ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ทำไมนะ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 17 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ohoo

ohoo
  • Members
  • 5 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 August 2006 - 03:36 PM

ทำไมนะ คนเราถึงมีเรื่องให้ไม่สบายใจอยู่ทุกครั้ง
ทำไมคนเราต้องมีความรู้สึกที่ต้องแคร์คนอื่นด้วย
ทำไมคนเราเมื่อมีความสุขสุดท้ายมาก็มีความทุกข์ตามมา
ทำไมคนเราต้องมีรัก โลภ โกรธ หลง ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจยากที่จะตัดออก
และทำไมฉันถึงต้องคิดมาก คิดทุกสิ่งทุกอย่างเก็บไว้ในใจด้วย ทำไมถึงไม่เป็นคนที่สบายๆ ไม่เก็บรายละเอียดทีคนอื่นเค้ากระทำต่อเรา
ทำไมอดีตที่เลวร้าย ณ ปัจจุบันถึงยังไม่ลืม
ทำไมต้องมีความรู้สึกด้วย
cry_smile.gif mad.gif

#2 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 01 August 2006 - 03:40 PM

ตอบว่าเพราะ "ยังมีกิเลส" ได้หรือปล่าวน๊า wacko.gif
นั่งสมาธิเยอะ ๆ ทุกวัน...สิ่งเหล่านี้หายไปได้แน่ ๆ ค่ะ

..........................................................

กิเลส
คำว่า กิเลส แปลว่า สิ่งที่เศร้าหมอง หรือ เครื่องทำให้เกิดความเศร้าหมอง มีความหมาย ๓ อย่าง คือ

ให้เกิดความสกปรก หรือ เศร้าหมองอย่างหนึ่ง
ให้เกิดความมืดมิดไม่สว่างไสวอย่างหนึ่ง
ให้เกิดความกระวนกระวายไม่มีความสงบอีกอย่างหนึ่ง


เพื่อให้เข้าใจง่าย ท่านแบ่งชั้นกิเลสเป็น ๓ ชั้น คือ ชั้นละเอียดหรือชั้นใน อย่างหนึ่ง, ชั้นกลางอย่างหนึ่ง, ชั้นหยาบหรือชั้นนอก อย่างหนึ่ง

ที่เป็นชั้นใน หมายถึง ชั้นที่นอนนิ่งอยู่ในสันดานอย่างเงียบๆ จนกว่าจะมีอารมณ์มากระทบ จึงจะปรุงขึ้นเป็นกิเลสชั้นกลาง ที่เกิดขึ้นกลุ้มรุมจิต หรือ เป็นกิเลสชั้นหยาบ ที่ทะลุออกมาปรากฏเป็นกิริยาต่างๆ ที่ชั่วร้ายภายนอก ตัวอย่างกิเลสชั้นละเอียดที่เป็นภายใน มีชื่อเรียกว่า อกุศลมูล มี ๓ อย่าง คือ โลภะ-ความโลภ, โทสะ-ความโกรธ ประทุษร้าย, โมหะ-ความหลง หรือ ที่มีชื่อเป็นอย่างอื่นอีกมากชื่อ แต่โดยใจความแล้ว ได้แก่ กิเลสที่ยังสงบอยู่ภายใน จนกว่า ได้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง จนเกิดความรู้สึกอยากได้รุนแรง รบกวนอยู่ในใจ พลุ่งพล่านอยู่ด้วยความอยาก หรือ พลุ่งพล่านอยู่ด้วยความโกรธแค้นเกลียดชัง หรือ พลุ่งพล่านอยู่ด้วยความโง่สงสัย กระวนกระวายอยู่ในใจ เป็นกิเลสชั้นกลาง เรียกชื่อว่า นิวรณ์ มี ๕ อย่าง คือ กามฉันทะ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ วิจิกิจฉา. ถ้าความปรุงแต่งไม่หยุดอยู่แต่เพียงเท่านั้น ก็จะทะลุออกมา ทางกาย ทางวาจา เป็นการกระทำด้วยเจตนา เช่น การล่วงละเมิดในทางกาม การฆ่าเขา เบียดเบียนเขา การพูดเท็จ ตลอดจนการดื่มน้ำเมา เป็นต้น ซึ่งเรียกว่า กิเลสหยาบ ถ้าพิจารณากันอีกทางหนึ่งจะเห็นได้ว่า ตัวกิเลสที่แท้นั้น คือ กิเลสชั้นใน หรือ ชั้นละเอียดนั่นเอง ส่วนอีก ๒ ชั้นที่เหลือ เป็นเพียงกิริยาอาการของกิเลสชั้นในที่แสดงออกมา มากกว่าที่จะเป็นตัวกิเลสเอง แต่โดยเหตุที่ท่านเพี่งเล็งถึงตัวความเศร้าหมองมืดมัว และไม่สงบ ท่านจึงจัดกิริยาอาการของกิเลสอย่างนั้นทั้ง ๒ ชั้น ว่าเป็นตัวกิเลสโดยตรงอีกด้วย เช่นกิริยาอาการที่เรียกว่า กามฉันทะ หรือ พยาบาทนั้น ทำให้มโนทวาร หรือ ใจเศร้าหมอง และ กิเลสในการล่วงละเมิดในกาม และการพูดเท็จ เป็นต้นนั้น ทำให้กายและวาจาเศร้าหมอง ในทำนองเดียวกันกับที่กิเลสชั้นละเอียดได้ทำให้สันดานพื้นฐานส่วนลึกของใจเศร้าหมอง ในที่สุดเราก็จะได้เป็นคู่ๆ กันดังนี้

๑. กิเลสชั้นละเอียด ทำให้สันดานเศร้าหมอง
๒. กิเลสชั้นกลาง ทำให้มโนทวารเศร้าหมอง
๓. กิเลสชั้นหยาบ ทำให้วจีทวารและกายทวารเศร้าหมอง

กิเลสชั้นละเอียด ซึ่งได้กล่าวแล้วเรียกว่า อกุศลมูล ในที่นี้ มีเพียง ๓ อย่าง แต่ในที่อื่นมีชื่อเรียกเป็นอย่างอื่น และจำแนกออกไปมากกว่า ๓ อย่าง ตัวอย่างเช่น แทนที่จะจำแนกเป็น โลภะ โทสะ โมหะ ก็จำแนกเป็น กามราคะ ปฏิฆะ ทิฎฐิ วิจิกิจฉา มานะ ภวราคะ อวิชชา รวมเป็น ๗ อย่าง และเรียกว่า อนุสัย แต่ในที่สุด เราก็เห็นได้ว่า กามราคะ ความกำหนัดในกาม และ ภวราคะ ความกำหนัดในความมีความเป็น ในที่นี้ ได้แก่ โลภะ หรือ ราคะ นั่นเอง ปฏิฆะ ในที่นี้ ก็คือ โทสะนั่นเอง ส่วน ทิฎฐิ วิจิกิจฉา มานะ อวิชชา ทั้ง ๔ อย่างนี้ สรุปลงรวมได้ในโมหะ จึงยังคงเหลือเพียง โลภะ โทสะ โมหะ อยู่นั่นเอง แม้จะจำแนกให้มากออกไปกว่านี้ เช่น เป็น สังโยชน์ ๑๐ ก็ทำนองเดียวกัน คือ อาจจะย่นให้เหลือ เพียง ๓ ได้ดังกล่าว หากแต่ว่า เป็นเรื่องละเอียดเกินภูมิ ของผู้เริ่มศึกษา จะงด ไม่กล่าวถึง



#3 Tanay007

Tanay007
  • Members
  • 616 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 August 2006 - 03:54 PM

อกหักมาเหรอไง ถ้างั้นเข้าไปเป็นอาสาสมัครช่วยงานบุญสิ พยายามรวมอยู่ในกลุ่มคนที่ยิ้มบ่อยๆ เข้าไว้ น่าจะเป็นแผนกต้อนรับนะ แรกๆ ปั้นหน้ายิ้มหน่อย อีกหน่อยก็ยิ้มเป็นอัตโนมัติแหละ

#4 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 01 August 2006 - 04:25 PM

QUOTE
อกหักมาเหรอไง
... ohmy.gif ไม่น่าจะเกี่ยวน๊า(ตอบแทน)...น้อง ohoo น่าจะเป็นคนคิดมาก น้อยใจ แคร์คนอื่น...ก็เลยเก็บเอาทุกสิ่งทุกอย่างมาคิดไปหมด จนตัวเองเป็นทุกข์ dont_tell_anyone_smile.gif

แต่เห็นด้วยค่ะว่า...เป็นอาสาสมัครช่วยงานบุญสิ...น่าจะช่วยอะไร ๆ ได้เยอะค่ะ

#5 รัก แล้ว ทุกข์

รัก แล้ว ทุกข์
  • Members
  • 270 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 August 2006 - 05:00 PM

อย่าคิดมากไปเลยโอ้เธอเอ๋ย
ทุกคนเคยเป็นอย่างนี้ก็เหมือนฝัน
พอตื่นมาทุกสิ่งนั้นพลันจบกัน
เธอกับฉันเป็นเหมือนกันนั่นแหละเอย

อาการนี้แก้ไม่ยากหากอยากแก้
ที่แน่แน่ต้องตั้งใจให้สลาย
อยู่ที่ว่าเธอจะคลายได้อย่างไร
จดจำไว้ความผูกพันนั่นนะเออ

คลายมันได้ต้องหยุดใจไว้จงมั่น
ที่สำคัญหมั่นตรึกนึกใสใส
นึกถึงพระนึกถึงดวงอยู่ภายใน
แล้วจะหายไปได้สบายเลย

#6 koonpatt

koonpatt
  • Members
  • 616 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 01 August 2006 - 05:01 PM

QUOTE
ทำไมนะ คนเราถึงมีเรื่องให้ไม่สบายใจอยู่ทุกครั้ง
ทำไมคนเราต้องมีความรู้สึกที่ต้องแคร์คนอื่นด้วย
ทำไมคนเราเมื่อมีความสุขสุดท้ายมาก็มีความทุกข์ตามมา
ทำไมคนเราต้องมีรัก โลภ โกรธ หลง ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจยากที่จะตัดออก
และทำไมฉันถึงต้องคิดมาก คิดทุกสิ่งทุกอย่างเก็บไว้ในใจด้วย ทำไมถึงไม่เป็นคนที่สบายๆ ไม่เก็บรายละเอียดทีคนอื่นเค้ากระทำต่อเรา
ทำไมอดีตที่เลวร้าย ณ ปัจจุบันถึงยังไม่ลืม
ทำไมต้องมีความรู้สึกด้วย


เปิดตา และ เปิดใจ ให้กว้างๆ ลองมองดูรอบๆตัวนะคะ

คนที่มีเรื่องไม่สบายใจมากกว่าเรา

คนที่ "จำเป็น"ต้องแคร์คนอื่นมากกว่าเรา

คนที่มีทุกข์มากกว่าเรา

คนที่มีรัก โลภ โกรธ หลง มากกว่าเรา

คนที่เป็นคนคิดมาก...ที่มากกว่าเรา

คนที่มีอดีตเลวร้าย...ที่เลวร้ายยิ่งกว่าเรา

การมีความรู้สึกนี่ เป็นของคู่กันกับการมีชีวิตนะคะ เพียงแต่ "อยู่ที่เรา" จะเลือกที่จะรู้สึกอะไร

ไม่มีใครหรอกนะคะ ที่ไม่เคยทุกข์ และไม่มีอดีต ...เพียงแต่...

