"คนซ่อมปล่องไฟ" ข้อคิดจากเรื่องราวของ "ไอสไตน
#1
โพสต์เมื่อ 15 April 2006 - 08:12 AM
ในห้องเรียนวันหนึ่ง ไอสไตน์ถามนักเรียนว่า
" มีคนซ่อมปล่องไฟสองคน กําลังซ่อมปล่องไฟเก่า
พอพวกเขาออกมาจากปล่องไฟ
ปรากฏว่า คนหนึ่งตัวสะอาด
อีกคนคัวเลอะเทอะ เต็มไปด้วยเขม่า
ขอถามหน่อยว่า คนไหนจะไปอาบน้ำก่อน "
นักเรียนคนหนึ่งตอบว่า
" ก็ต้องคนที่ตัวสกปรกเลอะเขม่าควันสิครับ "
ไอสไตน์ พูดว่า
" งั้นเหรอ คุณลองคิดดูให้ดีนะ
คนที่ตัวสะอาด เห็นอีกคนที่ตัวสกปรกเต็มไปด้วยเขม่าควัน
เขาก็ต้องคิดว่าตัวเองออกมาจากปล่องไปเก่าเหมือนกัน
ตัวเขาเองก็ต้องสกปรกเหมือนกันแน่ ๆ เลย
ส่วนอีกคน เห็นฝ่ายตรงข้ามตัวสะอาด ก็ต้องคิดว่า
ตัวเองก็สะอาดเหมือนกัน
ตอนนี้ ผมขอถามพวกคุณอีกครั้งว่า
ใครที่จะไปอาบน้ำก่อนกันแน่ "
นักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า
" อ้อ ! ผมรู้แล้ว พอคนตัวสะอาดเห็นอีกคนสกปรก
ก็นึกว่าตัวเองต้องสกปรกแน่ แต่คนที่ตัวสกปรก
เห็นอีกคนสะอาด ก็นึกว่าตัวเองไม่สกปรกเลย
ดังนั้นคนที่ตัวสะอาดต้องวิ่งไปอาบน้ำก่อนแน่เลย
..... ถูกไหมครับ...."
ไอสไตน์มองไปที่นักเรียนทุกคน นักเรียนทุกคน
ต่างเห็นด้วยกับคําตอบนี้
ไอสไตน์ ค่อย ๆ พูดขึ้นอย่างมีหลักการและเหตุผล
" คําตอบนี้ก็ผิด ทั้งสองคนออกมาจากปล่องไฟเก่าเหมือนกัน
จะเป็นไปได้ไงที่คนหนึ่งสะอาด อีกคนหนึ่งจะสกปรก
นี่แหละที่เขาเรียกว่า " ตรรก " "
เมื่อความคิดของคนเราถูกชักนําจนสะดุด
ก็จะไม่สามารถแยกแยะและหาเหตุผล
แห่งเรื่องราวที่แท้จริงออกมาได้ นั่นคือ " ตรรก "
จะหาตรรกได้ก็ต้อง กระโดดออกมาจาก
" พันธนาการของความเคยชิน "
หลบเลี่ยงจาก
" กับดักทางความคิด "
หลีกหนีจาก
" สิ่งที่ทําให้หลงทางจากความรู้จริง "
ขจัด
" ทิฐิแห่งกมลxxx "
จะหา ตรรก ได้ก็ต่อเมื่อ คุณสลัดหมากทั้งหมด
ที่คนเขาจัดฉาก วางล่อคุณไว้..
#2
โพสต์เมื่อ 15 April 2006 - 09:07 AM
( ฮา :P )
ท่านใดมีภูมิรู้ภูมิธรรมช่วยขยายให้แจ่มๆ อีกสักหน่อยได้ไหมคะ หมายถึงเปรียบเทียบตัวอย่างง่ายๆ น่ะค่ะ
#3
โพสต์เมื่อ 15 April 2006 - 03:22 PM
The religion which based on experience, which refuses dogmatic.
If there's any religion that would cope the scientific needs it will be
Buddhism...."
