สมควรทำหรือปล่าวน๊า
#1
โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 10:38 AM
#2
โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 10:54 AM
แต่จริงๆแล้วก็เป็นการไม่สมควรเท่าไหร่
(ธุรกิจบางประเภทชอบใช้วิธีนี้ คงเลี่ยงยาก)
ยกตัวอย่างที่นี่ เค้าถือว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวเลยนะครับ
การที่บริษัท A ที่เราเป็นลูกค้ามอบข้อมูลเราให้บริษัท B (เพื่อหวังจะขายของหรืออะไรก็แล้วแต่)
อย่างนี้ผิดกฏหมายถ้าหากไม่ได้รับการยินยอมจากเราก่อน
ถึงบริษัท B จะเป็นบริษัทลูกของ A (หรืออยู่ในเครือเดียวกัน) ก็ยังถือว่าผิดนะครับ
นั่นในรูปของบริษัท แต่ถ้าเป็นคนรู้จักกันก็คงต้องคุยตกลงกันละครับ
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#3
โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 11:00 AM
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#4
โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 11:14 AM
...................................
ถูกต้องแล้วครับ ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านล่ะครับ
เพราะเขาอาจจะเป็นต้นทางในการ ชวนท่านสร้างบริวารสมบัติ
เพราะ เขาเสนอโอกาสให้ท่าน ถ้าท่านใช้ปัญญาพิจารณาแล้วว่า
ไม่เป็นมิจฉาวานิชชา ในทางกลับกัน
ถ้าเป็นสัมมาอาชีวะ ไม่คดโกงใคร เอาเปรียบใคร
ก็อาจจะเป็นทางมาแห่งทรัพย์ที่บริสุทธิ์ เอาไว้สร้างบารมีก็ได้นะครับ..
ตามปกติแล้ว การทำบุญ (ทุกๆวัด ไม่ได้เจาะจงแต่วัดพระธรรมกาย)
การทำงานของคนเรานั้นไม่ว่าจะเป็นงานธุรกิจส่วนตัว หรือทำงานในองค์กรต่าง ๆ
ไม่ว่าขนาดใหญ่ หรือเล็กเพียงใด คงไม่มีใครที่จะทำงานโดยลำพังแต่ผู้เดียวโดยไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ครับคุณสายน้ำทิพย์
นั่นคือคนต้อง ทำงานร่วมกับคนอื่น กัลยาณมิตรคนอื่นๆ ทั้งที่อาวุโสกว่าตน อ่อนอาวุโสกว่าตน
และเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในระดับเดียวกัน หรือที่มัก เรียกกันว่า "เพื่อนฝูง" หรือ "เพื่อนร่วมงาน"
หรือ "เพื่อน" มีท่านผู้รู้ได้กล่าวไว้ว่า คนเราจะมีความเจริญ ก้าวหน้านั้น นอกจากจะมีผู้ใหญ่ที่อยู่ในระดับสูงดึงเราขึ้นไปข้างบน คนที่เป็นลูกน้อง ช่วยสนับสนุน ดัน ให้เราขึ้นไป ยังไม่พอ
เพื่อนร่วมงานในระดับเดียวกัน หรือ เพื่อนฝูง ต้องคอยช่วยเหลือ ประคับประคอง
เมื่อเราเสียหลักหรือหกล้ม นั่นคือเราต้องมีเพื่อนที่ดีด้วย ดังคำกลอนที่เราเคยได้ยินกันจนคุ้นหูว่า
มีเพื่อนดีแม้เพียงหนึ่งถึงจะน้อย ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา
เหมือนน้ำจืดบ่อน้อยด้อยราคา ยังดีกว่าน้ำเค็มเต็มทะเล
การใช้ชีวิตอยู่ในสังคม เราต้องหาเพื่อนที่ดี
มีคนมาชวนแสดงว่าเรามีเพื่อนครับ คุณสายน้ำทิพย์
และต้องเป็นเพื่อนที่ดีกับผู้อื่นด้วยคนจึงอยากจะคบหา
สมาคมอยากอยู่ใกล้ เพราะรู้สึกอบอุ่น เป็นมิตร ปลอดภัย
เป็นที่พึ่ง เป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจ ดังนั้น เราจึงควรรู้จัก ผมคิดว่านะครับ
ท่านสายน้ำทิพย์ จงสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีที่ดี
