โพสต์เมื่อ 11 July 2006 - 07:46 AM
072..หยุด นิ่ง เฉย ไม่โกรธ ไม่ตอบโต้ อธิบาย ไปเรื่อยๆ ดูจังหวะ แต่ที่สำคัญ
คือประพฤติ ปฎิบัติตนให้เขาเลื่อมใสเราว่า เราเข้าวัดตั้งแต่อายุยังน้อย
แล้ว มีกิจวัตร กิจกรรมที่สง่างาม เป็น ต้นบุญต้นแบบ
ให้กับคนในสังคมได้ ในยามที่สังคมกำลังขาดแคลนคนดี
...................................................................
ผมก็เคยเจอแบบท่านนั่นแหละครับ ผมประกาศตนให้คน
สองหมื่นกว่าคนในองค์กร ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
รับผิดชอบการผลิตไฟฟ้า และทุกวันนี้ผมไปใหนมาใหนผมก็แสดงตนอย่างสง่าผ่าเผยว่า
ผมเข้าวัดพระธรรมกายแล้ว ความคิด จิตใจ การกระทำ ของผมเปลี่ยนไป ในทางที่ดีขึ้นมากๆ
ตอนผมบวช คนด่าหลวงพ่อเสียๆหายๆ ในที่ทำงานผม
ตอนนี้คนที่ด่าหลวงพ่อ ชีวิตตกเป็นทาสสุรา
เป็นหนี้การพนัน อีกทั้งบ้านก็โดนยึด ผมเห็นเขาแล้ว สงสาร ครับ
ผมมีความพยายามจะยิ้มทักทาย อยากจะชวนเขาเหมือนกัน แต่เขาก็มืดสนิท
อย่างนี้ต้องวางอุเบกขาก่อนครับ ผมก็ได้แต่อธิฐานขอให้เขามีแสงสว่างแห่งชีวิต
อันนี้สำคัญ เราอย่าเอาความโกรธ เข้ามาเจือในจิต เด็ดขาด
เพราะการระงับความโกรธนี่ เป็นธรรมพื้นฐาน
เป็นรุกขธรรมเป็นการฝึกจิต ฝึกตน ขั้นพื้นฐาน
ถ้าเราไปโกรธเขาแล้ว เราจะใจไม่ใส นั่งธรรมก็รวมใจยาก
อีกอย่าง ในโอวาทปาฎิโมกข์ เรื่องการไม่เข้าไปว่าร้ายกัน การไม่เข้าไปล้างผลาญกัน ทั้งกายวาจา และใจ
ไม่ว่าจะเป็นวัดใดๆ ทั้งที่เคยโจมตีหลวงพ่อ หรือไม่ท่านชวนบอกบุญมาก็ช่วยทำไปทุกๆวัด ครับ แสวงหามิตรภาพ
ด้วยการเสวนาด้วยวาจาสุภาษิต ไม่ใช่ไปยกยอวัดเรามาก จนคนนอกเขาหมั่นใส้
เพราะจริตคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน อันนี้ผมเห็นคนวัดหลายท่านมีอุปนิสัยอย่างนี้
กล่าวคือ ยกย่องชมเชยวัดเรามากๆป แทนที่จะเป็นผลดี กลับเป็นผลเสีย ผมเคยได้เสวนากับนักปราชญ์ ท่านหนึ่ง
ท่านแนะนำว่าถ้ามีใครเขาโจมตีวัดเราเสียๆ เราก็พูดประโยคเดียวว่า เอ..!!
ผมเคยอ่านหนังสือธรรมนะครับ ว่านักปฎิบัติธรรม เขาจะไม่ติเขา ติเราแล้วก็อยู่นิ่งๆ ถ้าเขายังมีโมหะ คือความไม่รู้อยู่ อย่างนี้ก็เฉยๆเสีย ครับ
..........................................................................................
ถ้าท่านมีครอบครัวแล้ว ก้ทำครอบครัวให้เป็นครอบครัวแก้ว ครอบครัวธรรมกายคือ อย่าให้โลภะ โทสะ โมหะ เกิดในครอบครัว ประมาณ ว่า 365 วัน ในบ้านคือวิมานของเราน่ะ ไม่มีการทะเลาะกัน ถึงแม้จะมีไม่ลงรอยกันจงใช้เมตตาธรรม นำธรรมหมวดใดก็ได้ ของพระพุทธองค์ มาใช้แค่นี้ก็เป็นตัวอย่างให้คนใกล้ตัว เขารู้แล้วว่า เรามาวัดพระธรรมกาย แล้วมีวัฒนาการทางสังคมดีขึ้น เขาจะได้มา แบบนี้ดีกว่าจะไปอธิบายแต่ก็มิได้แปลว่าอธิบายไม่ดี ก็ต้องทำควบคู่กันไปครับปล.อย่าลืมครับ ปฎิบัติตนให้ เขาเห็นว่าเราเข้าวัดแล้วชีวิตเราดีขึ้นอย่างไร ดีกว่าไป โน้มน้าว เขาครับ
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม