วิชชาจะระณะสัมปันโน & มรรค 8
#1
โพสต์เมื่อ 14 August 2010 - 03:54 AM
จากบทสวดมนต์ทำวัตรเช้าที่ว่า
"วิชชาจะระณะสัมปันโน" เกี่ยวข้องกับทางไปสู่อริยะชน
โดยอาศัยอริยมรรคองค์แปดนั้นเป็นอย่างไร ขอรายละเอียดทั้งวิชชา และจะระณะ
หมายถึงอะไรคะ ขอบพระคุณค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 14 August 2010 - 07:27 AM
รู้จำ รู้จริง รู้แจ้ง
ธรรมะและสรรพศาสตร์ ที่มี อยู่ เป็น นั้น
หลาย ๆ เรื่อง แค่รู้จำ ก็นำมาใช้ได้แล้ว
หลาย ๆ เรื่อง แค่รู้จำ ไม่พอ ต้อง รู้จริง จึงเข้าใจถ่องแท้
แต่หลาย ๆ เรื่อง รวมถึงสิ่งที่ละเอียดมากกว่าที่สัมผัส ๕ ,มังสะจักษุ ทิพยจักษุ สมันตจักษุ ของมนุษย์ ทิพย์ พรหม
มองไม่เห็น จึงไม่รู้ ไม่เข้าใจ อย่างแจ่มแจ้ง อย่างถ่องแท้
นี้ เป็นเรื่องธรรมดาครับ
ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดวงตาเห็นธรรม ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง อย่างแจ่มแจ้งในธรรมทั้งหลาย
เรื่องวิชชา , มรรคมีองค์ ๘ ฯล
เป็นเรื่องของการ รู้แจ้ง ด้วย ธรรมจักษุ (ญาณทัสสนะ ญาณรัตนะ วิมุติญาณทัสสนะ ฯล)
เพราะ จึงเห็น เพราะเห็น จึงรู้ เพราะรู้ จึง .....
ดังนั้นถ้ายังไม่มีวิชชา ไม่เข้าถึงสภาวะธรรมละเอียด ๆ ยังไม่สามารถใช้ ธรรมจักษุ
ผมคิดว่า
การศึกษาธรรมะที่ละเอียด ก็เพียงเข้าใจในเบื้องต้น ท่ามกลาง แต่ไม่ถึงที่สุดแห่งธรมมะนั้น ๆ ครับ
ฉะนั้นถ้าจะเข้าใจธรรมะอย่างถ่องแท้ แจ่มแจ้ง
ก็ต้องอาศัยธรรมะจักษุของกายธรรม (ธรรมจักษุ ญาณทัสสนะ ญาณรัตนะ วิมุติญาณทัสสนะ ฯล )กระมังครับ
การสนทนาธรรม การไตร่ตรองธรรมะ ด้วย สุตะ จินตะ ก็คงเข้าใจธรรมะละเอียดได้ระดับหนึ่งเท่านั้น
#3
โพสต์เมื่อ 14 August 2010 - 10:14 AM
วิชชา 8 ประกอบด้วย
1. วิปัสสนาญาณ คือ ญาณในวิปัสสนา ที่จะพยุงจิตของผู้บรรลุธรรมกายโคตรภูขึ้นไปสู่ธรรมกายพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และ พระอรหัตต์ไปตามลำดับ
2. มโนมยิทธิ คือ ฤทธิ์ทางใจ ทำให้สามารถนิรมิตกายอื่นจากร่างกายของตนได้
3. อิทธิวิธี คือ แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้ เช่น นิรมิตกายคนเดียวให้เป็นหลายคนได้
4. ทิพพโสต คือ หูทิพย์
5. เจโตปริยญาณ คือ ญาณที่สามารถรู้วาระจิตคนอื่นได้
6. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือ ความรู้ที่ทำให้สามารถระลึกชาติได้
7. ทิพพจักขุ คือ ตาทิพย์หรือจุตูปปาตญาณ
8. อาสวักขยญาณ คือ ความรู้ที่ทำอาสวกิเลสให้สิ้น
จรณะ ๑๕
จรณะ หมายถึง ความประพฤติอันงดงาม มี 15 ประการ ได้แก่
ศีลสังวร คือ ความสำรวมในพระปาฏิโมกข์
อินทรีย์สังวร คือ ความสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
โภชเนมัตตัญญุตา คือ ความรู้จักประมาณในการบริโภค
ชาคริยานุโยค คือ การประกอบความเพียรที่ทำให้เป็นผู้ตื่นอยู่เสมอ
ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ พาหุสัจจะ อุปักโม ปัญญาและรูปฌาน 4
