หิริโอตัปปะคืออะไรหรอครับ ท่านไหนรู้บอกผมหน่อยนะครับ
ขอบคุนมั่กๆค้าบ
หิริโอตัปปะคืออะไรหรองับ
เริ่มโดย หยุดนิ่ง, May 07 2008 02:07 PM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 07 May 2008 - 02:07 PM
#2
โพสต์เมื่อ 07 May 2008 - 03:56 PM
หิริโอตตัปปะ = เทวธรรม, ธรรมะที่ทำให้ได้เป็นเทวดา, หิริ = ความละอายต่อบาป, โอตตัปปะ = ความเกรงกลัวต่อบาป
อ่านว่า หิ-หริ-โอด-ตับ-ปะ
ขอท่านผู้รู้อื่น ๆ ช่วยเสริมด้วยครับ
สาธุ
อ่านว่า หิ-หริ-โอด-ตับ-ปะ
ขอท่านผู้รู้อื่น ๆ ช่วยเสริมด้วยครับ
สาธุ
#3 *YTTRA*
โพสต์เมื่อ 07 May 2008 - 04:38 PM
คนตั้งกระทู้ชื่อแปลกดี แปลว่าไรอ่ะ???
#4
โพสต์เมื่อ 07 May 2008 - 04:41 PM
หิริและโอตตัปปะ (หิ - หริ - โอด - ตับ - ปะ ) คือธรรม 2 ประการ ที่เรียกว่า โลกบาลธรรม หมายถึง ธรรมที่คุ้มครองโลก เป็นธรรมที่ีทำให้โลกดำเนินไปอย่างปกติสุข โดยเป็นธรรมที่ปกครองและควบคุมจิตใจมนุษย์ให้อยู่ในความดี ไม่ให้ละเมิดศีลธรรมและให้อยู่ร่วมกันด้วยความเรียบร้อย สงบสุข ไม่เดือดร้อน สับสน วุ่นวาย
#5
โพสต์เมื่อ 08 May 2008 - 11:32 AM
ขออนุญาตเล่าธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ฟังมาจากครูบาอาจารย์ของเราค่ะ
เรื่องที่ 1
ธรรมะเพื่อประชาชน เรื่อง ศีล และ หิริโอปตัปปะ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทราบด้วยพระญาณว่า ภิกษุทั้ง 500 เกิดกามวิตก
ต้องการลาสิกขาเพื่อไปดำรงในเพศคฤหัสต์
เมื่อทราบเช่นนั้นก็ห่วงใยประดุจบิดาห่วงใยบุตร
จึงได้ทรงให้พระอานนท์ไปนิมนต์ ภิกษุทั้ง 500 นั้นมา
เพื่อประธานโอวาท ว่า....
“ ภิกษุทั้งหลายที่ลับย่อมไม่มีในโลก ฉะนั้นบัณฑิตรู้อย่างนี้แล้วจึงไม่กระทำบาป”
แล้วพระองค์ก็ได้ประธานเล่าเรื่องราวในอดีตของพระบรมโพธิสัตย์ว่า
สมัยที่พระเจ้าพรหมทัต ปกครองเมืองพาราณสี
พระโพธิสัตย์ทรงเกิดในตระกูลพราหมณ์
ได้มาศึกษาที่สำนึกหนึ่ง และได้เป็นหัวหน้ามานพทั้ง 500
ท่านอาจารย์ของพระโพธิสัตย์ มีลูกสาวรูปร่างหน้าตาสวยงาม เป็นกุลสตรี
ท่านอยากจะยกให้ศิษย์ จึงประกาศว่า
“บัดนี้ลูกสาวของอาจารย์อยู่ในวัยที่จะแต่งงาน
อาจารย์ประสงค์จะจัดงานแต่งงานให้เธอ
จึงต้องใช้ผ้า และ เครื่องประดับต่าง ๆ
อาจารย์จะรับผ้าและเครื่องประดับ ที่ขโมยมาโดยไม่มีผู้ใดรู้เท่านั้น
แล้วอาจารย์จะมอบลูกสาวให้เป็นคู่ครองแก่ผู้ที่นำสิ่งที่เหมาะสมมา”
ศิษย์ ทุกคนต่างหมายปองลูกสาวของท่านอาจารย์
จึงลากลับบ้านไปขโมยของๆญาติของตน
ขโมยได้มากบ้างน้อยบ้าง โดยที่ญาติไม่รู้เลย แล้วต่างนำมาให้ท่านอาจารย์
เว้นแต่พระโพธิสัตย์เท่านั้นที่มิได้นำสิ่งใดมาเลย
ท่านอาจารย์จึงได้ถามว่า “เธอไม่นำสิ่งใดมาเลยหรือ”
พระโพธิสัตย์จึงได้ตอบท่านอาจารย์ว่า
