ไม่ทราบว่าเวลาไปถวายสังฆทาน ถ้าเราไม่ได้ยกประเคนเอง จะได้บุญเท่ายกเองมั๊ยคะ เพราะวัดแถวบ้าน เขาไม่ให้ผู้หญิงยกประเคนค่ะ คือพอเอาของที่นำมาถวายวางไว้ พอกล่าวคำถวายเสร็จก็จะมีคนอื่น ที่เป็นผู้ชายที่นั่งหน้า เขาไปยก บางทีเรานำไปถวาย เราก็อยากยกประเคนเองน่ะค่ะ *-) เลยไม่รู้ทำไงดี
![รูปภาพ](http://www.gravatar.com/avatar/3d5b6df1eaacb6208dc65abf936f7b9e?s=100&d=https%3A%2F%2Fwww.dmc.tv%2Fforum%2Fpublic%2Fstyle_images%2Fmaster%2Fprofile%2Fdefault_large.png)
ถามเรื่องการทำสังฆทาน
เริ่มโดย Moji, Apr 03 2006 10:05 AM
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 03 April 2006 - 10:05 AM
#2
โพสต์เมื่อ 03 April 2006 - 11:45 AM
ก็เปรียบเทียบเหมือนกับ เวลาที่เราฝากเงินคนอื่นไปให้เงินลูกๆเรา เราไม่ได้ให้กับมือเราเอง แต่เราก็ภูมิใจที่เราได้เป็นผู้ให้
ในขณะเดียวกัน คนที่ทำหน้าที่รับฝากเรา เค้าก็ยินดีที่ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
บุญจึงเกิดขึ้นกับผู้ให้ (เรา) และผู้รับฝาก (อนุโมทนา) ไปพร้อมๆกันครับ
แต่ทำนองเดียวกัน ถ้าเวลาพระราชา สั่งประหารคน บาปก็ย่อมเกิดขึ้น กับผู้สั่งและผู้ฆ่า ไปพร้อมๆกันด้วย
แต่ถ้าอยากประเคนเอง พระท่านก็มีผ้ารับประเคนนะครับ คราวหลังถ้าอยากถวายด้วยมือ คุณก็เตรียมตัวไปนั่งข้างหน้าๆเอาไว้ แล้วพอ กล่าวคำถวายเสร็จ คุณก็รีบลุกขึ้นยกประเคน กล่าวว่า นิมนต์รับประเคนด้วยเจ้าค่ะ เดี๋ยวพระท่านก็เอาผ้ามารับประเคนครับ
ในขณะเดียวกัน คนที่ทำหน้าที่รับฝากเรา เค้าก็ยินดีที่ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
บุญจึงเกิดขึ้นกับผู้ให้ (เรา) และผู้รับฝาก (อนุโมทนา) ไปพร้อมๆกันครับ
แต่ทำนองเดียวกัน ถ้าเวลาพระราชา สั่งประหารคน บาปก็ย่อมเกิดขึ้น กับผู้สั่งและผู้ฆ่า ไปพร้อมๆกันด้วย
แต่ถ้าอยากประเคนเอง พระท่านก็มีผ้ารับประเคนนะครับ คราวหลังถ้าอยากถวายด้วยมือ คุณก็เตรียมตัวไปนั่งข้างหน้าๆเอาไว้ แล้วพอ กล่าวคำถวายเสร็จ คุณก็รีบลุกขึ้นยกประเคน กล่าวว่า นิมนต์รับประเคนด้วยเจ้าค่ะ เดี๋ยวพระท่านก็เอาผ้ามารับประเคนครับ
#3
โพสต์เมื่อ 03 April 2006 - 11:59 AM
ผมเองก็เคยสงสัยครับว่า ถ้าไม่ได้ประเคนเองกับมือ บุญจะน้อยลงไหม เลยได้ไปถามผู้รู้มาครับ ได้ความว่า ได้บุญไม่ต่างครับ เพราะเจตนาเราสมบูรณ์แล้ว แล้วเราก็มีความคิดที่จะถวายด้วยมือตนเองอยู่แล้ว แต่ติดที่ว่า คุณเป็นผู้หญิงเท่านั้น ทำให้ไม่สะดวกต่อพระท่านในการรับประเคนในกรณีที่ท่านไม่มีผ้ารับประเคน ณ เวลานั้น
จะว่าไป ก็เหมือนกันที่เรา ถวายปัจจัยหลวงพ่อทุกวันอาทิตย์แหละครับ ที่พักหลังมีการตัดโต๊ะออก ทำให้โต๊ะขาดตอน ถ้าเป็นแบบนี้จะเท่ากับเราได้ถวายหลวงพ่อกับมือไหม คำตอบคือยังได้อยู่ครับ เพราะเรามีเจตนาจะถวายท่านอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้ได้บุญมากขึ้น เราก็ทำใจให้ใหญ่คิดซะว่าถวายแด่หมู่สงฆ์เป็นสังฆทานโดยมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุข (คือให้พระประธานเป็นตัวแทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) แล้วเราก็ทำใจซะว่า หลวงพ่อเป็นตัวแทนคณะสงฆ์ในการรับปัจจัยของเราครับ
จะว่าไป ก็เหมือนกันที่เรา ถวายปัจจัยหลวงพ่อทุกวันอาทิตย์แหละครับ ที่พักหลังมีการตัดโต๊ะออก ทำให้โต๊ะขาดตอน ถ้าเป็นแบบนี้จะเท่ากับเราได้ถวายหลวงพ่อกับมือไหม คำตอบคือยังได้อยู่ครับ เพราะเรามีเจตนาจะถวายท่านอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้ได้บุญมากขึ้น เราก็ทำใจให้ใหญ่คิดซะว่าถวายแด่หมู่สงฆ์เป็นสังฆทานโดยมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุข (คือให้พระประธานเป็นตัวแทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) แล้วเราก็ทำใจซะว่า หลวงพ่อเป็นตัวแทนคณะสงฆ์ในการรับปัจจัยของเราครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#4
โพสต์เมื่อ 03 April 2006 - 01:07 PM
การที่เราไม่ได้ยกประเคนเอง แต่ใจเราเต็มเปี่ยมด้วยศรัทธา และทานที่ทำบริสุทธิ์หามาด้วยความบริสุทธิ์ และผู้รับเป็นผู้บริสุทธิ์ อานิสงส์ก็เต็มเปี่ยมแล้วค่ะ
การทำทานหากมีข้อแม้ในใจ และมีเงื่อนไขต่างๆนา ทำให้ใจเราลังเล ความปิติใจจะมีน้อยลงทำให้ผลของทานให้ผลน้อย
เหมือนชาดกเรื่องหนึ่ง พอเล่าเป็นคร่าวๆบางส่วน เมื่อกาลก่อนมีสองสามี-ภรรยา ภรรยาตั้งครรภ์อยากกินอาหารของพระราชา สามีด้วยความรักภรรยาจึงคิดอุบายปลอมตนเป็นภิกษุ ที่สงบสง่างามใครเห็นก็มีความรู้สึกศรัทธา แสร้งเดินผ่านไปที่วังพระราชาขณะจะเสวยพระกระยาหาร พระราชาเห็นเกิดความปิติในความสำรวม จึงให้เอาอาหารที่จะเสวยไปถวายพระซึ่งไม่รู้ว่าเป็นพระปลอมถวายแล้วเกิดความปิติอย่างมาก คิดว่าตนได้ถวายกับพระอรหันต์ แล้วให้อามาตย์ตามไปดูว่าอยู่วัดไหน ฝ่ายพระปลอมได้อาหารมาพอเดินรับกำแพงเมืองก็ถอดจีวรทิ้งเอาอาหารไปให้เมียกิน อามาตย์มาเห็นตอนถอดจีวร จะไปแจ้งพระราชาก็คิดว่าพระราชามีความปิติอยู่ในใจ ถ้ารู้ทานก็จะให้ผลน้อยลง ด้วยความโกรธเคือง จึงแจ้งกับพระราชาว่า ตามไปแล้วเห็นพระหายไปข้างกำแพงเมือง จึงไม่รู้ว่าอยู่วัดใด
พระราชายิ่งเกิดความปิติยิ่งขึ้นคิดว่าเป็นพระอรหันต์ที่มีคุณวิเศษ หายตัวได้ เมื่อละจากโลกด้วยความปิตินี้ยังไปเกิดบนสวรรรค์ได้ ซึ่งผลของความปิตินี้ ไม่เกี่ยวกับพระปลอมที่จะมีวิบากที่หลอกลวงผู้อื่น ฉะนั้น การที่เราถวายทานด้วยใจที่เต็มเปี่ยม เป็นทานที่บริสุทธิ์ หากผู้รับเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว อานิสงส์คงจะนับจะประมาณมิได้เชียวค่ะ
การทำทานหากมีข้อแม้ในใจ และมีเงื่อนไขต่างๆนา ทำให้ใจเราลังเล ความปิติใจจะมีน้อยลงทำให้ผลของทานให้ผลน้อย
เหมือนชาดกเรื่องหนึ่ง พอเล่าเป็นคร่าวๆบางส่วน เมื่อกาลก่อนมีสองสามี-ภรรยา ภรรยาตั้งครรภ์อยากกินอาหารของพระราชา สามีด้วยความรักภรรยาจึงคิดอุบายปลอมตนเป็นภิกษุ ที่สงบสง่างามใครเห็นก็มีความรู้สึกศรัทธา แสร้งเดินผ่านไปที่วังพระราชาขณะจะเสวยพระกระยาหาร พระราชาเห็นเกิดความปิติในความสำรวม จึงให้เอาอาหารที่จะเสวยไปถวายพระซึ่งไม่รู้ว่าเป็นพระปลอมถวายแล้วเกิดความปิติอย่างมาก คิดว่าตนได้ถวายกับพระอรหันต์ แล้วให้อามาตย์ตามไปดูว่าอยู่วัดไหน ฝ่ายพระปลอมได้อาหารมาพอเดินรับกำแพงเมืองก็ถอดจีวรทิ้งเอาอาหารไปให้เมียกิน อามาตย์มาเห็นตอนถอดจีวร จะไปแจ้งพระราชาก็คิดว่าพระราชามีความปิติอยู่ในใจ ถ้ารู้ทานก็จะให้ผลน้อยลง ด้วยความโกรธเคือง จึงแจ้งกับพระราชาว่า ตามไปแล้วเห็นพระหายไปข้างกำแพงเมือง จึงไม่รู้ว่าอยู่วัดใด
พระราชายิ่งเกิดความปิติยิ่งขึ้นคิดว่าเป็นพระอรหันต์ที่มีคุณวิเศษ หายตัวได้ เมื่อละจากโลกด้วยความปิตินี้ยังไปเกิดบนสวรรรค์ได้ ซึ่งผลของความปิตินี้ ไม่เกี่ยวกับพระปลอมที่จะมีวิบากที่หลอกลวงผู้อื่น ฉะนั้น การที่เราถวายทานด้วยใจที่เต็มเปี่ยม เป็นทานที่บริสุทธิ์ หากผู้รับเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว อานิสงส์คงจะนับจะประมาณมิได้เชียวค่ะ
#5
โพสต์เมื่อ 03 April 2006 - 02:42 PM
ผลบุญเป็นอจินไตยเมื่อจิตเข้าถึงความเป็นอจินไตยในบุญนั้นครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#6
โพสต์เมื่อ 03 April 2006 - 04:28 PM
กรณีที่ได้บุญไม่เหมือนกันระหว่างถวายเอง กับไม่ได้ถวายเอง คือ คนที่มีโอกาสจะถวายได้ แต่ไม่เห็นความสำคัญเท่าที่ควรจึงฝากปัจจัยเพื่อนมาถวายพระ อย่างนี้ ได้บุญไม่เท่ากับคนที่ตั้งใจถวายด้วยมือตนเองครับ
ส่วนผู้ที่มานั่งต่อหน้าพระด้วยตัวเอง แสดงว่า เห็นความสำคัญของทานนั้น เพียงแต่ติดขัดเล็กน้อยในเรื่องพระวินัย ย่อมถือว่า ถวายด้วยตัวเองครับ
ส่วนผู้ที่มานั่งต่อหน้าพระด้วยตัวเอง แสดงว่า เห็นความสำคัญของทานนั้น เพียงแต่ติดขัดเล็กน้อยในเรื่องพระวินัย ย่อมถือว่า ถวายด้วยตัวเองครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#7
โพสต์เมื่อ 03 April 2006 - 04:30 PM
ลองตอบดูนะ
การประเคนย่อมดีกว่า แต่เมื่อนำไปวางไว้และพระภิกษุอนุโมทนา ให้พรแล้ว
น่าจะได้รับผลบุญเท่ากัน เพราะว่าการมาร่วมในพิธีใจน่าเปิดรับผลบุญได้เต็มที่แล้ว
วานผู้รู้ช่วยอธิบายด้วย
การประเคนย่อมดีกว่า แต่เมื่อนำไปวางไว้และพระภิกษุอนุโมทนา ให้พรแล้ว
น่าจะได้รับผลบุญเท่ากัน เพราะว่าการมาร่วมในพิธีใจน่าเปิดรับผลบุญได้เต็มที่แล้ว
วานผู้รู้ช่วยอธิบายด้วย
หยุดคือตัวสำเร็จ
#8
โพสต์เมื่อ 03 April 2006 - 07:04 PM
ทาน+ผู้ให้+ผู้รับ บริสุทธ์
ใจ ขณะ 1.ก่อนให้ 2.ขณะให้ 3.หลังให้ มีความสุขที่ให้ไม่นึกเสียดาย
ใจ ขณะ 1.ก่อนให้ 2.ขณะให้ 3.หลังให้ มีความสุขที่ให้ไม่นึกเสียดาย
สร้างบารมีทุกวินาที
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#9
โพสต์เมื่อ 04 April 2006 - 01:52 PM
น่าจะได้เท่ากัน เพราะตัวเองก็มาร่วมยินดีอนุโมทนาด้วยไม่ได้ฝากมา บุญก่อนทำ
ขณะทำ หลังทำ ปิติแค่ไหนก็ได้ตามกำลังที่ทำ แต่ที่ไม่ได้ยกประเคนเพราะเป็นกฏ
กติกา คุณก็ต้องยอมรับนะครับ ไม่งั้นใจหมองเปล่าๆ เดี๋ยวบุญหกบุญหล่นไม่ดีนะครับ
ขณะทำ หลังทำ ปิติแค่ไหนก็ได้ตามกำลังที่ทำ แต่ที่ไม่ได้ยกประเคนเพราะเป็นกฏ
กติกา คุณก็ต้องยอมรับนะครับ ไม่งั้นใจหมองเปล่าๆ เดี๋ยวบุญหกบุญหล่นไม่ดีนะครับ
#10
โพสต์เมื่อ 13 February 2007 - 09:19 AM
กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