ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * - 3 คะแนน

ติดกับดัก ขอความช่วยเหลือครับ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 18 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 25 September 2014 - 01:34 PM

ท่าทางผมจะแย่แล้วครับ

 

เรื่องของเรื่องคือ  ช่วงนี้  ภาระในการดูแลพระในบ้านค่อนข้างยุ่ง  ทำให้พักผ่อนไม่ค่อยจะเป็นเวลา  รู้สึกร่างกายล้ามาก

 

ทำให้เวลานั่งสมาธิ  เมื่อใจหยุด ใจนิ่งในเบื้องต้น  รู้สึกผ่อนคลาย  รู้สึกสบาย  ไม่เครียด  ไม่ปวดเมื่อย  ไม่ร้อน  ไม่หนาว  ไม่กังวล  ไม่สนใจอะไรรอบข้างทั้งนั้น   ก็เลยรู้สึกอยากจะแช่อิ่มตัวเองอยุ่แค่ความรู้สึกนี้ตลอดเวลา   หลังๆ มานี่  ถึงขั้นเสพติดเลยหล่ะครับ  อยากจะนั่งสมาธิเพื่อให้ได้ผลเพียงเท่านี้แค่นั้น  เพราะรู้สึกสบาย  สบายจริงๆ นะครับ  จะเรียกว่าความสุขหรือเปล่าก็ไม่รู้  รู้แต่ว่า  สบ๊าย..สบาย..บอกไม่ถูก  ให้อยู่อย่างนั้นตลอดไปก็ยังได้  ขนาดหลับยังรู้สึกสบายเลยครับ

 

แต่ก็ทราบครับ  ว่านั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวน้อยนิดของผล  ของการใจหยุดใจนิ่งในเบื้องต้นเพียงเท่านั้น  จะเรียกว่าฌานก็คงยังไม่ได้ด้วยซ้ำ  ยังห่างไกลกับการเข้าถึงดวงธรรม  ดวงปฐมมรรคแบบสุดกู่ประเทศ   แต่รู้สึกสบายจริงๆ นะครับ  เหมือนเราแอบตัวเราทั้งหมดอยู่ในกระดองอันปลอดภัย

 

และพอตั้งใจจะหยุด  จะนิ่งให้ได้มากกว่านี้  เพื่อเข้าศูนย์กลางกายเมื่อไหร่  ความสบายนั้นจะเลือนหายน้อยลงไป  ความง่วง  ความปวดเมื่อย  ฟุ้งซ่าน  หงุดหงิดรำคาญใจจะแทรกเข้ามาทันทีมากบ้าง น้อยบ้าง  ถ้าวันไหนใจไม่ถึงก็ต้องถอยตัวหดเข้ากระดองเหมือนเดิม  จนหลังๆ นี่ แทบจะไม่ออกจากกระดองเลย  ไม่มีความก้าวหน้าใดๆ เหมือนคนอื่นเขาทั้งนั้น  เสียดายเวลานั่งจริงๆ ครับ

 

เมื่อก่อนเคยไปได้ไกลกว่านี้มาก  แต่พอมาติดกับดักตัวเองแบบนี้เข้า  หงอยเลยครับ  ไม่ชอบเลย  ท่านใดมีวิธีแก้ไขบ้างครับ  ช่วยแนะนำหน่อย  ใครมีประสบการณ์แบบนี้แล้วหาทางออกสวยๆ ได้  ขอกำลังใจด้วยนะครับ

 

ถ้าผมพลาดในการนั่งสมาธิตรงไหน  บอกกันตรงๆ นะครับ  จะได้รับรู้แล้วเข้าใจ  แก้ไขได้ถูกต้องครับ

 

กราบอนุโมทนาบุญและขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

 

ปล.  แต่รู้สึกสบายจริงๆ นะครับ  เมื่อวันตอกเสาเข็มพระมหาเจดีย์ทัตตะชีโว  ผมก็หลบเข้ากระดองนี่แหละ  นั่งได้ไม่ร้อนเลย  แต่พอจะเอาจริง  ก็เข้าใจเลยว่า  หมูย่างเมืองตรังมีความรู้สึกยังไง  ร้อนฝุดๆ 


สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#2 Tor Alif

Tor Alif
  • Members
  • 36 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 September 2014 - 02:21 PM

คงต้องให้ผู้ที่รู้เรื่องวิชชาจริงๆมาตอบละมั้งครับ เพราะถ้าผมตอบก็คงบอกว่า...

ลองนั่งไล่ฐานที่จุดเริ่มต้น ถึง7ซ้ำๆๆดูครับ ลองดูน่ะครับ 

 

post-1655-1147046378.gif



#3 ตะกร้าอีกใบ072

ตะกร้าอีกใบ072
  • Members
  • 152 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 25 September 2014 - 03:18 PM

อาจจะเป็นบุญในตัวที่เตือนให้เกิดความรักความตั้งใจในการนั่งธรรมะให้ยิ่งๆขึ้นไป
เป็นเหตุให้คุณทัพพีต้องไปคอสปฎิบัติธรรมใกล้ชิดพระอาจารย์สักครั้งก็เป็นไปได้ครับ

ตอนนี้ผมก็มีปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงหลังคือความง่วงหลับ ทั้งๆที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมานั่งเเล้วไม่เคยง่วงโงกหลับเลย  
พอช่วงนี้เข้ากะมีอาการง่วงหลับ ซึ่งแปลกใจเเละมีสภาพทางความรู้สึกแบบเดียวกับคุณทัพพี คือพอใจกับผลของการนั่งนิ่งสงบสบายในผลการนั้งที่เคยเป็นมามากกว่า
แต่พอมาเจอสภาพแบบนี้ก็เหมือนเป็นปัญหาอย่างมากเหมือนกันครับ พยายามปรับตามหลักวิชชา แรกๆไม่ได้เลย แต่เรามีหน้าที่นั่งผมก็นั่งไป นั่งหลายครั้งเข้าก็มีโอกาส

ที่กลับไปนั่งอย่างมีความสุขแบบครั้งก่อนๆบ้างบางครั้ง ก็ยอมให้เป็นไปตามนั้น
ถ้าวิธีการแบบเดิมแต่ได้ผลไม่เท่าเดิมก็คงต้องหาสิ่งดีดีมาเสริม ผมคิดว่าจะหาคอสปฎิบัติธรรมอยุ่เหมือนกันครับ

บางทีปัญหาอาจจะเกิดจาก ภารกิจค่อนข้างยุ่ง  ทำให้พักผ่อนน้อยและล้าก็เป็นไปได้นะครับที่ทำให้เกิดสภาพแบบนี้
ขอเข้ามาเป็นกำลังใจให้พี่นะครับ รอคำตอบที่ดีจากผู้มีประสบการณ์และพระอาจารย์นะครับ เป็นกำลังใจที่ดีให้กันและกันนะครับ
คืนนี้เชื่อว่าพี่จะได้ความก้าวหน้าที่ดีมากๆในการนั่งธรรมะเข้ากะกับหลวงปู่และหลวงพ่อนะครับ





แนบไฟล์  10313974_322321014583567_7036537256535983911_n.jpg   45.01K   19 ดาวน์โหลด



#4 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 September 2014 - 03:24 PM

http://www.dmc.tv/in...&type=17&no=168

 

http://www.dmc.tv/pa...มาธิทุกวัน.html

 

แล้วหมูย่างเมืองตรัง จะกลายเป็นขาหมูเยอรมัน

ไฟล์แนบ

  • แนบไฟล์  e323.jpg   45.98K   20 ดาวน์โหลด

ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#5 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 25 September 2014 - 06:51 PM

กราบขอบพระคุรพระอาจารย์  WISH   และท่าน ตะกร้าอีกใบ072  ด้วยครับ  รวมทั้งขอบคุณถึงท่าน Tor Alif   ที่เข้ามาให้กำลังใจด้วยครับ

 

จะพยายามปล่อยวางตรงนี้ให้ได้  เพื่อจะได้ก้าวหน้าต่อไปซะที   อาคนอื่นเขา  คนเขามาทีหลังเขามีแต่รุดหน้า  แต่เรากลับถอยหลัง  ต้องเอาความก้าวหน้าที่เคยได้  กลับมาให้ได้  สุ้ๆ  ครับ


สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#6 ปฏิปทา 072

ปฏิปทา 072

    ขอชื่อ ที่ถูกต้อง ปฏิปทา 072 THANIDA KOIKE

  • Members
  • 1358 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 25 September 2014 - 07:42 PM

เข้ามาช้าไปนิด ต้องขอโทษ ด้วยนะค่ะ คุณ.ทัพพีในหม้อ ค่ะ อย่างที่พระอาจารย์WISH และหลานตะกร้าอีกใบ072และคุณ.TOr Alir

 

แนะนำไว้ ส่วนตัวพี่เล็กเองบ้างครั้งก็มี ใจออกมาข้างนอกบ้างก็มี แต่ช่วงนี้พอเริ่มหลับตาก็เข้ากลางได้เร็ว ถึงแม้นร่างกายจะเพิ่ง พบ

 

อุบัติเหตุลื่นล้มหัวพื้นปูน เมื่อวันที่ 19 ที่ผ่านมา นึกว่าไม่ได้เห็นหน้าหมู่คณะซะแล้วๆ ก็นั่งสมาธิเข้ากะช่วงรอบดึกไม่ได้มาเกือบ 1 อาทิตย์

 

แล้ว ค่ะเพราะมันตึงไปทั้งตัว แต่พอนอนตรึกสามธิ ก็ใสสว่าง นิ่งในนิ่งอยู่ตลอด และที่สำคัญก็คือใจนั้นมีปิติสุข ใจใสสว่างอยู่ตลอด หัวที่พาด

 

กับพื้นปูน ไปตรวจมาหมอบอกว่าไม่เป็นอะไร หัวกะโหลกไม่ร้าวไม่แตกกระดูกไม่หัก ก็เพราะแขวนหลวงปู่รุ่นปราบมารกับดวงแก้วธรรมชัย ติด

 

ตัวอยู่ ตลอด ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และที่สำคัญมากๆๆๆก็ คือวันนี้นั่งตรึกนึกถึงบุญที่ได้ทำมากับ เว๊บไซร์dmc.tv ตั้งแต่สมัย

 

คุณ.น้องอลิต ยังอยู่แล้วอยู่ๆร่างกายก็กลับมาแข็งแรง จนทำงานบ้านได้เลย ค่ะ แต่หมอยังให้พักผ่อนก่อน และคืนนี้ก็จะลองเข้ากะดู ค่ะ เพราะ

 

ขาดเข้ากะมาหลายวันแล้ว ค่ะ พี่เล็กเข้ามาส่งกำลังใจ ให้คุณ.ทัพพีในหม้อ ค่อยๆเป็นไปตามที่พระอาจารย์ และหลายๆท่านแนะนำ ไปก่อนเดี๋ยว

 

ความสบายก็กลับมา ค่ะ สู้ๆๆๆ นะค่ะ พร้อมขอให้คุณ.ทัพพีในหม้อ ได้เข้าถึงองค์พระโดยเร็วพลัน ด้วยค่ะ พี่เล็กขอเป็นกำลังใจให้ อีกคนด้วยค่ะ



#7 InnerDot

InnerDot
  • Members
  • 79 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 September 2014 - 09:14 PM

-เพิ่มชั่วโมงนั่งให้มากและถี่ขึ้น
-หางานให้จิตทำเล่นๆ ระหว่างหยุด เช่น นึกนิมิตรไว้กลางท้องแล้วทำย่อ ขยาย หรือหมุนขวาไปเรื่อยๆ (ทำเล่นๆห้ามจริงจัง) จะทำให้เกิดสติตื่นตัวตลอดเวลา
-อาราธนามหาปูชนียาจารย์มาครอบครองที่กลางกายเราแทน
-ถือโอกาสไตร่ตรองขบคิดข้อธรรมคำครูที่ว่า "ทิ้งทุกอย่างวางทุกสิ่งนิ่งอย่างเดียว"... ช่วงแรกทิ้งของหยาบได้ใจจึงหยุดนิ่งมีสุขเกิดขึ้น... ช่วงกลางคุณทัพพีฯกลับไปยึดคว้าเอาความสุขติดมาด้วย พอติดบ่อยๆจะเริ่มคุ้น ระวังกลายเป็นนิสัยอาจส่งผลให้ปล่อยวางความสุขช่วงนี้ได้ยากขึ้น... เลยส่งผลให้ใจหยุดต่อไปถึงช่วงปลายไม่ได้ครับ.....
ขออนุโมทนาบุญกับคุณทัพพีฯทุกๆอย่างด้วยนะครับ..

#8 Tor Alif

Tor Alif
  • Members
  • 36 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 September 2014 - 10:00 PM

ผมไปอ่านในเว็บนี้มาครับ น่าจะดีเลยเอามาให้ลองอ่านกันทุกคนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ครับผม :)

http://www.dmc.tv/me...q.php?menu_id=9

 

 

๑. เมื่อเรากำหนดนึกถึงสิ่งที่บริสุทธิ์ ใจก็จะถูกกลั่นซ้ำแล้วซ้ำอีกถูกกรองเป็นชั้น ๆ แล้วกลั่นต่อไปด้วยคำภาวนา สัมมาอะระหัง ๆ ที่ดังมาจากที่ไกล ๆ จากแหล่งแห่งความบริสุทธิ์ที่อยู่ภายในลึก ๆ ทุกถ้อยทุกคำที่เราเปล่งวาจาว่า สัมมาอะระหัง กับการนึกคิดถึงสิ่งที่บริสุทธิ์เป็นดวงแก้วใส ๆ หรือพระแก้วใส ๆ หรือหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ตัวแทนของสังฆรัตนะ ใจจะถูกกลั่นไปเรื่อย ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ทุกอนุวินาทีมีการ กลั่นซ้ำแล้วซ้ำอีกเป็นอสงไขยครั้งทีเดียว จิตนั้นเกิดดับอยู่ตลอดเวลาจิตถูกกลั่นซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำจนกระทั่งเราสังเกตไม่ออก แต่เมื่อเราทำไป บ่อย ๆ ต่อเนื่อง ไม่เผลอ ด้วยวิธีการนิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม จิตใจแจ่มใสเบิกบานแช่มชื่น ๆ ไม่ช้าใจก็ หยุดจากความคิดทั้งมวล

 

๒. เมื่อใจปลอดความคิดหยุดนิ่ง กายก็จะเริ่มเบา กายเบา จิตใจก็ฟ่องเบา ขยาย กายเนื้อก็หายไป เราจะไม่รู้สึกที่ร่างกายเรา กายจะค่อย ๆ โล่ง โปร่ง เบา สบาย ขยาย ขยายกลืนไปกับบรรยากาศ ขยายเต็มห้อง ที่เราปฏิบัติธรรมอยู่ ใจจะขยายเต็มห้องพองโตไปเรื่อยเลย ยิ่งใจเรานิ่ง ๆ ก็ขยายสุดฟ้าครอบไปเลย อาการที่ใจขยาย นี่แหละเขาเรียกว่า “เบิกบาน” เหมือนการคลี่ขยายกลีบดอกไม้ที่ค่อยๆ เบ่งบานทีละน้อยๆ แต่นี่เป็นการขยายใจ ของเราที่ค่อยๆ ออกไปรอบตัวทุกทิศทุกทาง

 

๓. เมื่อเรา หยุดนิ่งต่อไปอย่างสบาย รักษาความต่อเนื่องของอารมณ์สบายต่อไปอีก แสงแห่งความบริสุทธิ์ ก็จะปรากฏเกิดขึ้นมาเป็นอัศจรรย์ทีเดียว แต่เดิมเรานั่งหลับตาแล้วมืด แต่ขณะนี้แสงแห่งความบริสุทธิ์จะค่อย ๆ เกิดขึ้นเรืองรองขึ้นมาทีละน้อย จากเหมือนฟ้าสาง ๆ ตอนตีห้า จนกระทั่งสว่างเหมือนตอน หกโมงเช้าที่ดวงอาทิตย์ขึ้น แล้วก็เพิ่มขึ้นเมื่อใจเรายิ่งนิ่ง นิ่งลงไปอย่างนุ่ม ๆ สบาย ๆ ละมุนละไม ความสว่างก็ยิ่งเจิดจ้าขึ้นไปเรื่อย ๆ สว่างขึ้น ๆ เหมือนกับแสงแก้ว แสงแห่งความบริสุทธิ์ที่มาพร้อมกับความสุขภายในซึ่งเราควรเรียกว่าเป็นปีติสุข เพราะเป็นความสุขที่มีชีวิตชีวา อย่างที่เราพูดไม่ออกบอกไม่ถูก สว่างขึ้นไปกว้าง ๆ เป็นแสงสว่างที่กระจายทั่วไปหมด นั่นคือแสงแห่งความบริสุทธิ์ของดวงจิตที่นิ่ง

 

๔. เมื่อนิ่งลงไปอีก หยุดกับนิ่งอย่างเดียว พอถูกส่วนเข้าเราจะเห็นแหล่งกำเนิดของแสง เป็นแหล่ง แห่งความบริสุทธิ์เบื้องต้น เป็นจุดสว่างเล็ก ๆ เล็กเหมือนดวงดาวในอากาศ ที่เราเคยลืมตามองเห็นด้วยตาเปล่า ในยามราตรีที่ปราศจากหมู่เมฆ ยามราตรีที่มืดมิดมีดวงดาวปรากฏเกิดขึ้นบนท้องฟ้า จุดสว่างตรงนี้เป็นแหล่งกำเนิด แห่งความบริสุทธิ์ของดวงจิต เป็นแหล่งกำเนิดเบื้องต้นที่สมบูรณ์ เป็นความสมบูรณ์แห่งดวงจิตในเบื้องต้น และเป็นเบื้องต้นแห่งความบริสุทธิ์ที่จะก้าวไปสู่เส้นทางสายกลางที่มีอายตนนิพพานเป็นจุดหมายปลายทาง สิ่งนั้นจะปรากฏเกิดขึ้นมาท่ามกลางความหยุดนิ่งนุ่ม ๆ ท่ามกลางความสุขที่ไม่มีประมาณ



#9 PU-PE-072

PU-PE-072
  • Members
  • 41 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 27 September 2014 - 05:59 PM

ของผมก็เหมือนคุณทัพพีในหม้อแหละครับ ต้องมาดูแลคุณแม่ที่ป่วยจากการผ่าตัดเนื้องอกสมอง

 

ชีวิตช่วงแรกๆก็ยังสับสนวุ่นวายอยู่ ยังจัดระบบไม่ถูก แต่พอได้ดูแลจนเข้าที่เข้าทางแล้ว เราก็สามารถกำหนดระเบียบชีวิตได้ว่า เวลาใดเป็นเวลาต้องทำกับข้า

 

เวลาใดเป็นเวลาต้องให้ยา เวลาใดเป็นเวลาว่าง ซึ่งเวลาว่างๆมักจะไม่ค่อยแตกต่างกันมากในแต่ละวัน

 

เราก็เอาเวลานี้มาตอบกระทู้ มาทำสมาธิต่างๆ

 

 

(และมีหลายครั้งที่เวลาต้องหยอดตาคุณแม่ หลายครั้งให้ท่านนอนในห้องนอนแล้วหยอดตา

 

ช่วงเวลารอหยอดหลอดต่อไปเนี่ยแหละก็นั่งสมาธิภาวนาสัมมาอรหังแบบนับ1ถึง500ได้สบายๆ - เป็นการกะเวลาการให้ยาไปในตัวด้วย)

 

 

เป็นกำลังใจให้นะครับ



#10 ตะกร้าอีกใบ072

ตะกร้าอีกใบ072
  • Members
  • 152 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 28 September 2014 - 08:25 PM

เป็นกำลังใจให้คุณนักเรียนอนุบาลPU-PE-072 เช่นกันนะครับ



#11 PU-PE-072

PU-PE-072
  • Members
  • 41 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 28 September 2014 - 09:06 PM

อนุโมทนาบุญด้วยครับ คุณตะกร้าอีกใบ



#12 vividu

vividu
  • Members
  • 716 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Seattle, WA
  • Interests:Meditation

โพสต์เมื่อ 29 September 2014 - 02:01 AM

I may check this topic too late? But one thing I always do when starting every single meditation is that 1. find the comfortable position (lotus position for general laymen) 2. imagine you are a new meditation beginner 3. always feel pleased with yourself, the experience you have, never expect anything to happen (including don't visualize or imagine visualization--this one works very good for me.So when I visualize somehting, I will know it really happen within me. 4. Try not to work too hard (too strict) or don't let it loose. Try to find the balance between body and mind( but the physical body comes first). I always do this and never compare my experience with others as meditation is not for Olympic Competition or anything .Its totallly neat for you and your own 072ka. ^__^ wanna cheer you up ka. K.Tuppe. Your are so kind to others and donb';t forget to be kind and gentle to yourself!! Krap kob pra koon of Pra Ajan and everyone's Dhammatan and support to K. Tuppe ka. 


8-)


#13 Tor Alif

Tor Alif
  • Members
  • 36 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2014 - 10:50 AM

I may check this topic too late? But one thing I always do when starting every single meditation is that 1. find the comfortable position (lotus position for general laymen) 2. imagine you are a new meditation beginner 3. always feel pleased with yourself, the experience you have, never expect anything to happen (including don't visualize or imagine visualization--this one works very good for me.So when I visualize somehting, I will know it really happen within me. 4. Try not to work too hard (too strict) or don't let it loose. Try to find the balance between body and mind( but the physical body comes first). I always do this and never compare my experience with others as meditation is not for Olympic Competition or anything .Its totallly neat for you and your own 072ka. ^__^ wanna cheer you up ka. K.Tuppe. Your are so kind to others and donb';t forget to be kind and gentle to yourself!! Krap kob pra koon of Pra Ajan and everyone's Dhammatan and support to K. Tuppe ka. 

^o)  ไม่พิมพ์ไทยหรอครับ ผมอยากอ่าน แต่อ่านไม่ออก 55 ^^



#14 PU-PE-072

PU-PE-072
  • Members
  • 41 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 01 October 2014 - 07:53 PM

ผมแปลให้แล้วนะครับ เห็นว่ามีประโยชน์ดีมากครับ (ถ้าแปลตกหล่น หรือผิดเพี้ยนไปบ้าง ขออภัยมาล่วงหน้าด้วยนะครับ)

 

 

 

ฉันอาจจะตรวจสอบเรื่องนี้ช้าเกินไปซักหน่อย?

แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันมักจะทำเมื่อเริ่มต้นทำสมาธิ คือ

 

1 หาตำแหน่งที่สะดวกสบาย

 

2 ให้คิดว่าคุณเริ่มต้นทำสมาธิใหม่ๆ

 

3 รู้สึกพอใจกับตัวเองเสมอๆ กับประสบการณ์ที่คุณมี ไม่คาดหวังสิ่งที่จะเกิดขึ้น (รวมทั้งไม่นึกในใจหรือเห็นภาพในใจ)

หนึ่งในนี้เป็นงานที่ดีมากสำหรับฉัน ดังนั้นเมื่อฉันเห็นภาพอะไรบางอย่าง ฉันจะรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆภายในตัวฉัน

 

4 พยายามที่จะไม่ทำงานหนักเกินไป (ที่เข้มงวดเกินไป) หรืออย่าให้มันหละหลวมเกินไป

พยายามที่จะหาสมดุลระหว่างร่างกายและจิตใจ (แต่ร่างกายต้องมาก่อน)

 

ฉันมักจะทำเช่นนี้และไม่เคยเปรียบเทียบประสบการณ์ของฉันกับคนอื่นที่ทำสมาธิ ไม่ได้เป็นการแข่งขันโอลิมปิกหรือแข่งขันอะไร

 

ทั้งหมดนี้มันเหมาะสำหรับตัวคุณและภายในศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ของคุณเอง

 

ฉันต้องการยกใจของคุณขึ้น

 

ตัวคุณเป็นแบบอย่างให้คนอื่นๆ และไม่ลืมที่จะเป็นแบบอย่างและทำอย่างใจแผ่วเบาให้กับตัวเอง !!



#15 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 01 October 2014 - 10:14 PM

ลืมบอกไปครับ  ท่าน  tian ai  เป็นชาวต่างชาติที่สามารถอ่านภาษาไทยได้ดี  แต่ไม่สะดวกในการพิมพ์ภาษาไทยครับ

 

จริงๆ  เรื่องภาษาต่างประเทศนี้  ผมค่อนข้างสนับสนุนให้ทุกคนศึกษาไว้ให้มากครับ  คนไทยเราเรียนภาษาอื่นมาตั้งแต่อนุบาล  แต่ด้วยความที่เรียนแต่ในตำรา  ไม่นำมาใช้  ทำให้ขาดประสบการณ์ในการใช้งานจริง  จนเกิดความประหม่าไม่กล้าใช้  ผมเองเคยเรียนภาษาอังกฤษ  ภาษาจีน  ภาษาญี่ปุ่น  ภาษาเยอรมันในระดับเบื้องต้นมา  แต่ตอนทำงานใช้แต่ภาษาอังกฤษอย่างเดียว  ไม่มีการต่อยอดภาษาอื่น  ตอนนี้ภาษาญี่ปุ่น  จีน เยอรมันก็คืนคุณครูผู้สอนไปหมดแล้ว  น่าเสียดายมากๆ  

 

มีสมาชิกเว็บไซต์เราหลายท่านที่เป็นพี่น้องประเทศเพื่อนบ้าน  ทั้งลาว  กัมพูชา  พม่า  ซึ่งทั้งอ่านภาษาไทยออก  พูดภาษาไทยได้  เขียนภาษาไทยได้  แต่เรากลับอ่านตัวอักษรลาวไม่ได้  สื่อสารในภาษาพม่า  ภาษากัมพูชาไม่ได้ทั้งพูดและอ่าน  ผมรู้สึกเสียเปรียบทางความรู้ยังไงไม่รู้  ตอนนี้เลยลุกมาเรียนอักษรลาว  กับเรียนภาษาพม่าทางอินเตอร์เนตอยู่ครับ  อาศัยคุยเอากับพวกคนงานในตลาดให้ได้ประสบการณ์จริง  

 

อักษรลาวผมก็อาศัยคุยเอากับสมาชิกเว็บของเราให้ท่านเขียนมาเป็นฟร้อนท์ลาว  แล้วผมตอบไปเป็นภาษาไทย  จะได้ชิน  ตอนนี้อย่างน้อยผมไปเที่ยวลาว  ผมก็ไม่หลงแล้ว เพราะอ่านป้ายออก  แต่ภาษาพม่ายังได้แค่คำพื้นๆ เท่านั้น  แต่การอ่านอักษรคงเอาไว้ก่อน  ขอแค่ถามทางได้  ขอข้าวเขากินได้  แค่นี้ก่อนละกัน

 

ใครนึกสนุก  ก็ลุกขึ้นมาเรียนรู้กันนะครับ  การสื่อสารจะทำให้เราใกล้กันมากขึ้น  แล้วก็จะช่วยงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างดีทีเดียว

 

เอ๊ะ...กระทู้เรื่องสมาธิ  ไหงมาจบลงที่ชวนเรียนภาษาต่างประเทศกันหล่ะนี่

 

.............................................................................................................................

 

ส่วนเรื่องการนั่งสมาธิ  ผมเข้าใจแล้วครับว่าพลาดตรงไหน  ที่พลาดคือ  เราไปกังวลมากเกินไปนั่นเองว่า  เราติดความสบายแล้วการนั่งสมาธิจะไม่ก้าวหน้า   กลัวตัวเองจะหย่อนเกินไป  เพราะเราไม่เข้าใจกลไกของร่างกายและสมาธิมากพอ  ถ้าร่างกายเราเหนื่อยหรือล้ามากๆ  เราก็สามารถแช่อิ่มอยู่ในความผ่อนคลาย  ความสบายจากการทำสมาธิได้  เพื่อให้ร่างกายและจิตใจสมดุลย์

 

แต่ถ้าวันไหนร่างกายเรา  แข็งแรงเราสบายดี  เราก็ละความผ่อนคลาย  ความสบายนั้นเสีย  เพิ่มความเพียรเข้าไป   สมาธิเราก็จะก้าวหน้าไปตามเดิมเอง

 

ขออย่างเดียว  อย่าละการนั่งสมาธิ  ร่างกายแข็งแรงก็วิ่งไป  ร่างกายไม่ไหวก็ค่อยๆ เดินทีละก้าวสองก้าว  อย่าไปกังวลว่าจะก้าวหน้าหรือไม่  ให้ร่างกายสมดุลย์กับจิตใจไว้ก็พอ

 

ขอบคุณทุกคำแนะนำนะครับ  เข้าใจเลยว่าพอเครียดแล้วจิตตกเป็นอย่างนี้นี่เอง  แต่ช่วงนี้ก็เครียดจริงๆ ครับ  ดูแลคนแก่ในบ้านถึงสองคน  ที่สำคัญคือยังแข็งแรงแผลงฤทธิ์ได้ทั้งคู่นี่แหละ  เหนื่อยสุดๆ ครับ  แต่ก็เต็มใจทำ

 

กราบอนุโมทนาบุญ  และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ


สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#16 justmin

justmin
  • Members
  • 132 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 02 October 2014 - 06:54 AM

ดีจัง@ทัพพีในหม้อ ตอนนี้ก็อยากรู้หลายๆภาษาเหมือนกัน  กำลังลุยภาษาจึนอยู่ จะได้ใช้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เอาความสนุกในการเรียนไว้ก่อนค่ะ

ส่วนเรืองปัญหาติดกับดัก ก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมหลายคนเป็นปัญหา รวมถึงตัวเองด้วย  เมื่อก่อนว่านั่งสมาธิแล้วมันนิ่งได้งายและนาน แต่เดี๊ยวนั้ทำไมมันยาก ฟุ้ง เผลอ หลับเหมือนไม่ได้สติเลย เวลานั่ง...แต่ก็ยังสู้พากเพียรต่อไปค่ะ  



#17 justmin

justmin
  • Members
  • 132 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 02 October 2014 - 07:09 AM

?



