ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

อะไรคือ ธรรมที่สิ้นตัณหา


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 3 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 คนไร้ค่า

คนไร้ค่า
  • Members
  • 21 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 April 2010 - 07:00 AM

ถ้ามีคำกล่าวถามว่า "ว่าโดยย่อข้อปฏิบัติเพียงเท่าใด ได้ชื่อว่าน้อมไปแล้วใน ธรรมที่สิ้นตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วน เกษมจากโยคธรรมล่วงส่วน เป็นพรหมจารีบุคคลล่วงส่วน

ที่สุดล่วงส่วน ประเสริฐสุดกว่า เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย"

แล้วมีคำกล่าวตอบว่า

"----ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ได้สดับแล้วว่า บรรดาธรรมทั้งปวง ไม่ควรถือมั่น เธอทราบชัดธรรมทั้งปวงด้วยปัญญาอันยิ่ง ย่อมกำหนดรู้ธรรมทั้งปวง

เธอได้เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี มิใช่ทุกข์ มิใช่สุขก็ดี

เธอพิจารณาเห็นว่า ไม่เที่ยง พิจารณาเห็นด้วยปัญญา เป็นเครื่องหน่าย เป็นเครื่องดับ เป็นเครื่องสละ คือ ในเวทนาทั้งหลายนั้น

เมื่อพิจารณาเห็นดังนั้น ย่อมไม่ถือมั่น สิ่งอะไรๆ ในโลก ย่อมไม่สะดุ้งหวาดหวั่น ย่อมดับกิเลส ให้สงบได้ จำเพาะตัว

และทราบชัดว่า

ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่จำจะต้องทำได้ทำสำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำอย่างนี้อีกมิได้มี

ว่าโดยย่อข้องปฏิบัติเพียงเท่านี้แล ภิกษุชื่อว่าน้อมไปแล้ว ในธรรมเป็นที่สิ้นตัณหาฯ"



แล้วเพื่อนๆละครับคิดอย่างไรกับธรรมที่สิ้นตัณหา

#2 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 17 April 2010 - 04:47 PM

เป็นธรรมะที่ดี ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสเทศน์สอนแก่พระภิกษุ ผู้มีบารมีแก่รอบถึงพร้อมจนใกล้จะถึงฝั่งพระนิพพานอยู่แล้วน่ะครับ

คำสอนบทนี้ หากแปลความหมายอุปมาอุปไมย เหมือนคนพายเรือจากกลางทะเลทุกข์ เพื่อมุ่งไปให้ถึงฟากฝั่ง คำสอนบทนี้ เทียบได้กับ ชายคนนั้นได้พายเรือเข้ามาใกล้มาก จนใกล้จะถึงฝั่งเต็มที่อยู่แล้วนะสิครับ

เมื่อเป็นเช่นนั้น พระพุทธองค์จึงทรงสอนให้เขา เห็นด้วยปัญญาว่า ทะเลนั้นไม่เที่ยง (ฝั่งนิพพานจึงเที่ยง) เรือก็ไม่เที่ยง (เพราะเรือยังอยู่ในทะเล) เพราะมาจนถึงใกล้ฝั่งแล้ว หากยังมีความคิดหลงเหลือว่า ทะเลเที่ยง เรือเที่ยง ย่อมไม่อยากไปจากทะเล(วัฏฏะ) และก็ไม่มีทางถึงฝั่งพระนิพพานได้น่ะครับ

และเมื่อพิจารณาเห็นดังนั้น คือ เห็นว่า ทะเลไม่เที่ยงแล้ว ย่อมละความยึดมั่นถือมั่นในทะเล แล้วก็สละทะเล ขึ้นฝั้ง(นิพพาน)ได้ในที่สุด และเห็นว่า เรือไม่เที่ยงแล้ว ย่อมละความยึดมั่นถือในเรือ แล้วก็สละเรือ ขึ้นฝั่ง(นิพพาน)ได้ในที่สุด

แต่หากยังคงลอยคออยู่กลางทะเล แนวคำสอนจะต่างไปเล็กน้อยครับ (เวลาทรงสอนฆราวาสผู้ครอนเรือน จะสอนต่างจากภิกษุอยู่บ้าง) คือ ที่เหมือนกันได้แก่ ทะเลไม่เที่ยง จนหมั่นพายเรือเข้าหาฝั่ง

แต่ที่ต่างกันคือ อย่าเพิ่งรีบทิ้งเรือ ให้ยึดเรือไว้ยิ่งชีวิต หากอยู่กลางทะเล เพราะหากทิ้งเรือกลางทะเลนั้น อันตรายมาก (เปรียบเสมือนการปฏิบัติธรรมผิดลำดับขั้นตอน เภทภัยกล้ำกรายในบัดดล คือ ยังเป็นฆราวาสอยู่ ก็ปล่อยวางทุกสิ่ง ไม่ทำมาหากิน ไม่ทำทาน มุ่งทำภาวนาอย่างเดียว เหมือนพระภิกษุ อย่างนี้อันตรายครับ)

สำหรับผู้ครองเรือนอยู่ จงจำธรรมะบทนี้ไปปฏิบัติให้ขึ้นใจก่อนครับว่า "สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ จงอย่าประมาท เร่งสั่งสมบุญ คือ ทาน ศีล ภาวนา บุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งแก่ชีวิต อย่าละทิ้งการสั่งสมบุญ นี่ท่านว่าอย่างนี้ครับ"
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#3 ธาตุล้วนธรรมล้วน

ธาตุล้วนธรรมล้วน
  • Members
  • 255 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 April 2010 - 10:44 PM

สาธุครับคุณหัดฝัน สำเนาถูกต้องเลยครับ อิอิ

การศึกษาภาคปริยัติธรรม ควบคู่กับปฏิบัติธรรม เพื่อเข้าถึงปฏิเวธ

ทั้งนี้ดูบริบท เหตุการณ์ กาละเทศะ ความถึงพร้อมของอินทรีย์ครับ

บางท่านเข้าใจว่า วัดเราไม่ค่อยพูดสำนวนธรรมะสูงๆแบบสำนักอื่น

ความจริงมิใช่เช่นนั้น ในเบื้องต้น เราเน้นธรรมะพื้นฐานในชีวิต ที่กระตุ้น ให้เหมาะสมกับการบำเพ็ญบารมีในกาละเทศะต่างๆ เท่านี้ก็สอนกันไม่หวั่นไหวแล้วครับ

ส่วนใครสนใจธรรมะภาคปริยัติ ปฏิบัติ ลึกมากไปกว่านั้น ให้เข้ามาเรียนรู้ปฏิบัติที่วัดอย่างจริงจังครับ

ไม่ว่าเรื่องการนั่งธรรมะ และการเรียน บาลี ธรรมศึกษา อภิธรรม พระไตรปิฎก วิจัยธรรม


ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ

ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ

เราตถาคต คือธรรมกาย

#4 มะลิแก้ว

มะลิแก้ว
  • Members
  • 127 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 April 2010 - 07:29 PM

เห็นด้วยกับคุณธาตุล้วนธรรมล้วนค่ะ หากต้องการศึกษาธรรมมะระดับลึกๆ ต้องเข้าไปศึกษาที่วัดอย่างจริงจังค่ะ เพราะหน้าเว็บบอร์ดไม่ค่อยถาม/ตอบกันแบบลึกๆ แต่ก็ยังดีค่ะมีคุณหัดฝันช่วยตอบคนใหม่ๆให้เข้าใจได้ดี สาธุ...