สงสัยทำไมที่วัด ถึงไม่มีบทสวดอื่นให้สวดบ้าง
เพราะว่าในหนังสือบวทสวดจะมีเพียงสวดมนเช้าเย็น บทสรรเสริญ และคำอธิฐานเท่านั้น
ที่ขาดไปพระคาถาที่สำคัญก็มีมากมาย เช่นบทสวดโชคลาภ บทสวดคลาดแค้ว บทสวดเมตตามหานิยม์ ค่าเงินล้าน
คาถาอื่นๆ อีก
คิดเห็นยังไงกันบ้างครับ
สงสัยทำไมที่วัด ถึงไม่มีบทสวดอื่นให้สวดบ้าง
เริ่มโดย cheterkk, Jan 04 2010 03:58 PM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 04 January 2010 - 03:58 PM
#2
โพสต์เมื่อ 04 January 2010 - 04:10 PM
คงว่ากันตามความถนัดของแต่ละวัดล่ะมั้งครับ เพราะ ผมเคยเห็นของหลายๆ วัด ก็ไม่มีบทสวด ค่าเงินล้าน น่ะครับ
อย่าว่าแต่ไม่มีบทสวดต่างบทกันเลย แม้บทสวดเดียวกัน สำเนียงการสวดก็ต่างๆกันไปด้วยครับ
เช่น บททำวัตรเช้าเย็น ผมเคยได้ยินบางวัดชื่อดังแถวสระบุรี(ออกรายการวิทยุ) สวดแบบคล้ายๆ ร้องเพลงช้าๆ และแปลบทไปด้วย ในขณะที่หลายๆ วัดก็สวดแบบที่วัดพระธรรมกายสวด ก็ว่ากันตามความถนัดมั้งครับ
อย่าว่าแต่ไม่มีบทสวดต่างบทกันเลย แม้บทสวดเดียวกัน สำเนียงการสวดก็ต่างๆกันไปด้วยครับ
เช่น บททำวัตรเช้าเย็น ผมเคยได้ยินบางวัดชื่อดังแถวสระบุรี(ออกรายการวิทยุ) สวดแบบคล้ายๆ ร้องเพลงช้าๆ และแปลบทไปด้วย ในขณะที่หลายๆ วัดก็สวดแบบที่วัดพระธรรมกายสวด ก็ว่ากันตามความถนัดมั้งครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#3
โพสต์เมื่อ 04 January 2010 - 04:45 PM
อยากให้คนสงสัยและนำไปแปลมากกว่าครับ เพราะบทสวดทุกบท มีคำแปลหมด แล้วความหมายที่แฝงอยู่ในบทสวด
คือ การสอนเรา
แต่ในปัจจุบัน เห็นคนส่วนใหญ่สวด ท่องกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง หวังเพียงแต่ว่า จะมี ปาฎิหาริย์เกิดขึ้นหลังจากสวดเสร็จ
ลองแปลดูบ้างไหมครับ ว่าบทที่เราสวด สอนอะไรเราบ้าง
คือ การสอนเรา
แต่ในปัจจุบัน เห็นคนส่วนใหญ่สวด ท่องกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง หวังเพียงแต่ว่า จะมี ปาฎิหาริย์เกิดขึ้นหลังจากสวดเสร็จ
ลองแปลดูบ้างไหมครับ ว่าบทที่เราสวด สอนอะไรเราบ้าง
#4
โพสต์เมื่อ 04 January 2010 - 04:56 PM
QUOTE
สวดแบบคล้ายๆ ร้องเพลงช้าๆ และแปลบทไปด้วย
ใช่คะ kissy ก็เคยเจอ และได้ร่วมสวดด้วย
#5
โพสต์เมื่อ 04 January 2010 - 06:53 PM
ลองมาบวชดูนะครับ แล้วจะเข้าใจ คิดง่ายๆ ก็สำเร็จง่ายๆ ครับ
#6
โพสต์เมื่อ 04 January 2010 - 08:08 PM
คงต้องกลับมาทบทวนความหมายของการสวดมนต์นะครับ
การสวดมนต์ คือ การนำคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาท่องหรือสวดกัน ซึ่งล้วนถอดมาจากพระไตรปิฎก อันเป็นพระธรรมเทศนาของพระองค์ทั้งสิ้น เช่น บทพระธรรมจักกัปปวัตตนสูตร ก็มาจากปฐมเทศนาที่ทรงแสดงโปรดปัญจวัคคีย์ บทอาทิตปริยายสูตร ก็มาจากพระธรรมเทศนาที่ทรงแสดงโปรดชฎิล 3 พี่น้องและบริวาร จนละลัทธิของตนมาบวชในพระพุทธศาสนา ในที่สุดสำเร็จเป็นพระอรหันต์ด้วยกันทั้งหมด
วัตร แปลว่า สิ่งที่ควรทำ
ทำวัตร หมายถึง การสวดบทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ถ้าจะสวดให้ได้ผล ต้องทำความรู้สึกเหมือนกับเราได้เข้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะที่สวดสรรเสริญพระคุณของท่าน ใจก็จะชุ่มชื่น เป็นบุญเป็นกุศล ความคิด คำพูด และการกระทำของเรา จะไม่รั่วไหลไปในทางชั่ว มีแต่คิดดี พูดดี และทำดีตลอดไป
