คิด...กัน...ก่อน....
#1
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 08:31 AM
มีหลายครั้งที่ เราคาดหวัง มีหลายทีที่เขาบอกว่า ทำได้ แต่คุณเคยคิดไหมคะว่านั้นเป็นเพียงคำพูด
หรืออาจจะเป็นแค่ลมปาก ซึ่งจิงๆแล้วเขาอาจจะทำได้แค่บางส่วน หรืออาจจะทำไม่ได้เลย
อยากบอกกับหลายๆคนในตอนนี้ ว่าคิดดูก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป มีหลายคนมักจะทำก่อนที่คิด
หรือคิดแต่ก็ทำ ในบางเวลาต้องเราคงต้องการใครสักคนไว้พึ่งพา แต่เราควรจะดูว่า จะพึ่งพาเค้าได้ขนาดไหน
เพราะ บางทีแค่คำพูดคนนั้น เราอาจจะไม่สามารถรู้ได้ บางครั้งเขาอาจจะพูดได้ แต่ทำไม่ได้ก็มี
และบางครั้งเขาอาจจะบอกกะคุณอย่างหนึ่งแต่กลับทำอีกอย่างหนึ่ง
มีหลายคนเคยถามว่า ทำไมถึงรักและอยากมีครอบครัว มีหลายคนที่ตอบว่า เขาดูแลฉันได้ แต่เขาจะดูแลฉันได้ขนาดไหนละ
มีหลายคนที่ถามว่า คุณอยากมีภาระไหม อยากมีไปทำไม แต่เพียงแค่คุณคิดดูให้ดีๆ ก่อนที่จะทำอะไรลงไปเท่านั้นเอง
คุณจะได้ไม่ต้องรู้จักกับคำว่า สายเกินไป
แต่สำหรับคนที่คิดดีแล้ว ว่าจะมีครอบครัวหรือจะแต่งงาน มีลูก ขอให้ดูแลความรักกันดีๆละ อย่าได้เป็นแบบหลายๆคนที่เขาไม่รู้จักดูแลความรักของกันและกัน เราให้เขาเท่าไรก็ไม่มีทางที่พอ
อยากขอเตือนไว้แค่นี้คะ
ขอให้มีความสุข สมหวัง นะคะ
#2
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 08:33 AM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#4
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 09:41 AM
#5
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 09:41 AM
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#6
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 09:55 AM
แต่ณ.ปัจจุบันหรือในความเป็นจริง เป็นยิ่งกว่าคำสอนของคุณยายไปเสียอีกนะครับ เจอมากับตัวเอง ตอนมีแฟน(แค่แฟนนะครับ)มีเงิน100แทบที่จะไม่มีเหลือให้ได้ใช้ทำบุญทำกุศลเลย แม้แต่เข้าวัดยังไม่เคยคิดจะเข้า เงินเก็บก็แทบจะไม่เหลือ ไปเที่ยวก็ต้องพาแฟนไปด้วย ยิ่งใครที่ได้แฟนแย่ๆมีแต่เสียตังอย่างเดียวครับ ทำงานยังเสียตังแค่100มากที่สุด200 แต่วันหยุดหรือวันที่ต้องอยู่กับแฟนเสียเป็น 1000เป็นอย่างน้อย บางคนเป็นหมื่นยังไม่พอ เรียกได้ว่าแฟนเป็นตัวดูดทรัพย์จริงๆ(มิได้มีเจตนาจะต่อว่าใครนะครับ แต่ขอยอมรับว่าช่วงที่ผมมีแฟน ผมคิดเช่นนั้นจริงๆ) ใครที่คิดจะมีภรรยาระวังนะครับ เพราะกว่าจะได้มาเป็นภรรยา ต้องผ่านสมรภูมิแฟนเสียก่อน และช่วงที่ต้องผ่านสมรภูมิแฟนเนี่ยแหละครับ ทรัพย์สมบัติจะหมดเอา(หมดจากการที่ต้องคอยเอาอกเอาใจให้เขาพึงพอใจในตัวเรา) จะเป็นหนี้เป็นสินก็อีช่วงนี้แหละครับ ยิ่งใครที่ยังต้องแบมือขอพ่อแม่อยู่ล่ะก็ พ่อแม่จะต้องมาเดือดร้อนเพราะเราอีกนะครับ ขอบอกๆ
ตอนนี้ผมเลิกกับแฟนอยู่ตัวคนเดียวแล้ว บอกได้เต็มปากเลยครับ มีความสุขและสบายใจที่สุด ตอนเลิกกับแฟนใหม่ๆ เริ่มมีเงินเหลือเก็บเป็นของตัว มีเวลาว่างมากขึ้นกว่าเดิม ได้เข้าวัดบ่อยขึ้น ทำบุญได้ทุกบุญตามที่ต้องการ แต่ตอนนี้ตังเก็บหมดแล้วครับ เพราะเพลิดเพลินกับการทำบุญแบบทุ่มสุดตัว แบบไม่คิดเสียดายครับ (เสียดายตรงที่ทำได้ไม่เต็มอิ่ม ไม่เต็มใจ ไม่เต็มกำลังครับ) ตั้งใจไว้ขอยอมลำบากในชาตินี้เพื่อให้สบายในชาติต่อๆไปทุกชาติดีกว่า และต้องการชดเชยเวลาที่สูญเสียไปเพราะแฟนที่ให้ความทุกข์มากกว่าความสุข ให้ความสุขกับเราได้เพียงชั่วครู่ เวลาที่เหลือที่แฟนหยิบยื่นให้นรกทั้งเป็นท้างน้านครับ หุหุ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#7
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 10:17 AM
นางวิสาขา
คุณ อนันต์
คุณ บุญชัย
คุณสุวิทย์ และอีกมากมาย
ก็มีครอบครัวที่มีความสุขและได้สร้างบารมี
อย่างสุดสุดมิใช่หรือครับ
ดังนั้นในเรื่องนี้ถือเป็นวิบากกรรมของแต่ละคนมากกว่า
มิใช่หลักตายตัวแน่นอน
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#8
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 10:28 AM
ผมเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหากับเรื่องรักบ่อยๆ เวลามีแฟน หรือคบกับหญิงใด มักจะผิดหวังอยู่เรื่อยๆ สาวๆทั้งหลายเค้าคงไม่ชอบคนเข้าวัดธรรมะธรรมโม หาว่าเป็นคนเชยๆ กระมังครับ ผมจึงเป็นคนอาภัพเรื่องแฟนมาตลอด28ปีแล้ว ทั้งๆที่หน้าตาก็ไม่ขี้เหล่อุปนิสัยก็พอไปวัดวาได้ มีหลายคนเคยบอกกับผมว่า "เขา" ไม่ได้ให้เรามามีครอบครัว ผมก็เลยเกิดความสงสัยว่า ผมเป็นคนอาภัพรักเพราะผลกรรม หรือ ผมเป็นคนโชคดีมีบุญที่ไม่ต้องมีครอบครัว ทุกวันนี้ผมก็ยังลังเลสงสัยอยู่ครับ
#9
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 11:38 AM