(ขอโทษนะครับ ผมแสดงความเห็นนะครับ ไม่ได้สอนนะครับ
กลัวท่านสายน้ำทิพย์จะมองอย่างนั้น เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดกันนะครับ)
ต่อ ผู้ที่เขาอุตสาห์มาชวน อันได้แก่
1. แสดงความสนใจเขาบ้าง ถ้าเขามองไม่เห็นศักภาพของคุณสายน้ำทิพย์
เขาคงไม่กล้าเอ่ยปากชวน นะครับ
เปิดฉากทักทายติดต่อก่อน ลดทิฐิลงเสียบ้าง
เป็นคนรู้จักทักทายคนอื่นก่อนเสียบ้าง
2. มีความจริงใจต่อเพื่อน
3. ไม่นินทาเพื่อนแม้ว่าจะเป็นที่ถูกใจของคู่สนทนา
4. ไม่ซัดทอดความผิดให้เพื่อน
5. ยกย่องชมเชยเพื่อนในโอกาสอันควร(ชมมากกว่าติ)
6. ให้ความช่วยเหลือกิจการงานของเพื่อนด้วยความเต็มใจ
7. ให้เพื่อนรับทราบเรื่องที่เขารับผิดชอบหรือเกี่ยวข้อง
8. หลีกเลี่ยงการทำตัวเหนือเพื่อน
9. ทำตนให้เสมอต้นเสมอปลาย
10. เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนฝูง
11. ออกไปพบปะสังสรรค์บ้างตามโอกาสอันควร
12. ช่วยเหลือเพื่อน เป็นที่พึ่งแก่เพื่อนยามทุกข์ร้อน
13. ให้เกียรติและรับฟังความคิดเห็นของเพื่อน
14. เก็บความลับของเพื่อน รักษาสัจจะ
15. แนะนำเพื่อนไปในทางที่ดี ไม่พาไปสู่ทางเสื่อม
ในทางพุทธศาสนาได้กล่าวถึงเพื่อนแท้ว่ามี 4 จำพวก คือ
จำพวกที่ 1 เพื่อนมีอุปการะ มีลักษณะ 4 อย่าง คือ
1. ป้องกันเพื่อนผู้ประมาทแล้ว
2. ป้องกันทรัพย์สมบัติของเพื่อนผู้ประมาทแล้ว
3. เมื่อมีภัยเป็นที่พึ่งได้
4. เมื่อมีธุระ ช่วยออกทรัพย์ ออกแรง มากกว่าออกปาก
จำพวกที่ 2 เพื่อนร่วมสุขร่วมทุกข์ มีลักษณะ 4 อย่าง คือ
1. ขยายความลับของตนแก่เพื่อน
2. ปิดความลับของเพื่อน
3. ไม่ละทิ้งเพื่อนยามวิบัติ
4. แม้ชีวิตก็อาจสละแทนได้
จำพวกที่ 3 เพื่อนแนะนำประโยชน์ มีลักษณะ 4 อย่าง คือ
1. ห้ามไม่ให้ทำชั่ว
2. แนะนำให้ตั้งอยู่ในความดี
3. ให้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
4. บอกทางสวรรค์ให้
จำพวกที่ 4 เพื่อนมีความรักใคร่ มีลักษณะ 4 อย่าง คือ
1. เมื่อมีทุกข์ก็ทุกข์ด้วย
2. เมื่อมีสุขก็สุขด้วย
3. โต้เถียงคนที่ติเตียนเพื่อน
4. รับรองคนที่พูดสรรเสริญเพื่อน
หน้าที่ของคนที่ควรปฏิบัติต่เพื่อน ตามหลักที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ 5 ประการ ได้แก่
1. การให้ปัน
2. การกล่าวถ้อยคำอันเป็นที่รัก
3. ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่เพื่อน
4. ความเป็นผู้มีตนเสมอ
5. ไม่แกล้งกล่าวให้คลาดเคลื่อนจากความจริง
สิ่งต่าง ๆ ที่ได้เขียนไปแล้วนั้น เป็นเพียงหัวข้อย่อ ๆ มิได้ขยายความอะไรให้เยิ่นเย้อ
คิดว่าคงจะขยายความได้และเข้าใจ ทำให้ไม่เสียเวลาในการอ่าน และประหยัดพื้นที่ด้วย
จะเห็นว่าสิ่งที่กล่าวไปทั้งหมด คงหนีไม่พ้นหลักธรรมทางพุทธศาสนา
ที่เป็นธรรมอันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจผู้อื่น หรือธรรมเพื่อให้คน
เป็นที่รักของคนทั่วไป คือ สังคหวัตถุ 4 (Base of sympathy) นั่นเอง ซึ่งได้แก่
1. ทาน (giving offering) คือการให้ เสียสละ แบ่งปันแก่ผู้อื่น
2.ปิยวาจา (Kindly speech) คือ พูดจาด้วยถ้อยคำสุภาพ
