อ่านแล้วอยากร้องไห้(เพื่อนส่งมาให้)
#1
โพสต์เมื่อ 25 January 2010 - 02:27 PM
อ่านแล้วอย่าร้องเหมือนเรานะ...
ความรู้สึกของน้องคนหนึ่งที่บรรยายออกมาจากใจ
ในขณะที่.... ผมก็เป็นเช่นเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป เรียน เที่ยว นอน กิน
ดึกๆ ผมก็โทรคุยกับแฟนของผม
ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้มันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของผม
และผมก็เชื่อว่าใครๆ เค้าก็ทำแบบนี้กัน
' จ้า ตัวเอง วันนี้กินข้าวรื้อยาง '
' กินกับอะไรบ้าง แล้วตอนกินตัวเองคิดถึงเค้ามั้ยเนี่ย '
' รู้มั้ยตัวเอง ถ้าเค้าเป็นผีเนี่ย เค้าอยากเป็นกระสือที่รักจะได้เห็นใจไง '
' ตัวเองวางก่อนดิ ก่อนดิ '
ประโยคต่างๆ ที่ผมได้คิดและคัดสรรเตรียมพร้อมมาต่างๆ ก่อนโทร
ผมยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ตอนดึกไปกับการคุยโทรศัพท์
ระยะเวลาอันผมได้ใช้ไปในแต่ละครั้งนั้น
พอรู้สึกอีกทีก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว
แต่ผมก็ไม่ชอบนะ หากใครจะมาว่าผมไร้สาระ
ก็ไม่เห็นหรอคนส่วนใหญ่เค้าก็ทำกัน
' เอ้อ เกือบลืมไปอีกอย่าง กิจวัตรอีกอย่างนึงของผมก็คือ
แม่ของผมมักชอบโทรหาผมทุกวัน ' ' ตอนนี้ลูกอยู่หอรึยัง '
' เย็นนี้กินข้าวอิ่มมั้ย ' ' วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง ' ' อย่าไปเที่ยวที่ไหนไกลนะ '
โธ่!คำถามเดิมๆ ผมก็ตอบไปแบบเดิมๆ
แม่ผมก็ไม่เบื่อซักที ยังคงโทรหาผมเป็นประจำ
โชคดีที่ผมพยายามตัดบทคุย
ผมกับแม่น่ะคุยกันไม่กี่นาทีก็วางแล้ว
ก็มันไม่มีอะไรจะคุยจะให้ผมทำยังไง
จนกระทั่งวันนั้น ' ตัวเองตอบเค้าได้รึยังว่ารักเค้ามั้ย '
' เร็วๆสิ เค้ายังอุฒส่าห์บอกรักตัวเองไปแล้วนะ '
' แล้วยังจะใจร้ายไม่บอกรักเค้าอีกหรอ '
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงจากโทรศัพท์บอกผมว่ามีสายซ้อน
ผมมองไปที่หน้าจอมันขึ้นชื่อว่า 'Home'
' โธ่ แม่โทรมาทำไมตอนนี้เนี่ย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย '
ผมไม่สลับสายผม ผมยังคงคุยกับสุดที่รักของผมต่อไป
เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่แม่จะคุยกับผมก็คงเป็นประโยคเดิมๆ
' และนั่นก็เป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะมีโอกาสฟังเสียงของแม่ '
หลังจากนั้นไม่นานทางญาติของผมโทรมาแจ้งผมว่า
เมื่อคืนนี้บ้านของผมถูกขโมยเข้า และแม่ของผมขัดขืน
และได้ต่อสู้กับโจร จึงถูกโจรใช้มีดแทงเข้าที่ท้อง
แม่เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว
ญาติของผมเล่าอีกว่าตอนไปพบศพแม่นั้น
ในมือของแม่กำโทรศัพท์ไว้แน่น
และเบอร์โทรออกล่าสุดของเธอไม่ใช่โทรแจ้งตำรวจ
หรือเรียกรถพยาบาล แต่แม่เลือกที่จะโทรหา ' ผม '
สิ่งสุดท้ายในชีวิตที่แม่ผมเลือกที่จะทำคือ โทรศัพท์หาผมเพื่อฟังเสียงของผม