สิ่งเหล่านี้แสดงถึงว่า พระพุทธองค์ทรงมีศีลาจารวัตรที่งดงาม ทรงประพฤติปฏิบัติจรณะทั้ง 15 ประการมามากมายหลายภพหลายชาติ จึงทำให้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะจรณะทั้ง 15 ประการ เป็นพื้นฐานที่ทำให้พระองค์มีความหนักแน่น มั่นคงอย่างต่อเนื่องในการสร้างบารมี จนกระทั่งบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณตามความปรารถนาที่ตั้งใจไว้
องค์ประกอบของมรรคมีองค์ 8 http://main.dou.us/v...s_id=126&page=5
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#4
โพสต์เมื่อ 14 August 2010 - 10:50 AM
นรอ.Dd2683 และ นรอ. ณ 072 และขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ ๆ ๆ
#5
โพสต์เมื่อ 14 August 2010 - 12:03 PM
innerpeace ไปค้นคว้ามาฝากในอีกความหมายหนึ่ง คิดว่าน่าจะมีประโยช์น เพราะเข้าใจง่ายดี
อยากให้เข้าไปอยู่ในใจจริง ๆ ของผู้มีบุญทุกคนที่มาพบ พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย และนำไปสู่การปฎิบัติจริง
ในชีวิตจริง ๆ ทั้งหมดนี้ได้มาจากการอ่านหนังสือ "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร" โดยพระพ่อ( ทตฺตชีโว ภิกฺขุ)
...........ท่านอธิบายไว้อย่างนี้
ความหมายของวิชชาท่านเปรียบเทียบไว้ประดุจจักษุทั้งสองข้าง
และจรณะนั้นประดุจเท้าทั้งสองข้าง
ไปเกี่ยวข้องกับองค์มรรค ๘ อย่างไร ?
...........รายละเอียดท่านให้ไว้คือ องค์มรรค 8 ประการนี้ ถ้าจะจัดโดยวิชชาและจรณะแล้ว สัมมาทิฏฐิ
กับสัมมาสังกัปปะ ทั้งสองนี้จัดเป็นวิชชา ส่วนที่เหลืออีก 6 ประการจัดเป็นจรณะ พอจะเขียนได้ดังนี้
วิชชา: สัมมาทิฏฐิ และ สัมมาสังกัปปะ
จรณะ: สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และ สัมมาสมาธิ
..........วิชชานั้นเปรียบประดุจจักษุทั้งสองข้าง จรณะนั้นเปรียบประดุจเท้าทั้งสองข้าง อธิบายว่าบุคคล
เดินทางนั้น ถ้ามีดวงตาทั้งสองข้างบริสุทธิ์แจ่มใส ก็จะแลเห็นว่าหนทางมีภัยหรือปราศจากภัย และถ้ามีเท้า
ทั้งสองข้างครบบริบูรณ์ ก็จะสามารถเดินไปตามหนทางอันปราศจากภัยนั้นได้ ในทำนองเดียวกัน บุคคล
ผู้ซึ่งเจริญมรรคทั้ง 8ประการนี้ จนสามารถตั้งอยู่ในฐานะอริยสาวกแล้ว ก็จะเล็งเห็นว่ากาปฎิบัติดังนี้ จะไม่
ก่อให้บังเกิดทุกข์เลย
ตรงกันข้ามการปฎิบัติตามมรรคทั้ง 8 ประการนี้จะเป็นเหตุให้บังเกิดสุขอันเป็นประโยช์นอย่างยิ่ง อริยสาวก
จะเล็งเห็นคุณข้อนี้ได้ก็ด้วยปรีชาคือ สัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะ และการที่อริยสาวกปฏิบัติจรณะทั้ง 6 คือ
สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธินี้ ก็เป็นเสมือนหนทาง
อันปราศจากภัยทั้งปวง ผู้เดินทางย่อมจะบรรลุถึงจุดหมายปลายทางอย่างแน่แท้ประดุจบุคคลเดินทาง
ที่มีจักษุทั้งสองบริบูรณ์ มีเท้าทั้งสองบรบูรณ์ย่อมบรรลุถึงเป้าหมายที่ตั้งปรารถนาฉะนั้น.
........................
สรุป จรณะ คือความประพฤติอันงดงาม ( รายละเอียดตามที่ นรอ. ณ 072 ได้นำมาแสดงไว้ดีแล้ว)
ด้วยความรู้คือวิชชาชีวิตนั่นเอง. "วิชชาจะระณะสัมปันโน" = เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ .......
.....เรามาเลื่อนตำแหน่งให้ตัวเองกันดีกว่านะคะ
<<<<<<<< จากปุถุชน >>>>>> มาเป็นสาธุชน >>>>>>> อริยชน>..............สู่ที่สุดแห่งธรรม
กระหื่มและกึกก้อง นั้นเสียงของ ธรรมเภรี..................สาธุค่ะ
#6
โพสต์เมื่อ 14 August 2010 - 02:11 PM
#7
โพสต์เมื่อ 14 August 2010 - 02:43 PM
#8
โพสต์เมื่อ 14 August 2010 - 08:55 PM
"วิชชาจรณสัมปันโน โส เสฏโฐ เทวมนุสเสสุ"
แปลว่า ผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ประเสริฐสุด ในหมู่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ศาสนาพุทธไม่ได้กำหนดที่ชนชั้นวรรณะหรือความรวยความจน แต่กำหนดที่ความรู้และความประพฤติของบุคคลนั้น
............
ที่คุณครูไม่เล็กนำมาสอนไว้ นับว่าลึกซึ้งมาก บางท่านอ่านผ่านๆอาจจะละเลยไป พรุ่งนี้ก็ลืม
(ครั้งหนึ่งผมก็เคยเป็น อ่านหรือฟังการบรรยายธรรมผ่านๆไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญอะไร แต่ก็เก็บไว้เป็นเหตุปัจจัยลึกๆ วันเวลาผ่านไป กลับมาอ่าน มาฟัง ทบทวน โอ้ เป็นธรรมะที่ลึกซึ้งมากครับ)
เช่นเดียวกับเรื่อง 5 ห้องมหาสิริมงคล การบ้าน 10 ข้อ เทคนิคการปฏิบัติธรรม 5 ข้อ ของคุณครูไม่ใหญ่
ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เกิดจากการปฏิบัติธรรม พิจารณาใคร่ครวญธรรมะมาอย่างตกผลึกอย่างยิ่งยวดแล้วครับ สุดยอดจริงๆ
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#9
โพสต์เมื่อ 15 August 2010 - 01:57 AM
เช่นเดียวกับเรื่อง 5 ห้องมหาสิริมงคล การบ้าน 10 ข้อ เทคนิคการปฏิบัติธรรม 5 ข้อ ของคุณครูไม่ใหญ่
ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เกิดจากการปฏิบัติธรรม พิจารณาใคร่ครวญธรรมะมาอย่างตกผลึกอย่างยิ่งยวดแล้วครับ สุดยอดจริงๆ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#10
โพสต์เมื่อ 20 August 2010 - 03:14 AM
วิชชาจรณสัมปันโน ในอีกความหมายหนึ่ง เป็นพระธรรมเทศนาของหลวงปู่สด
ความหมายก็เหมือนเดิมคือ
..........................."วิชชาจรณสัมปันโน" แปลว่าพระองค์ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
คุณวิเศษของพระองค์ในที่นี่แบ่งออกเป็นสองประเภทคือ
1.วิชชา
2.จรณะ
........................................................................................................................................