อยากให้คุณ ohoo คิดเสียว่า ไม่มีใครหรือสิ่งมีชีวิตชนิดใด...ถอยหลังเดิน หรือ เดินถอยหลัง

ทุกชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้านะคะ

อดีตเลวร้ายที่ผ่านมา ถ้าจะจำ...ให้จำเป็นบทเรียนนะคะ จะได้ไม่ทำอีก เจ็บแล้วต้องจำค่ะ

บอกตัวเองบ่อยๆนะคะ ว่าเราจะต้องเป็นคนดี ที่มีความสุขให้ได้ อย่าให้ใครมาทำร้ายเรา เหนือสิ่งอื่นใด.....เราต้องไม่ทำร้ายตัวเองค่ะ

when you walk through the storm hold your head up high

เพราะสักวันนึงมันก็จะเป็นเพียงแค่

one day when we were young
จึงยังคง เชื่อมั่นและศรัทธาใน "รัก" เหมือนอย่างที่เคย...เสมอมา...และจะตลอดไป
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ

#7 เฉย เฉย

เฉย เฉย
  • Members
  • 618 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:เรื่องกฎแห่งกรรม การกระทำ สมาธิ

โพสต์เมื่อ 01 August 2006 - 05:15 PM

เพราะคนส่วนใหญ่ยังมีกิเลสอยู่

แม้มืดตื้อ..มืดมิด..ก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรม

#8 arraya

arraya
  • Members
  • 298 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 August 2006 - 05:47 PM

อาจเพราะมีวิบากกรรมให้เป็นคนที่หดหู่ได้ง่าย เคยคุยกับเพื่อนเหมือนกันค่ะว่าคนเราจะมีช่วงที่หดหู่สับสนเศร้าหมองโดยบางครั้งอาจไม่มีสาเหตุ(ในปัจจุบัน)ด้วยซ้ำนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าช่วงนั้นบุญเราหย่อนลง ทำให้เราไม่มีความสุข เราก็แก้ไขโดยการสั่งสมบุญทั้งทาน ศีล ภาวนา เพื่อเพิ่มพูนบุญบารมีให้ตัวเอง
วิธีนี้พิสูจน์มาแล้วค่ะ (โดยตัวดิฉันเอง) ปัจจุบันประมาณว่าขุ่นน้อยมาก ตอนนี้เลยเสพติดการไปวัดทุกวันอาทิตย์ค่ะ หัวหน้าให้ทำงานเพิ่มวันอาทิตย์ก็ไม่เอา ( แม้จะได้เงินเพิ่ม ) ขอไปวัดก่อน
ถ้ายังไงลองมาวัดทุกวันอาทิตย์สิคะ อาจไปเป็นอาสาสมัครอย่างที่ท่านอื่นแนะนำ หมั่นสั่งสมบุญทุกบุญและทุกวันให้เข้มข้นทับทวี บุญนี้หล่ะค่ะจะช่วยทำให้ใจเราแช่มชื่นได้นะคะ
เอาใจช่วยค่ะ


#9 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 โพสต์
  • Interests:N/A

โพสต์เมื่อ 01 August 2006 - 08:10 PM

nerd_smile.gif ผมขออนุญาติ nerd_smile.gif

ตอบตามระบบแห่งการดำเนินชีวิตตามจริงในปัจจุบัน

ในทรรศนะของกระผม นะครับ

QUOTE
ทำไมนะ คนเราถึงมีเรื่องให้ไม่สบายใจอยู่ทุกครั้ง


Answer... (ย้ำ ทรรศนะผมนะครับ) การคิดแบบนี้แสดงออกถึง


1.มีความกลัวในจิต


2.ไม่มีความตั้งใจที่จะสร้างคุณค่าให้ตนเอง


3.มิติความคิดยังไม่มีความเหมาะสม

ในยามที่ท้อถอย แพ้ และ ชนะ ครับ


4.มีความกังวลมากไปครับ แค่

มองเห็นแยกไฟแดงข้างหน้าก็กังวลว่าจะทันไหมหนอ..

อย่างนี้เป็นต้น ครับ


5.ไม่มีคาถาลดความกดดันเวลาเครียด

จัดๆๆ (หาคาถา เร็วด่วนจี๋นะครับ)


6.ขาดการชมชื่นตนเอง

(ตามความเป็นจริงครั บ

อาจจะเวอร์ๆหน่อยช่างมันปะไร ครับเราชมตนเอง 555+++)


7.ต้องถ่อมตน มีสัมมาคารวะ ในสถานการณ์ที่ทำให้ไม่สบายใจครับ


8. รักตัวเรามากๆๆ กล่าวคือ

อย่าหาอะไรไม่สบายใจมาใส่จิต

อันใสๆๆ งามๆๆ ไบท์ๆๆ เคลียร์ๆๆ ครับ


9.มองคนรอบข้างด้วยความรัก และเมตตา

ให้มากๆๆ แม้ศัตรู ที่เราไม่ชอบขี้หน้า

จงอวยพร และรักเขามากๆๆ ครับ


10.นึกถึง ครูไม่ใหญ่ทุกๆๆวัน

(อย่างผมนี่เอารูปท่านไปตลอด เช่นติดตามรถ

ที่สูงๆนะครับ แบบว่าเวลาใจตก

ก็มองท่าน 55+++ ใจสูงทันที จริงๆ ครับ)


11.นึกเสมอว่า มนุษย์คือผู้มีจิตใจสูง ครับ
......ยังมีอีกมากที่ผมใช้กับตัวผมเอง เวลามีเรื่องไม่สบายใจครับ

.........................

ผมขออวยพรให้เจ้าของกระทู้จงมีจิตที่สดใส สิ้นระแวง เหมือนดวงจันทร์ส่งอแสงในคืนวันเพ็ญนะครับ


ปล.ข้ออื่นจะทะยอยแสดงความเห็นด้วยนะครับ บ๊ายบาย ครับ laugh.gif




ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#10 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 01 August 2006 - 09:16 PM

QUOTE
ทำไมนะ คนเราถึงมีเรื่องให้ไม่สบายใจอยู่ทุกครั้ง
ทำไมคนเราต้องมีความรู้สึกที่ต้องแคร์คนอื่นด้วย
ทำไมคนเราเมื่อมีความสุขสุดท้ายมาก็มีความทุกข์ตามมา
ทำไมคนเราต้องมีรัก โลภ โกรธ หลง ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจยากที่จะตัดออก
และทำไมฉันถึงต้องคิดมาก คิดทุกสิ่งทุกอย่างเก็บไว้ในใจด้วย ทำไมถึงไม่เป็นคนที่สบายๆ ไม่เก็บรายละเอียดทีคนอื่นเค้ากระทำต่อเรา
ทำไมอดีตที่เลวร้าย ณ ปัจจุบันถึงยังไม่ลืม
ทำไมต้องมีความรู้สึกด้วย

ไม่เป็นไร ...เอาใหม่ เริ่มมองใจตนเองอย่างปรารถนาดีต่อตัวเอง
รักตัวเอง เอาใจใส่ "ใจ"ตัวเอง
เริ่มๆ ที่จะแคร์ตัวเอง...
ด้วยการเอาขยะออกจากใจ
เก็บไว้แต่สิ่งดีๆ รักษาใจตัวเอง
เมื่อมีสุข มีทุกข์บ้าง ช่างมันเถอะ
โลกก็เป็นอย่างนี้ละ มีสุขเคล้าทุกข์ปนกันไป ใครๆก็เจอ
ทำใจให้ใส มอบของขวัญให้กับใจของตน ด้วยการ นั่งสมาธิ
เมื่อทำสมาธิไปนานๆเข้า ให้ของขวัญชิ้นที่ดีที่สุดแก่คนที่รักเราที่สุด(ตัวเอง)
แล้วก็กลับมาเผชิญกับโลกอีกครั้ง อย่างเข้มแข็งและมั่นคง(ขึ้น)

ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#11 IQ0

IQ0
  • Members
  • 366 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:MS16
  • Interests:อยากสร้่างบ้านพักคนชราไว้รองรับจนทให้อยู่ใกล้ๆวัด

โพสต์เมื่อ 01 August 2006 - 11:44 PM

ชีวิตก็เป็นอย่างนี้ จะดีใจเสียใจไปทำไม
สิ่งทั้งหลายก็คล้ายความฝัน ตื่นขึ้นมาก็พลันหายไป
ดั่งของที่ขอยืมมา ในไม่ช้าต้องคืนเขาไป

ชีวิตที่ผ่านมา เหมือนภาพลวงตา กลางทะเลทราย
สักวันต้องไปสู่จุดสลาย ทำไมจะต้องไปผูกพัน
ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากคลายความผูกพัน คลายความผูกพัน

ปล่อยวางได้ ใจก็จะสบาย สบายอย่างที่ไม่เคยเป็น
ไม่ช้าใจจะใสบริสุทธิ์ หยุดนิ่งอยู่กลางกาย
จะเข้าถึงความสุขที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีประมาณ
ชีวิตจะเบิกบาน ด้วยตัวของเราเอง
"ชีวิตจะเบิกบานด้วยตัวของเราเอง"

ไม้ต้นเดียว ...........ไม่เป็นผืนป่า
ด้ายเส้นเดียว .........ไม่เป็นผืนผ้า
อิฐก้อนเดียว .... ไม่เป็นบ้านเรือน
ทำบุญคนเดียว ...ไม่เป็นกัลยาณมิตร

#12 บุญรักษา

บุญรักษา
  • Members
  • 189 โพสต์
  • Interests:ขอชีวิตงดงามตามที่ฝัน ขอทุกวันเป็นวันอันสดใส ขอทุกก้าวคือก้าวที่มั่นใจ ขอวันใหม่ก้าวไกลไปกว่าเดิม

โพสต์เมื่อ 02 August 2006 - 01:25 AM

จุดเริ่มต้นอยู่ที่ความหวัง ครับ เมื่อมีความหวังไม่ว่าจะเรื่องใด ๆ เรื่องหนึ่ง มันจะทำให้ตัวเราตื่นกระชุ่มกระชวยตลอดเวลา
ไม่มีสิ่งใดจะมอบให้ นอกจาก....ความจริงใจที่เต็มปรี่ เริ่มต้นผูกพันกันวันนี้ เพื่อมิตรไมตรีที่ดี..ตลอดไป เราต่างก็...มีไฟฝัน พร้อมจะสร้างสรรค์..เพื่อวันใหม่ ขอให้เรา....ต่างเป็นกำลังใจ เพื่อไปสู่จุดหมายที่...ยังรอ

#13 Tanay007

Tanay007
  • Members
  • 616 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 August 2006 - 09:29 AM

จริงๆ แล้วก็อยากจะอธิบายให้ง่าย
อาการอย่างนี้ เขาเรียกว่า กรุณาครับ เกิดกรุณาต่อตนเองและสัพพสัตว์ บุญในตัวของนักสร้างบารมีมาเตือนแล้ว แต่เรื่องที่อยากจะให้ระวังก็คือ โยนิโสมนสิการ เพราะถ้าทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ปล่อยวาง (อุเบกขาช่วย) ธรรมสังเวชจะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ และถ้าประคับประคองใจไม่ดี มันจะเกิดอาการซึมเศร้าได้นะ แทนที่จะบำเพ็ญกรุณาพรหมวิหาร จะกลายเป็นโรคซึมเศร้าไปแทน
เรื่องนี้ก็มีเหตุการณ์ปัจจุบันเป็นอุทาหรณ์อยู่แล้ว คุณลองไปสัมผัสอาสาฯ ช่วยผู้ประสพภัยซึนามิ บางคนจนป่านนี้ก็ยังทำใจไม่ได้กับภาพความสูญเสียของคนอื่นก็มี
เพราะฉะนั้น ถึงได้บอกไงเล่า ถ้าทำใจกับเรื่องธรรมสังเวชไม่ได้ ก็ควรจะไปอยู่ในกลุ่มของอาสาฯ ที่รับบุญประเภทบุญบันเทิง ต้องสดใส ต้องร่าเริงตลอดเวลา และอยู่ในกลุ่มที่จะประคับประคองเราได้

#14 นับดาว

นับดาว
  • Members
  • 422 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 August 2006 - 11:39 AM

ลองรักตัวเองให้มากว่านี้สิคะ

แล้วเปลี่ยนมุมมองใหม่ว่า

เราจะรักาใจของเราให้ใสปิ๊ง..

จะไม่ยอมให้เรื่องราว คำพูด หรือการกระทำใดๆของคนอื่น

มาทำให้ใจหมอง..อะไรที่เลี่ยงได้ก็เลี่ยง

มีอาการอย่างนี้แสดงว่ายังวัยรุ่นอยู่..พออายุมากขึ้นจะค่อยๆดีขึ้นค่ะ
ถ้าใจใส

เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน

#15 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 August 2006 - 03:04 PM

QUOTE
ทำไมนะ คนเราถึงมีเรื่องให้ไม่สบายใจอยู่ทุกครั้ง
ทำไมคนเราต้องมีความรู้สึกที่ต้องแคร์คนอื่นด้วย
ทำไมคนเราเมื่อมีความสุขสุดท้ายมาก็มีความทุกข์ตามมา
ทำไมคนเราต้องมีรัก โลภ โกรธ หลง ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจยากที่จะตัดออก
และทำไมฉันถึงต้องคิดมาก คิดทุกสิ่งทุกอย่างเก็บไว้ในใจด้วย ทำไมถึงไม่เป็นคนที่สบายๆ ไม่เก็บรายละเอียดทีคนอื่นเค้ากระทำต่อเรา
ทำไมอดีตที่เลวร้าย ณ ปัจจุบันถึงยังไม่ลืม
ทำไมต้องมีความรู้สึกด้วย


dry.gif เพราะเรามีใจผูกพันธ์กับผู้อื่นมากเกินเหตุ(ใจอยู่นอกตัว) คือ เมตตา กรุณา เกินขอบเขต กลายเป็นเหวให้ใจเราเป็นทุกข์ เพราะแก้ปัญหาให้ตัวเราและคนรอบข้างไม่ได้
cry_smile.gif เมื่อหันกลับมาดูใจเรา(ใจกลับเข้ามาอยู่ในตัว) โดยเอาอุเบกขาวาง จะเหมือนมีเถาวัลย์ช่วยให้ใจเราไต่ขึ้นจากเหวแห่งทุกข์นั้นได้

biggrin.gif เมื่อเราสว่าง โลกก็สว่างด้วย คำถามในกระทู้ก็จะมีคำตอบเป็นที่ประจักษ์ นำมาแก้ไขสถานการณ์ได้ถูกจุด
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#16 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 August 2006 - 04:29 PM

อย่าไปเก็บมันมาคิดก็จบและ ง่ายจะตาย ก็แค่ไม่คิด

ฟังเพลงของป้ากมลา ก็ดีเน้อ live & learn

เพราะชีวิต คือชีวิต... เมื่อมีเข้ามาก็มีเลิกไปปปป
มีสุขสม มีผิดหวัง หัวเราะ หรือหวั่นไหว เกิดขึ้นได้ทุกวัน...


"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#17 m-ss

m-ss
  • Members
  • 108 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:ใกล้บ้าน

โพสต์เมื่อ 02 August 2006 - 11:54 PM

ลองอ่านหนังสือเรื่อง กลวิธีชนะอุปสรรคของ พระราชภาวนาวิริยะคุณ(หลวงพ่อทัตตชีโว) ดีมากเลยค่ะ มีทั้งสาเหตุ และวิธีแก้ เล่มเล็กอ่านง่าย จบเร็ว ใช้ได้ทันที ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน

#18 ป่าน072

ป่าน072
  • Members
  • 371 โพสต์
  • Location:โคราช
  • Interests:การศึกษาต่อในวิชา วิทยาศาสตร์<br />วิศวะปิโตรเคมี

โพสต์เมื่อ 21 August 2006 - 05:16 PM

ลองแบ่งใจไว้ให้กับตัวเองเยอะๆนะคะ
เมื่อดวงตาปิดสนิมอย่างละมุน
ไม่มีลุ้นเร่งจองมองที่หมาย
ก็จะพบผู้รู้อยู่กลางกาย
ธาตุอ่อนแก่มากมายถึงปลายทาง