จะซื้อหุ้น ...ค้าเนื้อสัตว์
#1
โพสต์เมื่อ 02 October 2010 - 09:33 PM
#2
โพสต์เมื่อ 02 October 2010 - 10:43 PM
การนำเงินทำบุญมาลดหย่อนภาษี ผลที่ได้ก็เพียงแค่ บุญของเราก็จะได้หย่อนลง เมื่อเทียบกับคนที่ทำบุญเต็มเม็ดเต็มหน่วย
แต่การสนับสนุนบริษัทดังให้ขายเนื้อสัตว์ ซึ่งก็คือ ฆ่าสัตว์นั่นแหละ บาปย่อมก่อเกิดกับเราเต็มๆ ครับในฐานะผู้สนับสนุน
#3
โพสต์เมื่อ 02 October 2010 - 11:03 PM
แตกต่างตรงที่ว่า อาชีพเกี่ยวกับสุราเมรัย เป็นโลกวัชชะ แต่อาชีพเกี่ยวกับการฆ่าสัตว์ ไม่เป็นโลกวัชชะ
นั่นไงล่ะที่เจ้าสัวผู้ฆ่าสัตว์ส่งออกไม่ได้รับการติเตียน แต่เจ้าสัวผู้ค้าสุราเมรัยกลับได้ัรับการติเตียนฝ่ายเดียว ทั้งๆที่บาปหนักไม่แพ้กันเลย
สุขสบายล้นฟ้ากันแค่ชาตินี้ ชาติหน้าคงไม่พ้นอเวจีกัน ไม่ได้แช่งนะครับ กล่าวโดยธรรมะ
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#4
โพสต์เมื่อ 02 October 2010 - 11:28 PM
กรณีเพิ่มเติม ถ้าบริษัทไม่ได้ฆ่าเอง แต่จ้าง sub ฆ่าอีกที บริษัทนั้นเป็นผู้สั่งฆ่าอยู่ดีค่ะ
ฉะนั้นศีลข้อ ๑ ก็ไม่บริสุทธิ์ค่ะ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#5
โพสต์เมื่อ 03 October 2010 - 01:19 AM
หนึ่ง บริษัทค้าเนื้อสัตว์อย่างเดียว ไม่มีโรงเพาะเลี้ยง ไม่มีโรงฆ่าสัตว์ มีแต่ซื้อ "ซากสัตว์" มาแล้วแพ็คกิ้ง ส่งขายเท่านั้น
แบบนี้ก็ไม่เท่าไหร่นัก ไม่ถือว่าผิดศีลแต่อย่างใด เธอมีซากสัตว์ขาย ฉันก็ซื้อมาขายต่อ ไม่ได้ฆ่าเอง ไม่ได้สั่งให้ฆ่ามาให้ฉัน แล้วฉันก็ไม่มาสนใจคิดด้วยว่าเธอจะได้ซากสัตว์มาให้ฉันด้วยวิธีไหน แค่นี้ก็จบ ยกเว้นเจ้าของกิจการจะไปยืนชี้นิ้ว ว่าเอาตัวนั้นเอาตัวนี้ นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง
แล้วควรซื้อหุ้นไหม จะว่าไปก็เสี่ยงๆอยู่นะ วันร้ายคืนร้ายเกิดเปลี่ยนแปลงรูปแบบกิจการขึ้นมาเราจะมีเอี่ยวไปด้วยนะครับ คิดให้ดีๆ มีธุรกิจอย่างอื่นให้เลือกอีกตั้งเยอะนะที่ไม่ต้องเสี่ยง
สอง บริษัทที่มีทุกอย่างครบวงจร อันนี้ไม่สมควรไปร่วมหัวจมท้ายด้วยทั้งสิ้นอย่างที่สุด ทำไมนะหรือ
ก็เพราะว่า การที่กิจการเหล่านี้ขายหุ้น ก็เพราะต้องการระดมทุนเข้ามาเพื่อขยายกิจการ ขายหุ้นได้เยอะ ก็ขยายตลาดได้ใหญ่ขึ้น ตลาดใหญ่ขึ้นก็ต้องมีวัตถุดิบคือโรงเพาะเลี้ยงสัตว์ที่ใหญ่มากขึ้น พอสัตว์เยอะขึ้น โรงฆ่าก็ต้องใหญ่ขึ้น
เงินเราที่ซื้อหุ้นไปก็จะเข้าไปมีส่วนในการขยายตลาด มีส่วนในการขยายโรงเพาะเลี้ยง มีส่วนในการขยายโรงฆ่าสัตว์ แล้วเราก็จะมากระดี้กระด้าดีใจกับผลของการมีส่วนร่วมในการกระทำนั้นด้วยเศษเงินปันผลที่เขาหยิบยื่นให้มา คุ้มตายหล่ะท่าน
คิดให้ดีๆ คิดให้รอบคอบครับ เป้าหมายเราคือ "เกิดมาเพื่อสร้างบารมี เพื่อที่สุดแห่งธรรม" อะไรที่จะฉุดจะรั้งเราจากเป้าหมายก็ห่างๆไว้ครับ
ขอย้ำ มีกิจการอื่นๆที่เราสามารถลงทุน สามารถทำเงินได้โดยไม่ล่วงละเมิดศีลอีกเยอะครับ
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
#6
โพสต์เมื่อ 03 October 2010 - 08:44 AM
#7
โพสต์เมื่อ 03 October 2010 - 11:23 PM
#8
โพสต์เมื่อ 04 October 2010 - 11:24 AM
บาปหนักแพ้กันนี่นา แพ้กันตั้งหลายขุม (๔ขุม to be exact,ขุม๕-ขุม๑ อะ)
#9
โพสต์เมื่อ 04 October 2010 - 12:59 PM
ในโลกแห่งความเป็นจริง มีความเป็นไปได้น้อยมาก ที่บริษัทค้าเนื้อสัตว์จะทำธุรกิจแบบไม่มีการสั่ง order ล่วงหน้า จึงเป็นไปได้ยากที่จะไม่ได้ "สั่งฆ่า"
จะมีความเป็นไปได้ ในกรณีที่บริษัทนั้นทำธุรกิจ ซื้อสัตว์ทะเล พวก กุ้ง หอย ปู ปลา มาเพ็คกิ้ง เพราะพวกอาหารทะเล ส่วนใหญ่มักจะตายตั้งแต่อยู่บนเรือ เป็นซากสัตว์ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ขึ้นฝั่ง
หากผิดพลาดประการใด รบกวนท้วงติงด้วยนะคะ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#10
โพสต์เมื่อ 04 October 2010 - 06:22 PM
บาปหนักแพ้กันนี่นา แพ้กันตั้งหลายขุม (๔ขุม to be exact,ขุม๕-ขุม๑ อะ)
ขุมที่ 5 มิได้หมายถึงว่าลึกกว่าหรือหนักกว่าขุมที่ 1 นะครับ
เหมือนบนโลกนี้มีหลายๆประเทศ นรกก็มีหลายขุม แบ่งกันตามกรรมประเภทต่างๆ ในแต่ละขุมก็จะมีมหานรกและบริวาร
ส่วนความหนักและความลึกและความยาวนานก็อยู่ที่ความเข้มข้นและความถี่ของบาปมากน้อยนั่นเองนะครับ
ลองดูในสื่อของวัดเรานะครับ เรื่องเกี่ยวกับการอธิบายขยายความเรื่องนรก
..............
ส่วนที่ผมยกมาก็เพื่อให้เราได้รู้จักคิดและมองให้กว้างๆขึ้นนะครับ กับสิ่งที่เรามองข้ามไป จะได้รอบรู้มากขึ้นไงครับ
มิใช่ว่าจะให้เราไปตั้งขบวนถือป้ายประณามเจ้าสัวฆ่าสัตว์ส่งออกบ้างหรอกครับ เพราะมันไม่เป็นโลกวัชชะ
และเท่าที่พิจารณาแล้ว การฆ่าสัตว์วิบากกรรมหนักกว่านะครับในเบื้องต้น เพราะนับกันตัวต่อตัวเลยทีเดียว ฆ่าสัตว์ส่งออกล้านตัว ก็รับไปเลยเต็มๆ
ล้านวิบากกรรม
บางทีผลิตเหล้าให้คนดื่มล้านขวด แต่คนเป็นล้านอาจจะไม่ถึงตาย ไม่ได้ทำเลวไปซะทุกคน บางคนก็กินนิดหน่อยๆ บางคนกินแล้วเลิก
ยกเว้นแต่กินเหล้ามากจนตายด้วยหรือไปทำความชั่วร้ายด้วย แบบนั้นก็คงจะหนักกว่า (จะอย่างไรก็ไม่ดีทั้งนั้นครับ)
ในบางบริบทเหล้าก็เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วและการผิดศีลข้ออื่นๆได้ตามมา แต่ความเสี่ยง ความถี่มันสำเร็จน้อยกว่าฆ่าสัตว์ให้ตายเป็นตัวๆไปทันที
ลองพิจารณาเป็นบริบทๆไป ครับ
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#11
โพสต์เมื่อ 04 October 2010 - 07:17 PM
#12
โพสต์เมื่อ 05 October 2010 - 01:04 AM
ส่วนหุ้นตัวที่กำลังจะซื้อตัวนี้ คงต้องถือ แต่คงไม่นานก็จะขายต่อค่ะ
ส่วนตัว ชอบสร้างสวน พวกปาล์มน้ำมันค่ะ ที่มีอยู่ก็ดีค่ะ จ้างคนงานดูแล ไม่เดือดร้อนใคร ไม่เครียดฃ
ตอบคุณ บ่าวอุบล
ปกติจะทานเจ
ในวันพระ(4วัน/เดีอน)
ในวันพระจีน(2วัน/เดือน)
ในวันอังคาร(วันเกิดตัวเอง)
รวม 10วันต่อเดือน กินแบบนี้มา ยี่สิบกว่าปีแล้วค่ะ
(ถ้ามีงานเลี้ยงเราก็กินแต่น้ำค่ะ)
ส่วนคุณแม่กับคุณพ่อ กินเจทุกวันมาเป็นสิบๆปีแล้วค่ะ
#13
โพสต์เมื่อ 05 October 2010 - 09:41 AM
หรือคุณ แค่อยากรวยเร็วๆ +วัยรุ่นใจร้อนไม่ชอบรอปันผล
"ยิ่งรีบยิ่งช้า" "ยิ่งอยากยิ่งอด" "คุณคือผู้ออกแบบชีวิต"
#14
โพสต์เมื่อ 06 October 2010 - 05:53 PM
ไม่ต้องเครียด ที่ต้องมาคิดว่าจะซื้อหุ้นตัวไหน..