มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

[คนค้นบุญ]

ขึ้นหัวข้อแบบนี้มีเรื่องร้อนใจทุกที ค่ะ คือเนื่องจากว่าพี่ชาย ตื่นขึ้นมาแล้วหูตึงไปข้างหนึ่ง ค่ะเป็นมา 2 วันแล้ว ไปหาหมอแล้วตรวจวัดหู แล้วหมอ หาสาเหตุไม่เจอเลยค่ะ ใครเคยเจอcase แบบนี้ ช่วยแนะด้วยค่ะ ครอบครัวกลุ้มใจมากเลยค่ะ

[ดอกอุบล]

ชวนพี่ชายคุณไปทำบุญเลยครับมาบวชที่วัดเลยยิ่งดี ทาน ศีล ภาวนา เท่านั้นที่ช่วยพี่ชายคุณได้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพราะกรรมที่ทำไว้ในอดีตมาส่งผลครับใจเย็นๆไว้นะครับขอเป็นกำลังใจให้โชคดีเจอหมอดียาดีมารักษานะครับ

[Lonely_Wolf]

แนะนำให้ลองไปหาหมอที่อื่นๆ ดู
ลองไปที่โรงพยาบาลนี้ดูก็ได้ เห็นว่าเกี่ยวกับ ตา หู คอ จมูก โดยเฉพาะ
http://www.eent.co.th/home.html

ข้อมูลเพิ่มเติม โรคหูตึงเฉียบพลัน
http://www.si.mahido...tail.asp?id=565

[ตะกร้าอีกใบ]

สร้างบุญแล้วอย่าลืมอธิษฐานให้เจอหมอดียาดีด้วยนะครับ

ถวายยา ภัตตาหาร ปล่อยปลาซิครับ แต่ที่ดีที่สุดคือทำบุญทุกบุญเลยครับ

[usr23182]

ให้รีบหาโดยด่วนค่ะ เส้นประสาทหู จะเริ่มเสือมลงได้ค่ะ นับจากวันที่เกิดอาการจะต้องหาโดยด่วนภายใน สองวันค่ะ

ให้ชวนคนบวชด้วยน่ะค่ะ นั่งสมาธิด้วยค่ะ เอาบุญช่วยด้วยค่ะ

เอาใจช่วยค่ะ ขอให้หายค่ะ

[kithe]

เคยเป็นค่ะ..มีอยู่ช่วงหนึ่งหูไม่ได้ยินไปข้างหนึ่ง อาจเป็นเพราะเราทำงานอยู่ที่เสียงดังด้วย
ไปหาหมอ ก็บอกว่าหูอักเสบ ไม่ได้กินยาอะไร แต่หมอให้ใช้ ปิดจมูก กลืนน้ำลาย อัดลมเข้าไปในตัว
จะเกิดแรงดันที่หู เป็นอยู่สักพักก็หายค่ะ แต่ตอนเป็นฟังใครไม่รู้เรื่องเลย

ตอนที่เป็นก็นึกถึงวิบากกรรมเลย ตอนเด็กๆ เวลาย่าเรียกเราเคยทำหูทวนลมไม่ได้ยิน....

[สาธุธรรม]

จากการอ่านบทความด้านล่างนี้

สรุปว่า ให้รีบไปหาหมอหูโดยด่วน !

เพราะมีสาเหตุได้มากมาย

แม้ว่า ผู้ป่วยบางคนจะสามารถหายสนิทได้เองโดยไม่ต้องทำอะไรทางการแพทย์ และ ส่วนมากจะหายภายใน 3 วัน
หลายคนที่อาการดีขึ้นช้า โดยใช้เวลามากกว่า 1-2 สัปดาห์
แม้ว่าส่วนมากจะหายสนิทได้ แต่พบว่า 15 % ของผู้ป่วยที่หูดับเพราะเส้นประสาทหูเสื่อม จะแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป









------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Sudden Deafness

On this page:

* Description
* Causes/Diagnosis
* Treatment
* Research
* Where can I get more information?

Description

Sudden Sensorineural Hearing Loss (SSHL), or sudden deafness, is a rapid loss of hearing. SSHL can happen to a person all at once or over a period of up to 3 days. It should be considered a medical emergency. A person who experiences SSHL should visit a doctor immediately.

A doctor can determine whether a person has experienced SSHL by conducting a normal hearing test. If a loss of at least 30 decibels in three connected frequencies is discovered, it is diagnosed as SSHL. A decibel is a measure of sound. A decibel level of 30 is half as loud as a normal conversation. A frequency is another way of measuring sound. Frequencies measure sound waves and help to determine what makes one sound different from another sound.

Hearing loss affects only one ear in 9 out of 10 people who experience SSHL. Many people notice it when they wake up in the morning. Others first notice it when they try to use the deafened ear, such as when they make a phone call. Still others notice a loud, alarming "pop" just before their hearing disappears. People with SSHL often experience dizziness or a ringing in their ears (tinnitus), or both.

Some patients recover completely without medical intervention, often within the first 3 days. This is called a spontaneous recovery. Others get better slowly over a 1 or 2 week period. Although a good to excellent recovery is likely, 15 percent of those with SSHL experience a hearing loss that gets worse over time.

Approximately 4,000 new cases of SSHL occur each year in the United States. It can affect anyone, but for unknown reasons it happens most often to people between the ages of 30 and 60.


Causes/Diagnosis

Though there are more than 100 possible causes of sudden deafness, it is rare for a specific cause to be precisely identified. Only 10 to 15 percent of patients with SSHL know what caused their loss. Normally, diagnosis is based on the patient’s medical history. Possible causes include the following:

* Infectious diseases.
* Trauma, such as a head injury.
* Abnormal tissue growth.
* Immunologic diseases such as Cogan’s syndrome.
* Toxic causes, such as snake bites.
* Ototoxic drugs (drugs that harm the ear).
* Circulatory problems.
* Neurologic causes such as multiple sclerosis.
* Relation to disorders such as Ménière’s disease.


Treatment

People who experience SSHL should see a physician immediately. Doctors believe that finding medical help fast increases the chances for recovery. Several treatments are used for SSHL, but researchers are not yet certain which is the best for any one cause. If a specific cause is identified, a doctor may prescribe antibiotics for the patient. Or, a doctor may advise a patient to stop taking any medicine that can irritate or damage the ear.

The most common therapy for SSHL, especially in cases with an unknown cause, is treatment with steroids. Steroids are used to treat many different disorders and usually work to reduce inflammation, decrease swelling, and help the body fight illness. Steroid treatment helps some SSHL patients who also have conditions that affect the immune system, which is the body’s defense against disease.

Another common method that may help some patients is a diet low in salt. Researchers believe that this method aids people with SSHL who also have Ménière’s disease, a hearing and balance disorder.


Research

Two factors that help hearing function properly are good air and blood flow inside the ear. Many researchers now think that SSHL happens when important parts of the inner ear do not receive enough oxygen. A common treatment for this possible cause is called carbogen inhalation. Carbogen is a mixture of oxygen and carbon dioxide that seems to help air and blood flow better inside the ear. Like steroid therapy, carbogen inhalation does not help every patient, but some SSHL patients taking carbogen have recovered over a period of time.


Where can I get more information?

NIDCD maintains a directory of organizations that can answer questions and provide printed or electronic information on sudden deafness. Please see the list of organizations at www.nidcd.nih.gov/directory.

Use the following keywords to help you search for organizations that are relevant to sudden deafness:

* Late-deafened adults
* Brain injury
* Noise-induced hearing loss

For more information, additional addresses and phone numbers, or a printed list of organizations, contact:
NIDCD Information Clearinghouse
1 Communication Avenue
Bethesda, MD 20892-3456
Toll-free Voice: (800) 241-1044
Toll-free TTY: (800) 241-1055
Fax: (301) 770-8977
E-mail: [email protected]

NIH Pub. No. 00-4757

Updated March 2003

ที่มา : http://www.nidcd.nih...ring/sudden.asp

[Airy]

"โรคหูดับชั่วคราว" ต่อไปอาจเป็น "โรคโลกหมุน" ก็ได้นะครับ
ไม่ทราบว่า..ไปทานยา..หรืออาหารเสริมอะไรพิเศษหรือเปล่าครับ...(ลองนึกดูซิครับ)
การรักษาโรคเราต้องพึ่งหมอ 50% พึ่งตัวเองอีก 50% จึงจะหายได้เร็วครับ
เพราะหมอให้เวลาเราได้แค่ไม่เกิน 10 นาทีเท่านั้น
(ไม่ทราบคุณหมอให้เวลาคุณมากน้อยแค่ไหน)
ดูเหมือนผมจะเคยเป็นครับ...เหมือนกันนะ (ไม่ทราบว่าจะเหมือนกันหรือไม่)
ของผมเกิดจากสาเหตุ...นอนดึก...นอนน้อยครับ (พักผ่อนน้อย..ทำงานหนัก)
แล้วทำให้น้ำในหูสองข้างไม่เท่ากัน (หมอบอก)
ระยะแรกเป็นโรคหูดับชั่วคราว...นานๆไปมีอาการเวียนศรีษะ (โลกหมุนขณะเปลี่ยนอริยาบท)
จากนอนเป็นนั่ง หรือนั่งเป็นนอน หรือลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
ก็จะเกิดอาการหน้ามืด เวียนศรีษะ (โรคโลกหมุน)

[คนค้นบุญ]

ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ ตอนนี้ไปหาหมอแล้ว ค่ะ แล้วให้ดูอาการ 2-3 วันคะ แต่ที่ทุกท่านแบ่งปันข้อมูลเรื่องสาเหตุ มีความเป็นไปหมดเลย ค่ะ

[ตะกร้าอีกใบ]

-ขอให้หายไวๆนะครับสาธุ

[หัดฝัน]

ถ้าอย่างไร หาหมอแล้วไม่ดีขึ้น ผมพอรู้จักหมอดี สนใจ PM มาคุยกันได้นะครับ

[Kay :)]

คุณคนค้นบุญค่ะ ขอแนะนำให้พาพี่ชายไปรักษากับคุณหมอ Dr.ลลิดา รพ.พญาไท 2 ดูค่ะ

เนื่องจากคุณแม่ของ Kay:) หูอื่อ และ ได้ยินลดลงเรื่อยๆ เปลี่ยนหมอและโรงพยาบาล 5 ที่แล้วก็ยังไม่พบสาเหตุ
จนกระทั่งหูดับไป 1 ข้าง และอีกข้างกำลังจะไม่ได้ยินอีก หาสาเหตุไม่ได้เครียดกันมากๆ
จนกระทั่งพี่ข้างบ้านแนะนำว่าคุณหมอ Dr.ลลิดา เก่งมาก จึงพาคุณแม่ไปค่ะ รักษาไม่นานก็การได้ยินดีขึ้น 1 ข้าง
แต่ข้างที่ดับแล้วทำอะไรไม่ได้ค่ะ

สุดท้ายคุณหมอพบว่า "ไวรัสเริมทำลายระบบประสาท เส้นที่ควบคุมการได้ยิน"
เป็นไวรัสตัวเดียวกันกับที่ทำให้เป็นโรคอีสุกอีใส และงูสวัสดิ์ค่ะ ไวรัสตัวนี้จะฝังอยูในตัวของคนที่เคยเป็นอีสุกอีใส
และงูสวัสดิ์ค่ะ เมื่อไหร่ที่ร่างกายอ่อนแอ มันก็จะจู่โจมร่างกายของเราค่ะ

ทั้งนี้คุณแม่ก็เร่งทำบุญ นั่งสมาธิ และอธิฐานจิต ควบคู่กับการรักษาค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้หายเร็วๆ นะค่ะ เข้าใจค่ะว่าทุกข์มากขนาดไหน สู้สู้นะค่ะ