เค้าทำบาปอะไรเหรอครับ ถึงกับไปโลกันต์
ขนาดเทวทัต ทำอนันตริยกรรม ตั้งหลายข้อ ยังไปแค่ อเวจี
แสดงว่า พวกที่ไป โลกันตนรก ต้องชั่วสุดขีด
ใครพอจะรู้มั่งครับว่าทำกรรมอะไรไว้ครับ?
แล้วระยะเวลาของภพนี้ นานแค่ไหนเหรอครับ?
ตั้งแต่มีนรกโลกันต์ มีสัตว์นรกหมดกรรมจากที่นี่ยังคครับ?
แล้วมีสัตว์นรกที่ หมดกรรมจากโลกันต์แล้วไปที่ไหนต่อ ครับ?
แล้วจะมีโอกาสไป นิพพาน บ้างไหมครับ?
สงสัยมากมายเลยครับ ผู้รู้ช่วยด้วยๆๆๆๆ
มี 15 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
Santi072
-
- Members
- 151 โพสต์
- Gender:Not Telling
โพสต์เมื่อ 05 April 2010 - 06:01 PM
พุทธบุตรสายโลหิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา
#2
usr34071
-
- Members
- 20 โพสต์
โพสต์เมื่อ 05 April 2010 - 06:08 PM
โลกันตนรก-
โลกันตนรก นี้ เป็นนรกขุมพิเศษ เป็นนรกขุมใหญ่ แปลกประหลาดกว่าบรรดานรกทั้งหลาย เพราะอยู่ นอกจักรวาล สถานที่ตั้งของนรกขุมนี้ อยู่ในระหว่าง โลกจักรวาล ๓ โลก ก็เหมือนกับดอกปทุมชาติ ๓ ดอก เอามาตั้งชิดติดกันเข้า ก็จะเกิดมีช่องว่างขึ้นในตอนกลาง จักรวาลต่างๆ ก็ตั้งชิดติดกันเช่นกับดอกปทุมชาติ ๓ ดอกนั้น บริเวณตรงช่องว่างนั่นเอง เป็นสถานที่ตั้ง แห่งโลกันตนรก ซึ่งแปลว่านรกที่อยู่สุดโลกจักรวาล
ก็ในโลกันตนรกนั้น มีความมืดมนยิ่งนัก แสงดาว แสงเดือนและแสงตะวันส่องไปไม่ถึง เป็นสถานที่มืดมน อนธการ สามารถห้ามเสียงซึ่งความบังเกิดขึ้นแห่ง จักษุวิญญาณเปรียบปานดังคนหลับตาในคราวเดือนดับ ข้างแรมฉะนั้น การที่มีสภาพมืดมนมากเช่นนี้ ก็เพราะ อยู่นอกจักรวาลพ้นจากโลกสวรรค์โลกมนุษย์ ออกไปนั่นเอง
สัตว์ที่ไปอุบัติเกิดในโลกันตนรกนี้ มีร่างกายใหญ่โตยิ่งนัก มีเล็บมือเล็บเท้ายาวนักหนา ต้องใช้เล็บมือเล็บเท้าเกาะ อยู่ตามชายเชิงจักรวาลห้อยโหนโยนตัวอยู่ชั่วนิรันดร์ เปรียบปานเหมือนเช่นกับค้างคาว ห้อยหัวอยู่บนกิ่งไม้ ฉะนั้น ครั้นได้ประสบการณ์ทรมานอย่างแสนสาหัส เช่นนี้ เขาก็ได้แต่รำพึงอยู่ในใจว่า "ทำไม ตูจึงมาอยู่ที่นี่ ชะรอยที่นี่ จะมีแต่ตูผู้เดียว ดอกกระมัง"
ที่เขารำพึงออกมาเช่นนี้ ก็เพราะว่าสถานที่นั้นมันเป็น สถานที่มืดแสนมืด มองไม่เห็นเพื่อนสัตว์โลกันตนรก ด้วยกัน หรือมองไม่เห็นอะไรเลยนั่นเอง ตลอดเวลานาน เหล่าสัตว์นรกเหล่านั้นไม่ต้องทำอะไร มีแต่จะห้อยโหน โยนตัวเปะปะไป ด้วยความหิวโหยอย่างเหลือประมาณ ครั้นปีนป่ายตะกายไปถูกต้องมือของกันและกันเข้าแล้ว ก็สำคัญว่าพบปะอาหารจึงต่างก็ดีเนื้อดีใจ มีกิริยา ขวนขวายคว้าฉวยจับกุมกัน ต่างคนต่างก็จะตะครุบ กันกินเป็นอาหาร เมื่อต่างก็ปล้ำฟัดกัดกันอยู่อย่างนี้ ในไม่ช้าก็เผลอปล่อยมือที่เกาะอยู่ เลยพากันพลัดตก ลงไปข้างล่าง