- Albert Einstein -
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#4
โพสต์เมื่อ 15 April 2006 - 04:54 PM
( ฮา )
ท่านใดมีภูมิรู้ภูมิธรรมช่วยขยายให้แจ่มๆ อีกสักหน่อยได้ไหมคะ หมายถึงเปรียบเทียบตัวอย่างง่ายๆ น่ะค่ะ
( ฮา )
ท่านใดมีภูมิรู้ภูมิธรรมช่วยขยายให้แจ่มๆ อีกสักหน่อยได้ไหมคะ หมายถึงเปรียบเทียบตัวอย่างง่ายๆ น่ะค่ะ
การรู้จักคิดในเชิงตรรก จะทำให้มองเห็นคำถามชี้นำค่ะ
ในชีวิตคนเรามักเจอเป้าลวงที่ชี้นำกรอบให้เราคิดบ่อยๆ
#5
โพสต์เมื่อ 15 April 2006 - 09:14 PM
#6
โพสต์เมื่อ 16 April 2006 - 07:36 AM
ที่ญี่ปุ่นมีนักปรัชญาซึ่งอยู่ในสมัยเมจิ 1868-1912 ชื่อ อาจารย์ Kitaro Nishida โดยรวมปรัชญาทางเซน เสนอการหาข้อมูลจากความเป็นจริงด้วยตัวเอง สัมผัสทั้งห้าจากความว่างเปล่า หาความจริงจากสิ่งที่เรียกว่า Pure Experience (ขยายความไว้ค่อนข้างลึกซื้ง ผมไม่ขออธิบายในที่นี่ ไปหาหนังสืออ่านเองได้ครับ ชื่อ An Inquiry to the Good; Yale University Press)
ทำไมถึงสำคัญ
เพราะผมถูกนำมาเรียนใน MBA ที่ญี่ปุ่น โดยใช้เวลาเกือบหกเดือน และเป็นวิชาบังคับที่ต้องเรียน เพราะปรัชญาดังกล่าว นำมาใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น และเป็นแม่แบบวิธีการคิดของผู้คนในองค์กร แฝงแม้แต่การทำงานในวัฒนธรรมขององค์กร เช่น ฮอนด้า เป็นต้น
โดยมีปรากฎสิ่งที่วัดได้ในเชิงธุรกิจ เช่นสินค้าและบริการของฮอนด้า เช่นแอร์แบค ซึ่งถือกำเนิดในโลก โดยเกิดจากคนเล็ก ๆ ในฮอนด้า (ซึ่งถ้าผมมีโอกาสต่อไปจะขยายความให้ฟังครับว่า ทำไมปรัชญาถึงเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในธุรกิจเช่น ฮอนด้า)
อย่าให้ความตั้งใจที่ดี เปลี่ยนแปลงไป กับกาลเวลา
เพราะเราไม่รู้ว่า่วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราอาจจะอยู่หรือตาย
สิ่งที่เอาไปได้มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ฉนั้น เราต้องอยู่กับวันนี้
วันที่เราบอกตัวเองว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ในวันหนึ่งของชีวิตการสร้างบารมีของเรา
โอไดบะ
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
#7
โพสต์เมื่อ 16 April 2006 - 01:42 PM
ถ้าคำตอบคือ ถูก หรือ ผิด ก็อย่าเพิ่งเชื่อคำตอบนั้นครับจนกว่าจะสามารถหาเหตุและผลของสิ่งนั้นเรื่องนั้นให้ได้ก่อนหนะครับ
ยกตัวอย่างเช่น มีชายอยู่ 2 คน คนแรกบอกว่าสุนัขมี 4 ขา อีกคนบอก สุนัขมี 3 ขา ถามว่าใครตอบถูกใครตอบผิด???
