ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

การนึกนิมิตไม่ยากถ้ารู้จักใช้สิ่งที่เรามีอยู่(กิเลส)


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 จักรพรรดิ์

จักรพรรดิ์
  • Members
  • 39 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 12:07 PM

ต้องขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่า นั่งสมาธิได้ไม่นาน และก็ยังคอยเข้ามาถามอยู่บ่อยๆเกี่ยวกับการปฎิบัติธรรม ถ้าการบอกครั้งนี้เป็นข้อผิดพลาดก็ขอโทษด้วยนะครับ ยังไงก็เป็นความคิดส่วนตัวอย่าว่ากันนะครับ คนส่วนมาก มักมีกิเลสเป็นของตน เช่นบางคนอยากรวยอยากมีเงินเยอะๆ พอนั่งสมาธิให้นึกถึงดวงแก้วมักจะนึกไม่ออก แต่ถ้านึกถึงทองคำ สุก สว่าง ใส อยู่กลางตัว เหมือนมีเงินพกติดกระเป๋า มีแสงไฟส่องลงมาเป็นทางช่วยให้เห็นทองคำสุกใสสว่างยิ่งขึ้น นี้เป็นการเอากิเลสที่มีในใจมาใช้ แต่อย่าโดนกิเลสใช้ก็แล้วกันนะครับ ผมว่าเราควรหาสิ่งที่เราคุ้นเคย อย่าไปหาสิ่งที่เราไม่คุ้นมาตรึก มันยาก เอาง่ายๆสบายๆไม่เครียด ถ้าไม่สบายก็ผิด สิ่งที่ควรได้จากสมาธิจริงๆคือความสบายของใจเหมือนได้พัก สิ่งที่จะได้เห็นคือของแถมให้กับการปฎิบัติคือตัวเรา ถ้านึกไม่ออกเลยไม่หวังเงินทองใดๆเลยก็ตรึกถึง พ่อหรือแม่ อยู่ที่กลางท้อง ให้เอาใจของเราวิ่งไปตามฐานของใจไปสุดที่ฐานที่7 ให้ท่านนั่งอยู่ที่ท้องของเรา เพราะอย่างไรท่านก็เป็นพระที่บ้าน เป็นพระที่เรารักและเคารพ แบบนี้จะตรึกง่าย ผมก็ปฎิบัติดังได้กล่าวมานี้ ขณะนั่งถ้ารู้สึกไม่สบายก็ใช้สติดูจะรู้ว่าเราเครียดไปให้ผ่อนร่างกานให้เบาสบาย ถ้าหย่อนไปก็ง่วงก็ใช้สติดูก็รู้ว่าหย่อนไป เอาสบายๆกลางๆ ดูเอานะครับ ผิดถูกอย่างไรช่วยกระซิบบอกด้วยนะครับ สำหรับคนที่จะตรึกนิมิตก็ อ่านของพี่ๆที่เค้าปฎิบัติธรรมด้านล่างว่าถูกผิดอย่างไรนะครับ สุดท้ายนี้ ผมดีใจมากเลยครับที่ได้มีโอกาส รู้จักกับผู้มีบุญทุกท่าน ที่คอยสอนผมปฎิบัติธรรมมาโดยตลอด ขอบคุณครับ

#2 น้อมเศียรเกล้า

น้อมเศียรเกล้า
  • Members
  • 365 โพสต์
  • Location:ถ.ลาดพร้าว
  • Interests:พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย การรักษาโรคด้วยวิธีธรรมชาติ <br />รำนาฏศิลป์ เล่นดนตรีไทย เล่นดนตรีสากล

โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 12:15 PM

ดิฉันก็ถนัดอย่างนี้แหละค่ะ คือตรึกเอาผู้เป็นที่รักที่เคารพเข้าไปได้แก่ หลวงปู่ คุณยายอาจารย์ บางครั้งก็เป็นคุณแม่ของดิฉันเอง

นั่งตรึกไปก็อมยิ้มไป ตรึกทีไรก็สุข แล้วก็รู้สึกนิ่งดีค่ะ

#3 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 01:35 PM

หลวงพ่อเคยบอกไว้ว่าใช้อะไรก็ได้ที่นึกง่ายๆโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก
หรือสิ่งที่เราคุ้นเคยกันดี
บางทีถ้วยกาแฟ ดอกไม้ หรือสิ่งดีๆอะไรก็ได้ครับที่นึกแล้วสบายใจ
เพื่อนต่างศาสนิกบางท่านก็ใช้สัญลักษณ์ของศาสนาของเค้าก็มี

แต่สุดท้ายก็จะไปจบที่เดียวกันครับ
"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)

#4 D_jung

D_jung
  • Members
  • 109 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 02:11 PM

นึกนิมิต เพื่อการทำสมาธิ นึกเอาสิ่งที่เราคุ้นเคยและเห็นติดตา จำง่าย เห็นแล้วรู้สึกสบายๆ
อาจเป็นสิ่งของในชีวิตประจำวัน ของที่เราเคารพ คุณพ่อคุณแม่ ของมีค่า เพชร ทับทิม ดอกไม้ ฯลฯ
ของในบ้าน-ของกิน(เช่นน้องคนนึงนึกถึงไอติม) ก้อนน้ำแข็ง แก้วน้ำ ฯลฯ แล้วแต่จะนึก
แต่ไม่ควรนึกสิ่งที่ทำให้ร้อนใจ หรือทำให้มีความรู้สึกมากมาย จนทำให้ใจไม่นิ่ง
เช่น คนที่นึกรูปแฟนตัวเอง นึกไปนึกมา ก็คิดถึงแฟน เป็นห่วง ใจไม่สงบซะงั้น
happy.gif laugh.gif

#5 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 03:18 PM

เวลานั่งสมาธิ อย่าไปนึกถึง"กิเลส"เลย
เพราะเรากำลังทำการลด - กำจัด"กิเลส" ออกไปจากตัวเรา

นึกเอาให้ใจใสๆ นึกอะไรก็ได้ที่กลางๆ เช่น สิ่งของต่างๆ
นึกที่นึกแล้วใจใสๆ เช่น อยากนึกบุพการีก็ได้นะ
และถ้านึกถึงสิ่งที่ทำให้เกิดบุญได้ เช่น นึกรูปองค์พระ ฯลฯ เป็นนิมิตได้ก็จะยิ่งดี
จะเป็นพุทธานุสสติไปด้วย ได้บุญจากการตามระลึกถึงพระพุทธเจ้า เราก็ได้สองเด้งอะไรประมาณนี้
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#6 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 03:36 PM

ต้องขอถามคุณจักรพรรดิ์ก่อนนะครับ ว่ากิเลสที่ว่าหมายถึงอะไร ช่วยยกตัวอย่างเพื่อความกระจ่างแก่ผู้ที่พึ่งคิดนั่งสักนิดได้ไหมครับ ไม่งั้นเดี๋ยวพวกเขาเหล่านี้จะเข้าใจผิด ไปนึกสิ่งไม่ดีไม่งาม แทนที่จะได้มีสมาธิจะกลายเป็นตบะแตกเอาได้น่ะครับ หุหุหุ

สำหรับผมเมื่อครั้งที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก เคยแนะนำเด็กให้ลองนั่งสมาธิ ก็ถามเขาว่า"หนูๆนึกถึงอะไรได้บ้างจ๊ะ" มีเด็กคนนึงตอบผม "นึกถึงโดเรม่อนครับ" ผมเลยบอกน้องเขาไป "อืม ดี งั้นหนูลองนึกถึงหัวโดเรม่อนให้อยู่กลางท้องของหนูนะ นึกแต่หัวโดเรม่อนนะจ๊ะ" เด็กก็ทำตาม สักพัก เด็กบอกผมว่าพี่ครับๆ "ผมนึกถึงหัวโดเรม่อนตามที่พี่บอกแต่ไม่รู้ทำไมหัวโดเรม่อนใสขึ้นน่ะครับ" ผมถึงกับหัวเราะออกมา บอกน้องเขา"ดีแล้วจ๊ะโดเรม่อนเขาใช้ผ้าคุมให้ตัวเองล่องหนน่ะ ไม่ต้องไปสนใจนะจ๊ะ ให้ดูโดเรม่อนล่องหนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวโดเรม่อนจะใช้ของวิเศษให้เห็นอีกอย่างจ๊ะ" เด็กก็ทำตามสักพักก็บอกผมอีกว่า "พี่ๆโดเรม่อนมีแสงออกมาด้วย" ผมก็เลยบอกน้องไป "เห็นไหมล่ะโดเรม่อนเริ่มใช้ของวิเศษแล้ว ให้ดูไปเรื่อยๆนะจ๊ะ เดี๋ยวโดเรม่อนจะแปลงร่างแล้วจ๊ะ" สักพักน้องก็บอกผมอีก "พี่ครับแปลงร่างแล้วครับ แปลงเป็นตัวผม" หุหุหุ

นี่เป็นประสบการณ์ที่ผมเคยสอนเด็กนั่งสมาธิมาครับ ท่านใดจะลองเอาไปใช้ดูบ้างก็ได้นะครับ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ครับ หุหุ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#7 Nu

Nu
  • Members
  • 224 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 04:30 PM

ชาวโซโลมอน ยังใช้ลูกมะพร้าวเลย

#8 D_jung

D_jung
  • Members
  • 109 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 September 2006 - 09:32 AM

เคยใช้ขนมรูปร่างกลมๆ เป็นนิมิต

#9 จักรพรรดิ์

จักรพรรดิ์
  • Members
  • 39 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 September 2006 - 03:10 PM

กิเลสคือสิ่งที่ติดอยู่กับใจแล้วอยากได้ แต่ควรดูความเหมาะสมด้วย นะครับว่า จะเอานิมิตอะไรมาไว้กลางท้อง ผมคิดว่าคนเรามักโดนกิเลสใช้ให้เสื่อมเสีย ทำไมเราไม่รู้จักใช้กิเลสให้เกิดประโยชน์บ้าง คิดแบบไม่รอบคอบ เห็นว่ามีข้อผิด ทำให้ใจหมองเพราะนี้คือกิเลส ก็ขอโทษด้วยครับ

#10 เอกายนมรรค

เอกายนมรรค
  • Members
  • 15 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 September 2006 - 03:06 PM

คุณจักรพรรดิ์ (ไม่รู้ว่า จุลจักร มหาจักร หรือบรมจักร)

ตามที่คุณว่ามานั้นมันค่อนข้างสุ่มเสี่ยงนะจ๊ะ
ล้อเล่นกับกิเลสนั่นอันตราย กิเลสมันหักหลังเราเอาได้ง่าย ๆ
การนึกถึงคนที่รัก หรีอของที่รักก็ดี ล้วนแต่มีคุณและมีโทษ
คุณประโยชน์ คือทำให้นึกได้ง่าย แต่โทษนั้นมีมาก จะอธิบายให้ทราบนะ

การนึกถึงสิ่งที่เรารัก หรือคนที่เรารัก นั้นง่ายต่อการที่กิเลสจะเข้ามาแทรก
สัมมาอะระหังอยู่ดี ๆ ก็ เอ๊ะ พ่อเรา แม่เราอยู่สุขสบายดีหรือเปล่า เอ๊ะ ของที่เรานึกอยู่นี่ วันก่อนไม่รู้ไปอยู่เสียที่ไหน เท่านั้นเอง ใจก็ประหวัดออกไปในที่อื่น ไปในที่นอกศูนย์ นอกตัว ใจก็ไม่หยุดที่ 072
แม้กระทั่งเวลาที่ใจจะตกศูนย์ เห็นดวงธรรม ใจก็ยังไปยึดมั่นถือมั่นอยู่กับสัญญา คือเครื่องหมายที่เราคิดนึกอยู่อย่างนั้น
เรียกว่าแกะไม่ออก แทนที่จะเห็นธรรมไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น เรากลับพลาดที่จะบรรลุธรรม หรือเห็นธรรม
เราทำเองยังไม่พอ เรายังไปแนะนำคนอื่นให้พลาดอย่างเราอีก อย่างนี้ไม่เหมาะสมจ๊ะ

การเอาใจไปไว้ที่ 072 และนึกถึงบริกรรมนิมิต และบริกรรมภาวนา นั้นก็เพื่อให้ใจ "หยุด"
มืดหรือสว่าง นึกออกหรือไม่ออก เห็นหรือไม่เห็น ไม่เกี่ยว
เรามีหน้าที่เอาใจมารวมไว้ที่ศูนย์ แล้วรอให้มันหยุด
เมื่อหยุดแล้วจึงดับ เมื่อดับแล้วจึงเกิด
แล้วจะเห็นเอง ไม่ต้องจินตนาการ เห็นอย่างตาเห็นนี่แหล่ะ