#18 InnerDot

InnerDot
  • Members
  • 79 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 October 2014 - 01:55 PM

สาธุ สาธุ สาธุ ครับ ชุมชนคนกัลยาณมิตรที่น่ารักทุกท่านครับ....  

          เท่าที่ผมเคยอ่านเว็บบอร์ดเรื่องทางศาสนาตามเว็บไซต์ต่างๆมามากมาย เว็บบอร์ด DMC แทบจะเป็นที่เดียวจริงๆที่เปิดอ่านกี่กระทู้ก็เย็นใจ สบายอารมณ์ สัมผัสความงามของจิตใจสมาชิกได้ไม่ยาก ในขณะที่เว็บบอร์ดอื่นเกือบทุกที่จะเริ่มต้นด้วยปัญหา ประเด็นข้อสงสัยในเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา แต่ลงท้ายกลับกลายเป็นการทะเลาะโต้แย้งกันทุกที...(แปลกดีเหมือนกันครับ ราวๆกับว่า เรื่องพุทธศาสนาเป็นเรื่องที่มีไว้เพื่อทะเลาะเบาะแว้งกันโดยเฉพาะเลยทีเดียว...จนผมชักไม่แน่ใจว่า ข้อผิดพลาดในเรื่องนี้หรือสามารถพูดในอีกมุมมองหนึ่งว่า ค่ายกลที่มารมันสร้างขึ้นหลอกพุทธบริษัทเราในประเด็นอย่างนี้ อาจจะเป็นเพราะว่ามีการอนุญาตให้ฆราวาสผู้เป็นปุถุชนทั้งหลายสามารถเข้าถึงคำสอนในพระใตรปิฎกได้อย่างเสรีหรือเปล่า....  การที่สามารถเข้าถึงเนื้อหาทางธรรมได้ทั้งๆที่การฝึกฝน กาย วาจา และใจ ของพวกเขาเหล่านั้นยังไม่สะอาดบริสุทธิ์มากพอ ก็จะเป็นเหตุให้นำความรู้ที่ตัวศึกษามาใช้ในการโต้แย้งทางความคิด เอามาโจมตีจนร้อนไปตามๆกัน ผลสุดท้ายกลายเป็นว่า อกุศลจิตครอบงำผู้เข้ามาโพสต์ ผู้เข้ามาอ่าน ผู้เข้ามาโต้แย้ง มีแต่ความรุ่มร้อนเวลาอ่านโต้กันไปมาซึ่งแน่นอนว่า ใจต้องขุ่นมัวแน่นอน....  รึว่าทางที่ควร ที่เหมาะสมน่าจะต้องมีครูบาอาจารย์คอยอนุญาต หากเห็นพุทธบริษัทหมู่ใดมีใจสะอาดมากพอ ทิฏฐิน้อยดีแล้วเท่านั้นจึงจะให้ศึกษาเองได้ จึงจะเป็นคุณมากที่สุด อย่างนี้เป็นต้น...  

         ตัวอย่างบางเรื่องเช่น การมีผุ้หวังดีเขียนหนังสือคู่มือดูพระแท้ออกขายตามร้านหนังสือต่างๆ จนใครๆก็สามารถซื้อหามาอ่านกันได้....  เรื่องอย่างนี้ผมก็มองคล้ายๆกันว่า... การศึกษาเรื่องนี้มันน่าจะเป็นเรื่องภายในองค์กรสงฆ์ เฉพาะพระภิกษุ ผู้เป็นนักบวชเท่านั้น... เพราะจากความหวังดีของผู้แต่งหนังสือ กลับกลายเป็นว่า ไปสร้างต่อมระแวงใจ ไปสร้างปมสงสัย ที่ร้ายกว่านั้น กลายเป็นว่า หนังสือเล่มนี้ ได้ปลูกฝังให้ฆราวาสผู้ที่อ่าานจบมีนิสัยคอยจับผิดพระไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์....   เพราะใจของฆราวาสเหล่านั้นยังไม่พร้อม ยังไม่ได้รับการปลูกฝังความระมัดระวังต่อเรื่องนี้มาดีพอนั่นเอง...... 

