ด้วยกระแสสังคมของยุคโลกาภิวัฒน์ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวลดน้อยลง พ่อแม่ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดเยาวชนต้องทำงานเพื่อเลี้ยงครอบครัวแทบจะไม่มีเวลามานั่งอบรมเท่าไรนัก ความรู้ความเข้าใจศีลธรรมในคาบพระพุทธศาสนาอาทิตย์ละหนึ่งคาบ (หนึ่งคาบต่อหนึ่งชั่วโมง) ไม่เพียงพอสำหรับขัดเกลาจิตใจของเยาวชนให้เป็นคนดีที่สังคมต้องการได้ ภาพของเด็กๆ หิ้วปิ่นโตไปวัดกับคุณพ่อคุณแม่ลดน้อยลงจากสังคมไทย จนกระทั่งได้มีโครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลกเกิดขึ้น ภาพที่เกือบจะหายไปจากสังคมไทยได้กลับมาอีกครั้ง ใครจะคิดว่าวัยรุ่นที่เสาร์อาทิตย์มักฝังตัวอยู่แต่ในห้าง ส่วนกลางคืนของวันศุกร์มักเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวๆ ผับย่านทองหล่อกลับเปลี่ยนใจนุ่งขาวห่มขาวเข้าวัดปฏิบัติธรรม หลายๆ คนที่เคยติดเหล้ากลับบอกลาขวดน้ำเมาแล้วชวนเพื่อนๆ ไปทำบุญในวันอาทิตย์ นี่ยังไม่รวมถึงการสร้างครอบครัวอบอุ่นซึ่งเริ่มต้นจากให้เยาวชนรู้ถึงคุณของบิดามารดาที่มิใช่แค่เป็นคนที่หาเงินมาให้เราใช้และส่งให้เราเรียนเท่านั้น บาปบุญคุณโทษที่หาสอนไม่ได้จากที่บ้านและที่โรงเรียน โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลกมีสอน... มีทุกอย่างที่เราอยากรู้ มีเหตุผลเพียงพอที่จะตอบโจทย์ให้กับเยาวชนว่า ‘ทำไมเราต้องทำความดี’
และหากคิดคำนวณความคุ้มค่าของการทุ่มงบประมาณเป็นพันล้านเพื่อสร้างเยาวชนรวมทั้งครูบาอาจารย์ให้เป็นคนดีมันยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำสำหรับการคิดแก้ปัญหาที่ปลายเหตุโดยการทุ่มงบประมาณลงไปแก้ปัญหาผู้ร้าย ยกตัวอย่างเช่นสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ้าหากวันนี้เยาวชนและประชาชนมีศีลธรรมในใจ ปัญหาที่เกิดจากการฆ่ากันก็จะหมดไป ปัญหาการลักขโมยก็จะหมดไป ปัญหาตั้งครรภ์ของเยาวชนและปัญหาการทำแท้งที่หลายๆ หน่วยงานพยายามที่จะแก้ไขก็จะหมดไป ปัญหาการคอรัปชั่นในสังคมไทยก็จะหมดไป ปัญหาเรื่องการเกิดอุบัติเหตุติดสกินเนสบุ๊คที่เกิดจากการดื่มสุราก็จะหมดไปเช่นกัน
...เห็นได้ชัดว่าทุกปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการขาดศีลธรรมด้วยกันหมดทั้งสิ้น... และหากเราแก้ปัญหาที่ต้นเหตุในวันนี้... ปัญหาที่ปลายเหตุอย่างที่พยายามแก้อยู่ทุกวันนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
ไรท์ สาระ *
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
e-dit แล้วจ้า