข อยู่ที่ใจเราเองทั้งหมดค่ะ
ลองนั่งสมาธิ และ อธิษฐานจิต ดูนะคะ อาจจะมีคำตอบให้เราได้ค่ะ
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#4
โพสต์เมื่อ 16 December 2009 - 02:27 PM
ถ้ามองว่าเป็นการฝึกตัวเองเราก็ต้องทนให้ถึงที่สุด....
แต่ถ้าไม่ได้มองอย่างข้างต้นก็ทนเท่าที่เรามีความสุขเเล้วกันเนอะ...
#5
โพสต์เมื่อ 16 December 2009 - 05:16 PM
1. สุขที่มีนายรัก
2. สุขที่เพื่อนร่วมงานรัก
3. สุขที่ลูกน้องรัก
4. สุขที่ผลตอบแทนสมกับงานที่ลงแรง
5. สุขที่ได้สวัสดิการดี
6. สุขที่ไม่เสียเวลาในการเดินทางมาก
7. สุขที่มีเวลามาสร้างบุญบารมี
#6
โพสต์เมื่อ 16 December 2009 - 08:06 PM
1. คุณมีเป้าหมายชีวิตที่จะเป็นอะไรในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้
เอ จะอยู่กับเจ้านายที่รักไปอีก 2-3 ปี ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องทนทุกอย่างนั่นแหละครับ
เอ หรือว่า จะขอมีชีวิตในที่ทำงานที่เจริญก้าวหน้า ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องดูว่าที่ทำงานนี้จะเจริญก้าวหน้าหรือไม่
เอ หรือว่า ทั้งสองอย่าง ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องทนอยู่ไป แล้วปฏิวัติซะ เปลี่ยนที่ทำงานด้วยมือเราให้ได้
เอ หรือว่า อย่างอื่น ลองคิดต่อดูสิครับ....
ยกตัวอย่าง คุณยายอาจารย์ อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ท่านมาเป็นคนใช้ที่บ้านคุณนายเลี๊ยบ ทำตัวดีจนคุณนายเลี๊ยบรักมากๆ หากคุณยายปรารถนาจะเป็นบริวารคุณนายเลี๊ยบ ท่านก็สามารถอยู่อย่างสุขสบาย เพราะเจ้านายรัก
แต่เพราะคุณยาย ไม่ได้มีเป้าหมายชีวิตที่จะขอเป็นคนใช้ไปตลอดชาติ ท่านมีเป้าหมายอยากจะไปนั่งสมาธิกับหลวงปู่วัดปากน้ำ ท่านจึงจากคุณนายเลี๊ยบไปบวชที่วัดปากน้ำ แล้วในทีสุดคุณยายก็ได้มาเป็นผู้สร้างวัดพระธรรมกาย มีบั้นปลายชีวิตที่ยิ่งใหญ่
2. คุณมีเป้าหมายชีวิตที่จะเป็นอะไรในอีก 20-30 ปีข้างหน้านี้
เป้าหมายชีวิตคุณในอีก 20-30 ปีข้างหน้า ยังคงเหมือนเดิมหรือเปล่า หากไม่เหมือน มีความจำเป็นต้องรอหรือไม่ ถ้าไม่มีความจำเป็นต้องรอ แล้วำทำไมถึงไม่ทำตามเป้าหมายระยะไกลเลย
3. หากเกิดอะไรขึ้นมา ทำให้มีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 3 วันเท่านั้น คุณอยากจะทำอะไร
เป้าหมายนี้สำคัญเลยนะครับ บางทีอาจทำให้เราได้คิดในสิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อนก็ได้ครับ
เช่น เอ๊ะ เราเองก็ไม่สำคัญอะไรขนาดนั้นนะ ถึงไม่มีเราเขาก็อยู่กันได้ เป็นต้น
#7
โพสต์เมื่อ 16 December 2009 - 09:45 PM
1. คุณมีเป้าหมายชีวิตที่จะเป็นอะไรในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้
2. คุณมีเป้าหมายชีวิตที่จะเป็นอะไรในอีก 20-30 ปีข้างหน้านี้
3. หากเกิดอะไรขึ้นมา ทำให้มีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 3 วันเท่านั้น คุณอยากจะทำอะไร
#8
โพสต์เมื่อ 17 December 2009 - 11:25 AM
หลีกเลี่ยงอย่าอยู่ใกล้ คนพาล ดีที่สุด
ยังไง สุดท้ายแล้ว บริษัทไปรอดต่อไปก็เป็นบริษัทของลูกเขา ถ้าจะล่มจม ก็ของเขา เดี๊ยวตัวเขาเองก็ยากจนจากการกระทำเอง
#9
โพสต์เมื่อ 17 December 2009 - 12:47 PM
อุปการะเลี้ยงข้าวทุกวัน ( ไม่ได้เห็นแก่กินนะค่ะ) แต่เจ้านายใจดีจริงๆ และเป็นกัลยานิมิตรที่ดี มีข่าวบุญที่ใหนเจ้านายชวนร่วมบุญทุกครั้ง
ถ้าจะลาออกก็... ถ้าพวกพี่เป็นน้ำแข็งพวกพี่จะทำไง
#10
โพสต์เมื่อ 17 December 2009 - 12:55 PM
ไม่ได้บอกให้ทำตาม แค่เล่าให้ฟังค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
#11
โพสต์เมื่อ 17 December 2009 - 06:51 PM
ตามที่คุณบอกมาว่า คุณมีเป้าหมายชีวิตระยะไกลอยู่ แต่มันก็ยังไม่จำเป็น เมื่อเทียบกับเป้าหมายระยะใกล้ ที่อยากจะอยู่ช่วยบริษัทที่มีเจ้านายที่รัก ไม่อยากเป็นบริษัทเจ้านายต้องแย่ลงไปกับตา เพราะญาติตัวเอง ถ้าผมเป็นคุณนะครับ
ผมอยากช่วยบริษัทจริงๆ แล้วผมเล่นเกมส์เป้าหมายชีวิตในข้อที่ 3 หากผมจะมีชีวิตอยู่ต่อจากนี้ไปอีกเพียงแค่ 3 วัน ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ขอเพียงช่วยบริษัทเจ้านายได้ ผมก็พร้อมที่จะตาย(สมมุติ)อย่างมีความสุข
เมื่อเป็นเช่นนี้ผมควรจะทำอย่างไร ผมก็ไม่ต้องไปกังวลอะไรอีกแล้ว ในเมื่ออีก 3 วันก็จะต้องตายแล้ว ดังนั้น ผมจะเข้าไปคุยกับลูกชายและลูกสะใภ้เจ้านายเลยว่า ตอนนี้ผมเป็นโรคปัจจุบันทันด่วน จะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น แต่ผมไม่อยากเห็นบริษัทของพ่อคุณต้องล่มสลายไป คุณทั้งสองต้องปรับปรุงงานด้านนั้นด้านนี้ เห็นจุดบกพร่องตรงไหนก็บอกไปเลย เพราะอีก 3 วัน ผมจะต้องตายแล้วนี่ จะไปกลัวอะไร
หากทั้งสองบอกว่า นี่มันบริษัทของฉัน แกไม่เกี่ยว แต่ผมอยากช่วยบริษัทจริงๆ ผมก็จะไปคุยกับตัวพ่อเลยครับ ว่าผมจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 3 วัน แต่ผมอยากเห็นบริษัทอยู่ต่อไป ตอนนี้คุณพ่อต้องปรับปรุงด้านนั้นด้านนี้ โดยเฉพาะลูกชายคุณพ่อ อะไรก็ว่าไป เป็นต้น
เป็นไงครับเกมส์นี้ แต่คุณเจ้าของกระทู้อาจจะมองว่า ก็ฉันยังไม่ได้จะตายจริงๆ สักกะหน่อย จะให้ไปทำอารมณ์อย่างนั้นได้อย่างไร อ๋อ ก็เปลี่ยนใหม่สิครับ เปลี่ยนเป็นว่า อีก 3 วันจะลาออก (เพราะถึงไม่ออกก็จะถูกเขาบีบให้ลาออก) แต่ก่อนจะออก ขอให้บริษัทอยู่ต่อไป ว่าแล้วก็ทำตามที่ผมว่ามานั่นแหละครับ แต่ย้ำว่า จะทำตามนี้แน่ๆ นั้น คุณต้องอยากให้บริษัทของเจ้านายเจริญขึ้นจริงๆ โดยไม่รู้สึกกังวลอะไรกับอนาคตของคุณเองทั้งสิ้นนะครับ (เหมือนเป้าหมายข้อที่ 3) แล้วมันจะได้ผล
#12
โพสต์เมื่อ 18 December 2009 - 11:27 AM
#13
โพสต์เมื่อ 18 December 2009 - 02:12 PM
#14
โพสต์เมื่อ 18 December 2009 - 05:06 PM
ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องขอบอกว่า ถ้าคุณพ่อเขาเองสามารถทำให้เขาไปบวชพระในโครงการพระแสนรูปได้ ก็อาจจะเปลี่ยนพฤติกรรมของเขาได้น่ะครับ
หรือ สามารถส่งมาอบรมที่วัดฯ ในโครงการ องค์กรเปี่ยมสุข ก็ได้ครับ ถ้ายินดีมาอบรม โดยมากันทั้งทีมนั่นแหละ คือ ทั้งลูกชายลูกสาวด้วย และตัวคุณก็มาด้วยครับ
#15
โพสต์เมื่อ 18 December 2009 - 05:13 PM
คุณพี่หัดฝัน น้ำแข็งว่ามันย้ากกกกก......ที่สุด เป็นไปบ่ได้ ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรซะอีก
#16
โพสต์เมื่อ 18 December 2009 - 06:06 PM