[b]“ผมคิดว่าไม่มีการทำบาปใดจะเป็นความลับไปได้เลย
แม้ไม่มีใครเห็น แต่ผม และ อาจารย์ต่างก็รู้เห็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมนี้
แม้ผมจะรักลูกสาวของท่านอาจารย์
แต่ผมรักศีลมากกว่า จึงไม่กล้ารักขโมยของมีค่า ตามคำสั่งของท่าน “[/b]
จากนั้นพระโพธิสัตย์จึงได้กล่าวสุภาษิตอันไพเราะว่า
“ ในโลกนี้ย่อมไม่มีที่ลับแก่ผู้ทำกระทำบาป
ต้นไม้ที่เกิดในป่า ยังมีคนเห็น
คนพาลย่อมสำคัญผิด คิดว่าบาปนั้นเป็นความลับ
ข้าพเจ้าย่อมไม่เห็นที่ลับ
แม้ที่ว่างเปล่า ก็ไม่มีในที่ว่างเปล่า
ถึงแม้ข้าพเจ้าจะไม่เห็นใครในที่นั้น ก็ไม่ว่างเปล่าจากตัวข้าพเจ้า”
อันที่จริงท่านอาจารย์ต้องการทดสอบว่า มีศิษย์คนใดที่มีศีล เหมาะสมกับลูกสาวของท่าน
ซึ่งก็คือพระโพธิสัตย์นั่นเอง
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดงธรรมเรื่องนี้ ทำให้ภิกษุทั้ง 500 เกิดความละอาย
และไม่กล้าส่งใจไปที่อื่นแล้วได้ประพฤติธรรม จนบรรลุพระอรหันต์ทั้ง 500
เรื่องที่ 1
ธรรมะเพื่อประชาชน เรื่อง ศีล และ หิริโอปตัปปะ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทราบด้วยพระญาณว่า ภิกษุทั้ง 500 เกิดกามวิตก
ต้องการลาสิกขาเพื่อไปดำรงในเพศคฤหัสต์
เมื่อทราบเช่นนั้นก็ห่วงใยประดุจบิดาห่วงใยบุตร
จึงได้ทรงให้พระอานนท์ไปนิมนต์ ภิกษุทั้ง 500 นั้นมา
เพื่อประธานโอวาท ว่า....
“ ภิกษุทั้งหลายที่ลับย่อมไม่มีในโลก ฉะนั้นบัณฑิตรู้อย่างนี้แล้วจึงไม่กระทำบาป”
แล้วพระองค์ก็ได้ประธานเล่าเรื่องราวในอดีตของพระบรมโพธิสัตย์ว่า
สมัยที่พระเจ้าพรหมทัต ปกครองเมืองพาราณสี
พระโพธิสัตย์ทรงเกิดในตระกูลพราหมณ์
ได้มาศึกษาที่สำนึกหนึ่ง และได้เป็นหัวหน้ามานพทั้ง 500
ท่านอาจารย์ของพระโพธิสัตย์ มีลูกสาวรูปร่างหน้าตาสวยงาม เป็นกุลสตรี
ท่านอยากจะยกให้ศิษย์ จึงประกาศว่า
“บัดนี้ลูกสาวของอาจารย์อยู่ในวัยที่จะแต่งงาน
อาจารย์ประสงค์จะจัดงานแต่งงานให้เธอ
จึงต้องใช้ผ้า และ เครื่องประดับต่าง ๆ
อาจารย์จะรับผ้าและเครื่องประดับ ที่ขโมยมาโดยไม่มีผู้ใดรู้เท่านั้น
แล้วอาจารย์จะมอบลูกสาวให้เป็นคู่ครองแก่ผู้ที่นำสิ่งที่เหมาะสมมา”
ศิษย์ ทุกคนต่างหมายปองลูกสาวของท่านอาจารย์
จึงลากลับบ้านไปขโมยของๆญาติของตน
ขโมยได้มากบ้างน้อยบ้าง โดยที่ญาติไม่รู้เลย แล้วต่างนำมาให้ท่านอาจารย์
เว้นแต่พระโพธิสัตย์เท่านั้นที่มิได้นำสิ่งใดมาเลย
ท่านอาจารย์จึงได้ถามว่า “เธอไม่นำสิ่งใดมาเลยหรือ”
พระโพธิสัตย์จึงได้ตอบท่านอาจารย์ว่า
[b]“ผมคิดว่าไม่มีการทำบาปใดจะเป็นความลับไปได้เลย
แม้ไม่มีใครเห็น แต่ผม และ อาจารย์ต่างก็รู้เห็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมนี้
แม้ผมจะรักลูกสาวของท่านอาจารย์
