![IPB Image](http://www.geocities.com/gsc_89/tm.png)
พ่อไม่(เคย)ท้อ
บนยอดดอยสูงเทียมฟ้า เมื่อเงยหน้าขึ้นมองฟ้าครั้งใด เราเห็นปุยเมฆอยู่ใกล้ราวกับจะคว้าเอาไว้ได้
อากาศยามเช้าในเดือนกุมภาพันธ์บนดอยสูงเช่นนี้ เย็นสบาย สดชื่น กิ่งไม้ใบหญ้ารวมทั้งต้นไม้ใหญ่
เขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำค้าง หลังอาหารเช้าหลวงพ่อมักจะเดิน ไปรอบๆดอย เพื่อชื่นชมกับ
ความงามของธรรมชาติและเป็นการออกกำลังกายไปในตัว
วันหนึ่งขณะที่หลวงพ่อเดินเล่นรอบๆ ดอยเหมือนเช่นเคย ลูกๆโดยเฉพาะอุบาสกก็จะเดินตามหลวงพ่อไป
ท่านมักจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นเกร็ดความรู้และเป็นกำลังใจในการสร้างบารมีให้ลูกๆ ฟังเสมอ
ในวันนั้นหลวงพ่อไปหยุดยืนอยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่กำลังออกลูกเต็มต้นหากผลเป็นสีเหลืองอ่อน
ก็จะยังเก็บไปรับประทานไม่ได้เพราะยังอ่อนอยู่ ถ้าผลแก่รับประทานได้ก็จะมีสีเหลืองจัด และถ้าผลไหน
เป็นสีเหลืองเข้มส่วนปลายมีสีแดงแล้ว ผลนั้นก็จะมีรสชาติเยี่ยมเลย หลวงพ่อเอ่ยถามลูกๆที่เดินตามมาว่า
"นั่นอะไร?" ลูกๆที่เคยลิ้มรสชาติของผลไม้ชนิดนี้ตอบแทบจะพร้อมกันว่า "ลูกท้อ ครับ"
หลวงพ่อหันมามองลูกๆ ด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ยิ้มละไมอยู่ในหน้า แล้วหลวงพ่อก็พูดขึ้นว่า
"ลูกท้อ แต่พ่อไม่ท้อ"
ในสายตาที่เปี่ยมด้วยความเมตตาของหลวงพ่อหากมองลึกลงไปอีกนิดเราจะเห็นแววตาที่เด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง
ในน้ำเสียงที่อ่อนโยน ใบหน้าที่ยิ้มละมัย เราจะพบความหนักแน่นมั่นคง จากวันนั้นถึงวันนี้เกือบ 20 ปีแล้ว
หลวงพ่อได้เป็นต้นแบบให้ลูกๆ เห็นว่าความท้อแท้ ไม่เคยมีอยู่ในใจท่าน ไม่ว่าหลวงพ่อจะต้องเผชิญกับ
อุปสรรคหนักหนาสาหัสเพียงใด ท่านยังมั่นคงเข้มแข็ง เป็นขวัญ เป็นกำลังใจให้ลูกเสมอมา
เส้นทางการสร้างบารมีสายนี้ แน่นอนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หากแต่มีทั้งกรวดคมและหนามแหลม
ความคมของกรวด ความแหลมของหนาดลดลงไปมากมายหลายร้อยหลายพันเท่าแล้ว ด้วยสองเท้า
ของหลวงพ่อที่ท่านย่ำยีผ่านไปเป็นแนวหน้า เป็นผู้นำให้กับลูกๆ ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อุปสรรคที่หนักหนา
สาหัสที่สุดในชีวิตของเรา คงไม่ได้สักเสี้ยวหนึ่งของอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับหลวงพ่อในขณะนี้ แล้วสมควร
แล้วหรือที่เราจะท้อแท้หรือท้อถอย เราไม่ควรแม้แต่ทำท่าถอนหายใจด้วยซ้ำไป เพราะในขณะที่เกิด
เหตุการณ์เช่นนี้ หลวงพ่อท่านยังคงเบิกบาน ผ่องใส ราวกับเพิ่งกลับมาจากการเดินเล่นรอบๆ ดอยก็ไม่ปาน.
นิตยา จรุงจิตต์