การขอขมาคุณพ่อคุณแม่
#1
โพสต์เมื่อ 22 May 2006 - 02:31 PM
#2
โพสต์เมื่อ 22 May 2006 - 03:11 PM
เพราะว่าตนเองก็ได้ขอขมาคุณแม่ไปเหมือนกันค่ะ (แต่ไม่ได้ทำพิธีค่ะ)
ยอมรับเลยค่ะว่าตั้งแต่เริ่มรู้จักวัดพระธรรมกาย รู้จักหลวงพ่อ ได้รู้จักกัลยาณมิตร ได้ดู DMC ได้ดู CD อ่านหนังสือของวัดแล้ว...รู้เลยตนเองเปลี่ยนไปในทางที่ดีมาก ๆ ในทุก ๆ เรื่อง
เพราะเมื่อก่อนชอบเถียงคุณแม่มาก ทะเลาะ โกรธกัน เดี๋ยวนี้ความคิดดีดีก็เกิดขึ้นมาเอง
ได้ขอโทษแม่ แล้วบอกว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีก...แม่น้ำตาไหล แล้วบอกว่า "แม่ไม่เคยโกรธลูก" ตั้งแต่นั้นมาก็มีแต่ความรู้สึกดี ๆ ค่ะ...แล้วก็แบ่งเงินเดือน(เล็กน้อย)ไปให้แม่คุณแม่ทุกเดือนค่ะ
#3
โพสต์เมื่อ 22 May 2006 - 04:38 PM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#4
โพสต์เมื่อ 22 May 2006 - 04:54 PM
เปิดแฟลชแล้วก็บรรยายเรื่องแม่ให้
ร้องไห้กันเกือบหมด side เพราะซึ้ง
แล้วก็ให้เขียนไปรณียบัตรไปให้แม่ด้วยล่ะค่ะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#5
โพสต์เมื่อ 22 May 2006 - 05:05 PM
#6
โพสต์เมื่อ 22 May 2006 - 07:47 PM
#7
โพสต์เมื่อ 22 May 2006 - 11:48 PM
พ่อ...คือเมฆขาวบนผืนฟ้าใส
พ่อ...คือริ้วคลื่นโถมซบทราย
พ่อ...คือร่มไม้บนทางฝัน
พ่อ...คือสายลมเย็นในวันร้อน
พ่อ...คือบทกลอนปลุกปลอบขวัญ
พ่อ...คือความงดงามของคืนวัน
พ่อ...คือความภาคภูมิใจของฉันทั้งชีวิต
Add มาสนทนาธรรมกันได้นะคร้าบ :--> [email protected]
#8
โพสต์เมื่อ 23 May 2006 - 09:12 PM
ผมก็กำลังขออโหสิพ่ออยู่ เพราะพ่อกำลังจะต้องจากไป
ส่วนแม่ก็พลอยขออโหสิด้วยแม่สุขภาพแข็งแรง
แนะนำให้รีบทำก่อนไม่ทันจะได้ทำครับ
#9
โพสต์เมื่อ 23 May 2006 - 11:06 PM
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
#10
โพสต์เมื่อ 24 May 2006 - 01:42 AM
สาธุ ค่ะ เอ ไม่ทราบว่าการทำพิธีขอขมากับการขอขมาแบบไม่ทำพิธีนี่ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็กล่าวอโหสิกรรมแล้ว จะได้ผลเหมือนกันไหมค่ะ
น้าจี้
#11
โพสต์เมื่อ 24 May 2006 - 07:57 AM
เคยขอขมาตอนก่อนบวชครับ
พุทธบริษัท 4 ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนตะวันที่มีดวงเดียว
#12
โพสต์เมื่อ 24 May 2006 - 10:07 AM
#13
โพสต์เมื่อ 26 May 2006 - 02:45 PM
เราพร้อมจะดูแลท่านตลอดชีวิต
เราพร้อมจะแบกท่านเหนือบ่า ตลอดชีวิต
#14
โพสต์เมื่อ 29 May 2006 - 03:23 AM
วันนั้นวันซึ้งเมื่อต้นปี 4 มกราคมปีนี้ คุณแม่อาหารเป็นพิษเข้าโรงพยาบาลค่ะ
ตกใจก็ไปเยี่ยม ท่านไม่เป็นอะไรมากค่ะ เอาธงหลวงปู่ไปให้ท่าน
ท่านบอกว่าเมื่อคืนฝันร้าย จู่ๆมีอะไรไม่รู้มาดึงท่านไป มืดมาก
เหมือนอยู่บนถนนเปลี่ยวๆ แล้วก็มีเสียงลูกๆเรียกว่า "แม่จะไปไหน อย่าไปนะ"
ในฝันท่านก็กลัวมากเพราะว่ามันมืดและรู้สึกเปลี่ยว และน่าหวาดกลัว
ไม่รู้ว่าใครมาพามาดึงท่านไป ท่านร้องละเมอเสียงหลงออกมาว่า "อืมๆ อื้มๆๆๆๆ"
ดีที่น้องชายไปนอนเฝ้าที่โรงพยาบาล ได้ยินก็ลุกขึ้นมาปลุกท่านกลางดึก
ถามว่า "แม่เป็นอะไรหรือเปล่า" มือท่านเย็นเฉียบ
พอลืมตาขึ้นมาเห็นน้องชายก็ค่อยโล่งใจว่า"เรายังไม่ตาย ดีนะ..ยังไม่ได้ไปกับเค้า"
พอเอาธงหล่อหลวงปู่ทองคำไปให้ ท่านก็ชื่นใจมีที่พึง ท่านบอกว่า"กลัวตายจริงๆ"
วันนั้นได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองให้ห้องพิเศษ ได้ทำซึ้งกันจริงๆ คือ
ได้ขอขมาคุณแม่ พอดีมีmp3 ไปด้วย ไส่เพลง"ฉันรักพ่อจังเลย" ไว้ในนั้น
พาท่านไปเดินเล่นในสวนหย่อมชั้นเดียวกัน บรรยากาศเป็นใจ
เราก็ยกที่แขวนน้ำเกลือไปให้ด้วยทุกที่ จนได้มานั่งที่ชิงข้าไม้คลาสสิคตัวงาม
ก็ได้จับมือกัน กอดกันด้วยอย่างแนบแน่น หอมแก้มกันอีกตังหาก
แล้วก็บอกแม่ว่า "แม่ขา..ลูกมีเพลงจะเปิดให้แม่ฟังนะคะ แต่ว่าเพลงนี้ขอเปลี่ยน
คำว่าพ่อเป็นแม่แทนนะคะ" แล้วก็เอาหูฟังข้างหนึ่งใส่ที่หูท่าน อีกข้างที่หูเรา
แล้วก็เปิดเพลงนั้นให้ท่านฟัง มือเราจับมือท่านมือละข้าง แล้วเราก็อมยิ้มอยู่อย่างงั้น
ท่านน้ำตาไหลเลย อิอิ พอเพลงจบก็กล่าวคำขอขมาท่าน
ท่านก็ทำหน้าซื้งมากเลยน้ำตาซืม บอกว่า"จ๊ะ แม้ไม่มีอะไรถือโทษลูกหรอก"
(แล้วก่อนกลับก็กราบเท้าท่าน ตอนที่อยู่บนเตียงคนป่วย ท่านก็เขินบอกว่าไม่ต้องหรอก)
โอ้ พระนิพพาน เหมือนยกภูเขาลูกใหญ่ๆ ออกจากอกเลยนะคะ
มันเป็นสิ่งทีประเสริฐมากค่ะ สบายใจจริงๆ ที่ได้ทำอย่างงั้นค่ะ
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#15
โพสต์เมื่อ 01 June 2006 - 02:32 PM