แต่ผมรักศีลมากกว่า จึงไม่กล้ารักขโมยของมีค่า ตามคำสั่งของท่าน “[/b]
จากนั้นพระโพธิสัตย์จึงได้กล่าวสุภาษิตอันไพเราะว่า
“ ในโลกนี้ย่อมไม่มีที่ลับแก่ผู้ทำกระทำบาป
ต้นไม้ที่เกิดในป่า ยังมีคนเห็น
คนพาลย่อมสำคัญผิด คิดว่าบาปนั้นเป็นความลับ
ข้าพเจ้าย่อมไม่เห็นที่ลับ
แม้ที่ว่างเปล่า ก็ไม่มีในที่ว่างเปล่า
ถึงแม้ข้าพเจ้าจะไม่เห็นใครในที่นั้น ก็ไม่ว่างเปล่าจากตัวข้าพเจ้า”
อันที่จริงท่านอาจารย์ต้องการทดสอบว่า มีศิษย์คนใดที่มีศีล เหมาะสมกับลูกสาวของท่าน
ซึ่งก็คือพระโพธิสัตย์นั่นเอง
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดงธรรมเรื่องนี้ ทำให้ภิกษุทั้ง 500 เกิดความละอาย
และไม่กล้าส่งใจไปที่อื่นแล้วได้ประพฤติธรรม จนบรรลุพระอรหันต์ทั้ง 500
หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#6
โพสต์เมื่อ 08 May 2008 - 11:42 AM
เรื่องที่2ธรรมะเพื่อประชาชน หลวงพ่อครูไม่ใหญ่ :
มงคลที่ ๑๖ ประพฤติธรรม – ธรรมะคุ้มครองโลก
มีพระบาลีใน ขุททกนิกาย เทวธรรมชาดก ว่า
“หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนา สุกฺกธมฺมสมาหิตา
สนฺโต สปฺปุริสา โลเก เทวธมฺมาติ วุจฺจเร</b>
สัปบุรุษผู้สงบระงับ ประกอบด้วยหิริและโอตตัปปะ
ตั้งมั่นอยู่ในธรรมขาว ท่านเรียกว่าผู้มีธรรมของเทวดาในโลก”
ผู้มีกาย วาจา ใจสงบ มีสติ มีหิริโอตตัปปะ ไม่เบียดเบียนสัตว์โลก ท่านเรียกว่าเป็นสัปบุรุษ ผู้สงบระงับแล้วจากบาปกรรม มีความละอายต่อความชั่วและเกรงกลัวต่อบาป มีธรรมของเทวดาที่เรียกว่า “เทวธรรม” ผู้ประพฤติตามธรรมนี้ ละโลกไปแล้ว จะไปบังเกิดเป็นสหายแห่งเทวดาในสุคติโลกสวรรค์ เพราะตั้งมั่นอยู่ในสุกกธรรม คือ ธรรมขาว หรือธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้
หิริโอตตัปปะ คือ ธรรมคุ้มครองโลก ที่ทำให้โลกเกิดความสงบสุขร่มเย็น เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเจริญทางจิตใจของมวลมนุษยชาติ หิริโอตตัปปะและศีล ๕ เป็นสิ่งที่ต้องประพฤติร่วมกัน เพราะเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่เป็นปกติของมนุษย์ เป็นเหตุให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
เรื่องที่ 3 หิริโอปตัปปะ เสียงธรรมเทศนา โดย พระเดชพระคุณหลวงปู่สด จันทสฺโร
Clicke ที่นี่
เรื่อง หิริ โอปตัปปะ ค่ะ
http://www.kalyanami...ing.asp?catid=1
เรื่องสุดท้าย
ดิฉันสรุปเองค่ะ
ธรรมคุ้มครองโลก เพราะเป็นธรรมที่กำกับดูแลเรา
ไม่ให้ทำชั่วทำบาป แม้ในที่ลับ หรือในที่แจ้ง
หรือ แม้มีเราคนเดียวที่รู้เห็น ก็ไม่กระทำสิ่งอันเป็นบาปทั้งปวง
ผิดพลาดอย่างไรขออภัยค่ะ
มงคลที่ ๑๖ ประพฤติธรรม – ธรรมะคุ้มครองโลก
มีพระบาลีใน ขุททกนิกาย เทวธรรมชาดก ว่า
“หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนา สุกฺกธมฺมสมาหิตา
สนฺโต สปฺปุริสา โลเก เทวธมฺมาติ วุจฺจเร</b>
สัปบุรุษผู้สงบระงับ ประกอบด้วยหิริและโอตตัปปะ
ตั้งมั่นอยู่ในธรรมขาว ท่านเรียกว่าผู้มีธรรมของเทวดาในโลก”
ผู้มีกาย วาจา ใจสงบ มีสติ มีหิริโอตตัปปะ ไม่เบียดเบียนสัตว์โลก ท่านเรียกว่าเป็นสัปบุรุษ ผู้สงบระงับแล้วจากบาปกรรม มีความละอายต่อความชั่วและเกรงกลัวต่อบาป มีธรรมของเทวดาที่เรียกว่า “เทวธรรม” ผู้ประพฤติตามธรรมนี้ ละโลกไปแล้ว จะไปบังเกิดเป็นสหายแห่งเทวดาในสุคติโลกสวรรค์ เพราะตั้งมั่นอยู่ในสุกกธรรม คือ ธรรมขาว หรือธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้
หิริโอตตัปปะ คือ ธรรมคุ้มครองโลก ที่ทำให้โลกเกิดความสงบสุขร่มเย็น เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเจริญทางจิตใจของมวลมนุษยชาติ หิริโอตตัปปะและศีล ๕ เป็นสิ่งที่ต้องประพฤติร่วมกัน เพราะเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่เป็นปกติของมนุษย์ เป็นเหตุให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
เรื่องที่ 3 หิริโอปตัปปะ เสียงธรรมเทศนา โดย พระเดชพระคุณหลวงปู่สด จันทสฺโร
Clicke ที่นี่
เรื่อง หิริ โอปตัปปะ ค่ะ
http://www.kalyanami...ing.asp?catid=1
เรื่องสุดท้าย
ดิฉันสรุปเองค่ะ
ธรรมคุ้มครองโลก เพราะเป็นธรรมที่กำกับดูแลเรา
ไม่ให้ทำชั่วทำบาป แม้ในที่ลับ หรือในที่แจ้ง
หรือ แม้มีเราคนเดียวที่รู้เห็น ก็ไม่กระทำสิ่งอันเป็นบาปทั้งปวง
ผิดพลาดอย่างไรขออภัยค่ะ
หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#7
โพสต์เมื่อ 09 May 2008 - 08:42 AM
พระโพธิสัตย์ ต้องสะกดเป็น พระโพธิสัตว์ จึงจะถูกครับ
สาธุ
สาธุ
#8
โพสต์เมื่อ 24 January 2010 - 12:15 AM
หิริ คือ ความละอายต่อบาป
โอตตัปปะ คืก ความละอายต่อบาป
หิริใช้กับคนที่ภูมิต่ำกว่า
โอตตัปปะใช้กับคนที่มีภูมิสูงกว่า
เป็นหมวดธรรมะที่คุ้มครองโลกอยู่เป็นเจตสิกที่ดีงาม(โสภณเจตสิก25)แบ่งเป็นโสภณสาธารณเจตสิก19
หิริโอตตัปปะจึงไปสอดคล้องกับอกุศลเจตสิก14อยู่ในสัพพกุสลสาธารณเจตสิก4
คือ โมหะ ความหลง
อหิริกะ ความม่ละอายต่อบาปนั่นเอง
โอตตัปปะ คืก ความละอายต่อบาป
หิริใช้กับคนที่ภูมิต่ำกว่า
โอตตัปปะใช้กับคนที่มีภูมิสูงกว่า
เป็นหมวดธรรมะที่คุ้มครองโลกอยู่เป็นเจตสิกที่ดีงาม(โสภณเจตสิก25)แบ่งเป็นโสภณสาธารณเจตสิก19
หิริโอตตัปปะจึงไปสอดคล้องกับอกุศลเจตสิก14อยู่ในสัพพกุสลสาธารณเจตสิก4
คือ โมหะ ความหลง
อหิริกะ ความม่ละอายต่อบาปนั่นเอง
#9
โพสต์เมื่อ 24 January 2010 - 12:27 AM
*ขอแก้ข้างบนนะค่ะ
เปลี่ยนโมหะเป็นอโนตัปปะ คือ ไม่สะดุ้งกลัวต่อบาป
เปลี่ยนโมหะเป็นอโนตัปปะ คือ ไม่สะดุ้งกลัวต่อบาป