การทำวัตร เป็นการนึกถึงคุณธรรมความดีต่างๆ ของพระรัตนตรัยเป็นประจำ ทำให้ใจของเราน้อมไปถึงคุณความดี แล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธา เมื่อความเลื่อมใสศรัทธาเกิดมากขึ้น ในที่สุดใจของเราจะตั้งมั่นในความดี และสามารถทำความดีไปได้ตลอด
การทำวัตรสวดมนต์ ควรทำทั้งเช้า-เย็น เป็นการย้ำศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคงยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ในสมัยโบราณ ทั้งอุบาสก อุบาสิกา และพระภิกษุสงฆ์ต่างนิยมสวดมนต์กันมาก ดังนั้นเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง แม้พม่าจะเผากรุงวอดวาย พระไตรปิฎก และพระคัมภีร์ต่างๆ ถูกไฟไหม้ไป มากต่อมาก แต่ท่านเหล่านั้นก็สามารถเขียนขึ้นใหม่ได้ เพราะทุกวรรคทุกตอนถูกบันทึกอยู่ในความจำของท่านหมด เราจึงยังคงมีพระไตรปิฎกไว้ศึกษากันอยู่ ตราบเท่าทุกวันนี้
อานิสงส์ของการสวดมนต์ทำวัตร
1. ทำให้จิตใจผ่องใส ตั้งมั่นเป็นสมาธิ และชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลาที่สวด
2. ทำให้เกิดความพร้อมเพรียงในหมู่คณะ
3. เป็นการรักษาประเพณี ทำให้เกิดขวัญ และกำลังใจ
4. เป็นการรักษาพระปริยัติธรรม คือ พระธรรมคำสั่งสอน ให้มั่นคงสืบไป
5. ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง แม้ที่สุดการสวดมนต์ ยังเป็นวิธีหนึ่งที่ใช้รักษาโรคติดอ่างได้ เพราะเสียงสวดมนต์ในภาษาบาลีส่วนมากเป็นสระเสียงแท้ ซึ่งเปล่งออกมาจากศูนย์กลางกาย
การสวดมนต์ คือ การนำคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาท่องหรือสวดกัน ซึ่งล้วนถอดมาจากพระไตรปิฎก อันเป็นพระธรรมเทศนาของพระองค์ทั้งสิ้น เช่น บทพระธรรมจักกัปปวัตตนสูตร ก็มาจากปฐมเทศนาที่ทรงแสดงโปรดปัญจวัคคีย์ บทอาทิตปริยายสูตร ก็มาจากพระธรรมเทศนาที่ทรงแสดงโปรดชฎิล 3 พี่น้องและบริวาร จนละลัทธิของตนมาบวชในพระพุทธศาสนา ในที่สุดสำเร็จเป็นพระอรหันต์ด้วยกันทั้งหมด
วัตร แปลว่า สิ่งที่ควรทำ
ทำวัตร หมายถึง การสวดบทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ถ้าจะสวดให้ได้ผล ต้องทำความรู้สึกเหมือนกับเราได้เข้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะที่สวดสรรเสริญพระคุณของท่าน ใจก็จะชุ่มชื่น เป็นบุญเป็นกุศล ความคิด คำพูด และการกระทำของเรา จะไม่รั่วไหลไปในทางชั่ว มีแต่คิดดี พูดดี และทำดีตลอดไป
การทำวัตร เป็นการนึกถึงคุณธรรมความดีต่างๆ ของพระรัตนตรัยเป็นประจำ ทำให้ใจของเราน้อมไปถึงคุณความดี แล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธา เมื่อความเลื่อมใสศรัทธาเกิดมากขึ้น ในที่สุดใจของเราจะตั้งมั่นในความดี และสามารถทำความดีไปได้ตลอด
การทำวัตรสวดมนต์ ควรทำทั้งเช้า-เย็น เป็นการย้ำศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคงยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ในสมัยโบราณ ทั้งอุบาสก อุบาสิกา และพระภิกษุสงฆ์ต่างนิยมสวดมนต์กันมาก ดังนั้นเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง แม้พม่าจะเผากรุงวอดวาย พระไตรปิฎก และพระคัมภีร์ต่างๆ ถูกไฟไหม้ไป มากต่อมาก แต่ท่านเหล่านั้นก็สามารถเขียนขึ้นใหม่ได้ เพราะทุกวรรคทุกตอนถูกบันทึกอยู่ในความจำของท่านหมด เราจึงยังคงมีพระไตรปิฎกไว้ศึกษากันอยู่ ตราบเท่าทุกวันนี้
