ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

เร่วววว..มาสุมศรีษะกัน"ฟังเรื่องคุณยายปัดระเบิด"


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 20 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Airy

Airy
  • Members
  • 162 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 July 2010 - 07:01 PM

....กรุงเทพฯ..ในยุคก์สงครามโลกครั้งที่ 2 ..แถวย่านตลาดพูลมีข่าวที่ชาวบ้านโจษจันกัน

มากว่า...มีแม่ชีวัดปากน้ำได้ช่วยปัดระเบิดที่เครื่องบินฝ่่ายสัมพันธมิตรนำมาทิ้ง..กรุงเทพฯ

แต่มันก็เป็นเพียงข่าวลือ..ที่ไม่มีใครเคยเห็นจริง.....ข่าวลือได้เล่าต่อๆ กันมาจนทุกวันนี้..

....คุณยายจันทร์ ขนนกยูง ท่านก็ไม่เคยกล่าวว่าท่านได้เคยไปเหาะขึ้นไปปัดระเบิดเลย

....สิ่งที่คุณยายกล่าวถึงเพียงแต่ท่านได้ช่วยหลวงพ่อสดทำวิชาปฏิหารให้ "แผ่นดินกลายเป็นทะเล"

และ "ทำทะเลให้เป็นแผ่นดิน"..."ทำเมืองให้เป็นป่า" และ "ทำป่าให้เป็นเมือง" เท่านั้นเอง

........ผมมีบทความยืนยันครับ...ว่าเรื่องนี้เป็นความจริง เป็นบทความที่เขียนโดย

นายทหารอากาศฝรั่งในยุกค์สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้คัดลอกมาจาก BlogGang.com

ในบล็อก "นภานุภาพ" ของคุณ "บุปผาชน" ซึ่งเป็นบทความของท่าน....

นาวาอากาศเอก ศักดิ์พินิจ พร้อมเทพ ที่ลงใน "นิตยสารการบิน" เดือนกุมภาพันธ์ 2508

....ขอเชิญทุกท่าน..ได้ทัศนา..ได้เลยครับ (เรื่องจริงนะครับ..ไม่ใช่นิยาย)

Bomb Bangkok

บทความนี้ได้มาจาก นาวาอากาศเอก ศักดิ์พินิต พร้อมเทพ คัดลอกจากนิตยสารการบิน, กุมภาพันธ์ ๒๕๐๘ โดยเพิ่มเติมคำอธิบายไว้ในเชิงอรรถ

บอมบ์กรุงเทพฯ
โดย ปริญญา


วันที่ ๑ มิถุนายน ค.ศ.๑๙๔๔ เสียงโจษจันแพร่สะพัดไปทั่วค่ายสัญญาณที่ จากูเลีย แพโคบา การ์กเปอร์ และดูทุกนาที ทหารอเมริกันสองหมื่นคนซึ่งเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาจากงานอันหนักหน่วง และความหวาดหวั่นที่ปกคลุมอยู่ทั่ว ได้ยินอย่างชัดเจน แล้วในไม่ช้าสิ่งอันเป็นจริงที่ปรากฏมันยิ่งไปกว่าเสียงโจษจันจากโรงทหารที่สร้างด้วยอิฐตากแดด ไปสู่ห้องประชุมที่มุงหลังคาด้วยฟาง แล้วระบาดไปสู่ห้องวางแผนซอมซ่อนั่นเสียอีก เนื่องจากในสายลมมีบางสิ่งโอฬารพันลึกแอบแฝงอยู่


นักบินและผู้ช่วยนักบินเตรียมพร้อมเครื่องบินกันชุลมุน พนักงานปืนตรวจตำแหน่งปืนของเขาอย่างละเอียด พนักงานวิทยุแยกเครื่องรับออกจากกันแล้วประกอบมันเข้าด้วยกันอีก เมื่อถึงวันที่ ๕ มิถุนายน กองบินทิ้งระเบิดที่ ๒๐ ก็เข้าปฏิบัติการหน้าที่ได้ในที่สุด


นายพลผู้เฒ่าวูล์ฟ ได้เจาะจงเลือกเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-๒๙ จำนวน ๑๐๐ ลำ สำหรับการปฏิบัติการโจมตีกรุงเทพฯ ครั้งแรกนี้ การคัดเลือกของท่านนายพลทำให้ขวัญทหารที่กระเจิดกระเจิงอยู่แล้ว ในกองบินที่ท่านบัญชาการอยู่ ต้องลดถอยลงไปอีก เพราะในขณะที่ไม่มีใครเลยสักคนที่อยากจะออกบินไปสู่ความตายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างง่ายๆ นั้น เหล่านักบิน พนักงานบิน ช่างเครื่อง และพนักงานปืน รู้ดีว่าถ้าญี่ปุ่นถูกทำลายย่อยยับลงเร็วเท่าไร เขาก็จะได้กลับไปสู่อ้อมแขนของลูกแก้วเมียขวัญเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น ในเวลาแห่งความเป็นความตายเช่นนี้ ‘บ้าน’ เท่านั้นที่ทุกคนรู้จักและห่วงเป็นที่สุด แต่ก็มีไม่น้อยที่เป็นโรคคิดถึงบ้านอย่างหนัก แม้กระทั่งนั่งอยู่ในห้องวางแผนในตอนเช้าวันนี้ ฟังคำอธิบายของนายพลวูล์ฟก็ยังไม่วายให้คิดถึงอยู่ไม่สร่าง


“ครั้งนี้จะเป็นการเริ่มทำลายอาณาจักรอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นครั้งใหญ่” ท่านนายพลให้อรรถธิบาย


เวลาบ่ายของวันที่ ๔ มิถุนายน ทหารประจำเครื่องทุกคนเข้าร่วมฟังอธิบายแผนการทั่วไปที่จะปฏิบัติ ในวันรุ่งขึ้น ทหารอเมริกันจำนวนหนึ่งพันสองร้อยคนได้ทราบจากคำประกาศของหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการว่า เป้าหมายโจมตีจะเป็นกรุงเทพฯ นครหลวงของประเทศไทยซึ่งญี่ปุ่นยึดครองอยู่ ทุกคนนั่งฟัง พันตรีชาร์ล แมคเรโนลด์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายราชการลับของกองบิน อธิบายรายละเอียด ทุกถ้อยกระทงความของแผนปฏิบัติการอย่างเงียบกริบ


“สภาพอากาศที่ปกคลุมระยะทางบิน ๒,๐๐๐ไมล์ จะเป็น…”


“พบกันที่…”


เข้าสู่เป้าหมายที่จะโจมตีจากทาง…”


เจ้าหน้าที่ได้ทำการทบทวนแผนการกับทหารประจำเครื่องบิน ตามหน้าที่ๆ ได้รับมอบหมายอย่างช้าๆ อย่างละเอียดและรอบคอบ จะไม่มีคำใดแม้แต่คำเดียวตามแผนปฏิบัติการเที่ยวแรกนี้ถูกมองข้ามไปได้ และในขณะที่ทหารประจำเครื่องบินกำลังทบทวนหน้าที่ของตนอยู่เงียบๆ บลอนดี้ ซานเดอร์ ก็ยืนขึ้นเบื้องหน้าทหารทุกคน


“โจมตีญี่ปุ่น และโจมตีให้มันแหลกราญ” ท่านนายพลประกาศก้อง แล้วท่านก็เดินออกจากห้องไป ไม่มีใครสักคนที่รู้สึกสบายใจ คำพูดทุกคำมันวิ่งวนไปเวียนมาอยู่ในสมองอย่างเคร่งเครียด


“เปิดประตูออก ปล่อยลูกระเบิดลงไป แล้วกลับฐานทัพ”


ก่อนรุ่งอรุณของวันจันทร์ นาวาอากาศเอก ฮาร์แมน, นาวาอากาศเอก อาร์มิเชล, นาวาอากาศเอก ฮาร์วีย์ ได้แจ้งรายละเอียดของแผนการโจมตีสถานีรถไฟมักกะสัน และท่าเรือ ซึ่งเป็นงานของฝูงบินที่ ๑ ให้แก่ทหารในบังคับบัญชาในกรุ๊ปของตน ทหารนักบินทุกคนนั่งฟังอย่างเงียบขรึม บางคนนั่งจดบันทึก บางคนกำลังศึกษาเป้าหมายต่างๆ บนแผนที่มหึมาที่แขวนอยู่ข้างกำแพง พร้อมไปกับคำบรรยายถึงด้านยุทธศาสตร์ ด้านยุทธวิธี และรายละเอียดซึ่งเป็นส่วนประกอบของการเลือกเป้าหมายที่จะเปิดการโจมตี


กรุงเทพฯ ถูกเลือกให้เป็นเป้าหมายโจมตีซ้อมมือของกองบินทิ้งระเบิดที่ ๒๐ ที่ยอดเยี่ยมที่สุด การบินจะออกจากการ์กเปอร์โดยไม่มีการหยุดแวะเติมเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นการบินที่ลำบากเอาการ ต้องผ่านฮัมป์ ไปสู่เชียงตุง ระยะทาง ๒,๐๐๐ ไมล์ จากฐานทัพอากาศที่เบงกอล และจะเป็นการทดสอบสมรรถภาพของเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-๒๙ เป็นอย่างดีด้วย ตลอดระยะทางส่วนใหญ่ต้องบินผ่านทะเล แล้วจึงเข้าสู่ดินแดนของประเทศพม่า ซึ่งจะเป็นลักษณะปฏิบัติการในอนาคตที่จะกระทำต่อหมู่เกาะญี่ปุ่นตะวันตก พร้อมกับทางของการบินซึ่งจะนำเอาการบินจำกัดเหนือดินแดนยึดครองของข้าศึกออกมาใช้ใหม่ได้ด้วย


นายพลวูล์ฟต้องการให้งานโจมตีครั้งแรกนี้กระทำกันในตอนเวลากลางคืน เพื่อช่วยอุดสิ่งที่ท่านเห็นว่าเป็นจุดอ่อนอย่างสำคัญยิ่งในแผนฝึกของท่าน ชั่วโมงการบินของทหารในบังคับบัญชาของท่านปฏิบัติที่ฮัมป์ ไม่ได้เพิ่มความชำนาญในด้านการบินระดับสูง การนัดพบ การใช้ปืน และการทิ้งระเบิด ให้เกิดขึ้นแก่ทหารนักบินเลย และความชำนาญในด้านต่างๆ ดังกล่าวนั้น ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้งานครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วย


แต่นายพลวูล์ฟถูกครอบงำโดยรายงานข่าวของนายพลอาร์โนลด์ ที่ว่า ‘ปฏิบัติการโดยใช้กำลังอันจำกัดนั้น สามารถจะนำออกไปจากฐานทัพหน้าของท่าน เพราะอุปสรรคในด้านต่างๆ จะถูกขจัดไป แล้วการปฏิบัติการแต่ละครั้งก็จะได้รับความสำเร็จอย่างเต็มที่ การปฏิบัติครั้งนี้จะต้องทำลายเป้าหมายสำคัญที่สุด โดยอาศัยการทิ้งระเบิดที่แม่นยำในเวลากลางวัน ปฏิบัติการเคลื่อนเข้าโจมตีควรจะสนับสนุนการฝึกและการทดสอบในการปฏิบัติงานแบบนี้ให้มากที่สุด ด้วยเหตุนี้การโจมตีกรุงเทพฯ จึงต้องเป็นการวางแผนให้เป็นงานทิ้งระเบิดที่แม่นยำที่สุดในเวลากลางวัน ความยากลำบากของท่านในปัจจุบันนี้ได้ถูกยอมรับกันอย่างเต็มที่ เครื่องบินทิ้งระเบิด บี-๒๙ เป็นหัวใจสำคัญในฐานะเป็นอาวุธที่มีความแน่นอนอย่างจริงจัง’


อาศัยตามมูลฐานของข่าวสารนี้ คำสั่งสนามสำหรับงานในวันที่ ๕ มิถุนายน จึงถูกร่างขึ้นแล้วส่งกลับไปยังวอชิงตันเพื่อแก้ไขเพิ่มเติม คำตอบจากนายพลอาร์โนลด์ถูกส่งมาอย่างทันควัน ‘แผนการได้แก้ไขแล้ว’ และมีข้อความเพิ่มเติมจากข่าวสารดังกล่าวแล้วเป็นบันทึกส่วนตัวถึงนายพลวูล์ฟ ซึ่งได้ร้องขออนุญาตเข้ามีส่วนในงานด้านกรุงเทพฯ


“เสียใจ” นายพลอาร์โนลด์กล่าวต่อผู้บัญชาการกองบินทิ้งระเบิดที่ ๒๐


“คุณไม่ต้องติดตามไปโจมตีด้วย”


รุ่งอรุณเวลา ๕.๓๐ น. ของวันจันทร์ ทหารประจำเครื่องบินจำนวน ๑๐๐ คน เข้านั่งประจำที่ในเครื่องบิน เครื่องยนต์ถูกสับเปลี่ยนที่ปีกแต่ละข้าง และถังตรงกลางลำตัวบรรจุน้ำมันอ๊อคเทนสูงเป็นจำนวน ๖,๘๔๖ แกลลอน ที่ติดลูกระเบิดมีระเบิดเพลิงอำนาจทำลายสูงขนาด ๑๐,๐๐๐ เปานด์ บรรจุเป็นจำนวนมาก เครื่องบินถูกลากลงไปสู่ทางวิ่งเรียงรายอยู่เป็นแถวตรงบริเวณรอบทางวิ่ง ทุกเครื่องอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมที่จะขึ้นจากสนามได้ทุกขณะ


เจ้าหน้าที่ประจำสนาม หลังจากได้ทำการเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นจำนวนมาก เติมน้ำมันเชื้อเพลิง ติดตั้งระบบไฟฟ้าและตรวจตราเครื่องอุปกรณ์เครื่องบินมาเป็นเวลา ๒๔ ชั่วโมงเต็ม ต่างก็ฟุบอยู่บนทางบินด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเป็นแถว นายพลวูล์ฟ ติดตามด้วยนายพลซอนเดอร์และนายพลอับสดัม ก็ปรากฏตัวขึ้นที่สนามบินการ์กเปอร์อย่างกระทันหัน ทั้งสามคนชำเลืองมองสีส้มของอาทิตย์อุทัย ในขณะที่บรรดาเครื่องบินทิ้งระเบิดกำลังมุ่งหน้าทยอยกันไปทางทิศตะวันออกอย่างกระชั้นชิด


ที่สนามบินดุทกุนที ในอินเดีย เวลา ๕.๔๕ น. ฝูงบินทิ้งระเบิดที่ ๔๔๔ ภายใต้บังคับบัญชาของนาวาอากาศเอก แอลฟา ฮาร์วีย์ ก็ทยอยลงสู่ทางวิ่งขนาดยาว ๗,๕๐๐ ฟุต ทำให้ต้นหญ้าต้นไม้ริมสนามราบไปตามกัน แล้วทยอยเป็นแนวโค้งไปสู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ


ที่สนามบินจากูเลีย นาวาอากาศเอก เอ็ด ฮาร์แมน ผู้นำฝูงบินโจมตีกรุงเทพฯ ในครั้งนี้ ได้นำเครื่องบินในฝูงของเขาออกสู่ทางวิ่ง แล้วนำเครื่องบินในบังคับบัญชาของเขาทั้งหมดเป็นจำนวน ๓๘ ลำ วิ่งขึ้นสู่อากาศอย่างรวดเร็ว


เครื่องบินทิ้งระเบิดจำนวน-๓-๕-๑๐-๒๐-๓๒ เครื่อง พุ่งสู่ท้องฟ้าภายในเวลาหนึ่งนาที จากแต่ละสนามในจำนวนสนามทั้งหมดที่มีอยู่ ๔ แห่ง


๙๔-๙๕-๙๖ ถาโถมออกไปในแนวโค้งยาว ฝ่าสายหมอกแห่งรุ่งอรุณเข้าไปรวมฝูงกับเครื่องบินทิ้งระเบิดจำนวน ๔ ลำ แล้ววงทิศทางบินในแนว ๑๔๒ องศา มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จุดหมายคือกรุงเทพฯ พระมหานครของไทย


เวลา ๖.๓๐ น. เครื่องบินทิ้งระเบิด ๙๘ ลำในจำนวนทั้งหมด ๑๐๐ ลำ ตามแผนปฏิบัติการถล่มกรุงเทพฯ ก็เข้าเกาะฝูงของตนบินไปสู่เป้าหมายโดยไม่หยุดยั้ง เครื่องบินของนาวาอากาศเอก คาร์มิเชล ผู้บังคับการกรุ๊ปที่ ๔๖๒ เครื่องขัดข้องไม่สามารถขึ้นจากสนามได้


ที่จากูเลีย ฐานทัพของกรุ๊ปที่ ๔๐ เครื่องบินทิ้งระเบิด บี-๒๙ เครื่องหนึ่งระเบิดระหว่างการนำขึ้น เหตุเกิดขึ้นระหว่างครึ่งของทางวิ่ง ล้อหน้าของ บี-๒๙ ชะตาขาดเครื่องนั้นลอยขึ้นจากสนามแล้ว และยังคงลอยอยู่เช่นนั้นในขณะที่เครื่องบินแล่นไปตามทางวิ่ง ทำให้ส่วนหางของเครื่องบินปัดออกนอกตำแหน่งเล็กน้อย เมื่อวิ่งจวนจะสุดทางวิ่ง เครื่องบินก็ลอยขึ้นจากสนามในลักษณะปกติธรรมดา แต่ทันใดนั้นเองปีกซ้ายของมันก็เอียงวูบลง แต่นักบินสามารถแก้ไขให้มันบินเอียงขวากลับคืนมาได้ แล้วมันก็เอียงวูบลงอีก และเจ้าป้อมบินยักษ์ก็มีอันดิ่งลงสู่พื้นดิน มันปะทะกับพื้นดินแล้วระเบิดสนั่นหวั่นไหว ล้อซึ่งลุกด้วยเปลวไฟของมันหมุนติ้วขึ้นไปในอากาศอย่างน่าสยอง อีกอึดใจต่อมาลูกระเบิดขนาด ๕๐๐ เปานด์ ใช้งานทั่วไปซึ่งติดอยู่ทางด้านหน้าเมื่อถูกความร้อนสูงก็ระเบิดออก ส่งลำตัวเครื่องบินที่ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยปลิวไปทั่วบริเวณนั้น เรืออากาศโท บี. เอ. แอลสาเนอร์ นักบินผู้ช่วยถูกลากออกมาจากซากของ บี-๒๙ ชะตาขาด ซึ่งพระเพลิงกำลังลุกโหมอยู่อย่างรุนแรง ไว้ได้ก่อนที่เขาจะถูกไฟครอกไหม้เป็นตอตะโกไปเสียก่อน แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเหลือเกิน เขาสามารถเพียงแต่พูดพึมพำเบาๆ ออกมาเท่านั้นว่า


“เครื่องยนต์หมายเลข ๒ ขัดข้อง” นอกจากนั้นทหารประจำเครื่องบินจำนวน ๑๐ คน ถูกไฟครอกตายเรียบ แล้วการนำป้อมบิน บี-๒๙ ขึ้นก็ผ่านไปโดยใช้เวลา ๒ นาที


ฝูงบิน บี-๒๙ ภายใต้การนำของ นาวาอากาศเอก ฮาร์แมน ได้ไต่ขึ้นสู่ระดับความสูง ๕,๐๐๐ ฟุต แล้วรักษาเส้นทางตามแผนไว้เช่นเดิม แล้วทำการบินด้วยอัตราความเร็ว ๒๑๐ ไมล์ต่อ ชม.อย่างสม่ำเสมอ ทหารประจำเครื่องบินทุกคนต่างตั้งใจที่จะนั่งประจำหน้าที่ของตนโดยไม่ยอมผละไปที่อื่น มิใช่เพราะว่าทัศนวิสัยเลวและเลวลงจนถึงที่สุด แต่เพราะว่านักบินแต่ละคน พนักงานบิน ช่างเครื่อง พนักงานทิ้งระเบิด พนักงานปืน พนักงานสังเกตการณ์และช่างเทคนิค ต่างก็รู้สึกหวาดกลัวในการที่จะเข้าไปเผชิญหน้ากับข้าศึก และความตายที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ และเครื่องบินของเขาก็เป็นเครื่องบินแบบใหม่ ที่ยังไม่สามารถทราบถึงคุณภาพของมัน และข้าศึกนั้นก็มีพิษสงร้ายกาจนักเสียด้วย


ในขณะที่ป้อมบินยักษ์บินฝ่าไปในท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยเมฆหมอกหนาทึบ ขบวนบินแบบหนึ่งต่อหนึ่งก็แตกออก เนื่องจากเครื่องบินจำนวน ๑๘ เครื่องประสบความขัดข้องทางเครื่องยนต์และไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ จึงต้องผละออกจากฝูงบินกลับสู่ฐานทัพ ตอนนี้จำนวนเครื่องบินทั้งหมดจึงลดเหลือ ๘๐ เครื่อง ลูกเรือทั้งหลายชักเหงื่อตกกันยิ่งขึ้น แต่ละคนยกมือประสานกันด้วยความหวังที่จะให้เครื่องบินของเขาไม่เพียงแต่เดินทางไปสู่จุดหมายปลายทาง แล้วทิ้งระเบิดลงถล่มจุดหมายตามแผนให้เสร็จสิ้นไปเท่านั้น แต่จะต้องสามารถพยุงลำและบินสู่ฐานทัพได้โดยสวัสดิภาพด้วย


การรักษาขบวนบินยิ่งประสบอุปสรรคยิ่งขึ้น ในเมื่อเมฆหมอกตอนสายทวีขึ้นอย่างหนาแน่น และทัศนวิสัยตกลงสู่จุดศูนย์ เครื่องบินส่วนมากในจำนวนที่เหลืออยู่ ๘๐ เครื่อง จึงไม่สามารถที่จะบินเกาะฝูงได้ ต่างคนต่างก็บินไปตามความสามารถของตนเพื่อที่จะเข้าหาจุดที่จะทำการรวมฝูงใหม่ คือเกาะเล็กๆ ๓ เกาะทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของกรุงเทพฯ ขณะที่ฝูงบินกำลังเคลื่อนที่เข้าไปใกล้เหนือเกาะ ๓ เกาะนั้น ฝูงบินได้ไต่ขึ้นสู่ระดับความสูง ๒๐,๐๐๐ ฟุต พนักงานปืนซึ่งทนนั่งเคร่งเครียดประจำที่ตลอดมาได้กระชากผ้าคลุมปืนออก ทดสอบความเรียบร้อยของปืน เปิดเรดาร์ออกจับภาพหมู่เกาะต่างๆ กลางอ่าวไทย


ภายในห้องปรับความกดดันอากาศเริ่มมีการพูดคุยกันอย่างคนมีดวามกลัว ไม่ใช่พูดพร่ำกับตัวเองคนเดียว แต่พูดกับเพื่อนร่วมงานในเครื่องบินนั่นเอง


“มองอะไรไม่เห็นเลยในนี้ แล้วเราจะนัดพบกันได้อย่างไร ในเมื่อเราไม่สามารถแม้แต่จะมองเห็นเครื่องบินเลยสักลำเดียว?”


“ใครจะเป็นฝ่ายตามใครไปสู่จุดหมายกันหนอนี่?”


พนักงานทิ้งระเบิดก็ประสบปัญหาอันยุ่งยากเช่นเดียวกัน เขาจะปล่อยลูกระเบิดลงสู่เป้าได้หรือ เขาจะมองเห็นเป้าหมายได้หรือ ถ้าหากว่าทัศนวิสัยเลวร้ายนี้ไม่ผ่านไปในระหว่างระยะทาง ๕๐๐ ไมล์สุดท้าย


การเป็นทหารอากาศทำให้ทหารดูแก่และเคร่งเครียดไปถนัดใจ พวกทหารอื่นๆ ก็ต้องประสบกับความระทึกใจและความระโหยในระหว่างชั่วโมงปฏิบัติการร่วมกันไปกับพวกทหารน้องใหม่ซึ่งเพิ่งเข้าประจำการ พวกเขาเหล่านี้กำลังอยู่ห่างจากอินเดียเป็นระยะทาง ๑,๓๐๐ ไมล์ และอยู่ห่างจากบ้านและลูกเมียเป็นระยะทาง ๑๕,๐๐๐ ไมล์ เขาจะได้กลับไปพบหน้ากันอีกไหมหนอ?