เรื่องก็มีอยู่ว่า มียายคนหนึ่ง ชื่อว่า ยายหอย ได้มายืนด่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและคณะพระภิกษุสงฆ์หน้าวัดพระเชตวัน ทุกๆ วันเป็นแรมเดือนเลยทีเดียว วันหนึ่งพระมหาโมคคัลลานะ พระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์มาก ได้มาเฝ้าพระพุทธเจ้าที่วัดพระเชตวัน ท่านได้เห็นเหตุการณ์นี้พอดี
จึงได้ไปกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า "ทำไมพระพุทธองค์ทรงปล่อยให้ยายคนนี้ มายืนด่าอยู่ได้ทุกวัน ทำไมไม่ทรงแสดงธรรมโปรดยายคนนี้เสียหล่ะ"
พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า "ยายหอยคนนี้ เป็นบุคคลที่โปรดไม่ได้ ต้องรอให้พระพุทธเจ้าพระองค์หน้ามาโปรด"
พระมหาโมคคัลลานะจึงตอบว่า "ข้าพระองค์อยากจะทดลองดู
พระพุทธเจ้าบอกว่า "ได้เลย เธอทดลองดูได้เลย โมคคัลลานะ"
ว่าแล้ว พระโมคคัลลานะ ท่านก็เดินตรงเข้าไปหายายหอย ที่กำลังยืนด่าพระอยู่พอดี ยายหอยเห็นพระเดินตรงเข้ามา ก็รีบหันกลับหลังหนี(โดยกะว่าวันพรุ่งนี้จะมาด่าใหม่) ทันทีทีหันหลังเท่านั้น ยายหอยก็เห็น พระมหาโมคคัลลานะอีกท่านหนึ่ง ยืนรออยู่ข้างหลัง (ท่านปาฏิหาริย์กาย)
ถ้าเป็นคนธรรมดา ผมว่า หมดพยศแล้ว เจออย่างนี้ ต้องก้มลงกราบขอขมาสถานเดียว แต่นี่คือ ยายหอย ว่าแล้ว ยายหอยก็สำแดงเดช มองขึ้นไปบนฟ้าทันที
ครั้นพอมองขึ้นไปบนฟ้า ก็เจอกับพระมหาโมคคัลานะ ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเช่นกัน คราวนี้ยายหอย จึงก้มหน้ามองลงไปที่พื้นดิน พลันก็เห็นภาพพระมหาโมคคัลลานะปรากฏที่พื้นดินเช่นเดียวกัน เอาละสิ ล้อมทั้ง 4 ด้านเลย จะทำไงล่ะทีนี้
คนอย่างยายหอย มีหรือจะยอมจำนน นางได้กระทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่า นางจะกระทำเช่นนั้นได้ คือ ยายหอย ได้เลิกผ้าถุงขึ้นมา แล้วก้มมองไปที่ อวัยวะที่บ่งบอกถึงความเป็นเพศหญิงของนาง
ซึ่งพระโมคคัลลานะ ท่านเป็นพระอรหันต์ย่อมไม่อาจที่จะสำแดงฤทธิ์ไปปรากฏกาย ณ ที่ตรงนั้นได้ เพราะไม่เป็นการสมควร ว่าแล้ว ท่านก็ได้แต่ปล่อยให้ยายหอย จากไปแต่โดยดี
ส่วนลูกชายเถ้าแก่ของคุณเจ้าของกระทู้ จะเป็นดังเช่น ยายหอย หรือไม่ ผมไม่ทราบ เพราะไม่ใช่พระอรหันต์ จึงให้ความเห็นได้แต่เพียงว่า ทาน ศีล ภาวนา เปลี่ยนนิสัยคนได้แน่นอน หากไม่ได้ในชาตินี้ ก็ต้องเป็นชาติต่อๆไป เพียงแต่ ต้องให้บุคคลนั้นได้ทำทาน ศีล ภาวนา
หากไม่ให้เขาทำอะไรเลย เช่น มาอบรมโน่นนี้ก็ไม่ได้ บวชก็ไม่ได้ ฯลฯ อย่างนี้ก็ไม่มีใครช่วยเขาได้หรอกครับ และเช่นกัน หากคุณเจ้าของกระทู้ยังคงอยู่ในบริษัทไป โดยไม่สามารถทำอะไรได้ ก็ไม่มีใครช่วยคุณได้เช่นกันครับ
#17
โพสต์เมื่อ 19 December 2009 - 04:57 AM
คนทานข้าวอิ่มก็ทรมาน คนไม่มีข้าวจะทานก็ทุกข์ทน
คนมีแฟนก็เบื่อที่จะทะเลาะกับแฟน คนไม่มีแฟนก็เหงาอยากมีใครสักคน
คนรวยก็คิดหนักจะเอาเงินไปทำอะไรดี คนจนก็ว้าวุ่นจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย
โลกนี้ไม่มีอะไรพอดีเลย มีแต่ทุกข์
เฮ้อ..........
#18
โพสต์เมื่อ 19 December 2009 - 09:43 AM
ค่อยๆ คิดและหาช่องทางออกให้ตัวเองก่อน ถ้าดีแล้วค่อยลาออกก็ไม่แปลก มองแง่ดีอาจจะเป็นทางทำให้เจ้าของเขาคิดได้ปฏิวัติการทำธุรกิจ
#19
โพสต์เมื่อ 19 December 2009 - 10:05 AM