คำตอบคือ ถูกทั้งคู่ เพราะสุนัขตัวที่มี 3 ขาอาจจะพิการแต่กำเนิดหรือพิการจากอุบัติเหตุในภายหลังก็ได้ และบางทีสุนัขก็อาจจะเกิดมามีมากกว่า 4 ขาก็เป็นไป หรือเกิดมาไม่มีขาเลยก็เป็นไปได้ครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#8
โพสต์เมื่อ 18 April 2006 - 04:57 PM
อาจกล่าวในอีกแง่(ความคิดส่วนตัว)ได้ว่า สมาธิ ณ จุดที่ปราศจากความคิด จะสร้างจุดแยกที่สำคัญ ระหว่างการถูกฝังปรัชญากรีกแต่ดังเดิม กับการค้นพบสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมี(ในโลกปัจจุบัน)
ดังตัวอย่างหนึ่ง ในเชิงพุทธศาสนากล่าวเรื่องการกำเนิดแบบโอปะปาติกะ ซึ่งถ้าใช้ปรัชญาเหตุผลของกรีกแล้ว ไม่สามารถอธิบายได้้ นอกจากต้องนั่งสมาธิให้เข้าถึงแล้วไปดูเองว่าการกำเนิดแบบนี้มีจริง เป็นต้น
....
เช้าวันนี้ผมเพิ่งทักทายกับผู้อำนวยการอาวุโสท่านหนึ่ง ท่านมาจากสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ มาอบรมเรื่อง Knowledge Management อบรมกับ Prof.Nonaka ที่ญี่ปุ่น ผู้สอนผมเรื่อง Pure Experience
ทำให้ผมเชื่อว่าวันหนึ่ง"สมาธิ" จะกลายเป็นพื้นฐานของวัฒนธรรมหนึ่งในองค์กรธุรกิจ เพราะสมาธิเป็นพื้นฐานของ Pure Experience ใน Knowledge Management ซึ่งเชื่อว่าไม่นาน องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ในเมืองไทยจะนำไปใช้ และจะถูกกล่าวถึง
อย่าให้ความตั้งใจที่ดี เปลี่ยนแปลงไป กับกาลเวลา
เพราะเราไม่รู้ว่า่วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราอาจจะอยู่หรือตาย
สิ่งที่เอาไปได้มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ฉนั้น เราต้องอยู่กับวันนี้
วันที่เราบอกตัวเองว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ในวันหนึ่งของชีวิตการสร้างบารมีของเรา
โอไดบะ
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
#9
โพสต์เมื่อ 02 August 2006 - 12:41 PM
#10
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 09:06 PM
#11
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 09:52 PM
..........................
ประมาณว่า ควรรู้จักการคิดนอกกรอบ แล้วก็ไม่ควรถูกครอบงำด้วยการชี้นำหรือตรรกะเป็นตัววิถีนำปัญญาเพื่อพบสัจจะ..........................
ส่วนทางวิถีพุทธ ตรรกะเป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือหรืออุปกรณ์เพื่อค้นพบสัจจะ แต่มิใช่ปรมัตถ์ วิถีพุทธค้นพบและสอนเรื่องเหตุปัจจัยว่าเป็นสัจจะในตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธตรรกะในเบื้องต้น
เพราะเหตุปัจจัยเป็นสัจจะ แต่ตรรกะไม่เป็นสัจจะ ไม่ถูกต้องเสมอไป
ปรมัตถ์และพระนิพพาน เป็นสิ่งที่พ้นไปจากตรรกะ ไม่อาจหยั่งลงด้วยตรรกะ และเหตุปัจจัย ทั้งปวง
........................
ศาสนาของชาวตะวันออก โดยเฉพาะศาสนาพุทธ เป็นเลิศเป็นที่สุดและเป็นวิวัฒนาการอย่างสูงสุด ของปรัชญาและศรัทธา ที่ควบคู่ไปด้วยกัน เป็นอริยสัจจ
ต่างกับปรัชญาในความหมายของซีกโลกตะวันตกที่มักจะเข้ากันไม่ได้กับศรัทธาและศาสนา ถึงแม้ในยุคหลังๆจะมีการนำปรัชญาไปสนับสนุนศาสนาเพื่อให้ศาสนาดูดีขึ้น แต่นั้นก็เป็นเพียงการพยายามทำให้ศาสนาดูดีขึ้นเท่านั้นเองมิใช่ว่าศาสนาจะดีด้วยตัวเอง
........................