ท่ามกลางควันเมฆและกลุ่มหมอกอันหนาทึบ เครื่องยนต์ของ บี-๒๙ อีก ๓ เครื่องเริ่มสำลักน้ำมันขึ้น ต้องรีบบินผละออกจากฝูง บินกลับสู่ฐานทัพที่อินเดีย จึงเป็นอันว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดกองนี้มีเครื่องบิน บี-๒๙ เหลืออยู่เป็นจำนวน ๗๗ เครื่อง


ระดับความสูงของเครื่องบิน ขณะนี้เพิ่มเป็น ๒๕,๐๐๐ ฟุตแล้ว และบินด้วยอัตราความเร็ว ๒๐๐ ไมล์ต่อชั่วโมง มุ่งหน้าเข้าสู่น่านฟ้าอ่าวไทย แล้วเข้าสู่ท้องฟ้าอันมืดมิด ของกรุงเทพฯ ได้เป็นระยะทาง ๗ ส่วน ๑๐ แล้ว เหนือสถานีรถไฟมักกะสันมีหมอกปกคลุมอยู่หนาทึบ เครื่องบินทิ้งระเบิดส่วนมากเริ่มบินตรวจภูมิประเทศอย่างรวดเร็ว เพื่อเปิดการโจมตีด้วยเรดาร์ สะพานเหล็กซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟเล็กน้อยได้เป็นจุดสะท้อนของเรดาร์เป็นอย่างดี และมันก็ได้กลายเป็นเป้าหมายโจมตีพลอยได้เหนือจุดหมายสถานีมักกะสัน


ประตูห้องเก็บระเบิดเปิดอ้าออก ลูกระเบิดจำนวนมากได้หล่นลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว เบื้องหน้าออกไป เครื่องบินขับไล่ญี่ปุ่นได้ปรากฏตัวขึ้น มันพุ่งปราดเข้าใส่พร้อมกับพ่นกระสุนเป็นสายแดงโร่ท่ามกลางความมืด สงครามทางอากาศเหนือฟ้ากรุงเทพฯได้เริ่มขึ้นแล้ว เครื่องบินทิ้งระเบิดยักษ์ได้บินเข้าเกาะหมู่ สาดกระสุนปืนกลทั้งตอนหน้า ตอนท้าย และตอนกลางลำตัว ออกสู้กับเครื่องบินญี่ปุ่นอุตลุด บี-๒๙ เครื่องหนึ่งถูกเครื่องบินญี่ปุ่นโฉบเข้าโจมตียิงส่วนหางกระจุย ต้องรีบบินจากสมรภูมิเลือดด่วน กลับฐานทัพที่อินเดีย


บี-๒๙ บินเกาะหมู่เข้าทิ้งระเบิดทุกระดับ เครื่องบินขับไล่ญี่ปุ่น ๙ เครื่องเท่านั้นที่พยายามเข้าสกัดกั้นอีก และความพยายามเข้าสกัดกั้นของเครื่องบินเหล่านั้นต้องประสบความล้มเหลว ในเมื่อนักบิน บี-๒๙ ต่างคอยระวังตัวแจด้วยการหนีออกข้างและซ่อนตัวอยู่ตามกลุ่มเมฆหนาทึบในระดับสูง พลปืนเมื่อเข้าสู่การรบมีอาการสงบและเยือกเย็นเป็นปกติ และเฝ้าคอยเครื่องบินขับไล่ญี่ปุ่นที่ผลีผลามเข้าโจมตีอย่างใจเย็น แต่เขาก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้เหนี่ยวไกเอาเสียเลย เครื่องบินขับไล่ญี่ปุ่นดูเหมือนถูกยิงตก ๑ เครื่อง และได้รับความเสียหาย ๒ เครื่อง ปืนต่อสู้อากาศยานได้ระดมยิงขึ้นมาอย่างหนาแน่น แต่ก็ขาดความแม่นยำ


ลูกระเบิดนี้คงร่วงสู่เป้าหมายเป็นระยะ ติดต่อกันเป็นเวลา ๑๒ วินาที ถึง ๖ นาที บี-๒๙ เครื่องแรกได้เข้าสู่จุดเล็งยิงเมื่อเวลา ๑๐.๕๒ น. และแยกกันเมื่อเวลา ๑๒.๓๒ น. บี-๒๙ ทั้ง ๗๗ เครื่องเปิดฉากทิ้งบอมบ์ตามเป้าหมายทั่วๆ ไปในบริเวณนั้น


การทดลองเที่ยวแรกด้วยการยิงและทิ้งระเบิดได้ผ่านไปแล้ว การเดินทางกลับไปตามระยะทางอันแสนไกลก็เริ่มขึ้นด้วยความหวาดหวั่น การรบทางอากาศและกระสุนปืนต่อสู้อากาศยานที่ข้าศึกได้ระดมยิงขึ้นมาได้ลบเลือนไปจากความจำ แล้วก็มีความเกรงกลัวเรื่องเครื่องยนต์จะทรยศขึ้นมาแทนที่ ฝูงบินทิ้งระเบิด บี-๒๙ เริ่มแยกย้ายการบินออกสู่กลางอ่าวไทย ผ่าน แหลมมาลายู แล้วก็บินเข้าสู่ปลายแหลมของดินแดนประเทศพม่า ลัดเลาะเข้าสู่อ่าวเบงกอล บินบ่ายโฉมหน้าออกสู่ทะเล ซึ่งจะต้องบินไปตามระยะทางยาว ๘๐๐ ไมล์ต่อไป


เครื่องบินนำฝูงคือเครื่องบินของ นาวาอากาศเอก เอ็ด ฮาร์แมน อีกตามเคย ในขณะที่เครื่องบินของเขาบินฝ่าเข้าไปในกลุ่มเมฆดำทะมึนซึ่งแลเห็นอยู่เบื้องหน้า เขาหันหน้าไปพูดกับนักบินผู้ช่วยของเขาว่า


“การโจมตีข้าศึกครั้งนี้ นับว่าเป็นการโจมตีด้วยลูกระเบิดขนาด ๑๐,๐๐๐ ปอนด์ เป็นครั้งแรก”


“ถูกต้องแล้วครับ แต่การเดินทางของเรามาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้นนะครับ ผู้การ”


“คุณคิดว่าผมไม่รู้หรือ เราอาจจะสูญเสียกองบินทั้งกองไปในอากาศอันแสนเลวข้างหน้านั้นก็ได้ มันเป็นพายุที่วายร้ายที่สุดและดำมืดที่สุดเท่าที่ผมเคยประสบมาทีเดียวแหละ”


เครื่องบินส่วนมากมีน้ำมันเชื้อเพลิงเหลืออยู่อย่างจำกัดจำเขี่ย จึงต้องลดระดับความสูงลงสู่ระดับ ๑,๐๐๐ ฟุตเหนือระดับ อย่างไรก็ดีเครื่องบินจำนวน ๒๓ เครื่อง ได้พลาดโอกาสที่จะไปถลุงกรุงเทพฯ และก็มีเพียงเครื่องเดียวที่ต้องระเบิดลุกไหม้ในระหว่างการนำขึ้นที่สนามบินจากูเลีย และนับเป็นเครื่องเดียวที่ประสบกับความหายนะ


ย้อนกลับไปสู่อินเดีย ขณะนี้เป็นเวลา ๔ นาฬิกา ซึ่งเป็นชั่วโมงที่ช้าที่สุดเท่าที่กองบิน บี-๒๙ จะสามารถคืนกลับฐานทัพได้ เจ้าหน้าที่ที่สนามบินตรวจอากาศได้พากันออแน่นรายล้อมหอบังคับการบินเรียงรายไปตามทางวิ่งอันยาวเหยียด บ้างก็อยู่ใกล้เครื่องบินบรรทุกขนาดหนักที่พังแล้ว จมอยู่ท่ามกลางอากาศชื้นที่แสนอบอ้าว ท้องฟ้าเบื้องนภากาศกลับมืดครึ้มหนักลงไปอีก แล้วสายฝนก็หลั่งลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ท่ามกลางสายลมแรงที่โบกโปรยแข่งขันไปกับม่านฟ้าอันน่าหวาดหวั่นใจ


ห่างออกไปเป็นระยะทางหลายร้อยไมล์ เสียงระฆังฉุกเฉินเริ่มดังหวีดหวิวไปทั่ว “เครื่องบินหมายเลขที่ ๔๒-๖๓๖๑ แห่งฝูงบินที่ ๖๗๘๗ กรุ๊ปที่ ๔๔๔ เรียกซาล้ง…เรียกจิตตากอง…น้ำมันจวนจะหมด กำลังเปลี่ยนทิศทางอยู่เหนืออ่าวเบงกอล และกำลังมุ่งหน้าไปสู่คุนมิงในประเทศจีนตอนใต้ เท่านั้น”


