ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น
#1
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 09:46 AM
#2
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 09:53 AM
#3
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 09:59 AM
#4
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 01:36 PM
#5
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 01:55 PM
โดยทั่วไปการสวดมนต์ทำวัตร ไม่ว่าเช้าหรือเย็น เนื้อหาบทสวดมนต์ก็คือบทสรรเสริญพระรัตนตรัยเป็นหลักครับ ไม่ได้กะเกณฑ์ว่าช่วงเช้า ต้องเวลาเท่านี้ ช่วงเย็นต้องเวลาเท่านี้
ยังจำได้ว่าแม้แต่ที่วัดพระธรรมกายสมัยที่ยังจัดงานบุญวันอาทิตย์ที่สภาหลังคาจาก (หรือก่อนๆ นั้นขึ้นไปอีก) ช่วงที่พระฉันเพล สาธุชนจะสวดมนต์ทำวัตรเช้าในช่วงเวลานั้น
#6
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 02:24 PM
ใจเย็น ๆ ค่ะ คนที่รู้จริง ๆ คงจะยังไม่ได้อ่านนะคะ
พยายามหากระทู้เก่าให้อยู่ค่ะ...เจอแล้วค่ะ จากคุณ D_jung 6/9/2006 11:52 โพสต์ #5
ทำวัตรเช้าจะทำตั้งแต่ฟ้าสาง หรือทำตอนสายๆ หน่อยก็ได้
ทำวัตรเย็น ก็ทำช่วงเย็น หรือก่อนนอนก็ได้
ขึ้นอยู่กับวงจรชีวิตประจำวันของแต่ละคน ที่ไม่เหมือนกัน
แต่ให้ห่างกันอย่างน้อยสัก 8 ชม. ...ไม่ใช่ทำวัตรติดกันเลย (สวดรวดเดียว) มีนะ คนทำแบบนี้
การทำวัตรก็เป็นเสมือนการล้างใจให้สะอาด ให้เราได้นึกถึงพระรัตนตรัย ที่ในแต่วันงานเยอะจนเราลืมๆ ไป
เหมือนเราอาบน้ำตอนเช้าก่อนไปทำงาน และอาบน้ำตอนค่ำก่อนเข้านอน
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=6414
#7
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 02:41 PM
หลวงพ่อทัตตะท่านสอนไว้ว่า การกำหนดเวลาให้กับตัวเองเป็นการฝึกให้เราเป็นคนมีวินัย และฝึกความมีสัจจะให้กับตัวเอง จะช่วยให้เป็นคนที่ช่างสังเกตุ และรอบคอบในทุกๆด้านนะครับ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#8
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 02:43 PM
คำว่าเช้า คงเป็นช่วงตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าไม่ว่าจะเช้ามืดหรือไม่มือก็ตาม จนถึงเวลาเพล ก็คงเป็นประมาณก่อนเที่ยง
ทำวัตรเย็น
คงเป็นตะวันเลยศีรษะจวบจนเข้านอน ซึ่งช่วงเข้านอนคงใช้ช่วงเวลาก่อนยาม 2 คือเที่ยงคืน ครับ
คุณเฉย เฉย มีความเพียรดีจังเลย เป็นผมกลับดึกอย่างนั้น คงแค่นั่งสมาธิสัก 10 นาที แล้วนอนสบายไปเลยครับ อนุโมทนา ด้วยนะครับ
#9
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 03:15 PM
#10
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 05:22 PM
#11
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 05:49 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#12
โพสต์เมื่อ 04 October 2006 - 09:46 AM
#13
โพสต์เมื่อ 28 June 2007 - 03:19 PM
#14
โพสต์เมื่อ 28 June 2010 - 09:27 PM
สาธุๆๆ
#15
โพสต์เมื่อ 28 June 2010 - 10:30 PM
ศาสนาพุทธของเราไม่ใช่ศาสนายึดติดพิธีกรรม พิธีกรรมบางอย่างจึงไม่มีการกำหนดตายตัว ทุกอย่างต้องมีสาระเพื่อการปฏิบัติธรรมเพื่อการหลุดพ้น เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้งนั่นเอง
ดังนั้นพิธีกรรมจึงเป็นแค่เปลือกบ้าง กระพี้บ้าง มิใช่แก่นของศาสนาพุทธ
แต่ว่าเดี๋ยว อ่านให้จบก่อนนะครับ.....!!!
แต่กระพี้ และเปลือกไม้ ก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้แก่นไม้ต้นไม้อยู่ได้ พุทธไม่ได้ปฏิเสธครับ และเป็นสิ่งสำคัญด้วย ที่จะทำให้ก่อเกิดระเบียบวินัย ธรรมเนียมปฏิบัติ ที่มีความหมาย เพื่อนำไปสู่จุดประสงค์ที่แท้จริงครับ
บทสวดมนต์ทำวัตร เช้า เย็น พระไทยเราก็แต่งขึ้นมาใหม่นะครับ ไม่ได้แต่งขึ้นในสมัยพุทธกาล แต่ก็มีความหมายเชิงสาระธรรมที่ดีมากๆครับ
ตั้งแต่สมัยพุทธกาล จะมีการปฏิบัติธรรม เจริญภาวนา อยู่ตลอดเวลาครับ
โดยหลักๆก็คือ บำเพ็ญสมณะธรรมจนดึกดื่นครับ ห้าทุ่มเที่ยงคืน และตื่นก่อนสว่าง จนชาวบ้านคนอินเดียสมัยนั้นเห็นและชมพระกันว่าท่านขยันจริงๆ ชาวบ้านทำงานกันดึกดื่นเข้านอนแล้วพระยังไม่เข้านอนเลยครับ เช่นเรื่องแม่นางทอหูกเป็นต้น
พระท่านก็จะนิยมสวดอาการ 32 สาธยายพระสูตร พระวินัยต่างๆ และเจริญสมถะวิปัสสนาตามแนวสติปัฏฐาน 4 อยู่ทั้งวันทั้งคืนครับ
สำหรับธรรมเนียมปฏิบัติของชาวไทยพุทธเรา บทสวดมนต์ทำวัตรเช้าก็ประมาณตั้งแต่ก่อนสว่าง ยันเที่ยงๆครับ ทำวัตรเย็นก็หลังเที่ยงยันก่อนสว่างอีกวันหนึ่งครับ
บทอื่นๆ การปฏิบัติธรรมต่างๆ ก็สวดกันไปตามแต่หมู่คณะจะกำหนด หรือโดยส่วนบุคคลที่ไม่ได้อยู่ร่วมกับหมู่คณะก็แล้วแต่เราครับ
มีกฎระเบียบ ธรรมเนียมปฏิบัติไว้ ให้พร้อมเพรียงกัน ก็ถือว่าเจริญครับ สุขา สังฆัสสะ สามัคคี ครับ ความพร้อมเพรียงแห่งหมู่คณะ นำความสุขมาให้
ส่วนศาสนาอื่นๆโดยมากที่เป็นเทวนิยม จะเน้นเป็นพิธีกรรม มักมีการบังคับสวดอ้อนวอนเทพเจ้าด้วยการบังคับ จำนน จำยอม โดยมิอาจคัดค้านได้ เขาว่าจะเป็นบาป พระเจ้าไม่พอใจครับ เลยต้องทำอย่างเลี่ยงไม่ได้
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย