จากอีเมล์นำมาฝากให้อ่านเล่น ๆ นะคะ น่าจะจริงหรือไม่จริงอย่างไร พิจารณาดูนะคะ
.......................................................................
สวัสดียามบ่ายแก่ ๆ วันนี้วันหยุด ตอนบ่ายได้อ่านหนังสือนิดหน่อยก็ง่วงซะแล้ว เลยเผลอหลับไป ก็เลยมีความฝันแปลก ๆ เหมือนมีลางสังหรณ์อย่างนึงว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเราอีกแล้วเหรอ? เพราะดิฉันเคยฝันกลางวันนี่แหล่ะ แล้วตรงกับความจริงด้วย รู้ว่าในฝันนั้นตกใจและเสียใจ...และมันก็ทำให้เราเกลียดเพื่อนคนนั้นไปเลย...
แต่คราวนี้ฝันว่า เพื่อนผู้ชายร้องไห้ต่อหน้าเรา เราก็ถามว่าเป็นอะไร เขาก็ยิ่งกลับร้องไห้ใหญ่ เราก็ตื่นก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ฝันนี้จะหมายถึงอะไรอีก...แต่ฉันมักจะให้ความสำคัญกับความฝันของฉันเสมอ...เพราะมันหมายถึง จิตใต้สำนึกอะไรสักอย่างที่ยังไม่ได้ถูกเปิดเผย และอาจเป็นเทพมาบอกเรา.....ว่าจะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ .....แต่ฝันกลางวันเขาบอกว่า เปอร์เซ็นต์ถูกนั้นไม่แน่นอนเท่ากับฝันตอนรุ่งสาง......แต่ก็เชื่อไว้ก่อนดีกว่าค่ะ...เราจะได้ระมัดระวังตัวไว้
เกี่ยวกับความฝันนี่ พี่สาวคนโต ก็เคยฝัน ฝันตอนรุ่งสางใกล้เช้า ซึ่งฝันนั้นตรงด้วย อันนั้นก็เหมือนเทพมาบอกว่า มีผู้หญิงนุ่งชุดไทยโบราณมาบอกพี่สาวเราว่า ที่ดินที่พ่อกับแม่ซื้อทิ้งไว้นั้น ให้ไปดูที่ตรงนั้น...พอแม่กับพ่อไปดูก็จริง ๆ ด้วย...จะมีคนบุกรุกที่ดินตรงนั้น แถมยังโค่นต้นไม้ใหญ่ด้วย โดยควั่นตรงโคนต้น ให้ต้นไม้ยืนต้นตาย....พ่อกับแม่เลยต้องไปล้อมรั้วลวดหนามไว้เลย.....แล้วจะไม่ให้เชื่อในเรื่องความฝันได้อย่างไร .....ก็เลยเก็บบทความเกี่ยวกับความฝันมาฝากนะคะ......
