รายละเอียด
จิตตภาวันวิทยาลัย ดำเนินงานก่อสร้างมาเป็นเวลานานพอสมควร งานทุกๆ
ด้านขยายตัวอย่างกว้างขวางออกไปตามลำดับ และเกือบจะเสร็จสมบูรณ์ตามจุดประสงค์แล้ว
โดยเฉพาะในด้านการก่อสร้างนั้น ยังคงเหลืออุโบสถกลางน้ำ ศาลากลางน้ำ ศาลาแทนบุญ
จิตตภาวันวิทยาลัยจึงขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมบริจาคปัจจัยในการทำบุญครั้งนี้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของ
พระเทพกิตติปัญญาคุณ (กิตฺติวุฑโฒ ภิกฺขุ)
พระครูสังฆรักษ์พงษ์ศักดิ์ (วุฑฺฒิญาโณ) ผู้อำนวยการจิตตภาวันวิทยาลัย กล่าวว่า
จิตตภาวันวิทยาลัยแห่งนี้เป็นสถาบันการศึกษาทางพระพุทธศาสนาของภิกษุและสามเณร
ดำเนินการโดยมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย
มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างภิกษุสามเณรขึ้นบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่สังคม
ด้วยการเผยแผ่หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
และอนุเคราะห์ต่อชาวโลกตามพุทธประสงค์ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญ
และทรงสั่งสอนสาวกให้ปฏิบัติตามหลัก ๓ ประการ คือ
๑.จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ชาวโลก ๒.จงยังความสุขให้เกิดขึ้นแก่ชาวโลก ๓.จงอนุเคราะห์แก่ชาวโลก
ความมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ดังกล่าวนี้เริ่มดำเนินการก่อตั้งมาเมื่อปลายปี ๒๕๑๐
มีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณณสิริมหาเถร) วัดพระเชตุพน เป็นประธาน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชนนี
สมเด็จพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นผู้วางรากฐานให้แก่วิทยาลัย
การจัดสร้างจิตตภาวันวิทยาลัย เป็นแนวคิดและดำเนินการก่อสร้างของพระเทพกิตติปัญญาคุณ (กิตฺติวุฑโฒ
ภิกฺขุ) สาเหตุมาจากสมัยนั้น มีการสร้างวัดกันเป็นจำนวนมากแล้ว
ทำให้ท่านต้องการสร้างสถานศึกษาของพระภิกษุสามเณรขึ้นมาแทน
ประกอบกับสาธุชนทั่วไปเป็นผู้บริจาคทุนการดำเนินงานก่อสร้าง จากหยาดเหงื่อแรงกายกำลังทรัพย์
กำลังศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนา มุ่งสารัตถะประโยชน์เป็นที่ตั้งมาโดยตลอด
ผลงานดำเนินงานในด้านการศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรมก็ดี ในการเผยแพร่และทำประโยชน์ต่อสังคมก็ดี
ได้ปฏิบัติอยู่เป็นประจำ
สำหรับในการด้านก่อสร้างสำเร็จตามโครงการไปแล้วเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คงเหลืองานอยู่อีกชิ้นหนึ่ง คือ
งานสร้างอุโบสถในทะเล เพื่อใช้ประโยชน์ในทางสังคมสังฆกรรม เพราะจิตตภาวันวิทยาลัยเป็นสถานศึกษา
ไม่สามารถทำสังฆกรรมทางสงฆ์ได้ ถือเป็นเรื่องรายละเอียดทางวินัยของสงฆ์