วินาทีนั้นน้ำตาของผมไหลอาบแก้ม ผมพูดอะไรไม่ออก มือและตัวของผมสั่น
วันนั้นผมเลือกที่จะคุยกับแฟนผม ดีกว่าที่จะคุยกับแม่ของผม
ผู้หญิงคนเดียวในโลก ที่คุยกับผมเป็นคนแรกในชีวิต
ผู้หญิงคนเดียวที่ผม สามารถที่จะคุยกับเธอได้ทุกเวลา
โดยที่ผมไม่ต้องเตรียมบทพูดใดๆ ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะประทับใจหรือไม่
ไม่ต้องมีมุข ไม่ต้องมีคำหวานใดๆ
คนเดียวในโลก ที่โทรมาหาผมเพียงแค่ฟังผมพูดประโยคเดิมๆ
คนเดียวในโลก ที่ไม่ว่าโทรศัพท์เธอจะโปรโมชั่นแพงแค่ไหนก็ยังโทรหาผม
' และ คนเดียวในโลก ที่เลือกคุยกับผมในวินาทีสุดท้ายในชีวิต '
ในบางครั้งประโยคที่ว่า ' ไม่มีคำว่าสาย หากเราคิดที่จะแก้ตัว '
มันก็ไม่เป็นความจริง ' เพราะบางปรากฏการณ์ในโลก เกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว '
อาจเป็นเพราะเวรกรรมของผม
หลังจากนั้นไม่นานแฟนผมที่ผมใช้เวลาคุยกับเธอวันหลายๆ ชั่วโมงก็ทิ้งผมไป
วันนี้ผมเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น
หลายๆ อย่างที่คนส่วนใหญ่ทำ มิได้หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
เพราะตัวเราเท่านั้นที่เป็นผู้ต้องรับผลการกระทำของเราเอง
' เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไป '
ทุกวันนี้ผมนั่งมองโทรศัพท์
รอที่จะตอบคำถามเดิมๆ ให้ผู้หญิงคนหนึ่งฟัง
แต่ผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีอีกแล้ว
' ในเมื่อเรามีความรักอันเต็มเปี่ยมจากครอบครัว
แล้วทำไมต้องไปขอเศษเสี้ยวจากใคร '
ทุกๆท่านอ่านแล้ว เป็นอย่างไรบ้างครับ เหมือนผมไหม"อยากร้องไห้" และอยากบอกเเม่ว่า "รักเเม่"
งั้นออกบวช ทดแทนพระคุณแม่กันเถอะ
#2
โพสต์เมื่อ 25 January 2010 - 02:43 PM
#3
โพสต์เมื่อ 25 January 2010 - 03:11 PM
ขอโหวตได้มั้ย?ให้เป็นกระทู้ที่จับใจมากๆ!
"หลายๆ อย่างที่คนส่วนใหญ่ทำ มิได้หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
เพราะตัวเราเท่านั้นที่เป็นผู้ต้องรับผลการกระทำของเราเอง"....ชอบมากๆ
สักครั้งในชีวิต...บวชให้คนที่รักคุณมาโดยตลอด
อนุโมทนาบุญด้วยครับคุณต้นกล้าแห่งธรรม
ถ้าอยากได้"จริง"จะได้...แต่ตอนจะได้ไม่"อยาก"
#4
โพสต์เมื่อ 25 January 2010 - 04:24 PM
หากเราปฏิบัติธรรม เช่น คุณยาย
#5
โพสต์เมื่อ 25 January 2010 - 04:51 PM
ผมไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่านะคับ
แต่ที่รู้มีหลายสิ่ง หลายอยากที่เราจะนำไปใช้ในชีวิตจริงของนักสร้างบารมีอย่างพวกเราได้ครับผม
#6
โพสต์เมื่อ 25 January 2010 - 05:19 PM
สิ่งที่แคร์ที่สุดในชีวิตคือความรู้สึกของคนอื่น แต่สิ่งที่ได้ทำไปนั้นบางครั้งมันทำลายความรู้สึกของคนที่เรารัก
แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า
ณ.ตอนนี้ เรารู้หรือไม่ว่าใคร ! คือคนที่รักเราอย่างแท้จริง ไม่ใช่คนที่เรารักอย่างแท้จริง !
#7
โพสต์เมื่อ 25 January 2010 - 05:57 PM
ในทุก ๆ วัน แม่ จะโทร มา 4 เวลา ( เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทุกวัน ไม่ขาดแม้เพียงวันเดียว )
ตอนเช้า ตื่นรึยัง ทำไรอยู่ อาบน้ำ ทานข้าว ยัง วันนี้มีเรียนไหม
เที่ยง ทานข้าวยังเนี่ย ทานกับอะไร ทานผักด้วยรึเปล่า ตอนบ่ายมีเรียนไหม ( ส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบทานผักค่ะ ตั้งแต่เด็กแล้ว 55+)
ตอนเย็นประมาณ 4 โมง เรียนเสร็จยังเนี่ย ทานข้าวยังอ่ะ ทานของที่มีประโยชน์นะ
ตอน 3 ทุ่ม ดึกแล้ว นอนได้แล้ว เดี๋ยวตอนเช้า ตื่นไปเรียนไม่ไหว
ปัจจุบัน แม้จะไม่ได้โทรหา เพราะ อยู่ด้วยกันที่บ้าน
แต่ ทุก ๆ วัน คำถาม
ก็เหมือนเดิม ....
#8
โพสต์เมื่อ 25 January 2010 - 06:58 PM
เป็นคติเตือนใจที่ดี สำหรับลูกที่อยู่ห่างไกล คุณพ่อคุณแม่
ว่าท่านห่วงใยเราเสมอ
อยากจะบอกน้องคนนี้จังครับ ว่า ไม่ต้องคอยโทรศัพท์อีกต่อไปแล้วครับ
เพราะมีใครคนหนึ่งที่คอยเราอยู่เสมอ อยู่ที่นั่นตรงนั้นไม่หายไปไหนเลย
แล้วเราจะพบคำตอบของชีวิต
.
.
สมาธิ...ไม่ใช่แค่เพียงความผ่อนคลาย
แต่มันมีเป้าหมายไกลเกินกว่านั้น
ไกลเกินกว่าที่คุณหรือใครเข้าใจกัน
เพราะว่ามันอัศจรรย์จนไม่อาจจะพรรณนา
คุณรุ้ไหมมีใครคนหนึ่งเขาคอยคุณอยู่ เขาอยู่กับคุณตลอดเวลา
เขาเป็นผู้รู้มีมหากรุณาและงามกว่าผู้ใดในจักรวาล
เขามีเรื่องราวดี ๆ ที่คุณแสวงหา จะเปิดเผยออกมาทำให้ใจชื่นบาน
ความลับของชีวิตที่ถูกปกปิดมานาน
ก็จะอันตาระธาน เมื่อคุณกับเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน
ไม่มีใครอาจทำแทนคุณได้ คุณจะหายสงสัยด้วยตัวคุณเท่านั้น
คุณจะมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นทุกวัน
คุณเท่านั้นที่เขารอคอย....
จากบทเพลง เขาคอยคุณอยู่
และน้องจะได้คำตอบ จากการบวช 1 แสนรูปนี้ครับ
#9
โพสต์เมื่อ 25 January 2010 - 07:26 PM
#10
โพสต์เมื่อ 25 January 2010 - 07:41 PM
เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นบ่อยๆกับหลายๆคนน่ะ(หมายถึงไม่เห็นความสำคัญของการรับโทรศัพท์..แต่จะรู้ได้ไงละว่าครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้าย เหมือนเรื่องที่คุณต้นกล้าแห่งธรรม เล่ามา.....)
อย่าพลัดการบวชพระ100000 รูปครั้งนี้ ออกไปเป็นครั้งหน้าเลยน่ะ.....มาบวชเร็วๆๆๆ...ค่ะ
#11
โพสต์เมื่อ 25 January 2010 - 07:48 PM
#12
โพสต์เมื่อ 25 January 2010 - 09:19 PM
#13
โพสต์เมื่อ 25 January 2010 - 10:06 PM
#14
โพสต์เมื่อ 26 January 2010 - 12:29 PM
ทำไมเราไม่ชิงโทรไปถามคำถามเดิมๆ บ้างล่ะครับ (หรือ หากอยู่ใกล้ๆ ก็ชิงถามคำถามเดิมๆ ออกไปบ้าง) เช่น แม่สบายดีมั้ย กินข้าวหรือยัง กินข้าวกับอะไร บางทีการช่วงชิงถามคำถามเดิมๆ ออกไปก่อนบ้าง อาจทำให้รสชาดชีวิตเปลี่ยนไปก็ได้นะ ผมว่า
#15
โพสต์เมื่อ 26 January 2010 - 05:02 PM
#16
โพสต์เมื่อ 26 January 2010 - 05:31 PM
ทำไมเราไม่ชิงโทรไปถามคำถามเดิมๆ บ้างล่ะครับ
ใช่.. ใช่.. ใช่ ..
เป็นความคิดที่ดี
เดี๋ยวจะลองทำดูนะคะ
#17
โพสต์เมื่อ 26 January 2010 - 10:44 PM
และ วิธีที่จะตอบแทนแม่มีหลายวิธี แต่วิธีหนึ่งคือ "การบวชตอบแทนพระคุณ"
มาบวชเป็นพระในโครงการบวชพระ 100000 รูป กันเถอะคับ
#18
โพสต์เมื่อ 28 January 2010 - 10:17 AM
????
พ่อทำงาน...อาบแดด...ถูกแผดเผา
ลูกดื่มเหล้า..ฟังเพลง...ครื้นเครงเหลือ
แม่ขายผัก...กินข้าว...เคล้ากับเกลือ
ลูกเอื้อเฟื้อ...พาสาวเที่ยว...เลี้ยวโฮเตล
พ่อหาเงิน...ส่งลูกเรียน...เพียรอุตส่าห์
ลูกติดยา...คบเพื่อนชั่ว...มั่วให้เห็น
แม่กระหาย...ดื่มน้ำคลอง...ตอนกลองเพล
ลูกทะเล้น...จิบวายแดง...แพงจับใจ
พ่ออดอยาก...ไม่เคยบ่น...ทนลำบาก
ลูกมักมาก...เพศสัมพันธ์...มันส์ชิบหาย
แม่ทอผ้า...ปลูกหม่อน...หารายได้
ลูกหญิงชาย...เที่ยวสนุก....โรคติดตัว
พ่อสูบน้ำ...เข้าแปลงนา...ปลูกข้าวกล้า
ลูกมัวเมา...การพนัน...หมั่นหาผัว
แม่หาบน้ำ...เลี้ยงเป็ดไก่...ทำสวนครัว
ลูกใจชั่ว...ใช้เงินเพลิน...เดินหลงทาง
พ่อขายวัว... ส่งควายเรียน ...เวียนศรีษะ
ลูกตะกละ...กินฟาสฟู๊ต...พูดกว้างขวาง
แม่ปวดเมื่อย...สู้งานหนัก...ไม่ละวาง
ลูกสำอาง...ใช้ของแพง...แข่งสังคม
พ่อผอมแห้ง...เรื่ยวแรงน้อย...ด้อยอาหาร
ลูกประพฤติ...อันตพาล...ล่าเสพสม
แม่เป็นดอก...ทบต้น...หมดอารมณ์
ลูกเขี้ยวคม...ฆ่าพ่อแม่...ก่อนแก่ตาย
#19
โพสต์เมื่อ 30 January 2010 - 03:38 AM
#20
โพสต์เมื่อ 02 February 2010 - 11:41 PM
#21
โพสต์เมื่อ 03 February 2010 - 04:37 AM