:: การฝัน (Dreaming)...ทำไมเราจึงฝัน ::
การนึกเห็น เป็นเรื่องเป็นราว ในขณะหลับ บางคน ถือว่า การฝัน เป็นอาการหลอน อย่างหนึ่ง เพราะขณะฝัน เราจะรู้สึกว่า สิ่งที่เราเห็น หรือสัมผัสได้นั้น เป็นของจริง หรือเกินจริง และสั้นๆ ยาวๆ ได้ต่างๆ กันอย่างมาก จึงมีสภาพเหมือน อาการหลอน อย่างหนึ่ง
เราทุกคน ต่างก็ฝันกัน คืนละ 4-5 เรื่อง เหตุการณ์ ในความฝัน อาจจะดู ยาวนาน หลายชั่วโมง หรืออาจจะยาว เป็นวันๆ แต่จากการวิจัย พบว่า ความฝันส่วนใหญ่ จะกินเวลา 2-3 วินาที ไปจนสูงสุด ไม่เกิน 40 นาทีโดยประมาณ เมื่อรวมตลอด ชั่วชีวิตแล้ว ก็อาจจะรวม ได้เป็น 100,000 ครั้ง ในความฝัน เหล่านี้ ทั้งหมด จะอัดแน่นไปด้วย ข่าวสาร และความเข้าใจต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของตัวเราเอง ชีวิตของเรา ความสามารถ ของเรา ความสัมพันธ์ ของเรา กับคนอื่นๆ
ความฝันที่จำได้ ส่วนใหญ่ (80-90%) เกิดในช่วงของ การหลับแบบ ตากระตุก ความฝัน ที่เกิดขึ้นในช่วงแรกๆ ของการหลับ มักจะ ถูกลืมบ่อยกว่า ความฝันที่เกิดขึ้น เมื่อใกล้ตื่น หรือฝันจนตื่น ส่วนใหญ่ความฝัน จะอยู่ในรูปของ การเห็น รองๆ ลงมาจะเป็น รูปของ การได้ยิน การสัมผัส และความเจ็บปวด ที่พบน้อยมากคือ ฝันในรูปของ การได้ลิ้มชิมรส และการได้กลิ่น
คนหลับสนิท จะฝันน้อย หรือจำความฝัน ได้น้อย หรือไม่รู้สึกว่า ฝันเลย ถ้าหลับๆ ตื่นๆ ก็มักจะ จำความฝัน ได้มาก และบ่อย ความฝัน อาจจะ เพิ่มขึ้น เมื่อมีเหตุการณ์ ใหม่ๆ แปลกๆ เกิดขึ้นกับตนเอง หรือสิ่งแวดล้อม คนตั้งครรภ์ ในระยะแรกๆ อาจจะฝันบ่อย และฝัน แปลกๆ จนบางครั้ง การฝัน ที่เพิ่มขึ้นมาก ก็เป็นสิ่งหนึ่ง ที่ช่วยในการ วินิจฉัยว่า หญิงนั้น เริ่มตั้งครรภ์ได้ ทั้งๆ ที่ ประจำเดือน ยังไม่ขาด อาการ เจ็บไข้ได้ป่วยต่างๆ โดยเฉพาะที่ทำให้ ต้อง ตื่นกลางดึก บ่อยๆ มักทำให้ฝันบ่อย หรือจำความฝัน ได้มากขึ้น และมักจะเป็นฝันร้าย ความอัดอั้น ทางกาย บางอย่าง ก็ทำให้ฝันได้ เช่น ฝันเปียก ซึ่งฝันว่าได้ร่วมเพศ บางคนฝันว่า ไปส้วม เพื่อถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ เมื่อตื่นขึ้นมา ก็มักจะพบว่า กำลังปวดอุจจาระ หรือปัสสาวะอยู่ หรืออาจถ่ายรดที่นอน ไปแล้วก็ได้
ทำไมเราจึงฝัน
ความคิดเห็น เกี่ยวกับ สาเหตุ ของการฝัน มีมากมาย หลากหลายกันไป นักจิตวิทยาบางคน เชื่อว่า เราฝัน เพื่อปลดปล่อย ความเครียด บางคนก็บอกว่า ความฝัน เป็นเพียงวิธีที่ จิตของเรา ใช้ปลดปล่อย เรื่องขี้หมูรา ขี้หมาแห้ง ของแต่ละวันออกไป บางคนก็ว่า ความฝัน เป็นเพียงคำพูด ที่ปราศจาก ความหมาย ของจิตใจ แต่ก็มีหลายท่าน ที่เชื่อว่า ฝันคือข่าวสาร ที่ส่งมาจาก จิตใต้สำนึก เพื่อกระตุ้น ให้เราสนใจ พิจารณา ในเรื่องต่าง ๆ บางครั้ง มันจะเปิดเผย ความขัดแย้ง ที่อยู่ลึกลงไป ในจิตใจ ซึ่งก่อให้เกิด ผลกระทบต่อ ชีวิตประจำวัน ของเรา
ซิกมันด์ ฟรอยด์ เคยกล่าวว่า ความฝัน ที่เราไม่เข้าใจ ก็เปรียบได้กับ จดหมาย ที่ยังไม่ได้ เปิดอ่าน ซึ่งก็หมายถึง ข่าวสาร ที่มาจาก จิตใต้สำนึก ที่เรา ไม่มีโอกาสได้รับ นั่นเอง นักจิตวิเคราะห์ บางกลุ่ม จึงให้ความสำคัญกับ การแปล ความหมาย ของความฝัน อย่างมาก และเชื่อว่า จิตใต้สำนึก จะส่งสิ่งเตือนใจ มาให้เรา อย่างต่อเนื่อง ในรูปของ ความฝัน ที่เกิดขึ้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้อง ให้ความสนใจ กับความฝัน ของตนเองบ้าง สิ่งที่มีอิทธิพล กับความฝัน (Influence)
สภาพจิตใจ
การแพ้อาหาร บางชนิด การแพ้ยาบางชนิด เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ ปริมาณมาก ซึ่งรบกวน การนอนหลับ อย่างสงบ ก็ส่งอิทธิพล กับความฝัน เช่นกัน การเจ็บไข้ได้ป่วย บ่อยครั้ง ที่ร่างกาย ส่งสัญญานมา ให้เรารับรู้ ทางความฝัน ก่อนที่ อาการเจ็บป่วยนั้นๆ จะปรากฏ จริงๆ ด้วยซ้ำ สภาพแวดล้อม ของห้องนอน เช่น ความร้อน / หนาว ความมืด / สว่าง เสียงที่รบกวน ซึ่งล้วน สร้างความกดดัน ให้แก่ร่างกาย และจิตใจ ก็อาจ สะท้อนออกมา ในความฝันได้ การมีรอบเดือน จะมีอิทธิพลกับ ความฝัน ของผู้หญิงบางคน
ทิศทางของที่นอน บางคนแนะนำว่า ถ้าคุณหันหัวนอน ไปทาง ขั้วแม่เหล็กโลก ขั้วเหนือ (North Pole) เพื่อให้ สนามแม่เหล็กไฟฟ้า ในร่างกายเรา สอดคล้องกับ สนามแม่เหล็กโลก ซึ่งจะทำให้ เรามี ความกลมกลืนกับ พลังงาน ตามธรรมชาติ ช่วยให้หลับสนิท และฝันได้ชัดเจนด้วย
**************************************************
ถ้าเป็นบทความของไทย ๆ ก็จะกล่าวได้ว่า เหตุของความฝันเิกิดได้ ตามข้อความข้างล่างนี่ค่ะ
พระอรรถกถาจารย์แห่งสุปินสูตร ได้แสดงเหตุของการฝันว่ามี ๔ ประการ เรียงลำดับไว้ดังนี้
๑. เพราะธาตุกำเริบ (ธาตุโขภะ)
คนที่มีสุขภาพไม่ดี มีโรคในท้อง คือธาตุกำเริบเพราะดี ผิดปรกติ เป็นต้น อาหารไม่ย่อย เรียกว่าท้องเสีย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คิดปรุงแต่งต่างๆ นานาออกมาเป็นความฝัน ขณะหลับแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น ตื่นขึ้นมายังจดจำได้เหมือนได้เห็นภาพความฝันว่าตายไปแล้ว พูดไม่ได้ พูดกับใครเขาก็ไม่รู้เรื่อง เป็นตัวอย่าง ฝันเพราะเหตุธาตุกำเริบดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องจริงจังอะไร ผู้ฝันอย่าไปคิดหวาดหวั่นพรั่นพรึงเป็นอันขาด ขอให้มั่นใจว่าเป็นความฝันที่ไม่ก่อผลร้ายต่อตนแต่อย่างไรเลย
๒. เพราะเคยเป็นมาก่อน (อนุภูปุพพะ)
คนบางคนเคยคิดอะไรมากๆ พูดอะไรมากๆ ทำอะไรมากๆ ในอดีต หรือผ่านประสบการณ์ใดที่จิตยังผูกพันอยู่ก่อนที่ยังไม่ได้นอนหลับ ครั้นนอนไปแล้วหลับไม่สนิท ก็คิดใฝ่ฝันเป็นความฝัน ยิ่งเป็นคนวิตกจริตคิดมากก็ยิ่งฝันบ่อย ความฝันเช่นนี้มักไม่เป็นความจริง คิดไปก็ไร้สาระ เช่น หนุ่มฝันเห็นสาวที่ตนหลงรัก บางทีฝันว่ามีหนุ่มคนอื่นมาแย่งชิงไปเสียแล้ว แต่ตามความจริงก็ไม่มีใครมาแย่งชิง ใจคิดไปเอง หวั่นวิตกไปเอง จึงเป็นเหตุให้ฝันอย่างไร้สาระ บางคนคิดจะแทงหวย พอนอนหลับก็ฝันเห็นเลข ๑, ๒, ๓ เป็นต้น นึกว่าจะถูกหวย ตื่นขึ้นมารีบไปซื้อหวยเลข ๑, ๒, ๓ ผิดทุกที ไม่มีถูก เพราะเป็นเรื่องจิตอาวรณ์ เคยคิดเป็นอารมณ์เป็นประสบการณ์มาก่อน คล้ายๆ มีสิ่งที่เรียกว่า จิตใต้สำนึก ฝังใจให้กลายเป็นความฝัน
๓. เพราะเทวดาดลใจ (เทพสังหรณ์)
เทวดาบางพวกชอบดลจิตดลใจให้คนใฝ่ฝัน ถ้าเป็นเทวดาร้ายก็ดลใจให้คนฝันเห็นสิ่งที่น่าตระหนก ตกใจ เข้าใจผิด เป็นทุกข์ สูญเสียในด้านต่างๆ เทวดาบางพวกเป็นเทวดาดีมีสัมมาทิฐิ ย่อมดลบันดาลให้คนฝันถึงสิ่งที่ดี มีสาระประโยชน์ โสตถิผล หรือเตือนสติให้มุ่งดีทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ รู้เหตุดี เหตุร้าย ป้องกันเหตุร้ายหมายสร้างเหตุดีมีค่า ถ้าเทวดาประสงค์ดีก็ดลใจให้เราได้รับประโยชน์ ห่างโทษต่างๆ มีโชคชัย ได้ลาภดี
เทพสังหรณ์ การฝันเพราะเทวดาบันดาลนี้เชื่อกันว่ามีความจริงบ้าง ไม่มีความจริงบ้าง ก้ำกึ่งกัน เพราะยังไม่ทราบว่าเทวดาที่มาดลใจเรานั้น เป็นเทวดาดีมีสัมมาทิฐิ หรือเทวดาไม่ดีมีมิจฉาทิฐิ
๔. เพราะบุรพนิมิต
ความฝันที่เกิดเพราะบุรพนิมิต หรือลางบอกเหตุล่วงหน้า มี ๒ ประการ คือ ลางบอกเหตุดี และ ลางบอกเหตุร้าย ลางบอกเหตุดี เกิดมาจากบุญกุศลของแต่ละคน ส่วนลางบอกเหตุร้าย เกิดมาจากบาปอกุศลของแต่ละคน ผู้ที่เคยทำบุญไว้มากหรือท่านผู้ทรงบุญญาธิการของบ้านเมือง มักมีความฝัน หรือสุบินมิตให้เห็นเป็นลางบอกเหตุ ให้รู้ความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองภายหน้า มีเวลาที่จะปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงานให้ดีงามและอยู่รอดปลอดภัยได้ ตลอดถึงทำให้มีกำลังใจในการต่อสู้บากบั่นฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ได้
ความฝันแบบนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ฝัน ตัวอย่าง ความฝัน หรือพระสุบินนิมิตของพระราชชนนีของพระโพธิสัตว์สิทธัตถะ เมื่อจะทรงได้พระราชโอรส พระพุทธองค์ครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ทรงนิมิตฝันเห็นมหาสุบิน ๕ ประการ