อุบัติเหตุมีเพียงแค่นั้นจริงๆ เพราะออฟปอร์เรเตอร์ฝ่ายป้องกันภัยได้ติดต่ออยู่กับวิทยุของกองบัญชาการอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา แต่เรื่องทั้งหลายนี้ยังไม่สิ้นสุดสำหรับ นาวาอากาศตรี บูธ จี. มาโลน และลูกน้องภายใต้บังคับบัญชาของเขา ซึ่งกำลังวุ่นวายอยู่กับเครื่องยนต์สองเครื่องซึ่งกำลังแสดงอาการพยศอยู่อย่างสุดเหวี่ยง และได้รื้อเอาอุปกรณ์ต่างๆ เท่าที่เห็นว่ามีความจำเป็นน้อยที่สุดทิ้งลงทะเลไป เพื่อช่วยพยุงสภาพของเครื่องบินซึ่งกำลังลดระดับความสูงอย่างช้าๆ เรื่อยๆ ให้สามารถลอยลำอยู่ได้ให้นานที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้ แล้วพยายามเร่งกำลังเครื่องยนต์จากน้ำมันที่มีเหลือติดก้นถัง พวกชาวนาจีนใกล้เมืองยูจีกำลังยืนอยู่ในท้องนาแหงนหน้ามองขึ้นสู่ท้องฟ้า ในขณะที่พวกเขาได้ยิน เครื่องบินสี่เครื่องยนต์ แต่เครื่องยนต์ได้ดับสนิทไปแล้วข้างละเครื่อง กำลังลอยลำเปะปะอยู่ในระดับต่ำ และกำลังพุ่งดิ่งลงฝังตัวมันเองอยู่ภายใต้ดินสีเหลือง ห่างจากคุนมิงเป็นระยะทาง ๖๐ ไมล์ ลูกเรือ ๑๐ คนได้กระโดดร่มออกจากเครื่องบินได้โดยปลอดภัย


ในชั่วโมงเดียวกันกับที่ บี-๒๙ ชะตาขาดพุ่งลงโหม่งพสุธาที่ยูจีนั้น เครื่องบินทิ้งระเบิดเครื่องที่ ๒ ในกรุ๊ปเดียวกันก็ประสบกับภาวะน้ำมันเชื้อเพลิงหมด และเครื่องยนต์ทำงานอยู่เพียงเครื่องเดียวเท่านั้นจึงหลีกเลี่ยงกาลอวสานไปไม่พ้น มันพุ่งลงโหม่งโลกที่ฐานทัพดัมดัมของอังกฤษ ทางตอนเหนือของเมืองกัลคัตตา และลูกเรือทุกคนสามารถกระโดดร่มออกโดยทันท่วงทีเช่นเดียวกัน


บนฟากฟ้าเหนืออ่าวเบงกอล บี-๒๙ สองเครื่องกำลังลอยลำพุ่งไปสู่ฝั่งสีน้ำตาลของเบงกอลอย่างอ่อนระโหยโรยกำลัง ทั้งสองเครื่องอยู่ในสภาพเหมือนคนกำลังบาดเจ็บอย่างสาหัส นักบินได้ส่งวิทยุไปทางกองบัญชาการว่าตนจะนำเครื่องบินลงสู่ทะเล บี-๒๙ บาดเจ็บเครื่องหนึ่งในสองนั้นมีกัปตัน เอ. เอ็น. ซอนเดอร์ เป็นนักบิน เขาพยายามประคับประคองเครื่องของเขาให้ไปถึงจิตตากองบนฝั่งทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือให้ได้แต่ไม่สำเร็จ เพราะตลอดระยะทาง ๑๐๐ ไมล์ที่เขาทนกัดฟันมาให้ บี-๒๙ ของเขาบินมาได้โดยมีน้ำมันเชื้อเพลิงติดอยู่ก้นถังนั้นนับว่าเป็นยอดนักบินอยู่แล้ว เขานำเครื่องบินล่องลงสู่ฟองคลื่นอันขาวสะอาดบนพื้นน้ำทะเลใกล้ชายฝั่งทะเลซึ่งเป็นจุดหมายของเขา เจ้าป้อมบินยักษ์ได้ทำให้ผู้พบเห็นต้องพากันแปลกใจไปตามๆ กัน ในเมื่อมันสามารถลอยอยู่บนผิวน้ำได้เป็นเวลานาน เหมือนกับว่ามันยังอาลัยอาวรณ์เสียเต็มประดาแล้วจึงค่อยจมลงไปอยู่บนพื้นทรายเบื้องล่าง ลูกเรือสองคนได้สูญเสียชีวิตไปกับ บี-๒๙ ชะตาขาดเครื่องนี้ด้วย นอกนั้นมีคนรอดชีวิตมาด้วย รวมทั้งกัปตันซอนเดอร์ด้วย เวลาล่วงไป ๔๕ นาที คนเดนตายเหล่านี้ก็ได้รับการช่วยเหลือ โดยเครื่องบินขับไล่สปิตไฟร์นำไปสู่หน่วยกู้ภัยทางทะเลของกองทัพอากาศอังกฤษ


บี-๒๙ อีกเครื่องหนึ่ง ซึ่งร่วมชะตากรรมกันมากับเครื่องที่จบบทบาทของมันไปเมื่อตะกี้นี้ ก็ได้ดิ่งลงสู่ทะเลเกือบจะเป้นเวลาพร้อมกันเหมือนกับว่าได้นัดกันไว้มาก่อน เมื่อเวลาบ่ายลมจัดของวันที่ ๕ มิถุนายน ๑๙๔๔ เครื่องบินทิ้งระเบิดหมายเลขที่ ๓๐๔ แห่งกรุ๊ปที่ ๔๐ เกือบจะเข้าถึงฝั่งอินเดียอยู่แล้ว ในขณะที่น้ำมันเชื้อเพลิงของมันได้ลดลงสู่จุดดับแล้ว จำต้องร่อนลงทะเลไปอย่างหมดทาง นักบินได้ส่งวิทยุบอกฐานะอันลำบากของตนไปสู่กองบัญชาการเมื่อเวลาได้ล่วงมาแล้วสองชั่วโมง หลังจากได้ผละออกจากการโจมตีกรุงเทพฯ และต้องประสบกับกาลอวสานในที่สุดดังกล่าวมาแล้ว การขัดข้องของเครื่องยนต์ได้รับการแก้ไขจากช่างเครื่องคือ เอ. อี. พาลอน ได้สำเร็จ ระบบที่เกิดขัดข้องได้รับการแก้ไขให้สามารถทำงานได้อย่างปกติโดยเรียบร้อย แต่จำเป็นต้องทิ้งน้ำมันเชื้อเพลิงในถังสำรองออกทิ้งไปหลายแกลลอน เมื่อเวลาบ่าย ๓.๗๐ น. เครื่องยนต์เครื่องหนึ่งดับสนิท และเครื่องบินเริ่มลดระดับความสูงเรื่อยๆ นาวาอากาศตรี เอ. เอ็ม. แซมรี่ ซึ่งทำหน้าที่เป็นนักบินได้เร่งเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มกำลังให้เครื่องยนต์อีกสามเครื่องซึ่งกำลังทำงานอยู่เป็นปกติ เพื่อชดเชยกำลังที่สูญเสียไป และให้เครื่องบินสามารถบินไปด้วยอัตราความเร็ว ๑๘๐ ไมล์/ชม. ตามเดิม แต่ทว่าไม่ได้ผลเพราะระดับความสูงของเครื่องบินลดต่ำลงเรื่อยๆ ในอัตรา ๒๐๐ ฟุตต่อหนึ่งนาที


ด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีเหลืออยู่น้อยและระดับการบินต่ำกว่า ๑๐,๐๐๐ ฟุต เครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดยักษ์มีโอกาสที่จะอยู่จะไปเท่ากันหมด และแล้วเครื่องยนต์เครื่องที่สามก็ได้ดับลง เข็มชี้ความเร็วของเครื่องบินได้ลดลงเหลือ ๑๕๐ ไมล์/ชม. ในขณะที่ บี-๒๙ ของเขากำลังลดระดับต่ำลงสู่ท้องทะเลเรื่อยๆ โดยไม่สามารถหยุดยั้งไว้ได้นั้น นาวาอากาศตรี แซมรี่ ได้สั่งให้ลูกน้องเอาน้ำมันที่มีอยู่ออกทิ้งทะเลและให้เตรียมพร้อมสำหรับการนำเครื่องร่อนลงสู่ท้องทะเล ความร้อนและกลิ่นไอน้ำมันภายในห้องในเครื่องบินมีกลิ่นน่าคลื่นเหียนเป็นที่สุด ลูกเรือทุกคนได้แต่นั่งกอดเข่าคอยเวลาแห่งความเป็นความตายที่คืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ และในที่สุดเครื่องยนต์ที่สี่ก็ดับลง แซมรี่ตัดกำลังทุกอย่างของเครื่องยนต์ออกหมดแล้วเตรียมร่อนลงสู่ท้องทะเล ด้วยอัตราความเร็ว ๑๐๐ ไมล์/ชม. ประตูเครื่องบินถูกดึงออก อากาศอันแสนจะอบอ้าวก็พัดกรูเข้าไป บี-๒๙ ดิ่งลงหาท้องทะเลอย่างรวดเร็ว ส่วนหางของมันกระทบกับพื้นน้ำก่อน แล้วแฉลบเหนือฟองคลื่นเล็กน้อย ลำตัวของมันขาดออกจากกันแล้วจมดิ่งลงสู่ก้นอ่าวทันที ส่วนหางที่เชื่อมติดกันแตกแยกออกจากกัน ส่วนที่เป็นจมูกระเบิดออก กระจกตามช่องหน้าต่างภายในห้องเครื่องบินกระเด็นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย น้ำทะเลทะลักเข้าสู่ห้องทางด้านหน้า นาวาอากาศตรี แซมรี่ และ สิบโท เจ. ดับลิว. ฮาร์วีย์ พนักงานวิทยุ เสียชีวิตไปทันที


ลูกเรือ ๑๐ คนที่เหลืออยู่ ต้องลอยคออยู่กับชูชีพเป็นเวลาสองวันเต็ม จึงถูกคลื่นพัดพาไปขึ้นฝั่งที่เกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งทางปากแม่น้ำคงคา วันรุ่งขึ้นจึงได้รับการช่วยเหลือจากเครื่องบินลาดตระเวนทิ้งระเบิด PBY


ฝูงบินทิ้งระเบิด บี-๒๙ จำนวน ๗๓ เครื่องที่รอดเหลือกลับมาสู่ฐานทัพ ในจำนวน ๑๐๐ เครื่องตามแผนโจมตีกรุงเทพฯ แต่แรกเริ่ม ได้ทยอยกันร่อนลงสู่สนามบินที่จากูเลีย การ์กเปอร์ แพโดนา และดุทกุนที เป็นหมู่บ้าง เดี่ยวบ้าง ทิ้งระยะเวลาห่างจากเวลาในตอนนำขึ้นในตอนแรกเมื่อไปโจมตีกรุงเทพฯ เป็นระยะเวลา ๑๐-๑๒ ชั่วโมง และเครื่องบินอื่นๆ อีกหลายเครื่องซึ่งต้องพลัดออกจากทิศทางบิน เนื่องจากต้องประสบกับพายุไต้ฝุ่น ได้หลบไปพักอยู่ที่กัลคัตตา ดัมดัม คาร์รา และฐานทัพต่างๆ ของอังกฤษอีก ๙ แห่ง


จึงเป็นอันว่างานชิ้นแรกได้ผ่านพ้นไป หลังจากเครื่องบินเครื่องสุดท้ายได้ลงสู่สนามเรียบร้อยแล้ว นายพลวูล์ฟกล่าวอย่างสั้นๆ ว่า


“เจ้าหน้าที่และทหารในกองบินนี้เป็นผู้ตัดสิน ความร้อน สายฝน การเมือง ความผิดพลาด ความพินาศของข้าศึก หรือแม้กระทั่งความตายที่เกิดขึ้น งานเหล่านี้ได้ดำเนินไปด้วยความสำเร็จ”


ในกรุงวอชิงตัน นายพลอาร์โนลด์แถลงแก่นักข่าวเมื่อเวลาสองสัปดาห์ต่อมาว่า “การปฏิบัติงานของเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-๒๙ ทำให้การโจมตีต่อเกาะญี่ปุ่นเป็นไปได้เร็วยิ่งขึ้นกว่าที่กำหนดไว้ โดยการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบนี้”


ทหารประจำเครื่องบินแห่งกองบินทิ้งระเบิดที่ ๒๐ ได้กลับสู่ฐานทัพโดยปลอดภัย แต่ลูกเรืออีก ๑๕ ชีวิตได้ประสบกับจุดจบไปพร้อมกับเครื่องบินชะตาขาดที่ตนประจำอยู่ บี-๒๙ ราคาสร้างเครื่องละหนึ่งล้านดอลล่าร์จำนวน ๕ เครื่องได้ถูกทำลาย และอีก ๒๓ เครื่องประสบกับความล้มเหลวที่จะไปสู่เป้าหมายโจมตีกรุงเทพฯ


ทหารทุกคนที่ผ่านการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนั้นได้รับการพักผ่อนอยู่ในค่ายพักของตน แต่ส่วนจิตใจนั้นทุกคนพากันย้อนคิดไปถึงเครื่องบินเคราะห์ร้ายที่ไม่สามารถกลับสู่ฐานทัพได้ เคราะห์กรรมที่เกิดขึ้นกับเพื่อนรักร่วมกองบินเดียวกันคอยติดตามหลอกหลอนอยู่ในจิตสำนึกไปจนตลอดทุกอิริยาบถ


๒-๓ วันต่อมาหลังจากที่ทุกคนค่อยสร่างจากความฝันร้าย เครื่องบินสอดแนมก็กลับมาพร้อมกับภาพถ่ายแสดงให้เห็นว่า จุดสำคัญๆ ทางยุทธศาสตร์ที่กรุงเทพฯ นี้คงใช้การเป็นปกติ ทั้งๆ ที่ถูกกองบิน บี-๒๙ ถล่มเอาด้วยลูกระเบิดนับเป็นจำนวนถึง ๗๐๐,๐๐๐ ปอนด์ นักบินและลูกเรือทุกคนมองดูภาพนี้ด้วยความรู้สึกอันงุนงง และแทบไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ ในเมื่อพวกเขาได้ปฏิบัติการไปตามแผนแล้วทุกประการ มันมีอะไรบกพร่องหรือ?


“มันเหมือนกับเป็นการคล้องวัวน่ะแหละเพื่อนเอ๋ย” ทหารที่มีส่วนในการโจมตีกรุงเทพฯ กล่าวขึ้น


“เราถล่มมันจนเป็นนรกหมกไหม้ไปแล้ว แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสักคนเดียว”


“มีก็แต่พวกเราเองน่ะแหละ” อีกคนหนึ่งตอบ


“แล้วคราวนี้เราจะออกจากฐานทัพนี้ไปที่ไหนกันอีกล่ะเพื่อน?”

..............................จบ............แล้ว.......



#2 จีวร

จีวร
  • Members
  • 149 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 July 2010 - 06:02 AM

ว้าววว

#3 Airy

Airy
  • Members
  • 162 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 July 2010 - 10:48 AM

....ใครก็ได้ครับช่วยทำ Link ให้หน่อยครับ (ผมทำไม่เป็นครับ)

....BlogGang.com/นภานุภาพ/เครื่องบิน ปฏิบัติการทางอากาศต่างๆ/BoomBangkok

....เพื่อ Link ไปต้นฉบับ Blog ของคุณ "บุปผาชน"

#4 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 15 July 2010 - 03:22 PM

โอ้ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่แสนอัศจรรย์
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#5 @--แสงตะวัน--@

@--แสงตะวัน--@
  • Members
  • 723 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Thailand

โพสต์เมื่อ 15 July 2010 - 04:09 PM

..... เรื่องยาวดีจัง

keyword ของเรืองราวข้างต้นน่าจะเป็นประโยคนี้มั้งครับ อยู่ช่วงท้ายของบทความ

๒-๓ วันต่อมาหลังจากที่ทุกคนค่อยสร่างจากความฝันร้าย เครื่องบินสอดแนมก็กลับมาพร้อมกับภาพถ่ายแสดงให้เห็นว่า จุดสำคัญๆ ทางยุทธศาสตร์ที่กรุงเทพฯ นี้คงใช้การเป็นปกติ ทั้งๆ ที่ถูกกองบิน บี-๒๙ ถล่มเอาด้วยลูกระเบิดนับเป็นจำนวนถึง ๗๐๐,๐๐๐ ปอนด์ นักบินและลูกเรือทุกคนมองดูภาพนี้ด้วยความรู้สึกอันงุนงง และแทบไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ ในเมื่อพวกเขาได้ปฏิบัติการไปตามแผนแล้วทุกประการ มันมีอะไรบกพร่องหรือ?

700,000 ปอนด์ โอ้แม้เจ้า .... :-)
"ชีวิตนี้อุทิศเพื่อพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย"

#6 ดงบัง...โดรายากิ

ดงบัง...โดรายากิ
  • Members
  • 170 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 July 2010 - 09:33 PM

สาธุครับ มันมากๆ

...............................

เศียรเกล้านี้ขอมอบแด่พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย

#7 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 16 July 2010 - 02:04 AM

QUOTE
ใครก็ได้ครับช่วยทำ Link ให้หน่อยครับ

ทำ link แบบง่ายๆ ก็เอา URL มาวางเหมือนข้อความปกติก็ได้แล้วค่ะ

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป


#8 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 July 2010 - 02:17 AM

เพราะมียายจึงมีวัดและมีเรา
ภาพเก่าๆเอามาดูแล้วใจหาย
ยังคำนึงยังคิดถึงคิดถึงยาย
คิดถึงยิ้มจากกลางกายของยายจัง
หลานจะสร้างบารมีกับหลวงพ่อ
สานงานต่อทอฝันยายให้สมหวัง
"ธรรมกาย"ขยายไปทุกทิศทาง
สร้างโลกแก้วใสสว่างดั่งพุทธกาล
จะทุ่มทรัพย์เทุ่มชีวิตอุทิศให้
เพื่อขยายยอดวิชชาประเสริฐสรรค์
ชวนชาวโลกนั่งหลับตาหาตะวัน
จะมุ่งมั่นขยายวิชชาบูชายาย

------------------------------------

ลูกระเบิดFatman and Hellboy
เขาจะปล่อยกลางบางกอกยายแก้ไข
วิบากกรรมจึงดึงดูดหลุดจากไทย
ไปสู่แดนซามูไรตายล้านคน
บุญของเราเหลือเกินที่มียาย
ยายปัดป้องอันตรายในทุกหน
ยายยังสร้างวัดไว้ให้เราทุกคน
พระคุณยายมากล้นเกินพรรณา
หากวันนั้นนายFatmanมาเยือนไทย
จะป้องกันอย่างไรชาวไทยจ๋า
คงจะตายทั้งกรุงเทพฯหมดพารา
สุดสายตาจะราบเรียบด้วยฤทธิ์มัน
เราหลายคนคงจะไม่ได้เกิด
ยอดวิชชาอันประเสริฐหลวงปู่ท่าน
คงจะดับกลับหายในฉับพลัน
ประเทศไทยรอดวันนั้นได้เพราะยาย
"ลูกจันนี้เป็นหนึ่งไม่มีสอง"
ปู่ยกย่องยากหาคนเทียบยายได้
ธรรมละเอียดใครเล่าจะเท่า
ขอน้อมกลอนยกถวายบูชาคุณ




#9 Airy

Airy
  • Members
  • 162 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 July 2010 - 02:17 AM

ขอบคุณมากครับคุณ ณ 072

Link

http://www.bloggang....a...=12&gblog=1

#10 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 July 2010 - 02:24 AM

เพราะมียายจึงมีวัดและมีเรา
ภาพเก่าๆเอามาดูแล้วใจหาย
ยังคำนึงยังคิดถึงคิดถึงยาย
คิดถึงยิ้มจากกลางกายของยายจัง
หลานจะสร้างบารมีกับหลวงพ่อ
สานงานต่อทอฝันยายให้สมหวัง
"ธรรมกาย"ขยายไปทุกทิศทาง
สร้างโลกแก้วใสสว่างดั่งพุทธกาล
จะทุ่มทรัพย์เทุ่มชีวิตอุทิศให้
เพื่อขยายยอดวิชชาประเสริฐสรรค์
ชวนชาวโลกนั่งหลับตาหาตะวัน
จะมุ่งมั่นขยายวิชชาบูชายาย

------------------------------------

ลูกระเบิดFatman and Hellboy
เขาจะปล่อยกลางบางกอกยายแก้ไข
วิบากกรรมจึงดึงดูดหลุดจากไทย
ไปสู่แดนซามูไรตายล้านคน
บุญของเราเหลือเกินที่มียาย
ยายปัดป้องอันตรายในทุกหน
ยายยังสร้างวัดไว้ให้เราทุกคน
พระคุณยายมากล้นเกินพรรณา
หากวันนั้นนายFatmanมาเยือนไทย
จะป้องกันอย่างไรชาวไทยจ๋า
คงจะตายทั้งกรุงเทพฯหมดพารา
สุดสายตาจะราบเรียบด้วยฤทธิ์มัน
เราหลายคนคงจะไม่ได้เกิด
ยอดวิชชาอันประเสริฐหลวงปู่ท่าน
คงจะดับกลับหายในฉับพลัน
ประเทศไทยรอดวันนั้นได้เพราะยาย
"ลูกจันนี้เป็นหนึ่งไม่มีสอง"
ปู่ยกย่องยากหาคนเทียบยายได้
ธรรมละเอียดใครเล่าจะเท่า
ขอน้อมกลอนยกถวายบูชาคุณ




ขออภัยครับระเบิดอีกลูกชื่อLittle boyไม่ใช่Hellboy

#11 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 July 2010 - 02:30 AM

ขออภัยครับระเบิดอีกลูกชื่อLittle boyไม่ใช่Hellboy

#12 จิระ

จิระ
  • Members
  • 13 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:เขาแก้ว
  • Interests:พระ

โพสต์เมื่อ 16 July 2010 - 06:18 PM

เกี่ยวกับยายนิดเดียว นอกเรื่องซะเยอะเลย

#13 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 17 July 2010 - 11:09 PM

งง

คนโพสต์ต้องการอะไรเนี้ย
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#14 N22

N22
  • Members
  • 169 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 July 2010 - 02:14 PM

ขยันดี

#15 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 19 July 2010 - 05:26 PM

สงสัยต้องช่วยเจ้าของกระทู้หน่อยแล้วล่ะครับ เรื่องก็มีง่ายๆ แค่ว่า หลักฐานที่ว่า สมัยหลวงปู่วัดปากน้ำมีการทำวิชชาช่วยประเทศชาติให้พ้นภัยลูกระเบิดช่วงสงครามโลกนั้น เดิมมีหลักฐานเฉพาะตำรับตำรำของทางวัดฯ เท่านั้นน่ะครับ

แน่นอนว่า ย่อมยากที่บุคคลภายนอกจะให้การเชื่อถือได้ แต่สิ่งที่เจ้าของกระทู้รวบรวมมา ถือเป็นหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งทีเดียว เพราะเป็นหลักฐานที่รวบรวมเหตุการณ์สมัยนั้นจากคนนอกวัด หลักฐานเช่นนี้ ย่อมช่วยให้ข้อมูลเหตุการณ์ที่คุณยายทำวิชชานั้น มีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่เพียงแต่ตำราของทางวัดเท่านั้นที่บอกเรื่องนี้ แม้แต่หนังสือข้างนอกก็ยืนยันตรงกันว่า ระเบิดมหาศาลทำอะไรเมืองไทยยุคนั้นได้เพียงเล็กน้อยน่ะครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#16 Airy

Airy
  • Members
  • 162 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 July 2010 - 06:56 PM

QUOTE
งง

คนโพสต์ต้องการอะไรเนี้ย
17/7/2010 23:09


....น่าจะ "งง" ในเจตนาของผู้โพสต์..นะครับ

....ลองมาพิจารณาตามผมหน่อยนะครับ...เผื่อจะหาย"งง" ได้บ้าง..แต่ถ้ายังไม่หาย "งง"
....ก็ให้ลืมๆ..ไปเถอะครับ นั่งสมาธิอย่างเดียวดีกว่าอยู่แล้วจ๊ะ

ทำไมบทความนี้น่าสนใจ ?

....ตามปกติผู้ที่ค้นคว้าประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับเหตุการณ์อดีตที่อยู่ในความสนใจ น่าจะดีใจที่พบเอกสารนี้
แม้เขียนในเชิงอรรถ (ดาม่า นิดหน่อย) แต่ถือว่าบทความนี้มี"ร่องรอย" ที่สามารถสืบย้อนกลับ
ไปยังข้อมูลจริงได้ง่าย

....ผู้แปล "ปริญญา" น่าจะแปลปกพร่องไปบ้าง แต่ไม่ใช่ประเดน เพราะสามารถข้ามไปยังต้นฉบับที่
ที่เป็นภาษาอังกฤษได้

....ผู้เขียนต้นฉบับน่าจะเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรืออยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้นด้วย น่าจะเขียนลงในนิตยสาร
ประเภทสงคราม และน่าจะค้นหาได้จากห้องสมุดใหญ่ๆที่ทันสมัยได้ (Micro film digital)

....หรือมุ่งไปค้นคว้าประวัติศาสตร์สงครามที่เกี่ยวกับการปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งนี้ได้โดยตรง
จากหอประวัติศาสตร์สงคราม

ประโยชน์สำหรับผู้ศึกษาวิชาธรรมกายมีหรือไม่ ?