นุ่มนวล เหมาะแก่บุคคล เวลา สถานที่ พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์
พูดในทางสร้างสรรค์ และเกิดกำลังใจ
3. อัตถจริยา (useful conduct) ทำตนให้เป็นประโยชน์ ตามกำลังสติปัญญา
ความรู้ความสามารถ กำลังทรัพย์ และเวลา
4. สมานัตตตา (even and equal treatment) คือทำตนให้เสมอต้นเสมอปลาย
วางตนเหมาะสมกับ ฐานะ ตำแหน่งหน้าที่การงาน ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ร่วมทุกข์ร่วมสุขสม่ำเสมอ
หลักธรรมที่กระผมกล่าวมานี้ หากผู้ใดยึดถือปฏิบัติ เชื่อแน่ว่าจะเป็นที่รักใคร่เคารพนับถือของเพื่อนร่วมงาน
และบุคคลทั่วไป คนไทยเรานั้น มักชอบจดจำถ้อยคำที่คล้องจองกัน
จึงใคร่ขอเสนอคำที่จะทำให้จำได้ง่าย
และเป็นคาถาสำหรับทำให้ตนเองเป็นที่รักใคร่ของบุคคลทั่วไป
และจะไม่ไปตัดรอนสายสัมพันธ์อันดีเวลามีคนมาชวนทำธุรกิจ
เพื่อจะได้มีทรัพย์ไว้สร้างบารมีครับ ท่านสายน้ำทิพย์ คือ เราควรจะเป็นคนที่
โอบอ้อมอารี (ทาน)
วจีไพเราะ (ปิยวาจา)
สงเคราะห์ปวงชน (อัตถจริยา)
วางตนเหมาะสม (สมานัตตตา)
ดังบทร้อยกรองข้างบนนี้ ผ.ศ. มณเฑียร ดีแท้
อดีต อาจารย์ สถาบันราชภัฏอุตรดิตถ์ ได้กล่าวไว้ ว่า..
โขลงช้างย่อมมีพญาสาร ครอบครองบริวารทั้งหลาย
ฝูงโคขุนโคก็เป็นนาย ต่างหมายนำพวกไปหากิน
ฝูงหงษ์มีเหมราชา สกุณามีขุนปักษิณ
เทวายังมีสักรินทร์ เป็นปิ่นเทวัญชั้นฟ้า
หมู่คนจะตั้งเป็นคณะ ต่างคิดเกะกะตามประสา
จะอยู่ไปได้ดีกี่เวลา ดูน่าจะยับอับจน
จำเป็นต้องมีหัวหน้า กะการบัญชาให้เป็นผล
กองทัพบริบูรณ์ด้วยผู้คน ไม่มีจุมพลจะสู้ใคร
หมายถึงว่า ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือมนุษย์ ต้องการที่จะมีกลุ่ม เป็นหมู่ เป้นเหล่า
เหมือนกับพวกเราเหล่ากัลยาณมิตรวัดพระธรรมกายนี่หล่ะครับ
เมื่ออยู่รวมกันเป็นหมู่เหล่า ต้องมีผู้นำ หรือหัวหน้า การเป็นหัวหน้า หรือผู้นำ
หรือผู้บังคับบัญชา หรือลูกพี่ หรือจะเรียกเป็นอย่างไรก็แล้วแต่
ที่มีความหมายว่า เป็นผู้บังคับบัญชา คนที่เป็นหัวหน้านั้น
บางคนก็ได้รับความเคารพนับถือ เลื่อมใสศรัทธา รักใคร่จากลูกน้อง
บางคนก็ธรมมดาๆ ลูกน้องรู้สึกเฉยๆ (ไม่ดีไม่ร้าย) แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ
คนที่ลูกน้องส่วนใหญ่บ่น ด่า ไม่ศรัทธาเลื่อมใส ไม่เคารพนับถือ
อยากจะย้ายตนเองไปอยู่ที่อื่น หรืออยากให้เจ้านายคนนั้น ย้ายไปให้ไกลๆ โดยเร็ว
การปกครองคนสมัยนี้จะใช้อำนาจ หรือพระเดชเพียงอย่างเดียวเหมือนเมื่อครั้งกาลก่อนคงไม่ได้
เพราะคนสมัยนี้มีการศึกษา มีความคิดความอ่านดีขึ้น
สามารถรับความรู้ได้จากทุกสารทิศ หมายความว่า
คนสมัยนี้มีการศึกษาดีขึ้นนั่นเอง ถึงแม้ว่าโลกจะวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปเร็วเท่าใด
ไกลเท่าใด วิธีการ ทางพุทธศาสนายังใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย
ลองอ่านนิทานสั้นๆ ต่อไปนี้ดูก่อนเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ เผื่อว่าจะได้
ตรองดูเวลามีคนเขามาเสนอโอกาส ต่างให้ท่านสายน้ำทิพย์ นะครับ
ซึ่งนิทานโบราณได้เล่าไว้ว่า มานพน้อยได้เดินทางกลับบ้านพร้อมด้ยเกวียนที่บรรทุกตำราที่ได้เรียนมา
