ขายอาหารสัตว์บาปหรือไม่ครับ เพราะขายอาหารไปเลี้ยงสัตว์ พอมันโตคนเลี้ยงก็ขายไปฆ่า จะเรียกว่าเราส่งเสริมให้เขาเลี้ยงสัตว์เพื่อฆ่าได้ไหม อย่างไรครับ
![รูปภาพ](http://www.gravatar.com/avatar/3f7a3a54bad0da4a394053e37a6aecd1?s=100&d=https%3A%2F%2Fwww.dmc.tv%2Fforum%2Fpublic%2Fstyle_images%2Fmaster%2Fprofile%2Fdefault_large.png)
ขายอาหารสัตว์บาปหรือไม่ครับ เพราะขายอาหารไปเลี้ยงสัตว์ พอมันโตคนเลี้ยงก็ขายไปฆ่า
#1
โพสต์เมื่อ 09 September 2013 - 04:31 PM
#2
โพสต์เมื่อ 09 September 2013 - 04:37 PM
บาปสิครับ ถ้าอาหารสัตว์นั้นคือ ปลวกเป็นๆ เอาไปเลี้ยงไก่
หรือขายไส้เดือนให้ตกปลา ทำเหยื่อตกเบ็ด อย่างนี้บาปเต็มๆ
#3
โพสต์เมื่อ 09 September 2013 - 04:50 PM
ถ้าขายเพดดีกรี หรือวิสกัส คงไม่มีใครซื้อไปเลี้ยงฟาร์มสุนัขที่ซากนนะคอนน่ะครับ ก็คงไม่บาปครับ..
#4
โพสต์เมื่อ 10 September 2013 - 12:18 PM
ขยายความ ผมหมายถึงอาหารสัตว์เป็นกระสอบ เช่น CP bratago ที่ใช้เลี้ยงหมู เป็ด ไก่ เป็นต้นนะครับ หรือกรณีสหฟาร์มคือเป็นผลกรรมการฆ่าไก่ขายหรือป่าวละครับ ธุรกิจถึงมีปัญหาได้
#5
โพสต์เมื่อ 10 September 2013 - 01:15 PM
ขายอาหารสัตว์ไม่ใช่มิจฉาวณิช ไม่ใช่การขายยาพิษ
การค้ามันจบตั้งแต่ผู้ซื้อจ่ายปัจจัย แล้วนำสินค้าครบจำนวน ได้คุณภาพ ตามข้อตกลงและความพอใจกลับไป
ถ้าจะมองบาปผู้ค้า คือ เรื่องปลอมปนอาหาร คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน หรือยักยอก นำอาหารหมดอายุมาค้า นอกกฏหมายเลี่ยงภาษี ฯลฯ
ส่วนผู้ซื้อจะนำไปทำอะไรนั้น นอกกรอบของผู้ค้าแล้ว ใยต้องไปพ่วงงานผู้ซื้อให้เปลืองเวลาเล่า?
#6
โพสต์เมื่อ 10 September 2013 - 01:15 PM
อย่างที่เคยเรียนให้ทราบหลายครั้งแล้ว ว่าจะตัดสินการกระทำใดว่าบาปหรือไม่บาป ให้ใช้องค์แห่งศีลเป็นที่ตั้ง พิจารณาประกอบด้วยเจตนาของผู้กระทำเพื่อที่จะหาข้อสรุปว่า การกระทำนั้นละเมิดศีลหรือไม่ จัดเป็นบาปหรือไม่
ตามที่ท่านเจ้าของกระทู้ได้ตั้งมา ถ้าดูจากองค์แห่งศีลแล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรล่วงละเมืดองค์แห่งศีล สินค้า ถือเป็นสินค้าสุจริต
แต่ถ้าพิจารณาเจาะลึกลงไปที่คำว่า ค้าอาหารสัตว์ ก็ให้ท่านเจ้าของกระทู้พิจารณาตรงเจตนาของการค้านั้น ถ้าเรา "แค่" ค้าขายอาหารสัตว์ แค่นั้น ใครจะซื้อก็ได้ ใครจะเอาไปทำอะไรเราก็ไม่ไปผูกใจด้วย ก็จะกลายเป็นแค่การค้าขายธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ซื้อมา ขายไปแบบสุจริต
แต่ถ้าท่านเอาใจไปผูกกับเขาไว้ คือ คิดว่าอาหารที่เราขาย ต้องเอาไปให้สัตว์ที่จะต้องถูกฆ่าเป็นอาหารแน่ๆ ถ้าท่านยินดีกับความคิดนี้ ท่านก็จะมีส่วนในการอนุโมทนาบาปนั้น หรือแม้กระทั้งท่านไม่ยินดี เกิดความสลดสังเวชใจ ท่านก็เพาะความเศร้าหมองขึ้นไว้ในใจโดยไม่เกิดประโยชน์อะไร
การวางอุเบกขา หรือการวางใจเป็นกลาง คือ พิจารณาที่ตัวเราก่อนว่าเรามีข้อตำหนิ ผิดพลาด ล่วงเกินตรงไหน หรือไม่ อย่างไร ไม่เอาใจไปผูกติดกับผู้หนึ่งผู้ใด หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด ถ้าพิจารณาดีแล้วก็จบแค่นั้น เปรียบเสมือน คนขายมีด ถ้่าลูกค้าซื้อไปทำอาหาร เราก็ไม่ได้รู้รสอาหารนั้นด้วย ในทำนองเดียวกัน ถ้าลูกค้าซื้อไปทำร้ายคน ทำไมเราจะต้องไปกังวลว่าเราจะมีส่วนในการทำร้ายนั้นด้วย
ขอย้ำอีกครั้ง ศึกษาองค์แห่งศีลให้เข้าใจ และหัดพิจารณาแยกแยะเจตนา แค่นี้ท่านเจ้าของกระทู้ก็จะสามารถตัดสินใจอะไรได้ง่ายๆ แล้วครับ
ปล.กราบขออภัยหลวงพี่ WISH ด้วยครับ ไม่ได้พิจารณาคำตอบของหลวงพี่ก่อน เพราะการตอบกระทู้เวลาเดียวกัน
#7
โพสต์เมื่อ 10 September 2013 - 01:18 PM
ใจตรงกัน เวลาเดียวกันได้นะ
#8
โพสต์เมื่อ 10 September 2013 - 01:25 PM
เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณครับ เพราะผมค้าอาหารสัตว์อยู่นะครับ จึงต้องไปพื้นที่สำรวจจุดเลี้ยงสัตว์ด้วยนะครับ คือต้องเดินทางหรือติดต่อบ่อกุ้ง บ่อปลา ประมาณนี้เป็นต้นครับ
#9
โพสต์เมื่อ 10 September 2013 - 08:00 PM
คงเหมือนร้านขายยา ถ้ามีคนมาซื้อยาพาราเซตามอลไปกินฆ่าตัวตาย เราก็คงไม่ได้บาปไปด้วย เพราะเราไม่ได้มีส่วนรับรู้ตรงนั้น
เอิ่ม แล้วสัตว์พวกหมู เป็ด ไก่ ส่วนใหญ่ก็เลี้ยงไปฆ่าไหม ถ้ายังไม่สบายใจ น่าจะเปลี่ยนไปขายอย่างอื่นดีกว่า..
#10
โพสต์เมื่อ 11 September 2013 - 11:30 AM
ในทางพระพุทธศาสนาถึงได้มีธรรมะการวางใจ ในเรื่องอุเบกขา ขึ้นมากำกับใจไงครับ
ถ้าพิจารณาแล้ว เราไม่ได้ล่วงละเมิดศีลข้อใดๆ ก็จบได้แค่นี้ แต่กับบางท่านอาจจะจิตอ่อน คิดต่อยอด เอาใจไปผูกพันให้ตัวเองรู้สึกเป้นทุกข์ขึ้นมาโดยไม่จำเป็นซะงั้น ก็เลยต้องมีบทฝึกใจ ให้รู้จักวางใจเป็นกลาง ใสๆ รู้จักปล่อยวางให้ได้เพิ่มเข้ามา ประเภท ช่วยได้ก็ช่วย แต่ถ้าช่วยไม่ได้ก็ต้องวางเฉย เป็นการทำให้ใจหมดความกังวลนอกตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับเราได้ครับ
อาจจะฟังดูเหมือนไร้น้ำใจ แต่อย่าลืมว่า ช่วยได้ก็ช่วย และถ้าเราช่วยไม่ได้ เราจะไปทุกข์ร้อนด้วยทำไม สู้รักษาใจเราให้ใสๆ ไม่ยินดี ยินร้ายจะได้ประโยชน์มากกว่าจริงไหมครับ
พระพุทธศาสนาแยบคายแบบนี้แหละครับ ยิ่งศึกษายิ่งสนุก