สถานที่เบื้องล่าง ซึ่งเขาพลัดตกลงมานั้น มันไม่ใช่ พื้นที่ธรรมดา โดยที่แท้เป็นทะเลน้ำกรดอันเย็นยะเยือก ซึ่งมีความเย็นอย่างร้ายกาจนัก ครั้นเขากอดคอพากันพลัด ตกลงมา พอถึงพื้นน้ำแล้ว บัดเดี๋ยวใจ ตัวตนร่างกาย ของเขาก็เปื่อยพังแหลกลงสิ้นไม่มีชิ้นดีเพราะฤทธิ์ น้ำกรดอันเยือกเย็นกัดเอา ให้เหลวแหลกละลาย ประดุจดังก้อนอุจจาระซึ่งตกลงไปในน้ำฉะนั้น เขาก็ถึงแต่ความสิ้นใจตายไปในบัดใจนั้นเอง แล้วก็กลับเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาเหมือนเก่า ให้รู้สึกหนาวเย็นเป็นกำลัง จึงรีบตะเกียกตะกาย ปีนป่ายขึ้นมาเกาะเชิงเขาจักรวาลด้วยความลำบาก ยากเย็น แล้วก็ห้อยโหนโยนตัวแสวงหาอาหาร ด้วยความหิวโหยต่อไปอีกตามเดิม ฯลฯ เฝ้าเวียนตายเวียนเกิด ด้วยความทุกข์ทรมาน อยู่อย่างนี้ ไม่มีวันสิ้นสุดชั่วพุทธันดรหนึ่ง จึงจะพ้นทุกข์โทษจากโลกันตนรกนี้
มีเรื่องที่ควรทราบ ซึ่งจะกล่าวแทรกไว้ในที่นี้ ก็คือว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งเรา ท่านทั้งหลาย ได้ทรงมีพระมหากรุณาโปรด ประทานพระพุทธฎีกาไว้ว่า "รูปปติ โข ภิกขเว" เป็นอาทิ ซึ่งแปลเป็นใจความว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย! ที่ชื่อว่า รูป เพราะอรรถว่าเป็นสิ่ง ที่จะต้องสลายไป เพราะความเย็นบ้าง เพราะความ ร้อนบ้าง" ดังนี้เป็นต้น
จึงมีปัญหาว่า ที่ว่ารูปต้องสลายไป เพราะความเย็น นั้นคืออย่างไรกัน? ก็รูปของสัตว์ที่เกิดในโลกันตนรก นี่เอง ที่จะต้องแตกสลายฉิบหายไปเพราะความเย็น ฯลฯ
สัตว์ทั้งหลายได้ก่อกรรมทำเข็ญอะไรไว้เล่า จึงต้อง มาตกอยู่ในโลกันตนรกนี้? สัตว์ทั้งหลายได้เคย ประกอบกรรมร้ายกาจหยาบช้าลามกนัก คือ ประทุษร้ายทรมานบิดามารดา เพราะปราศจาก กตัญญูกตเวที หรือเป็นมิจฉาทิฏฐิบุคคล ไม่เชื่อ บุญบาป ไม่เชื่อนรกสวรรค์แล้วประกอบการ อันเป็นบาปอยู่เป็นนิตย์ อีกประการหนึ่ง ได้ประกอบ กรรมชั่วยิ่งนัก เช่นประทุษร้ายท่านผู้ทรงศีลทรงธรรม หรือกระทำปาณาติบาตฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นประจำ ทุกวัน อำนาจกุศลอันหนักเหล่านั้น จึงชักนำให้ ลงมาเกิดในโลกันตนรกนี้ ซึ่งมีปกติมืออยู่เป็นนิตย์ ต่อเมื่อมีองค์สมเด็จพระพิชิตมารสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาอุบัติตรัสในโลก จึงจะมีโอกาสปรากฏเป็น แสงสว่างขึ้นแวบหนึ่งประมาณชั่วฟ้าแลบ หรือชั่วระยะ มาตรว่าลัดนิ้วมือเดียวเท่านั้น นี่แหละคือสภาพ แห่งโลกันตนรก
-จำนวนนรก-
เพื่อให้จำกันง่ายๆ บรรดานรกทั้งหมดที่กล่าวมา มีอยู่ทั้งหมด ๔๕๗ ขุม คือ
๑. มหานรก ๘ ขุม
๒. อุสสุทนรก ๑๒๘ ขุม
๓. ยมโลกนรก ๓๒๐ ขุม
๔. โลกันตนรก ๑ ขุม
จบ "นิรยภูมิ" ตอนต่อไป "เปตติวิสยภูมิ" :>
โลกันตนรก นี้ เป็นนรกขุมพิเศษ เป็นนรกขุมใหญ่ แปลกประหลาดกว่าบรรดานรกทั้งหลาย เพราะอยู่ นอกจักรวาล สถานที่ตั้งของนรกขุมนี้ อยู่ในระหว่าง โลกจักรวาล ๓ โลก ก็เหมือนกับดอกปทุมชาติ ๓ ดอก เอามาตั้งชิดติดกันเข้า ก็จะเกิดมีช่องว่างขึ้นในตอนกลาง จักรวาลต่างๆ ก็ตั้งชิดติดกันเช่นกับดอกปทุมชาติ ๓ ดอกนั้น บริเวณตรงช่องว่างนั่นเอง เป็นสถานที่ตั้ง แห่งโลกันตนรก ซึ่งแปลว่านรกที่อยู่สุดโลกจักรวาล
ก็ในโลกันตนรกนั้น มีความมืดมนยิ่งนัก แสงดาว แสงเดือนและแสงตะวันส่องไปไม่ถึง เป็นสถานที่มืดมน อนธการ สามารถห้ามเสียงซึ่งความบังเกิดขึ้นแห่ง จักษุวิญญาณเปรียบปานดังคนหลับตาในคราวเดือนดับ ข้างแรมฉะนั้น การที่มีสภาพมืดมนมากเช่นนี้ ก็เพราะ อยู่นอกจักรวาลพ้นจากโลกสวรรค์โลกมนุษย์ ออกไปนั่นเอง
สัตว์ที่ไปอุบัติเกิดในโลกันตนรกนี้ มีร่างกายใหญ่โตยิ่งนัก มีเล็บมือเล็บเท้ายาวนักหนา ต้องใช้เล็บมือเล็บเท้าเกาะ อยู่ตามชายเชิงจักรวาลห้อยโหนโยนตัวอยู่ชั่วนิรันดร์ เปรียบปานเหมือนเช่นกับค้างคาว ห้อยหัวอยู่บนกิ่งไม้ ฉะนั้น ครั้นได้ประสบการณ์ทรมานอย่างแสนสาหัส เช่นนี้ เขาก็ได้แต่รำพึงอยู่ในใจว่า "ทำไม ตูจึงมาอยู่ที่นี่ ชะรอยที่นี่ จะมีแต่ตูผู้เดียว ดอกกระมัง"
ที่เขารำพึงออกมาเช่นนี้ ก็เพราะว่าสถานที่นั้นมันเป็น สถานที่มืดแสนมืด มองไม่เห็นเพื่อนสัตว์โลกันตนรก ด้วยกัน หรือมองไม่เห็นอะไรเลยนั่นเอง ตลอดเวลานาน เหล่าสัตว์นรกเหล่านั้นไม่ต้องทำอะไร มีแต่จะห้อยโหน โยนตัวเปะปะไป ด้วยความหิวโหยอย่างเหลือประมาณ ครั้นปีนป่ายตะกายไปถูกต้องมือของกันและกันเข้าแล้ว ก็สำคัญว่าพบปะอาหารจึงต่างก็ดีเนื้อดีใจ มีกิริยา ขวนขวายคว้าฉวยจับกุมกัน ต่างคนต่างก็จะตะครุบ กันกินเป็นอาหาร เมื่อต่างก็ปล้ำฟัดกัดกันอยู่อย่างนี้ ในไม่ช้าก็เผลอปล่อยมือที่เกาะอยู่ เลยพากันพลัดตก ลงไปข้างล่าง
สถานที่เบื้องล่าง ซึ่งเขาพลัดตกลงมานั้น มันไม่ใช่ พื้นที่ธรรมดา โดยที่แท้เป็นทะเลน้ำกรดอันเย็นยะเยือก ซึ่งมีความเย็นอย่างร้ายกาจนัก ครั้นเขากอดคอพากันพลัด ตกลงมา พอถึงพื้นน้ำแล้ว บัดเดี๋ยวใจ ตัวตนร่างกาย ของเขาก็เปื่อยพังแหลกลงสิ้นไม่มีชิ้นดีเพราะฤทธิ์ น้ำกรดอันเยือกเย็นกัดเอา ให้เหลวแหลกละลาย ประดุจดังก้อนอุจจาระซึ่งตกลงไปในน้ำฉะนั้น