เมื่อถึงบ่อน้ำแห่งหนึ่ง ได้หยุดพักเผอิญได้พบหญิงงามคนหนึ่ง
จึงขอดื่มน้ำ หญิงงามจึงให้ดื่มน้ำ ตรามที่ปรารถนา และได้ถามมานพน้อยว่า
"เกวียนของท่านบรรทุกอะไรมากมายเหลือเกิน"
มานพน้อยได้ตอบว่า
"เป็นตำราเกี่ยวกับมารยาหญิงทั้งสิ้น ซึ่งฉันได้เรียนมาจนจบครบถ้วนเกี่ยวกับมารยาหญิง รู้หมดว่าหญิง นั้นมีมารยาอย่างไรบ้าง"
หญิงงามจึงถามว่า "ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าขอทดสอบวิชาของท่านได้ไหม"
มานพน้อย รีบตอบว่า "เอาเลย ไม่พรั่น"
ทันใดนั้นยอดหญิงจึงร้องตะโกนสุดเสียงว่า "ว้าย ตายแล้ว ช่วยด้วยๆ"
เสียง ของหญิงสาวได้ยินไปถึงหูชายฉกรรจ์ในหมู่บ้าน จึงช่วยกันถือมีดถือไม้
วิ่งมาอย่างอีกทึก ตรงมายังบ่อน้ำ ซึ่งเป็นที่มาของเสียง ทำให้มานพน้อยบัณฑิตมารยาหญิง
ตกใจหน้าซีดทำอะไรไม่ถูก คิดว่าคงถูกรุมตายแน่ๆ หญิงงามผู้นั้นจึงกระซิบว่า
"ถ้าไม่อยากตาย รีบกระโดดลงไปในบ่อน้ำเดี๋ยวนี้"
มานพน้อย รีบปฏิบัติตาม เมื่อ กลุ่มชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านมาถึงบ่อน้ำ เธอก็รีบบอกว่า
"มีชายคนหนึ่ง ตกลงไปในบ่อน้ำ ช่วยเขาด้วยเถิด"
เมื่อ เหตุการณ์ผ่านไปด้วยดี มานพน้อย บัณฑิตมารยาหญิงจึงตัดสินใจเผาตำราทั้งหมดและนัยว่าจะขออยู่ศึกษา
เรื่องมารยาหญิงกับหญิงผู้นั้นตลอดชีวิต นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความรู้ใดๆ
ในโลกนี้ไม่มีวันที่จะศึกษาเล่าเรียน ได้จบสิ้น
จะต้องศึกษาไปเรื่อยๆ ความรู้ประสบการณ์ที่เคยใช้ที่หนึ่ง อาจนำไปใช้ในที่อื่นๆ ไม่ได้
ดังนั้นถ้ามีคนเขามาเสนออะไรให้เราพิจารณา จงอย่าตัดโอกาส
อย่างน้อยแสดงความสนใจ
เพื่อได้ความรู้บ้างไม่มากก็น้อย ดีกว่าการ รีบปฎิเสธไปในทันที
อาจจะเป็นการตัดทอนน้ำใจเขาก็ได้ นะครับ ท่านสายน้ำทิพย์
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#5
โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 11:16 AM
เห็นด้วยกับ ข้อความ ข้างบนนี้ค่ะ
#6
โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 11:26 AM
และ...สาธุ ค่ะคุณเถลิงเกียรติ ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อความที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะข้อ 1-15 นี่ นำมาใช้กับสถานการณ์ของตนเองที่กำลังเกิดขึ้นในบริษัทได้เลยค่ะ...ขอบคุณค่ะ
#7
โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 12:24 PM
เสนอความเห็นได้ละเอียดและดีมากครับ ได้ความรู้ตามทัศนะไปด้วย การตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับ คุณ หนูชื่อสายน้ำทิพย์ น่ะครับ
ว่า จะตัดหยุ่มตัดหยิ๋มหรือไม่ ก็ต้องพิจารณาจากพฤติกรรมของผู้ติดต่อนั้นเอง คงจะไม่มีใครสรุปเหตุและผลได้ดีเท่าเจ้าของกระทู้จ้ะ
#8
โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 12:45 PM
#9
โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 12:49 PM
#10
โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 01:53 PM
ช่ายแล้วค่ะ ชอบไม่ชอบก็บอกไปตรงๆเล้ย..คนกันเอง..
มาชวนเราแบบตรงๆ (ไปขายตรงด้วยหรือเปล่านะ ?) เราก็ตอบไปตรงๆ ว่า Yes or No.. ดีมั๊ยคะ
เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
#11
โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 06:26 PM
แล้วแต่มุมมองนะครับ ...
แต่โดยส่วนตัว แล้ว คิดว่า ไม่สมควรนะครับ ...
ถึงแม้เราจะหวังดี แต่ เบอร์โทรศัพท์ ของผู้อื่น ก็ถือ เป็นทรัพย์สินอย่าหนึ่ง ...
ถ้าเค้าไม่ยินยอม ... ก่อน ก็ถือว่า ผิดศีล ข้อที่ 2 แต่ถ้าเรา ห้ามใจไม่ได้ ศีลข้อที่ 4 ก็ตามมานะครับ
อย่าหวังดีอยู่บนความเสี่ยง ต่อการผิดศีลนะครับ
บางครั้งจังหวะไม่ดี เราอาจจะสร้าง ความทุกข์ให้เค้า ทั้ง 2 ฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้นะครับ ...
สาธุ ... ครับ ...
........................................
เ มื่ อ เ ร า ส ว่ า ง * * * โ ล ก * * * ก็ ส ว่ า ง ด้ ว ย ^^~*
ส า ธุ . . . ค รั บ ^^~*
#12
โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 06:55 PM
ตัดสินใจ เป็นหน้าที่เรา
คิดแบบนี้ดีกว่าไหม
#13
โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 08:37 PM
#14
โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 10:22 PM
และขอบคุณคำชี้แนะที่ดีมากๆของคุณเถลิงเกียรติ ค่ะ
เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆอีกมากเช่นกัน
#15
โพสต์เมื่อ 09 August 2006 - 11:22 PM
ที่เป็นห่วงก็คือ คุณสายน้ำทิพย์เป็นผู้หญิง เหมือนกับตัวเอง บางครั้ง คนที่รู้จักเราเนี่ย เค้าเอาเบอร์ให้ไปด้วยความหวังดี ก็จริง แต่บางที คนที่ได้เบอร์เราไป เค้าก็ไปใช้ในทางที่จะสร้างความลำบากให้เราได้นะคะ คุณสายน้ำทิพย์ จึงควรจะบอกคนรู้จัก ด้วยนะคะ ว่าคราวหน้าให้ถามนิดนึง ว่า คุณสายน้ำทิพย์ o.k. มั๊ย การได้โอกาสเนี่ยดีค่ะ แต่ก็เป็นดาบสองคมด้วยนะคะ
ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีอะไรนะคะ เพียงแต่เป็นห่วง เพราะเป็นผู้หญิงที่ต้องดูแลตัวเอง ในโลกที่เบี้ยวๆ บูดๆ ดีมั่ง ร้ายมั่ง เหมือนกันน่ะค่ะ
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#16
โพสต์เมื่อ 10 August 2006 - 01:24 AM
เห็นด้วย กับkoonpatt นะคะ ต้องเคลียร์กับคนที่เรารู้จักหน่อยก็ดีค่ะ
ขอบคุณ คุณสมเกียรติ กับขอมูลดีๆอีกแล้วนะคะ ไม่ต้องไปหาข้อมูลที่ไหน หาคุณสมเกียรติให้เจอก็พอแล้ว อิอิ.. สาธุ
#17
โพสต์เมื่อ 10 August 2006 - 08:47 AM