อานิสงส์ของการสวดมนต์ทำวัตร
1. ทำให้จิตใจผ่องใส ตั้งมั่นเป็นสมาธิ และชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลาที่สวด
2. ทำให้เกิดความพร้อมเพรียงในหมู่คณะ
3. เป็นการรักษาประเพณี ทำให้เกิดขวัญ และกำลังใจ
4. เป็นการรักษาพระปริยัติธรรม คือ พระธรรมคำสั่งสอน ให้มั่นคงสืบไป
5. ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง แม้ที่สุดการสวดมนต์ ยังเป็นวิธีหนึ่งที่ใช้รักษาโรคติดอ่างได้ เพราะเสียงสวดมนต์ในภาษาบาลีส่วนมากเป็นสระเสียงแท้ ซึ่งเปล่งออกมาจากศูนย์กลางกาย
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#7
โพสต์เมื่อ 04 January 2010 - 10:51 PM
....เคยมีโอกาสได้สวดมนต์ทำวัตรแบบแปลเป็นไทยเหมือนกันนะครับ
แต่ เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะ รู้สึกว่าใจไม่ค่อยรวมครับ
ใจไปอยุ่กับคำแปล ผมรู้สึกว่าทางวัดเราอยากให้การสวดมนต์
ก็จรดใจนิ่งที่ศูนย์กลางกายไปด้วย ถ้าสวดบทแปลด้วยใจจะไปอยู่
กับคำแปล ใจจะไปคิด...รู้สึกว่าใจจะไม่หยุดไม่รวม
....เพราะถ้าใจจะหยุดจะรวมได้ ประมาณว่าเห็นจำคิดรู้ต้องรวมเป็นหนึ่ง
นะครับ ถ้าระบบความคิดทำงาน...ใจมันก็จะหยุดไม่สมบูรณ์
แต่...สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความสม่ำเสมอครับ ยังไงจะแปลหรือไม่คงไม่
สำคัญเท่าความสม่ำเสมอทั้งเช้า-เย็น ทุกวันเหมือนที่คุณwishบอก
แต่ เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะ รู้สึกว่าใจไม่ค่อยรวมครับ
ใจไปอยุ่กับคำแปล ผมรู้สึกว่าทางวัดเราอยากให้การสวดมนต์
ก็จรดใจนิ่งที่ศูนย์กลางกายไปด้วย ถ้าสวดบทแปลด้วยใจจะไปอยู่
กับคำแปล ใจจะไปคิด...รู้สึกว่าใจจะไม่หยุดไม่รวม
....เพราะถ้าใจจะหยุดจะรวมได้ ประมาณว่าเห็นจำคิดรู้ต้องรวมเป็นหนึ่ง
นะครับ ถ้าระบบความคิดทำงาน...ใจมันก็จะหยุดไม่สมบูรณ์
แต่...สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความสม่ำเสมอครับ ยังไงจะแปลหรือไม่คงไม่
สำคัญเท่าความสม่ำเสมอทั้งเช้า-เย็น ทุกวันเหมือนที่คุณwishบอก
ถ้าอยากได้"จริง"จะได้...แต่ตอนจะได้ไม่"อยาก"
#8
โพสต์เมื่อ 04 January 2010 - 11:01 PM
หลวงพ่อจรัญบอกว่า สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน
ถ้าทั้งกินทั้งทาโรคก็หายเร็วขึ้น
ไม่แน่ใจว่าเป็นกระทู้ล่อเป้ารึเปล่า ชักจะเป็นโรคหวาดระแวง
ถ้าทั้งกินทั้งทาโรคก็หายเร็วขึ้น
ไม่แน่ใจว่าเป็นกระทู้ล่อเป้ารึเปล่า ชักจะเป็นโรคหวาดระแวง
#9
โพสต์เมื่อ 17 January 2010 - 12:15 PM
เรื่องบทสวด
ที่วัดไม่ได้ไม่มีนะครับ
เรื่องนี้ก็มีความสำคัญ
ลองอ่านจากลิงค์นี้สิครับ( อ่านที่คำปรารภ)
http://www.kalyanami...n/monvitarn.pdf
http://www.kalyanami...x_monvitarn.asp
ที่วัดไม่ได้ไม่มีนะครับ
เรื่องนี้ก็มีความสำคัญ
ลองอ่านจากลิงค์นี้สิครับ( อ่านที่คำปรารภ)
http://www.kalyanami...n/monvitarn.pdf
http://www.kalyanami...x_monvitarn.asp
อย่าขาดการปฏิบัติธรรมแม้แต่เพียงวันเดียว
เพราะขาดแม้เพียงวันเดียว ใจเราจะหยาบ ทำให้ผังวิตกกังวลได้ช่อง
เพราะขาดแม้เพียงวันเดียว ใจเราจะหยาบ ทำให้ผังวิตกกังวลได้ช่อง
7 ส.ค. 48