เขาก็ถึงแต่ความสิ้นใจตายไปในบัดใจนั้นเอง แล้วก็กลับเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาเหมือนเก่า ให้รู้สึกหนาวเย็นเป็นกำลัง จึงรีบตะเกียกตะกาย ปีนป่ายขึ้นมาเกาะเชิงเขาจักรวาลด้วยความลำบาก ยากเย็น แล้วก็ห้อยโหนโยนตัวแสวงหาอาหาร ด้วยความหิวโหยต่อไปอีกตามเดิม ฯลฯ เฝ้าเวียนตายเวียนเกิด ด้วยความทุกข์ทรมาน อยู่อย่างนี้ ไม่มีวันสิ้นสุดชั่วพุทธันดรหนึ่ง จึงจะพ้นทุกข์โทษจากโลกันตนรกนี้
มีเรื่องที่ควรทราบ ซึ่งจะกล่าวแทรกไว้ในที่นี้ ก็คือว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งเรา ท่านทั้งหลาย ได้ทรงมีพระมหากรุณาโปรด ประทานพระพุทธฎีกาไว้ว่า "รูปปติ โข ภิกขเว" เป็นอาทิ ซึ่งแปลเป็นใจความว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย! ที่ชื่อว่า รูป เพราะอรรถว่าเป็นสิ่ง ที่จะต้องสลายไป เพราะความเย็นบ้าง เพราะความ ร้อนบ้าง" ดังนี้เป็นต้น
จึงมีปัญหาว่า ที่ว่ารูปต้องสลายไป เพราะความเย็น นั้นคืออย่างไรกัน? ก็รูปของสัตว์ที่เกิดในโลกันตนรก นี่เอง ที่จะต้องแตกสลายฉิบหายไปเพราะความเย็น ฯลฯ
สัตว์ทั้งหลายได้ก่อกรรมทำเข็ญอะไรไว้เล่า จึงต้อง มาตกอยู่ในโลกันตนรกนี้? สัตว์ทั้งหลายได้เคย ประกอบกรรมร้ายกาจหยาบช้าลามกนัก คือ ประทุษร้ายทรมานบิดามารดา เพราะปราศจาก กตัญญูกตเวที หรือเป็นมิจฉาทิฏฐิบุคคล ไม่เชื่อ บุญบาป ไม่เชื่อนรกสวรรค์แล้วประกอบการ อันเป็นบาปอยู่เป็นนิตย์ อีกประการหนึ่ง ได้ประกอบ กรรมชั่วยิ่งนัก เช่นประทุษร้ายท่านผู้ทรงศีลทรงธรรม หรือกระทำปาณาติบาตฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นประจำ ทุกวัน อำนาจกุศลอันหนักเหล่านั้น จึงชักนำให้ ลงมาเกิดในโลกันตนรกนี้ ซึ่งมีปกติมืออยู่เป็นนิตย์ ต่อเมื่อมีองค์สมเด็จพระพิชิตมารสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาอุบัติตรัสในโลก จึงจะมีโอกาสปรากฏเป็น แสงสว่างขึ้นแวบหนึ่งประมาณชั่วฟ้าแลบ หรือชั่วระยะ มาตรว่าลัดนิ้วมือเดียวเท่านั้น นี่แหละคือสภาพ แห่งโลกันตนรก
-จำนวนนรก-
เพื่อให้จำกันง่ายๆ บรรดานรกทั้งหมดที่กล่าวมา มีอยู่ทั้งหมด ๔๕๗ ขุม คือ
๑. มหานรก ๘ ขุม
๒. อุสสุทนรก ๑๒๘ ขุม
๓. ยมโลกนรก ๓๒๐ ขุม
๔. โลกันตนรก ๑ ขุม
จบ "นิรยภูมิ" ตอนต่อไป "เปตติวิสยภูมิ" :>
#3
Yenta4
-
- Members
- 21 โพสต์
- Interests:Dhamma
โพสต์เมื่อ 05 April 2010 - 06:25 PM
ลองไปอ่านเคสนี้ ตรงคำถามและคำตอบข้อ 7 ครับ จะมีตัวอย่างของผู้ที่ไปโลกันตนรกเนื่องจากเป็นผู้มีนิยตมิจฉาทิฐิ..อนุโมทนากับเจ้าของ Case ด้วยนะครับ... 