...........................วิชชาหมายถึงความรู้ที่กำจัดมืดเสียได้ มืดคือความไม่รู้ถูกหรือผิดเพราะว่า
เข้าไปยึดมั่นในขันธ์ 5 ว่าเป็นตัวเป็นตน จึงมืดมน ไม่รู้อดีต ปัจจุบัน อนาคตของสังขาร(ร่างกาย)
เป้นความมืด หรือเรียกว่าอวิชชา ไม่มีความเข้าใจกำ 12 ซี่ ของจักรธรรมหรือธรรมจักร หรือภาษาบาลี
เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท ตรงข้ามกับอริยสัจสี่(กง) กงเปรียบเหมือนวิชชาที่ขจัดอวิชชา แล้วพาไปนิพพาน
ทั้งหมดอยู่ที่ธรรมราชรถ ล้อเลื่อนเคลื่อนไปเพราะมีสารถีขับไป ทั้งกำ ทั้งกงเกาะยึดติดกันไว้ด้วยดุม ถ้า
เปรียบไปดุมก็คือความประพฤติหรือการกระทำ(จรณะ)ของเรานั้นเองไม่ว่าชั่ว(กำ)ปฎิจจสมุปบาท หรือดี(กง)อริยสัจสี่
ไปสู่นิพพานด้วยการปฏิบัติตามมรรค8 นั่นเองคือทั้งหมดของชีวิต ที่ได้แสดงไว้ในปฐมเทศนา
........................................................................................................................................
................การปฎิบัตที่หย่อน(ติดในกาม)ก็ไม่ดี การปฎิบัติที่ตึงไป(ทรมาน)ก็ไม่ดี แต่ให้เดิน
ทางสายกลาง "มัชฌิมาปฎิปทา" The Middle Way ดีที่สุดโดยมีมรรค8เป็นต้นบุญต้นแบบ
ในการเดินทางของชีวิต ( ๒ ข้อแรกของมรรค 8คือดวงตา-ใจ และ๖ ข้อหลังเป็นแผนที่เดินทางไกล
ข้ามวัฏฏะสงสาร เวียนว่ายตายเกิดไปสู่ฝั่งพระนิพพาน)
...........................................................................................................................................
ATTN: Please
vip หลวงปู่พบว่า "มัชฌิมาปฎิปทา" ก็คือ "หยุดเป็นตัวสำเร็จ" ในทางปฎิบัติจริง ๆ
เพราะนี่คือการเดินทางของใจเข้าสู่กลางของกลาง ของกลางเรื่อยไปทั้ง18 กายที่เรามีอยู่
หรือยู่กับเราทุกคน ทุกเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ เป็นสากล เหมือนดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
ที่มันมีอยู่แล้ว นี่คือ การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ให้ใคร ๆมาพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง เมื่อหยุดใจได้
ก็เดินสายกลางได้ เหมือนได้กุญแจวิเศษ ที่จะไขเข้าสู่เส้นชัยของชีวิตให้พ้นทุกข์ทรมานถาวร
.................................................................................................................
หลวงปู่ต้องการให้วิชชาธรรมกายขยายไปทั่วโลก ให้ชาวโลกเป็นสุขเมื่อเข้าถึงสันติสุขภายใน
จึงขอฝากไว้ตรงนี้ด้วยช่วยกันบอกต่อ ๆ กันไปเป็นเทียนใจไฟนิรันดร
.......The Search is Over when you find The Middle Way
www.meditationthai.org
เราต้องมาช่วยกันลุยทำกฐินยายให้สำเร็จ สร้างอาคาร 100 ปี ยายให้สำเร็จ ๆ ๆเป็นอัศจรรย์ทันกาลกันนะคะ
สาธุ อนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