ปรัชญาตะวันออกก็สูงส่งและมีการศึกษาเรียนรู้มาอย่างยาวนานเช่นกัน แต่คนโดยมากก็ถูกชี้นำไปก่อนแล้วว่าปรัชญาตะวันตกนั้นสูงยิ่ง.......................
วิถีพุทธ มิใช่เป็นแค่เพียงที่พึ่งทางใจหรือทางใดทางหนึ่ง แต่เป็นมากกว่านั้น เป็นการพัฒนา กาย วาจา และ ใจ ไปสู่ความเป็นอริยะสัจ
หากจะเผยแผ่และสร้างวัฒนธรรมสมาธิ ก็ต้องเป็นสัมมาสมาธิที่มีการเจริญปัญญา นั่นก็คือการเจริญไตรสิกขา เป็นสัมมาสมาธิที่ศีลอบรมแล้ว เป็นปัญญาที่สัมมาสมาธิอบรมแล้ว นั่นเอง
สีลปริภาวิโต สมาธิ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโส
สมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา
ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ
สมาธิที่เจริญไว้ด้วยสีล ย่อมมีกำลังมากและมีผลานิสงส์มาก ปัญญาที่ได้เจริญไว้ด้วยสมาธินั้น ย่อม
มีกำลังมาก มีอานิสงส์มาก จิตใจที่ได้เจริญไว้ด้วยปัญญานั้น ย่อมหลุดพ้นจาก อาสวะ
และแน่นอนว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่อแสวงบุญสร้างบารมี ดังนั้นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรณ์และการวางแผนชีวิตก็ย่อมสมควรที่จะเป็นไปตามวิถีพุทธ เพราะเป็นแก่นสารที่แท้จริง ไม่ใช่มายา ไม่ถูกชี้นำ ไม่ถูกหลอกด้วยความอยาก และไม่ถูกลวงด้วยการหยอก
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#12
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 10:13 PM
เพราะผมถูกนำมาเรียนใน MBA ที่ญี่ปุ่น โดยใช้เวลาเกือบหกเดือน และเป็นวิชาบังคับที่ต้องเรียน เพราะปรัชญาดังกล่าว นำมาใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น และเป็นแม่แบบวิธีการคิดของผู้คนในองค์กร แฝงแม้แต่การทำงานในวัฒนธรรมขององค์กร เช่น ฮอนด้า เป็นต้น
โดยมีปรากฎสิ่งที่วัดได้ในเชิงธุรกิจ เช่นสินค้าและบริการของฮอนด้า เช่นแอร์แบค ซึ่งถือกำเนิดในโลก โดยเกิดจากคนเล็ก ๆ ในฮอนด้า (ซึ่งถ้าผมมีโอกาสต่อไปจะขยายความให้ฟังครับว่า ทำไมปรัชญาถึงเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในธุรกิจเช่น ฮอนด้า)
สตีปจ๊อบ เป็นชาวพุทธนิกายเซน
เขาได้สร้างความสำเร็จให้กับองค์กรณ์และสินค้าของเขาด้วยปรัชญาและแนวคิดวิถีพุทธแนวเซนนั่นเอง
หนึ่งในสินค้านั้นก็คือ สินค้าตระกูลแอ๊ปเปิ้ลนั่นเอง
สุดยอดไหมล่ะครับ ลองดูสิว่าพวกเครือง I-Pod, I-Phone, I-Pad นั่น แฟงไปด้วยปรัชญาและสัจจะของศาสนาพุทธแนวเซนอย่างไร
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#13
โพสต์เมื่อ 25 October 2010 - 04:33 AM
.............................พัฒนาไปสู่อริยสัจ/ธาตุล้วนธรรมล้วน
เป็นคุณสมบัติของพระพุทธศาสนา..............................จริง ๆ สิ่งเดียวในโลก.
innerpeace ภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทยและพบพระศาสนาวิชาธรรมกายและมีกัลยาณมิตรมากมาย
คอยชี้นำสิ่งดี ๆ ณที่นี้ WWW.DMC.TV