ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

เวลาสวดมนต์บูชาพระ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 14 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 supat

supat
  • Members
  • 17 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 February 2008 - 03:25 PM

มีข้อสงสัยค่ะ เวลาเราอยากถวายผลไม้และไหว้พระสวดมนต์ ที่บ้านเราเอง มีเวลากำหนดหรือเปล่าคะ ว่าต้องไม่เกินกี่โมงหรือกี่ทุ่ม หรือจากเวลาไหนถึงไหน เพราะเป็นคนชอบไหว้พระเวลากลางคืน จะถวายผลไม้แล้วสวดมนต์เกือบเที่ยงคืนเป็นประจำค่ะ

#2 Transparent LOVE

Transparent LOVE
  • Members
  • 109 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 February 2008 - 04:06 PM

เรื่องการสวดมนต์
"มนต์ทั้งหลาย มีการไม่ท่องบ่นเป็นมลทิน"
มีความเห็นว่า เวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามเข็มนาฬิกาไม่น่าจะสำคัญเท่า "เวลาที่ใจใสใส สะอาดที่สุด พร้อมที่จะกล่าวคำนอบน้อมพระรัตนตรัย"
เราทั้งหลายต่างมีเวลา และภารกิจทางโลกไม่เหมือนกัน
อีกทั้งยังมีจริตวิสัยปฏิบัติ แตกต่างกัน
จากพุทธพจน์ข้างต้น ขอตีความโดยความเห็นส่วนตัวว่า
สวดมนต์เวลาใดก็ตาม ก็ยังดีกว่าไม่ได้สวดมนต์เลย
และถึงแม้ได้สวดมนต์ เวลาที่เราใจใสที่สุด น่าจะสำคัญกว่าเลือกสวดเวลาที่เป็นปกติวิสัยของคนอื่น ซึ่งเราอาจไม่สะดวก สวดไปใจก็คำนึงหรือห่วงภารกิจที่จะต้องไปทำ
ดังนั้น เลือกเวลาที่เราพร้อม ใจเราใสสะอาดที่สุด น่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ดังที่พระอาจารย์เคยบอกว่า
เวลาเราสวดมนต์ เทวดาทั้งหลายจะลงคุ้มครอง และอนุโมทนากับเรา เพราะเรากำลังเอ่ยวาจาสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย
ส่วนเรื่องการถวายผลไม้
ขออ้างอิงคำสอนของพระอาจารย์ขณะอบรมธรรมทายาทมาเล่าให้ฟัง
ทุกมื้ออาหาร พระอาจารย์สอนให้พวกเรากลั่นอาหารทุกอย่างให้ใส เพื่อบูชาข้าวพระ กลั่นไว้ในกลาง ให้ใสสะอาด และนึกน้อมถวายพระธรรมกายในศูนย์กลางกาย พวกเราจะทำเช่นนี้ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร วันหนึ่งมีคนถามพระอาจารย์ว่าแล้วถ้าหลังเที่ยงเราจะน้อมถวายข้าวพระแบบนี้ในอาหารมื้อเย็นได้ไหม เพราะบางคนอาจจะไม่ได้ถือศีลแปดภายหลังการอบรมฯ พระอาจารย์ท่านก็ไม่ได้บอกว่าห้ามทำแต่อย่างไร แต่ให้ดีที่สุดถ้าเป็นอาหารควรถวายก่อนเที่ยง
ในกรณี อย่างที่คุณนักเรียนอนุบาล supatถามมา ถ้ากลั่นผลไม้ที่จะถวายพระให้ใสใสที่กลางกายแล้วถวายตอนกลางคืนก็ไม่น่าจะเป็นอะไร อย่างถวายสังฆทานที่ไม่ใช่กับข้าวยังสามารถถวายหลังเที่ยงได้
ไม่ทราบว่าท่านอื่นๆมีความเห็นว่าอย่างไร happy.gif
อืม...เป็นคำถามที่น่าสนใจนะ
เดี๋ยวจะรออ่านความคิดเห็นของเพื่อนกัลยาณมิตรท่านอื่น

สติ สบาย สม่ำเสมอ สังเกต
“ไม่ได้ไม่มี ไม่ดีไม่ได้ ต้องได้และดี ให้ดีที่สุด”

#3 เด็กผู้น้อย

เด็กผู้น้อย
  • Members
  • 436 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 February 2008 - 04:42 PM

ถ้าถวายพระสงฆ์ เป็นอาหารไม่ควรถวายหลังเพล ถ้าจะถวายหลังเพลและถวายแบบสังฆทานก็เป็นสิ่งของคืนที่ไม่ใช่ภัตตาหาร หรือจะถวายน้ำปานะได้
แต่ถ้าจะถวายกับพระพุทธรูปบนโต๊ะหมู่บูชา ไม่ค่อยมีผู้นิยมถวายหลังเพลนะครับ แต่ถ้าถวายก็คงไม่ผิด (แค่ความคิดเห็นนะครับ)
ก็คงทำแบบนี้ดีกว่าเพื่อความสบายใจและปิติในบุญ ถ้าเป็นของที่นับเป็นภัตตาหาร ให้น้อมถวายหลังเพล ส่วนหลังเพลก็ถวายพวกน้ำปานะ หรือน้ำเปล่าแทน ได้บุญแบบไม่ต้องสงสัยเลยครับ

#4 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 04 February 2008 - 08:18 PM

เห็นด้วยกับทรรศนะของทั้งสองท่านครับ

การทำความดี นั้น ทำเมื่อไร ก็ดี เมื่อนั้น
แม้บางกรณี มีเรือง ควร / ไม่ควร บ้างก็ตาม

แก่น คือ การได้ทำความดี / จิตเลื่อมใส
ส่วนเลือกและกระพี้ คือ พิธีกรรม / มิติแห่งกาลเวลา / จารีต




#5 ::: นายพีท ลูกพระธัมฯ :::

::: นายพีท ลูกพระธัมฯ :::
  • Members
  • 706 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:โรงกลั่นอุดมการณ์

โพสต์เมื่อ 04 February 2008 - 09:12 PM

อย่างที่เรารู้กันว่า พระธรรมกายไม่ได้ขบฉันเหมือนพระภิกษุ เพราะฉะนั้น เอาบุญพิเศษ น่าจะได้ทุกเมื่อนะ สาธุครับ

#6 ถ่าน

ถ่าน
  • Members
  • 61 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 February 2008 - 01:29 AM

ความคิดเห็นส่วนตัวนะ
น่าจะได้นะ เพราะพระในตัวน่าจะไม่ขึ้นอยู่กับเวลา กลางวัน หรือกลางคืน แม้แต่พระพุทธรูปก็เช่นกัน
ในแดนนิพพาน ไม่มีการนอน ดื่ม กิน ไม่มีกลางคืนไม่มีกลางวัน ทุกองค์ ต่างก็เข้ากลางไปเรื่อย (จำมาจากหลวงพ่อ ผิดพลาดประการใด ขออภัย)
แต่การถวายอาหารให้พระพุทธรูป ตอนกลางคืน คงมีคนทำกันน้อย เว้นแต่คนไทยเชื้อสายจีน
ก็เปลี่ยนมาถวายตอนใกล้รุ่ง หรือช่วงเช้า ไปก่อน กิจกรรมไหว้พระ สวดมนต์ จะทำเวลาไหนก็ได้ ตามแต่สะดวก เป็นเวลาที่ไม่มีสิ่งรบกวน

#7 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 05 February 2008 - 10:19 AM

ถ้าประกอบพิธีบูชาข้าวพระ หรือ บางแห่งก็เรียกว่า บูชาข้าวพระพุทธ ซึ่งก็หมายถึง การตระเตรียมอาหารมาบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา โดยมีพระพุทธรูปเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมี 2 แบบ คือ แบบขอถึง กับแบบเข้าถึง

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบใด ก็สามารถทำได้ทุกเวลาครับ ลองสังเกตุดูสิครับว่า แม้เวลาในประเทศไทย เราประกอบพิธีบูชาข้าวพระ ตอนช่วงเพล แต่ในต่างประเทศ เวลาของเขาเป็นช่วงบ่ายบ้าง ช่วงค่ำบ้าง ช่วงดึกตีสองตีสาม ก็ยังมี ถ้าเกิดเราไปกำหนดว่า ประกอบพิธีบูชาข้าวพระ ต้องเป็นเวลาก่อนเพลเท่านั้น แล้วประเทศอื่นๆ เขาจะมาบูชาพร้อมครูไม่ใหญ่ได้อย่างไรล่ะครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#8 supat

supat
  • Members
  • 17 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 February 2008 - 12:34 PM

ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นค่ะ

#9 *sky noi*

*sky noi*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 06 February 2008 - 08:07 AM

แบบขอถึง และเข้าถึง ช่วยอธิบายเพิ่มหน่อยได้ไหมคะ ขอบคุณค่ะ

#10 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 06 February 2008 - 03:26 PM

แบบขอถึง หมายถึง การนำภัตตาหารมาวางไว้ต่อหน้าพระพุทธรูปหน้าโต๊ะหมู่บูชา แล้วกล่าวคำอธิษฐานจิตขอถวายข้าวพระพุทธ โดยมีพระพุทธรูปเป็นตัวแทน ตามที่ทำกันอยู่ทั่วไป

ส่วนแบบเข้าถึง หมายถึง การทำแบบเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่ว่า ผู้ที่กระทำเป็นผู้่มีสมาธิจิตเข้าถึงพระธรรมกายโคตรภูขึ้นไปน่ะสิครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#11 *sky noi*

*sky noi*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 06 February 2008 - 09:57 PM

งั้นตั้งแต่เด็กมาก็เป็นการถวายแบบขอถึงสิคะ
แบบเข้าถึงก็แบบที่วัดในอาทิตย์ต้นเดือนใช่มั้ยคะ

#12 JaiKaeW

JaiKaeW
  • Members
  • 149 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 04:21 AM

That's correct. Sadhu and anumothanaboon with everyone na ka.

#13 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 11:51 AM

ใช่ครับ แต่แบบเข้าถึงนั่นก็เฉพาะผู้ที่เขาเข้าถึงจริงๆ นะครับ ส่วนผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงแต่เข้ามาร่วมพิธี ก็จะได้รับการคุมบุญโดยผู้เข้าถึง หมายความง่ายๆ เ้หมือนเราได้นั่งสมาธิต่อหน้าอาจารย์ แม้เดิมเราจะนั่งยังไม่เก่ง แต่เราก็จะตั้งใจนั่งมากขึ้น น้อมใจตามพระอาจารย์เต็มที่ ดีกว่านั่งเองที่บ้านคนเดียว บุญก็ย่อมเกิดขึ้นทับทวี

เอาความเข้าใจในระดับเบื้องต้นแค่นี้ก่อน ส่วนในระดับลึกซึ้ง คงต้องอาศัยการศึกษาปฏิบัติเพิ่มเติมต่อๆไปครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#14 *sky noi*

*sky noi*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 11:46 PM

สาธุค่ะ ขอบคุณสำหรับคำตอบ ดีมากๆเลย

#15 Na Kornchanok

Na Kornchanok
  • Member_Facebook
  • 24 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 December 2015 - 09:03 AM

สาธุ อนุโมทนาบุญทุกท่าน กับคำตอบ นะคะ