เมื่อวานนี้อัฒจรรย์เรื่องฝนกันไหม
#1
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 08:22 AM
ท้องฟ้ามืดรอบวัดเลย แต่ตรงจุดมหาธรรมกายเจดีย์ฟ้าโปร่งไม่มีเมฆเลย แต่รอบนอกวัดออกไปจะปกคุมไปด้วยเมฆดำสนิท ที่ดีคืออากาศเย็นลมพัดสบาย ช่วงใกล้เสร็จงานมีพระอาทิตย์ตกตกดินโพล่มาสวยงามมากครับ เพราะก่อนที่จะมาตั้งแถวกันนั้น เค้าโครงฝนตกมาแน่ๆนะครับ เพราะว่าฟ้าปิดตลอด แต่ถึงเวลางานความอัฒจรรย์ก็บังเกิดขึ้น อาจจะคิดไปเองไหมหรือว่าจังหวะบังเอิญฝนไม่ตกพอดี
คิดอย่างไรกันบ้างครับ
#2
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 08:58 AM
เสื่อฝนเลยไม่ได้ใช้เลย๕๕๕ เห็นเสื้อฝนเวอร์ชั่นถวายพระด้วย
#3
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 09:34 AM
#4
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 10:10 AM
#5
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 10:57 AM
ความอัศจรรย์เกิดขึ้นในวัดจนเป็นปกติอยู่เสมอๆ ด้วยอานุภาพของบุญ พระรัตนตรัย และของมหาปูชนียาจารย์
หลวงพี่สมัยยังเป็นนิสิต มาช่วยเตรียมงานจนดึกตอนเช้าก็ต้องไปตรวจความเรียบร้อยเก็บงานต่อ ทำให้ไปใส่บาตรที่หน้าโบสถ์ไม่ทัน ไปถึงเขากำลังม้วนเสื่อเก็บ แต่ทำไงได้เราตั้งใจไว้แล้วว่าต้องมาใส่บาตรให้ได้ ก็เลยยืนพนมมือกับพระประธานที่ทางวัดเขานำมาไว้บนรถเลื่อน (ซึ่งเลื่อนจากหน้าโบสถ์มาถึงเกือบประตูหน้าวัด ให้สาธุชนได้ใส่บาตรกัน ตอนนั้นเป็นปี 2537) ที่หน้าพระประธาน(เป็นพระประธานในโบสถ์องค์เดิมองค์เล็ก ไม่ใช่องค์ปัจจุบันองค์ใหญ่)จะมีบาตรสีดำขนาดปกติ มีของใส่บาตรอยู่เต็มจนพูนล้นออกมาข้างๆเวทีดอกไม้บนรถเลื่อน
พออธิษฐานจบ ลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่า บาตรสีดำที่อยู่หน้าพระประธานใบนั้นได้ค่อยๆเลื่อนลงไปข้างล่างตามแนวดิ่งอย่างช้าๆ แล้วหายไป พร้อมกับมีบาตรสีดำใบใหม่ขนาดใหญ่กว่าเดิม 2 เท่าค่อยๆลอยเลื่อนขึ้นมาในแนวดิ่งอย่างช้าๆแทนที่ใบเดิม เป็นบาตรเปล่าไม่มีอะไรอยู่ในนั้น ตอนนั้นหลวงพี่ไม่ได้คิดเอะใจอะไร ได้แต่คิดว่า วัดนี้เขาไฮเทคจัง รู้สึกดีใจก็รีบเิดินเข้าไปใส่บาตรทั้ง 3 ชุดที่เตรียมมา แล้วยืนหลับตาอธิษฐานจิตต่อ จนลืมตามาอีกครั้ง สิ่งที่เห็นคือ บาตรใบใหญ่ที่เมื่อครู่ได้ยื่นมือไปใส่บาตรนั้นได้หายไปแล้ว และกลายกลับมาเป็นบาตรใบเดิมที่มีของอยู่จนล้นบาตร
ก็รู้สึกแปลกใจ ไปยืนก้มๆเงยๆ ค้นหาสาเหตุว่า วัดนี้เขามีเทคนิคอะไรทำให้บาตรเลื่อนขึ้นเลื่อนลงได้ด้วย แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ที่กำลังม้วนเสื่อเก็บอยู่แถวนั้นว่า พี่ๆ ทำไมวัดนี้เขาไฮเทคจัง ทำให้บาตรเลื่อนขึ้นลงภายในรถได้ พี่คนนั้นเขาบอกว่า ไม่มีอย่างที่น้องว่าหรอก ก็เลยกลับไปตรวจดูอีกครั้ง จนมั่นใจว่าไม่มีอย่างที่พี่เขาว่าจริงๆ
ก็ถึงบางอ้อว่า คงเป็นด้วยอานุภาพบุญ อานุภาพของพระประธาน และอานุภาพของมหาปูชนียาจารย์(เพราะตอนรู้ตัวว่าจะมาไม่ทันใส่บาตร ก็วิ่งมาพร้อมกับอธิษฐานมาตลอดทาง)
ยังมีเรื่องราวอานุภาพของบุญ พระรัตนตรัย และของมหาปูชนียาจารย์ อีกมากที่ได้ประสบมา แต่ไว้ทยอยเล่าให้ฟังแล้วกัน ตอนนี้ขอไปฉันเพลก่อนนะโยม
บุญรักษา...
#6
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 11:21 AM
#7
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 12:13 PM
คิดว่าที่วัดก็ตก แต่ฟ้าใสมาก คนละเรื่องเลย
แถวฟิวเจอร์ตกหนัก ...ก็ทำให้ที่วัดอากาศดี ลมมันสบาย
#8
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 01:08 PM
หลวงปู่มีอานุภาพก็รู้กันอยู่
แต่ถ้าฝนตก ก็ไม่ควรหลบไปเวียนในวิหาร
#9
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 01:32 PM
วันที่ 24 กันยายน 2553 เวลาประมาณ 13:30 น.
ไฟล์แนบ
#11
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 03:36 PM
#12
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 04:32 PM
#13
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 06:26 PM
#14
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 06:59 PM
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#15
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 07:05 PM
#16
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 07:06 PM
ตอนหลัง เรื่องนี้ก็ได้กลายมาเป็น Case Study เรื่องฟ้าผ่าไปเสียด้วย (ใครหา Link เจอ ยกมือขึ้น)
#17
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 07:15 PM
....ถึงอาสารุ๋นเก๋าเก่าทุกๆท่าน ถ้ายังไงให้รีบเคลียร์ภาระกิจชีวิต แล้วกรุณาเข้ามารับหน้าที่เหมือนเดิมไวๆนะครับ รับคนล้านอันใกล้นี้...จำเป็นต้องมีท่านๆ ทุกคนร่วมด้วยนะ หุหุ
#18
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 07:40 PM
ขออนุญาตเล่าเสริม เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศในวันงานครั้งนี้เพิ่มเติมด้วยอีกเรื่อง(อย่าถือสากันนะโยม..สาธุ)
ขณะกำลังรอตั้งแถวที่จะเดินเวียนประทักษิณรอบมหาธรรมกายเจดีย์ (ซึ่งหลวงพี่อยู่แถวหน้าของรูปหลวงปู่ทองคำ แถวกลุ่มเดียวกันกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว) ก็เลยหลับตาทำสมาธิเพื่อพักร่างกายที่ยังหายป่วยไม่สนิทไปในตัว ทันทีที่หลับตาลงก็เห็นแสงสว่างสีทองของหลวงปู่ทองคำแผ่ปกคลุมขยายกว้างครอบคลุมบริเวณลานธรรมกับธรรมกายเจดีย์ทั้งหมดจนทุกอณูในอากาศกลายเป็นสีทองไปทั้งหมด พวกเราทั้งหมดเหมือนไปอยู่ในกลางของหลวงปู่ทองคำทั้งสิ้น ส่วนหลวงปู่ที่อยู่กลางท้องซึ่งตอนแรกยังเป็นสีทองก็กลับเปลี่ยนเป็นสีแก้วแล้วค่อยๆใสเป็นเพชรไปทั้งแผ่นฌานด้วยกัน ก็รู้สึกมั่นใจว่า ยังไงฝนไม่ตกแน่ๆ และได้ทำตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยท่านได้ชี้แนะไว้ก่อนตั้งแต่อยู่ที่สภาธรรมกายสากลว่า "ให้ลูกๆทุกคนนึกหลวงปู่ไว้ที่ศูนย์กลางกายตลอดเวลา เพื่อให้ท่านคุมบุญให้กับพวกเราจนกว่าจะเสร็จสิ้นพิธี" วันนี้จึงมีความสุขใจมาก ไม่รู้สึกเพลียเลยทั้งๆที่ยังหายป่วยไม่สนิท แต่กลับรู้สึกสดชื่นตลอดเวลา จนยิ้มออกมาเอง ระหว่างเดินเวียนประทักษิณก็อธิษฐานจิตตั้งผังสำเร็จ ตามที่หลวงพ่อท่านสอนไว้ จนกลับถึงที่พักแล้ว สรงน้ำเสร็จยังมีแรงนั่งสมาธิต่ออีก 1 ชั่วโมงจึงจำวัด
ขอให้ทุกท่านมีส่วนแห่งบุญด้วยกันทุกๆคนนะ และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มาร่วมสร้างบารมีในวันครูธรรมกายปีนี้กันทุกคน...
เจริญพร
#19
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 07:49 PM
#20
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 08:18 PM
#21
โพสต์เมื่อ 24 September 2010 - 09:44 PM
#22
โพสต์เมื่อ 25 September 2010 - 12:04 AM
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#23
โพสต์เมื่อ 25 September 2010 - 01:05 AM
#24
โพสต์เมื่อ 25 September 2010 - 11:00 AM
ก็ไม่ทราบว่ามีท่านใดได้เห็นปรากฏการณ์เช่นเดียวกันนี้หรือไม่ ???
ที่เล่าไว้ในครั้งนี้ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน จากตัวจริงเสียงจริง ที่ได้พบเห็นด้วยสายตา(ตาเนื้อ)จริง มิได้รับการบอกกล่าวมาอีกที เพื่อจะได้เป็นประจักษ์พยานถึงอานุภาพบารมีธรรมของพระเดชพระคุณหลวงปู่พระผู้ปราบมาร ให้กับอนุชนรุ่นหลังของพวกเราทุกคนได้รับทราบสืบต่อกันไป...มิได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่นแต่ประการใด
เจริญพร
ป.ล. การได้ยินได้ฟังเรื่องราวอานุภาพของท่านผู้มีบารมีอย่างเช่นพระเดชพระคุณหลวงปู่นั้น ย่อมทำให้เกิดอานิสงส์แก่ผู้ที่มีจิตยินดีที่ได้ฟังนั้นด้วย ดังเช่นที่มีมาในพระไตรปิฎกดังต่อไปนี้...http://www.dmc.tv/pages/dhamma_for_people/%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A5.html
#25
โพสต์เมื่อ 25 September 2010 - 12:21 PM
เรื่องฝน - ช่วงตั้งขบวนอัญเชิญฟ้าครึ้มมาเลย จุดที่ผมอยู่มีฝนปรอยลงมานะครับ นิดเดียวจริงๆ
รับรู้ผ่านทางผิวหนังว่าโดนละอองฝนเย็นๆ เพียงหยดสองหยด ครู่เดียวเองครับ....
แล้วเฆมก็เคลื่อนผ่านไปทางทิศตะวันตก.
#26
โพสต์เมื่อ 25 September 2010 - 01:42 PM
ที่เหลือ ก็ลมเย็นๆๆ พัดโชยมาตลอดมองฟ้าแล้วโล่งโปร่ง ใจก้อเบาสบาย
#27
โพสต์เมื่อ 26 September 2010 - 08:21 AM
สาธุ ครับผม
#28
โพสต์เมื่อ 26 September 2010 - 10:30 AM
#29
โพสต์เมื่อ 26 September 2010 - 02:23 PM
อาทิตย์อัสดงวันนั้นงามจริงๆ