ด้วยเหตุนี้จึงจัดสร้างเสนาสนะต่างๆ ขึ้นมา พร้อมทั้งศาลาบำเพ็ญกุศล หรือศาลาแทนบุญ
ใครก็ตามที่ทำประโยชน์ให้จิตตภาวันวิทยาลัย หลังเสียชีวิตแล้วก็จะนำมาบำเพ็ญกุศล ณ ศาลาแห่งนี้
นอกจากจะใช้ทางสังฆกรรมแล้ว อุโบสถหลังนี้ยังใช้ประโยชน์ในด้านอื่น เช่น ประชุมเพื่อปฏิบัติธรรม
เพื่อศึกษาธรรมของสาธุชนทั่วไป อันจะเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนทางกายและจิตใจของสาธุชนด้วย
อุโบสถหลังนี้สร้างเป็นแบบอาคารทรงไทย สถาปัตยกรรมไทยที่สวยงามแบบไทย
นับว่าจะเป็นประโยชน์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และความงามด้านสถาปัตยกรรมไปทั่วโลก
อีกประเด็นหนึ่งที่จิตตภาวันวิทยาลัยไม่สร้างวัตถุมงคลนั้น จริงๆ วัตถุมงคลไม่ใช่สิ่งผิด
เป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธศาสนาก็ตาม ตรงนี้คิดว่าเน้นให้ปัญญา
ดำเนินชีวิตตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาน่าจะดีกว่า
"การสานต่องานของพระเทพกิตติปัญญาคุณในครั้งนี้ อาตมาต้องดูก่อนว่า เวลานี้ญาติโยมพร้อมหรือยัง
เพราะที่ผ่านมายังไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างต่อได้ เนื่องจากเศรษฐกิจบ้านเรายังไม่ค่อยดีนัก
การที่จะไปรบกวนปัจจัยของญาติโยมก็คงไม่ดีนัก วันนี้ จิตตภาวันวิทยาลัยมีความพร้อมส่วนหนึ่ง
ก็เชื่อว่าญาติโยมก็จะมาช่วยกันบริจาคปัจจัยช่วยกันสร้างอุโบสถกลางน้ำแห่งนี้ ให้แล้วสำเร็จได้
อาตมาคิดเสมอว่าถ้าสังคมทั่วไปมีความสุข รับรองว่าศาสนาไม่ตกต่ำแน่นอน" พระครูสังฆรักษ์พงษ์ศักดิ์
กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้มีจิตศรัทธาหรือประชาชนทั่วไป ต้องการร่วมบริจาคสมทบทุนในการสานต่อโครงการ
สอบถามรายละเอียดได้ที่จิตตภาวันวิทยาลัย ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โทร.๐-๓๘๒๒-๑๑๓๒, ๐-๓๘๒๒-๑๓๘๔
อานิสงส์สร้างศาลา
อานิสงส์สร้างศาลา ในพระไตรปิฎก กล่าวเอาไว้ว่า นันทิยะถวายศาลาแก่พระบรมศาสดา ความว่า
นันทิยะเป็นมหาทานบดี สร้างวิหารที่ป่าอิสิปตนะพร้อมด้วยเครื่องเสนาสนะ แล้วทำมหกรรมการฉลองอย่างมโหฬาร
ถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธานหลั่งน้ำทักขิโณทก
ตกลงเหนือฝ่าพระหัตถ์พระบรมศาสดาในขณะนั้น
ปราสาทอันเป็นทิพย์สำเร็จแล้วด้วยแก้ว ๗ ประการ ใหญ่ ๑๒ โยชน์ สูง ๑๗ โยชน์ เพียบพร้อมไปด้วยนางเทพธิดา
ก็อุบัติขึ้นในเทวโลกรอคอยนันทิยะอยู่ “กาลํ กตฺวา” ครั้นนันทิยะสิ้นชีพทำลายขันธ์แล้ว
ก็ได้ไปเสวยสมบัติในเทวโลกอันรอคอยอยู่นั้น มีนามปรากฏว่า นันทิยะเทพบุตรบริโภคทิพย์สมบัติ
อันมีนางฟ้าเป็นบาทบริจาริกา แวดล้อมบำเรออยู่ทุกทิพราตรีกาล
สุขเกษมสำราญอยู่ในทิพย์วิมานนั้นอย่างไม่มีเวลาสร่างซา
0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง / ภาพ นัทพล ทิพย์วาทีอมร 0