(นิยตมิจฉาทิฐิ หมายถึงความเห็นผิดอย่างแรงที่ไม่เชื่อในเหตุในผลของเจตนาในการกระทำบุญบาป ทั้งหลายว่า จะต้องมี รวมทั้งปฏิเสธทั้งเหตุและทั้งผล ว่าสักแต่เป็นการกระทำขึ้นเองเฉยๆ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การทำชั่วทั้งหลาย ไม่มีผลเกิดขึ้นเองเป็นต้น)
http://www.dmc.tv/pa...2549-05-04.html
(นิยตมิจฉาทิฐิ หมายถึงความเห็นผิดอย่างแรงที่ไม่เชื่อในเหตุในผลของเจตนาในการกระทำบุญบาป ทั้งหลายว่า จะต้องมี รวมทั้งปฏิเสธทั้งเหตุและทั้งผล ว่าสักแต่เป็นการกระทำขึ้นเองเฉยๆ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การทำชั่วทั้งหลาย ไม่มีผลเกิดขึ้นเองเป็นต้น)
http://www.dmc.tv/pa...2549-05-04.html
#4
Santi072
-
- Members
- 151 โพสต์
- Gender:Not Telling
โพสต์เมื่อ 05 April 2010 - 06:27 PM
ขอบคุณนะครับ
เด๋วจะลองอ่านดูนะครับ
เด๋วจะลองอ่านดูนะครับ
พุทธบุตรสายโลหิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา
#5
usr34071
-
- Members
- 20 โพสต์
โพสต์เมื่อ 05 April 2010 - 07:07 PM
อเวจี แรงกว่านะครับ เจอต้นตาลเสียบไฟลุก ขยับไม่ได้ เจ็บปวดแสนสาหัส กว่า โลกันตะ
#6
Santi072
-
- Members
- 151 โพสต์
- Gender:Not Telling
โพสต์เมื่อ 05 April 2010 - 08:01 PM
ภพภูมิพิเศษแรงกว่านะครับ เพราะอะไรผมก็ยังไม่รู้
ผมจะตั้งกระทู้ใหม่ครับ
ผมจะตั้งกระทู้ใหม่ครับ
พุทธบุตรสายโลหิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา
#7
ดินสอแห่งธรรม
-
- Members
- 1478 โพสต์
สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง
- Gender:Male
- Location:ดุสิตบุรี
- Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง
โพสต์เมื่อ 05 April 2010 - 08:42 PM
....อ๋อ... โลกันตมหานรกที่คือที่สุดแห่งความทรมานแล้วครับ อเวจียังเบากว่านะ อายุขัยของสัตว์นรกในอเวจีคือ 1 กัป แต่ในโลกันตะอายุขัยเฉลี่ยถึง 1 พุทธธันดร (รอไปเหอะ กว่าจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดใหม่ ซึ่งบางกัปก็ไม่มี) ทั้งมืดที่สุด เจ็บปวดที่สุด ตายยากที่สุด (ตายเกิดตายเกิดในนั้น) เป็นที่อยู่ของพวกมิจฉาทิฏฏิแบบสุดโต่ง หรือพวกเจ้าของลัทธิ เจ้าของความเชื่อแปลกๆ ที่บั่นทอนให้คนจำนวนมากๆ มัวเมาและไกลห่าง หรือไปทำร้ายสิ่งที่เป็นคุณมากๆ ก็จะได้ไปอยู่ขุมนี้ ซึ่งแน่นอน หาความสบายไม่ได้เลย และยากที่คน หรือใครจะมองเห็นขุมนี้ เพราะมืดที่สุด หากญาณยังไม่แก่กล้า มองไม่เห็นขุมนี้แน่นอน บ้างก็บอกว่า อเวจีคือที่สุดนั่นเอง หรือละเอียดไม่พอก็ไม่เห็นนั่นแหละ
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....
#8
Airy
-
- Members
- 162 โพสต์
โพสต์เมื่อ 06 April 2010 - 04:45 AM
ขอลองแสดงทัศนดูนะครับ... (เรื่องเหล่านี้คนที่รู้ไม่กล้าพูดครับ)
น่าจะเป็นกรรม..ของเจ้าของลัทธิใหม่(พวกลัทธิศาสดาพยากรณ์ ทั้งหลาย) ที่เกิดภายหลัง พระพุทธ
ศาสนาได้ประกาศและยั่งลึกลงแล้ว..
ได้ไอเดียเล็กๆน้อยๆไปตั้งลัทธิตามแนวความคิดของตนเอง...แล้วประกาศเป็นศาสนาใหม่เทียบชั้น
พระพุทธศาสนา..ซึ่งเป็นสัจจธรรมที่พิสูจน์ได้..และมีคุณค่าสุดจะนับประมาณได้..ซึ่งศาสนาจริงๆที่มีใน
จักรวาลทุกจักรวาล ในโลกธาตุนี้ มีเพียงศาสนาเดียวคือศาสนาพุทธเท่านั้น..และจะสอนเป็นอย่างเดียวกัน
สิ่งอื่นไม่ใช่ศาสนา เป็นอะไรก็ไม่รู้..หรือเรียกว่าความเชื่ออื่นก็ได้
แล้วสามารถเผยแพร่ประสบความสำเร็จ..อย่างมากมายไปทั่วโลก..สกัดกั้นความเชื่อในพระพุทธศาสนา
ไม่ให้ไปถึงเหล่าชนผู้แสวงหาสัจจธรรม..จนต้องหลงอยู่ในห้วงทุกข์ไม่มีโอกาสเห็นแสงสว่างของธรรมในพระพุทธ
ศาสนา..ไปอย่างน่าเสียดาย..
...(คือ..เมื่อได้ข่าวการมาของพุทธศาสนา แล้วไม่รับแต่ยังตั้งศาสนาขึ้นมาแข่ง)
..แล้วนำความเชื่อเหล่านั้นย้อนมาเผยแพร่ให้ชาวพุทธเป็นจำนวนมาก..ต้องเปลี่ยนความเชื่อไปนับถือ
...เมื่อตายไปแล้ว..มีที่ไปเพียงที่เดียวเท่านั้นสำหรับเขาทั้งเหล่านั้น ...............................โลกันต์นรกภูมิ
...(ฮิตเลอร์ ยังไม่ลงลึกขนาดนั้นนะ...ครับ)
(ศาสนา ไม่ได้แปลว่า Religion นะครับ ที่มันเป็นอย่างนี้เพราะนักภาษาศาสตร์ไทยสมัยก่อน..ไม่มีความรู้เรื่อง
ศาสนาพุทธลึกซึ่งเพียงพอ..จึงอนุโลมว่า..เออมันก็อย่างเดียวกัน แต่เป็นคนละชนิดกัน..และคิดว่ามันสื่อสารกันรู้เรื่องดี
ลงตัว แต่ไม่รู้ลึกๆว่า..มันเทียบกันไม่ได้เลย..มันเป็นคนละอย่างกัน)
(ตักกะศิลา อยู่ใกล้ตะวันออกกลางมากกว่าตะวันออกไกล นะครับ)
เล่าเรื่องนี้แล้วน่ากลัวมากครับ..เพราะมีข้อตกลงห้ามเอาไว้..ตั้งแต่ 2,500 ปีก่อน
น่าจะเป็นกรรม..ของเจ้าของลัทธิใหม่(พวกลัทธิศาสดาพยากรณ์ ทั้งหลาย) ที่เกิดภายหลัง พระพุทธ
ศาสนาได้ประกาศและยั่งลึกลงแล้ว..