         ยาวหน่อยนะครับ แต่ว่า ก็ขออนุโมทนาบุญกับคุณทัพพีในหม้อผู้เป็นยอดกัลยาณมิตรท่านหนึ่งในที่นี้นะครับ



#19 vividu

vividu
  • Members
  • 716 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Seattle, WA
  • Interests:Meditation

โพสต์เมื่อ 02 October 2014 - 04:07 PM

ลืมบอกไปครับ  ท่าน  tian ai  เป็นชาวต่างชาติที่สามารถอ่านภาษาไทยได้ดี  แต่ไม่สะดวกในการพิมพ์ภาษาไทยครับ

 

จริงๆ  เรื่องภาษาต่างประเทศนี้  ผมค่อนข้างสนับสนุนให้ทุกคนศึกษาไว้ให้มากครับ  คนไทยเราเรียนภาษาอื่นมาตั้งแต่อนุบาล  แต่ด้วยความที่เรียนแต่ในตำรา  ไม่นำมาใช้  ทำให้ขาดประสบการณ์ในการใช้งานจริง  จนเกิดความประหม่าไม่กล้าใช้  ผมเองเคยเรียนภาษาอังกฤษ  ภาษาจีน  ภาษาญี่ปุ่น  ภาษาเยอรมันในระดับเบื้องต้นมา  แต่ตอนทำงานใช้แต่ภาษาอังกฤษอย่างเดียว  ไม่มีการต่อยอดภาษาอื่น  ตอนนี้ภาษาญี่ปุ่น  จีน เยอรมันก็คืนคุณครูผู้สอนไปหมดแล้ว  น่าเสียดายมากๆ  

 

มีสมาชิกเว็บไซต์เราหลายท่านที่เป็นพี่น้องประเทศเพื่อนบ้าน  ทั้งลาว  กัมพูชา  พม่า  ซึ่งทั้งอ่านภาษาไทยออก  พูดภาษาไทยได้  เขียนภาษาไทยได้  แต่เรากลับอ่านตัวอักษรลาวไม่ได้  สื่อสารในภาษาพม่า  ภาษากัมพูชาไม่ได้ทั้งพูดและอ่าน  ผมรู้สึกเสียเปรียบทางความรู้ยังไงไม่รู้  ตอนนี้เลยลุกมาเรียนอักษรลาว  กับเรียนภาษาพม่าทางอินเตอร์เนตอยู่ครับ  อาศัยคุยเอากับพวกคนงานในตลาดให้ได้ประสบการณ์จริง  

 

อักษรลาวผมก็อาศัยคุยเอากับสมาชิกเว็บของเราให้ท่านเขียนมาเป็นฟร้อนท์ลาว  แล้วผมตอบไปเป็นภาษาไทย  จะได้ชิน  ตอนนี้อย่างน้อยผมไปเที่ยวลาว  ผมก็ไม่หลงแล้ว เพราะอ่านป้ายออก  แต่ภาษาพม่ายังได้แค่คำพื้นๆ เท่านั้น  แต่การอ่านอักษรคงเอาไว้ก่อน  ขอแค่ถามทางได้  ขอข้าวเขากินได้  แค่นี้ก่อนละกัน

 

ใครนึกสนุก  ก็ลุกขึ้นมาเรียนรู้กันนะครับ  การสื่อสารจะทำให้เราใกล้กันมากขึ้น  แล้วก็จะช่วยงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างดีทีเดียว

 

เอ๊ะ...กระทู้เรื่องสมาธิ  ไหงมาจบลงที่ชวนเรียนภาษาต่างประเทศกันหล่ะนี่

 

.............................................................................................................................

 

ส่วนเรื่องการนั่งสมาธิ  ผมเข้าใจแล้วครับว่าพลาดตรงไหน  ที่พลาดคือ  เราไปกังวลมากเกินไปนั่นเองว่า  เราติดความสบายแล้วการนั่งสมาธิจะไม่ก้าวหน้า   กลัวตัวเองจะหย่อนเกินไป  เพราะเราไม่เข้าใจกลไกของร่างกายและสมาธิมากพอ  ถ้าร่างกายเราเหนื่อยหรือล้ามากๆ  เราก็สามารถแช่อิ่มอยู่ในความผ่อนคลาย  ความสบายจากการทำสมาธิได้  เพื่อให้ร่างกายและจิตใจสมดุลย์

 

แต่ถ้าวันไหนร่างกายเรา  แข็งแรงเราสบายดี  เราก็ละความผ่อนคลาย  ความสบายนั้นเสีย  เพิ่มความเพียรเข้าไป   สมาธิเราก็จะก้าวหน้าไปตามเดิมเอง

 

ขออย่างเดียว  อย่าละการนั่งสมาธิ  ร่างกายแข็งแรงก็วิ่งไป  ร่างกายไม่ไหวก็ค่อยๆ เดินทีละก้าวสองก้าว  อย่าไปกังวลว่าจะก้าวหน้าหรือไม่  ให้ร่างกายสมดุลย์กับจิตใจไว้ก็พอ

 

ขอบคุณทุกคำแนะนำนะครับ  เข้าใจเลยว่าพอเครียดแล้วจิตตกเป็นอย่างนี้นี่เอง  แต่ช่วงนี้ก็เครียดจริงๆ ครับ  ดูแลคนแก่ในบ้านถึงสองคน  ที่สำคัญคือยังแข็งแรงแผลงฤทธิ์ได้ทั้งคู่นี่แหละ  เหนื่อยสุดๆ ครับ  แต่ก็เต็มใจทำ

 

กราบอนุโมทนาบุญ  และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ

Anumotana sadhu with K .Tuppe's Summa Thiti taking care of the elderly and one another to spread Buddhism esp Dhammakaya Vijja. Rejoice the merit with each other ka Sadhu sadhu sadhu ka.


8-)