....เหตุการณ์ครั้งนี้ จะเกี่ยวข้องกับครูบาอาจารย์หรือไม่? ขึ้นอยู่กับความคิดและมุมมองของแต่ละคน
คงต้องใช้วิจารณาญานกันเองครับ...(ผมชี้นำไปบ้างแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้..ครับ)

....หากปฏิบัติการครั้งนี้..ตรงตามข้อมูลจริงในประวัติศาสตร์สงคราม จะมีใครตอบได้บ้างไหมว่า....
เครื่องบิน B29 จำนวน 77 เครื่องที่บินมาถึงเป้าหมาย"กรุงเทพฯ"แล้วพร้อมระเบิด 700,000 ปอนด์
ซึ่งมีระเบิดยักต์ขนาด 10,000 ปอนด์ รวมอยู่ด้วย ไม่ได้ทำให้เป้าหมายเสียหายเลย เป้าหมายคือ
ท่าเรือคลองเตย และชุมทางรถไฟมักสัน เขาคงไม่ขนระเบิดกลับไปด้วยแน่ๆ
(ปกติจะใช้ภาพถ่ายทางอากาศจากเครื่องบินจารกรรม ทั้งก่อนโจมตีและหลังโจมตีเปรี่ยบเทียบกัน)

....หลักฐานการอ้างอิงที่ดีควรมีหลักฐานจากภายนอก หรือในที่นี้น่าจะเป็นหลักฐานจาก
ฝ่ายตรงกันข้าม(ฝ่ายสัมพันธมิตร)ประกอบด้วยเป็นหลัก จะทำให้มีความสมบูรณ์ครบถ้วนขึ้นมาก
(หลักฐานที่เราเคยอ้างๆ กันก่อนหน้านี้มันเชื่อได้ยากครับ สำหรับคนธรรมดาทั่วไปอย่างผม)

(ถึงตอนนี้ก็อย่าพึ่งเคลียส..ละครับ ให้อ่านสบาบๆ..นะครับ อย่าจริงจังมาก)

วิเคราะห์เหตุการณ์จากบทความของผู้ Post

....1 มิ.ย. ค.ศ.1944 ตรงกับ 1 มิ.ย. พ.ศ.2487 ซึ่งเป็นปีที่ฝ่ายสัมพันธมิตรเริ่มรุกกลับในสงคราม
โลกครั้งที่ 2 (ฝั่งเอเซีย) ซึ่งภูมิภาคเอเซียตะวันออก ตะวันออกเฉียงใต้และหมู่เกาะแปซิฟิกทั้งหมด
ถูกยึดครองโดยกองทัพจักรพรรดิญี่ปุ่น และกำลังถูกฝ่ายพันธมิตรรุกกลับ

....เป้าหมายการโจมตีหลัก..ของฝ่ายสัมพันธมิตรคือ หาทางโจมตีศูนย์กลางอุตสาหกรรมใหญ่ที่
เกาะญี่ปุ่น(ไม่ใช่เมืองไทยหรอกครับ) ซึ่งโอกาสขณะนั้นถือว่ายังห่างไกลและยังเป็นไปไม่ได้
เพราะมีกำลังป้องกันที่หนาแน่นและเข้มแข็งอยู่ (ขณะนั้นญี่ปุ่นยังไม่ได้เพี้ยงพั้งต่อพันธมิตรมากนัก)

....ปฏิบัติการครั้งนี้...ผมมองว่าฝ่ายสัมพันธมิตรคงเอา"กรุงเทพฯ"เป็นเป้าซ้อมมือไปพลางๆก่อน
โดยใช้เครื่องบิน B29 ที่ได้รับมาใหม่ โดยใช้ฐานทัพจากประเทศอินเดียถึง 4 แห่ง
ด้วยเหตุผล..เพราะว่าเป็นเป้าง่ายๆ มีการต่อต้านน้อย (อ่อนแอ..นะ)
แต่โชคดี..ที่มันไม่เอา Little Boy มาทดลองซ้อมมือในครั้งนี้ด้วย (หรือครั้งอื่นๆก็ตาม)

....ยุกค์นั้นในทวีปเอเซียซีกตะวันออกมีแค่ 3 ประเทศเท่านั้น คือ ญี่ปุ่น จีน และไทย นอกนั้น
เป็นอาณานิคมของมหาอำนาจตะวันตกทั้งหมด และกรุงเทพฯ ถือว่าเป็นเมืองศัตรูที่สำคัญของ
ฝ่ายพันธมิตร ในขณะนั้น

....ในที่สุดแล้ว..ผมไม่อาจทราบได้ครับว่า..การ Post ครั้งนี้จะเกิดประโชน์ได้มากน้อยแค่ไหน
แต่สำหรับผมแล้ว ทำให้ลบข้อกังขาที่อยู่ในใจผมที่ติดค้างอยู่ลึกๆ มาเป็นเวลานานมาก
และสามารถลบจุดอ่อนไปได้เรื่องหนึ่งแล้วครับ ทำให้มีความเชื่อมั่นในครูบาอาจารย์มากยิ่งขึ้น

....บทความนี้ผมก็ไปเจอมาโดยบังเอิญ..เลยเอามาแบ่งกันอ่าน เท่านั้นเองครับ

...จบแล้วครับ

...ฝากคำขวัญไว้หน่อยนะครับ..(อ่านสบายๆ นะครับอย่าคิดมากครับ ไม่ได้ว่าใครด้วยนะครับ
เพราะผมรักพวกเราทุกคน)

"เมื่อเรารุกไปข้างหน้า อย่าบุกไปดุ่ยๆ อย่างเดียว ต้องระวังข้างและระวังหลังด้วย"

"ความไม่คุ้นเคย ทำให้หวาดระแวงเป็นธรรมดา"


#17 Airy

Airy
  • Members
  • 162 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 July 2010 - 07:05 PM

...ขอบคุณ..คุณหัดฝัน..ที่ช่วยผมครับ

...และขอบคุณทัพพีในหม้อด้วยครับ...ผมพึ่งรู้จริงๆ ว่าคนรุ่นใหม่ยังตามไม่ทันเรื่องในเหล่านี้

...กรุณาอย่าเกรงใจผม..เพราะว่ามีอายุมากเกินไปนะครับ

(ตักเตือนได้ครับ...แต่จะฟังหรือเปล่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ)

#18 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 July 2010 - 08:40 PM

ขยายความFatman and Littleboy
หลวงปู่ถามว่า "ถ้ามันมาจะเป็นอย่างไร"
คุณยายตอบว่า พระนครจะราบเป็นหน้ากลอง
หลวงปู่จึงสั่งให้คุณยายแก้ไข
ยายจึงเข้าที่แก้ไขไม่ให้เขามาทิ้งเด็กน้อยกับนายอ้วน
ที่กรุงเทพฯ
วิบากจึงดึงดูดให้เขาไปทิ้งที่อื่น

คนที่เกิดและอยู่ในกรุงเทพฯรู้ไว้เถิดหากยายไม่ช่วยไว้
หลายคนคงกลับไปแล้ว หลายคนคงไม่ได้เกิด


#19 ดินสอแห่งธรรม

ดินสอแห่งธรรม

    สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง

  • Members
  • 1478 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ดุสิตบุรี
  • Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง

โพสต์เมื่อ 19 July 2010 - 10:41 PM

...เกือบไม่ได้เกิดมาเจอพุทธศาสนาซะแล้วเรา อิอิ
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....

#20 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 22 July 2010 - 09:29 PM

พอจะเข้าใจจุดประสงค์ของคนโพสต์นะคะ แต่เพราะเนื้อเรื่องไม่ปะติดปะต่อ และรู้สึกว่าขาดช่วงไป อ่านแล้วอาจจะงง ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน

นี่จะเป็นหลักฐานยืนยันจากสายตาคนภายนอกเลยล่ะค่ะ นอกจากที่ได้ฟังแต่จากคนในวัดเพียงอย่างเดียว(คือผู้ที่มีศรัทธาต่อ ครูบาอาจารย์ของพวกเรา)

ทหารที่มาทิ้งระเบิด คงงงเป็นไก่ตาแตก ว่าทิ้งระเบิดมาตั้งมากมาย แต่เหตุไฉนจึงไม่พินาศเป็นหน้ากลอง แถมมีการแถลงข่าวว่าประสบผลสำเร็จในการโจมตี(ก็คือทิ้งระเบิดจำนวน 700000 ปอนด์) แต่กาลกลับกลายเป็นว่า กรุ่งเทพฯ ยังอยู่ปกติดี ไม่ได้วายวอดไปอย่างที่เข้าใจ
ประโยคเด็ดอยู่ที่ว่า "“เราถล่มมันจนเป็นนรกหมกไหม้ไปแล้ว แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสักคนเดียว”"

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป


#21 วิชชารักข์

วิชชารักข์
  • Members
  • 10 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 July 2010 - 07:42 PM

เอ้า กราบ......