ได้ไอเดียเล็กๆน้อยๆไปตั้งลัทธิตามแนวความคิดของตนเอง...แล้วประกาศเป็นศาสนาใหม่เทียบชั้น
พระพุทธศาสนา..ซึ่งเป็นสัจจธรรมที่พิสูจน์ได้..และมีคุณค่าสุดจะนับประมาณได้..ซึ่งศาสนาจริงๆที่มีใน
จักรวาลทุกจักรวาล ในโลกธาตุนี้ มีเพียงศาสนาเดียวคือศาสนาพุทธเท่านั้น..และจะสอนเป็นอย่างเดียวกัน
สิ่งอื่นไม่ใช่ศาสนา เป็นอะไรก็ไม่รู้..หรือเรียกว่าความเชื่ออื่นก็ได้
แล้วสามารถเผยแพร่ประสบความสำเร็จ..อย่างมากมายไปทั่วโลก..สกัดกั้นความเชื่อในพระพุทธศาสนา
ไม่ให้ไปถึงเหล่าชนผู้แสวงหาสัจจธรรม..จนต้องหลงอยู่ในห้วงทุกข์ไม่มีโอกาสเห็นแสงสว่างของธรรมในพระพุทธ
ศาสนา..ไปอย่างน่าเสียดาย..
...(คือ..เมื่อได้ข่าวการมาของพุทธศาสนา แล้วไม่รับแต่ยังตั้งศาสนาขึ้นมาแข่ง)
..แล้วนำความเชื่อเหล่านั้นย้อนมาเผยแพร่ให้ชาวพุทธเป็นจำนวนมาก..ต้องเปลี่ยนความเชื่อไปนับถือ
...เมื่อตายไปแล้ว..มีที่ไปเพียงที่เดียวเท่านั้นสำหรับเขาทั้งเหล่านั้น ...............................โลกันต์นรกภูมิ
...(ฮิตเลอร์ ยังไม่ลงลึกขนาดนั้นนะ...ครับ)
(ศาสนา ไม่ได้แปลว่า Religion นะครับ ที่มันเป็นอย่างนี้เพราะนักภาษาศาสตร์ไทยสมัยก่อน..ไม่มีความรู้เรื่อง
ศาสนาพุทธลึกซึ่งเพียงพอ..จึงอนุโลมว่า..เออมันก็อย่างเดียวกัน แต่เป็นคนละชนิดกัน..และคิดว่ามันสื่อสารกันรู้เรื่องดี
ลงตัว แต่ไม่รู้ลึกๆว่า..มันเทียบกันไม่ได้เลย..มันเป็นคนละอย่างกัน)
(ตักกะศิลา อยู่ใกล้ตะวันออกกลางมากกว่าตะวันออกไกล นะครับ)
เล่าเรื่องนี้แล้วน่ากลัวมากครับ..เพราะมีข้อตกลงห้ามเอาไว้..ตั้งแต่ 2,500 ปีก่อน
#9
ณ ๐๗๒
-
- Members
- 1340 โพสต์
- Location:Ladkrabang
โพสต์เมื่อ 06 April 2010 - 05:41 AM
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#10
slumpmax
-
- Members
- 19 โพสต์
โพสต์เมื่อ 06 April 2010 - 08:50 AM
พระเทวทัตปฏิบัติธรรมได้ฌานโลกีย์ แสดงฤทธิ์ได้ ก่อนที่ฌานจะเสื่อมเพราะความคิดอกุศล ซึ่งเป็นผลมาจากแรงพยาบาทเมื่อครั้งอดีตกาล
หากไม่เช่นนั้นแล้ว พระเทวทัตย่อมเอาดีได้ เพราะสุดท้ายก่อนถูกธรณีสูบ ก็ยังขอขมาบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยคางที่ยังไม่จมแผ่นดินลงไป
และเมื่อพ้นจากขุมนรกมาแล้ว พระเทวทัตก็จะตั้งตัวได้และสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคตกาลอย่างแน่นอน
ฉะนั้น ที่ต้องไปอเวจีมหานรกก็ถือว่าหนักมากแล้ว ความดีมีพอที่จะขอขมาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนที่จะตาย
และมีพอที่จะสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคต ส่วนโลกันตนรกไม่ต้องพูดถึง พวกนี้ไม่ใกล้ฝั่งพระนิพพานเลย
หากไม่เช่นนั้นแล้ว พระเทวทัตย่อมเอาดีได้ เพราะสุดท้ายก่อนถูกธรณีสูบ ก็ยังขอขมาบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยคางที่ยังไม่จมแผ่นดินลงไป
และเมื่อพ้นจากขุมนรกมาแล้ว พระเทวทัตก็จะตั้งตัวได้และสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคตกาลอย่างแน่นอน
ฉะนั้น ที่ต้องไปอเวจีมหานรกก็ถือว่าหนักมากแล้ว ความดีมีพอที่จะขอขมาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนที่จะตาย
และมีพอที่จะสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคต ส่วนโลกันตนรกไม่ต้องพูดถึง พวกนี้ไม่ใกล้ฝั่งพระนิพพานเลย
#11
ดงบัง...โดรายากิ
-
- Members
- 170 โพสต์
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 12:05 AM
ขอบคุณทุกๆ ท่าน ที่มาให้ธรรมะครับ
สาธุ.............................
สาธุ.............................
...............................
เศียรเกล้านี้ขอมอบแด่พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย
#12
ดินสอแห่งธรรม
-
- Members
- 1478 โพสต์
สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง
- Gender:Male
- Location:ดุสิตบุรี
- Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 01:11 AM
... ช่วงนี้ โลกันตะ กลับมาฮิตอีกแล้ว 
ขอยืนยันว่า ..น่าไปเที่ยว แต่ไม่น่าไปอยู่ หุหุ
ขอยืนยันว่า ..น่าไปเที่ยว แต่ไม่น่าไปอยู่ หุหุ
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....
#13
Tree
-
- Members
- 2076 โพสต์
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 01:21 AM
ท่านบอกว่า อเวจี คือ ไม่มีคลื่น หมายเอาว่าได้รับทุกข์อยู่ตลอดเวลานะครับ (ไม่มีการตาย)
ในวงเล็บผมวิเคราะห์เอาเองนะครับ และอยากขอความรู้จากเพื่อนสมาชิกว่า
ไม่ทราบว่าเพื่อนสมาชิกพอจะให้ข้อมูลได้หรือเปล่าครับว่า สัตว์ที่ไปบังเกิดในอเวจีมหานรกจะมีการตาย อย่างสัตว์นรกที่เกิด ณ ภูมิอื่นๆ
เพราะผมไม่เคยเจอเลยว่ามีสัตว์ที่ไปบังเกิดในอเวจีมหานรกจะมีการตายจากการถูกทรมาน
ในวงเล็บผมวิเคราะห์เอาเองนะครับ และอยากขอความรู้จากเพื่อนสมาชิกว่า
ไม่ทราบว่าเพื่อนสมาชิกพอจะให้ข้อมูลได้หรือเปล่าครับว่า สัตว์ที่ไปบังเกิดในอเวจีมหานรกจะมีการตาย อย่างสัตว์นรกที่เกิด ณ ภูมิอื่นๆ
เพราะผมไม่เคยเจอเลยว่ามีสัตว์ที่ไปบังเกิดในอเวจีมหานรกจะมีการตายจากการถูกทรมาน
#14
ดินสอแห่งธรรม
-
- Members
- 1478 โพสต์
สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง
- Gender:Male
- Location:ดุสิตบุรี
- Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 07:49 PM
...ล่าสุด ที่ครูไม่ใหญ่เล่าเรื่องสวรรค์ของคนฆ่าพระน่ะ เหอๆ เห็นมี แผ่นหินทับเละ ตายเกิดตายเกิดอยู่นา..... ลองว่าเละแล้ว ไม่กลับคืนรูปแล้วจะทรมานต่อยังไง? หุหุ แต่ทว่า ตายยาก เจ็บนาน อยู่นาน ตายโหดนี่สิ คงยกให้อเวจีก่อน
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....
#15
ปลัดใจบุญ
-
- Members
- 56 โพสต์
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 10:17 PM
มืดไปหมด ไม่เห็นแม้แต่น้อย ต้องปีนป่ายตามซอกต่างๆ แล้วกัดกินกันเอง พอพลาดท่าตกลงไปก็โดนน้ำกดเผาผลาญตัวเอง
น่ากลัวที่สุด นี่คือที่ผมรู้นะครับ ใครรู้ก็บอกๆ ทีนะ ^^
น่ากลัวที่สุด นี่คือที่ผมรู้นะครับ ใครรู้ก็บอกๆ ทีนะ ^^
#16
ณ ๐๗๒
-
- Members
- 1340 โพสต์
- Location:Ladkrabang
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 03:01 AM
QUOTE
... ช่วงนี้ โลกันตะ กลับมาฮิตอีกแล้ว ขอยืนยันว่า ..น่าไปเที่ยว แต่ไม่น่าไปอยู่ หุหุ
โอ้....ขาดไปนรก ยังยากลำบาก+อันตราย ถ้าจะไปโลกันตนรก ต้องใช้บารมีกี่ฟ้าครอบกัน
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
