ร่างกายคนเรายังต้องการอาหาร ข้าว น้ำ เพื่อบำรุงเลี้ยงให้อยู่ได้
แต่ถ้าเป็นจิต หรือ ใจ ละครับมีอาหารหรือไม่ ถ้ามีอาหารที่ว่าเป็นอะไรครับ
![รูปภาพ](/forum/uploads/profile/photo-thumb-33823.jpg?_r=0)
จิตหรือใจมีอาหารหรือไม่ ถ้ามีคืออะไรครับ
เริ่มโดย คนไร้ค่า, Apr 14 2010 10:25 AM
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 14 April 2010 - 10:25 AM
#2
โพสต์เมื่อ 14 April 2010 - 10:44 AM
คำถาม ???????????
<<< ????
จิตใจ <<<<<<
อยู่ในบุญ << เบิกบาน
![dry.gif](style_emoticons/default/dry.gif)
![dry.gif](style_emoticons/default/dry.gif)
![dry.gif](style_emoticons/default/dry.gif)
![dry.gif](style_emoticons/default/dry.gif)
จิตใจ <<<<<<
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
เลือกเอา บัวมีสี่เหล่า
เลือกเอา ใจใสๆ
เลือกเอา ใจใสๆ
#3
โพสต์เมื่อ 14 April 2010 - 10:53 AM
เมื่อร่างกายได้รับอาหารแล้ว ร่างกายจะสดชื่นแข็งแรง มีกำลังวังชา ประกอบกิจการงานทางกายต่างๆ ได้เต็มที่
ดังนั้น อาหารของจิตใจ ย่อมต้องทำให้จิตใจชุ่มชื่นเปี่ยมด้วยพลัง นุ่มนวลควรแก่การงานทางใจ ส่งเสริมให้ชีวิตมีแต่ความสุขความเจริญ
สิ่งที่จะทำให้จิตใจชุ่มชื่นเบิกบานเช่นนี้ ก็ไม่มีสิ่งใด นอกจาก บุญเท่านั้น ครับ
สั่งสมบุญไว้เถิดประเสริฐนัก (ทั้งทาน ศีล ภาวนา)
ดังนั้น อาหารของจิตใจ ย่อมต้องทำให้จิตใจชุ่มชื่นเปี่ยมด้วยพลัง นุ่มนวลควรแก่การงานทางใจ ส่งเสริมให้ชีวิตมีแต่ความสุขความเจริญ
สิ่งที่จะทำให้จิตใจชุ่มชื่นเบิกบานเช่นนี้ ก็ไม่มีสิ่งใด นอกจาก บุญเท่านั้น ครับ
สั่งสมบุญไว้เถิดประเสริฐนัก (ทั้งทาน ศีล ภาวนา)
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#4
โพสต์เมื่อ 14 April 2010 - 07:06 PM
innerpeaceคิดว่าอาหารใจก็เหมือนอาหารกายค่ะที่มีข้อพึงระวัง ไม่ประมาท
อยู่ 2ประการใหญ่ ๆ คือเมื่อเสพย์เข้าไปแล้วมันให้คุณ หรือให้โทษต่อเรา
อาหารใจคือธรรมะที่เราต้องศึกษา และนำมาปฎิบัติจริง ฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอดเวลา
เหมือนอาหารกายที่เรารับประทานอยู่ทุก ๆวัน หรือต้องทำความสะอาดอาบน้ำด้วยเป็นต้น
อาหารใจที่สำคัญคือกุศลาธรรมา เป็นธรรมะฝ่ายขาวหรือฝ่ายพระที่จะนำสรรพสัตว์
ไปสู่ฝั่งพระนิพพาน พ้นทุกข์ ปลอดภัยมีแต่คุณ ไม่มีโทษ (ฝ่ายบุญ)
อาหารใจที่เป็นพิษคือ อกุศลาธรรมา เป็นธรรมะดำฝ่ายมาร นำไปสู่นรก ฯลฯ มีแต่ทุกข์
เป็นที่ไปไม่สิ้นสุด (ฝ่ายบาป)
ฉะนั้นจงเลือกรับประทานทั้งอาหารกาย และใจ โดยไม่ประมาทนะจ้ะ
อยู่ 2ประการใหญ่ ๆ คือเมื่อเสพย์เข้าไปแล้วมันให้คุณ หรือให้โทษต่อเรา
อาหารใจคือธรรมะที่เราต้องศึกษา และนำมาปฎิบัติจริง ฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอดเวลา
เหมือนอาหารกายที่เรารับประทานอยู่ทุก ๆวัน หรือต้องทำความสะอาดอาบน้ำด้วยเป็นต้น
อาหารใจที่สำคัญคือกุศลาธรรมา เป็นธรรมะฝ่ายขาวหรือฝ่ายพระที่จะนำสรรพสัตว์
ไปสู่ฝั่งพระนิพพาน พ้นทุกข์ ปลอดภัยมีแต่คุณ ไม่มีโทษ (ฝ่ายบุญ)
อาหารใจที่เป็นพิษคือ อกุศลาธรรมา เป็นธรรมะดำฝ่ายมาร นำไปสู่นรก ฯลฯ มีแต่ทุกข์
เป็นที่ไปไม่สิ้นสุด (ฝ่ายบาป)
ฉะนั้นจงเลือกรับประทานทั้งอาหารกาย และใจ โดยไม่ประมาทนะจ้ะ
#6
โพสต์เมื่อ 18 April 2010 - 02:07 AM
จริงเนอะเหมือน recharge battery เลย รู้เลยเวลาเรามาวัดใหญ่แล้วได้นั่ง
ปฎิบัติธรรมกับหลวงพ่อ หรือเราไปปฎิบัติธรรมที่ ส่วนป่าหิมวันต์ หรือที่พนาวัฒน์
หรือที่ใหนสักแห่งที่สงบ เงียบจริงๆ นี่ใจจะเบืกบานมาก มีความสุขมาก ๆ ใจ
ได้รับอาหารใจเต็มที่เลย แต่อย่างไรก็ดีเราต้องเพิ่มพลังใจให้กับตัวเองให้ได้ในทุก ๆวัน
ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ๆ ก็สุขใจ ให้ปิติอยู่ในบุญ ได้ทุกวันโดยตรืกระลึกนึกถึงบุญ และไม่คิดปรุงแต่ง
สิ่งร้าย ๆ เข้ามาในใจ หรือ keep positive thinking only.
ปฎิบัติธรรมกับหลวงพ่อ หรือเราไปปฎิบัติธรรมที่ ส่วนป่าหิมวันต์ หรือที่พนาวัฒน์
หรือที่ใหนสักแห่งที่สงบ เงียบจริงๆ นี่ใจจะเบืกบานมาก มีความสุขมาก ๆ ใจ
ได้รับอาหารใจเต็มที่เลย แต่อย่างไรก็ดีเราต้องเพิ่มพลังใจให้กับตัวเองให้ได้ในทุก ๆวัน
ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ๆ ก็สุขใจ ให้ปิติอยู่ในบุญ ได้ทุกวันโดยตรืกระลึกนึกถึงบุญ และไม่คิดปรุงแต่ง
สิ่งร้าย ๆ เข้ามาในใจ หรือ keep positive thinking only.