แต่สำหรับท่านที่ยังเป็นโสด หากปฏิบัติธรรมเข้าถึงดวงใสๆ หรือองค์พระได้
ก็จะรู้เองว่าความสุขจากการแต่งงาน มีลูก มีครัวมาครอบนั้น น้อยนิดนัก
และต้องดูแลรักษาประคับประคองให้อยู่ด้วยดี ไม่งั้นถือว่าทุกข์ และบาปติดตัว
จะรู้ด้วยว่าความสุขจากสมาธิ การเก็บใจของเรากลับเข้ามารวมศูนย์ที่ 072
ให้ความสุข สดชื่น ไร้กังวล รู้คุณค่าในตนเองยิ่งขึ้น ควบคุมพัฒนาตนเองได้เร็ว
รักและเมตตาต่อผู้คนได้ทุกคน ไม่ว่า ผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก ผู้ใหญ่ รวย จน
ขอฝากไว้ค่ะว่า ชีวิตที่รวมศูนย์เข้าในกลางตนเอง แล้วกระจายแผ่ความรักได้รอบทิศ
ถือว่าเป็นชีวิตที่มีความสุขที่สุด Self Actualization
ใช่ค่ะว่า มีบุคคลในพุทธประวัติ ที่ครองเรือน แล้วได้สร้างบารมีได้สุดๆ
แต่นั้นก็เพราะว่า ท่านเหล่านั้นมีฐานบุญรองรับ มีศีล มีภูมิรู้ภูมิธรรม ถึงขั้นเข้ากระแสนิพานได้
ทำให้ชีวิตออกมางดงาม และได้สร้างบารมีอย่างโอฬาร แต่นั้นก็เป็นขั้นทาน/มหาทานบารมี
มีหลายท่านด้วยนะคะ ที่หลังจากนั้นแล้วก็ยอมสละสมบัติทุกอย่างเพื่อออกบวช
เพื่อให้ได้บรรลุธรรมขั้นสูงขึ้นไปอีก
ฉะนั้น หากยังครองเรือนอยู่ในชาตินี้ ก็จงเป็นอย่างมหาเศรษฐีในพุทธกาล
แต่ถ้าไม่แต่งได้ก็ดีที่สุดค่ะ เพราะมหาทานบารมี จะเป็นของเราล้วนๆ
แม้นไปเกิดชาติหน้า บอกว่าเราไม่มีคู่ในชาติก่อน แต่ถึงเวลาถ้าอยากจะมี
คนที่มีศีล มีบุญที่จะรองรับเราได้ ก็ต้องดึงดูดมาให้เอง
หากบวชได้ ก็ควรบวชค่ะ เพราะถ้าชาติใดเราเป็นพระแท้ จะตัดวิบากกรรมไปได้เยอะ
และเพิ่มพูนบารมีได้ทับทวีกว่าค่ะ
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#10
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 12:07 PM
ตอนนี้ไม่คิดอะไรแล้วค่ะ นั่งสมาธิ หลับตาเบา เบา ผ่อนคลาย ตามที่หลวงพ่อบอก มีความสุขที่สุดแล้วค่ะ
[email protected]
#11
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 01:12 PM
ก่อนแต่งงาน คนที่อยากแต่งก็สัญญาว่า ได้หมด นี่ก็ทำได้ นั่นก็ทำได้ ภาพพจน์ก็ดีพร้อมทุกอย่าง
แต่ชีวิตจริงๆ เนี่ย มันอีกเรื่องนึง ของจริงไม่เลิศเลอเปอร์เฟคเหมือนกับตอนก่อนแต่งหรอก
ชีวิตจริงมีแต่คำว่า อดทน และอดทน
เหมือนซื้อล้อตเตอรี่ ซื้อกันล้านๆ คน ถูกไม่กี่คน ไม่มีใครรู้อนาคตที่แน่นอน
รู้แต่ว่าที่แน่ๆ น่ะ มันช่างไม่แน่นอน....
#12
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 03:00 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#13
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 04:54 PM
เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวนะ
ทิ้งอะไรไว้ระวังดีนะเดี๋ยวโดนแทงข้างหลังจะหาว่าไม่เตือน เหอะๆ
ต้องถึงธรรมอย่างเสบย แน่แท้
ให้ทำอย่างที่เคย สอนสั่ง
นั่ง บ่ มีข้อแม้ จักได้ธรรมครอง
สุนทรพ่อ
มาร่วมกันสร้างสันติสุขให้กับโลกกันเถอะ
#14
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 04:55 PM
ถ้าเรารวยกว่านี้ มั่นใจไหมว่า เราจะไม่มัวเมาอยู่กับทรัพย์ความสนุกเพลิดเพลิน ตอบได้ว่า ผมไม่มั่นใจ
ถ้าเราหล่อกว่านี้ มั่นใจไหมว่า เราจะไม่มัวเมาในความหล่อความสวยของตน ตอบได้ว่า ผมไม่มั่นใจ
ถ้าเรามีสติปัญญาระดับอัจฉริยะ มั่นใจไหมว่าเราจะไม่หลง เห่อเหิมในความฉลาดของตัวเอง ตอบว่าตัวผมเองไม่มั่นใจ
ทุกสิ่งทุกอย่างมันพอดีๆ จนกระทั่งมาพบหมู่คณะนี่แหละ แต่ชาติต่อไปไม่เอาแล้ว ต้องรวยกว่านี้ ต้องรูปงามกว่านี้ ต้องสติปัญญาฉลาดกว่านี้
แต่อธิษฐานกำกับไปด้วยว่า ต้องไม่ต้องอยู่ในความประมาทในฐานะต่างๆ และเป็นสัมมาทิฏฐิ ที่สำคัญคืออธิษฐานแบบที่คุณยายอาจารย์ฯ อธิษฐานนั่นแหละปลอดภัยครับ
#15
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 05:03 PM
ถ้าครองเรือน ก็หนีไม่พ้น กองเสบียง บวชช่วงสั้น
ถ้าครองโสด ก็มี option ให้เลือกหลายอย่างว่าจะไปเป็นอะไร ทำวิชชา เผยแผ่ ปฏิสังขร Troop(กองทัพธรรม)
แล้วก็อยู่ที่ผังเดิมที่เราตั้งมาด้วยครับ ถ้าผังเดิมแน่นๆ ก็แทบจะเลือกไม่ได้ ทุกอย่างจะ Set Program สำเร็จ อาจได้แต่งงาน มีครอบครัวโดยไม่รู้ตัว หรือ อาจะได้บวชตั้งแต่เยาวัย โดยที่ไม่ได้มีโอกาสคิดจะ มีแฟนด้วยซ้ำไป 555
ตั้งใจอธิษฐานล้อมกรอบกันดีๆ ครับผม
#16
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 06:53 PM
#17
โพสต์เมื่อ 24 September 2006 - 01:15 PM
คิดว่า ทำไมคนเราต้องแต่งงานกันด้วยนะ งง............. +++++++
#18
โพสต์เมื่อ 24 September 2006 - 05:18 PM
เปลี่ยนจากคิดว่าทำไมถึงต้องแต่งงาน
เป็น ทำอย่างไรจะหลีกเหลี่ยงความรักแบบนั้นได้ เพื่อที่จะได้ประพฤติพรหมจรรย์
คิดอย่างงี้จะดีกว่ามั๊ยครับ^^
----------------------------------------------------------------------
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#19
โพสต์เมื่อ 24 September 2006 - 11:20 PM
ถ้าเขาบอกว่าจะรักเราตลอดไป วันหนึ่งก็บอกว่าหมดรักเราแล้วได้
ไม่มีอะไรแน่นอน อย่าไปหลงติดกับเลบ
#20
โพสต์เมื่อ 25 September 2006 - 01:45 AM
พึงรักษาความเป็นปัจจุบันนี้ให้ได้ดี เต็มที่ที่สุด.....พอ
#21
โพสต์เมื่อ 25 September 2006 - 02:03 AM
คนที่มีรัก สมหมายสมปอง กันหลาย ๆ ประการก็ว่ามีความสุขดีอยู่แล้ว เพราะต่างเกื้อกูล อุดหนุนความสุข ความทุกข์ร่วมกัน
ส่วนท่านที่ ยังไม่พบกับรักที่ว่าแท้ ก็สาธยายต่าง ๆ กันไป อาจะโชคดีบุญค้ำชู ส่งผล ได้สร้างกุศลกรรมเต็มที่
ในความต่างนั้น มีเหตุผลอยู่แล้ว
#22
โพสต์เมื่อ 25 September 2006 - 10:01 AM
มีแฟนเหมือนกัน
แต่เค้าบอกว่าชอบที่เราเข้าวัด ปฏิบัติธรรมอ่ะ