การที่เรานึกเอาดวงแก้วขาวและใสมาเป็นเคร่องหมายนั้นเกิดประโยชน์อนันต์
ดวงแก้วนั้นมีลักษณะคล้ายดวงธรรม คือขาวและใส แต่ยังไม่สว่างเท่า
การนึกถึงความขาว และความใสนั้น ทำให้ใจเรา "สงบ" แต่การไปนึกถึงเรื่องอื่น มันมีสิ่งปลีกย่อยอยู่ในรายละเอียดที่เรานึก มันจะฟุ้งไปได้
ดวงแก้วไม่มีรายละเอียดอะไรให้เรานึก นอกจากความขาว ความสว่าง และความใส
พอใจเราตรึก นึกแต่เรื่อง ขาว ๆ ใส ๆ สว่าง ๆ ใจก็จะสงบลงง่าย
และเมื่อจะไปถึงจุดสำคัญ คือเห็นดวงธรรมเวลาเราตกศูนย์ เราก็จะไม่ฝืน ไม่ขืน ไม่ค้านสิ่งที่กำลังจะเกิด เพราะมันมีลักษณะใกล้เคียงกัน

เห็นไหมจ๊ะ ว่าการเคลื่อนไปนิดเดียว ส่งผลต่ออนาคตของเราขนาดไหน
ขนาดที่ว่าทำให้พลาดจากธรรมได้เลยถ้าเราศึกษาไม่พอ

ความเป็นจริงแล้ว จะนึกอย่างที่คุณจักรพรรดิ์ว่าก็ได้ แต่ว่าต้องให้ความรู้เรื่องดวงธรรมและธรรมชาติของการเห็นธรรมเข้าไปอีก
ก็หมายความว่าต้องเรียนเพิ่มเติมอีกเยอะ
พอเรียนมาก ๆ เข้าก็ปรุงแต่ง เดี๋ยวใจก็ไม่หยุดกันพอดี
ดังนั้น การนึกถึงเครื่องหมายที่ถูกต้องตั้งแต่แรก มันดีกว่า ไม่ต้องไปปรุงแต่งมาก ใจก็หยุดง่าย
ลำบากในการนึกช่วงแรก ๆ ดีกว่าไปลำบากตอนปลายจ๊ะ

ขอสรุปสาระสำคัญที่สุดนะ
สิ่งที่สำคัญของการนึกถึงนิมิตก็คือ เพื่อให้ใจหยุด
ดังนั้นอะไรก็ตามที่นึกแล้วมีโอกาสที่จะทำให้เราแกว่งหรือวุ่นวายใจก็อย่าไปนึก
ดีที่สุดคือนึกถึงดวงแก้ว ขาว และใส
ที่นึกยากก็เพราะกิลสมันต่อต้าน มันจะไม่ยอมให้ใจเรา เราต้องรู้ให้เท่าทันมันนะจ๊ะ

ระหว่างทำ จะเห็นก็ดี ไม่เห็นก็ดี ชัดก็ดี ไม่ชัดก็ดี นึกออกก็ดี นึกไม่ออกก็ดี แค่นึกว่าใจอยู่ที่ 072 ใจมันก็ไปอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวล
รอเวลาให้มันหยุดถูกส่วนเท่านั้น แล้วจะดีเองจ๊ะ

อนุโมทนา




#11 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 08 September 2006 - 07:50 PM

ปกติชีวิตจริงมนุษย์เราที่ยังเป็นปุถุชนกันอยู่ ก็ใกล้ชิดกิเลสกันเป็นเรื่องประจำวัน
จากประโยคที่ว่า"...พระผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ...ห่างไกลจากกิเลส..."
จะเห็นว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านประสงค์ให้พุทธสาวก ห่างไกลจากกิเลส มากขึ้นเรื่อยๆ ๆ
ท่านก็ปรารถนาให้พวกเราเดินตามท่าน ทำตามท่าน ไปจนพบสิ่งที่ดีที่สุด

....................................................

จิงๆ ก็เข้าใจแหละว่าคุณ(เจ้าของกระทู้)ต้องการจะเอาสิ่งที่มันมาแกล้งเรา เราก็เอามันมาใช้ เหมือนจะไปดัดหลังมันใช่ไม๊
แต่ว่า "กิเลส" เนี่ย มันไม่ได้รรมดาน่ะ พิษเยอะ มันร้ายซับซ้อน
อย่าไปยุ่งกับมันเลยนะ น่ากลัวออก เดี๋ยวอาจไปติดกับมันเข้า ก็ได้นะ
ระวังไว้ดีกว่า laugh.gif
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#12 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 05:46 PM

อนุโมทนทุกคนเลยนะ
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี