ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

เราจะปฎิบัติธรรมะ จะสลัดผู้หญิงออกยังไง ครับ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 22 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 25 October 2005 - 11:57 AM

เราจะปฎิบัติธรรมะ จะสลัดผู้หญิงออกอย่างไรครับ ถ้าเค้ามารัก มาชอบเรา เราเริ่มมองเห็นอุปสรรคในการปฎิบัติธรรมแล้ว อธิบายธรรมะให้ฟังก็ไม่ฟัง พามาวัดก็ไม่ชอบ จะทำวิธีไหนให้เค้าเบื่อเราเกลียดเรา อย่างแยบยล บัวไม่ชำ น้ำไม่ขุ่นครับ ใครมีไอเดียบรรเจิดบ้างครับ




#2 แจ่ม

แจ่ม
  • Members
  • 196 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 October 2005 - 01:56 PM

เค้ายังวนเวียนอยู่ก็เพราะเค้าเห็นว่ายังมีโอกาส ถ้าเราไม่ทอดสะพาน ไม่ปฏิบัติต่อเค้าเป็นพิเศษกว่าคนอื่น เ้ค้าไม่เห็นโอกาสก็จะเลิกราไปเอง
ถ้าคิดยังไม่ออกว่าจะดึงสะพานกลับยังไง ก็ลองถือศีลแปดตลอดดูสักพัก พอเค้ามาเจอเราทีไร จะชวนไปกินข้าวเย็น ชวนไปดูหนัง เราก็บอกไปว่าถือศีลแปดอยู่ เดี๋ยวเค้าก็คิดได้เองว่าเซ้าซี้คุณไปก็ไม่มีประโยชน์(พูดง่ายๆ หมดอารมณ์โรแมนติก) เพราะคุณเห็นธรรมะสำคัญมากกว่า

ท่องเอาไว้
อย่าทอดสะพาน อย่าทอดสะพาน อย่าทอดสะพาน อย่าทอดสะพาน

#3 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 25 October 2005 - 03:00 PM

nerd_smile.gif ดีแล้วนะครับที่ถามมา (แสดงว่า กำลังเจออยู่ใช่ไหมครับ???) ก็ขอโอกาสบอกตรงนี้เลยก็แล้วกัน ในกรณีที่พูดธรรมะให้ฟังก็แล้ว พามาวัดก็แล้ว ยังตามมาตอแย แถมยังดื้ออีก เมื่อเป็นเช่นนี้ คงต้องใช้วิธีถอยห่างออกทีละนิดนะครับ เริ่มตั้งแต่

๑.) เลิกติดต่อพูดคุยกันทางโทรศัพท์ (อย่านึกว่า แค่เสียงของเพศตรงข้ามจะไม่มีผลนะครับ เพราะเพียงเท่านี้ หากเราเกิดความพึงพอใจเข้าแล้ว แม้จะยังไม่ได้พบกันก็ตาม (เธอยังเอาตัวเราไปไม่ได้) เธอก็เอาใจของเราไปได้แล้วล่ะครับ)
๒.) หากมีความจำเป็นที่จะต้องพบ (เอาแบบพระพุทธองค์ ทรงตรัสสอนภิกษุสาวกเลยก็แล้วกันนะครับ) ก็ให้คุยกันแต่พอสมควร หมายถึง คุยแต่เพียงธุระที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น หากเธอจะชวนเรานอกประเด็น เราก็ดึงกลับเข้ามาในประเด็น แต่ดีที่สุดคือ ไม่ต้องไปพบปะเจอะเจอหรือพูดคุยกันเลย
๓.) สื่อวัตถุต่างๆ อาทิ รูปภาพ และ diary ประเภท "บันทึกลับ บันทึกรัก แด่...เจ้าชายในดวงใจของฉัน" (ซึ่งฝ่ายหญิงเป็นผู้เขียนขึ้น) อะไรทำนองนี้ ขอบอกเลยนะครับว่า ห้ามดูและห้ามอ่านเป็นอันขาด แล้วให้หมั่นตอกย้ำกับตัวเองทุกวันว่า "เราเกิดมาเพื่อทำงาน (ที่แท้จริง) ไม่ใช่เกิดมาเพื่อแต่งงาน" (ประโยคหลังนี้ สำหรับนักสร้างบารมีเท่านั้น ต้องขออนุญาตพูดกันตรงๆ นะครับ)
๔.) หากสัมผัสดูแล้วชัดเห็นว่า เธอเป็นผู้หญิงประเภทเกินฟิวส์ กู่ไม่กลับ ก็จำต้องหักดิบตัดอาลัยกันแล้วนะครับ เมื่อมาถึงขั้นนี้
๕.) อธิษฐานจิตสิครับ ขอภูมิปัญญาจากครูบาอาจารย์ของเรา ให้เราคิดหาหนทางออก ว่าต้องทำอย่างไร อีกทั้งเราต้องป้องกันตัวเองด้วยคำอธิษฐานจิตที่ว่า ขอรูปสมบัติอันเกิดแต่บุญเป็นเครื่องปรุงแต่งนี้

๕.๑.) จงเป็นไปเพื่อการเพิ่มพูนบุญบารมี ให้ทับทวียิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อมุ่งสู่ความสิ้นกิเลสอาสวะ และไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรมโดยส่วนเดียว
๕.๒.) ผู้ใดก็ตามที่ได้พบเห็นรูปสมบัติของข้าพระพุทธเจ้า ขอให้ดวงจิตของเขาหยั่งลงสู่ทางมรรคผลนิพพาน
๕.๓.) ขอให้ข้าพระพุทธเจ้า พึงอยู่ห่างไกลจากคนพาลสันดานหยาบ ทั้งชายและหญิง ตลอดจนสิ่งอันเป็นข้าศึกต่อการประพฤติพรหมจรรย์ นับแต่ปัจจุบันกาลนี้ ไปทุกภพ ทุกชาติ กระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม


ที่ guideline มาให้นี่ ลองนำไปใช้ดูนะครับ สุดท้าย อย่าลืม!!! พิจารณาความไม่เที่ยงของรูปนามทุกวันด้วยล่ะ ขอให้โชคดีนะครับ.

"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#4 saowanee15

saowanee15
  • Members
  • 207 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 October 2005 - 05:32 PM

ยินด้วยนะค่ะ ที่มีความคิดแบบนี้ อนุโมทนาด้วยค่ะ
ถามตัวคุณเองก่อนว่า แน่ใจตัวเองว่า ชัวร์ มั่นใจแค่ไหน ไม่ใช่เบื่อ ๆ อยาก ๆ นะ
นอกจากที่คุณแจ่ม บอกแล้ว หากชวนมาวัดไม่ชอบ เราก็ชวนเข้ามาเรื่อย ๆ
ใช้คำพูดว่า ไม่ใช่เรื่องลำบากไม่ใช่เหรอ การมาวัดกับผม ผมไม่ได้พาไปเสียหายอะไร
ทำไมถึงไม่ชอบ หากคุณจะคบกับผม คิดจะมาเป็นแฟนผม(เหมือนให้ความหวังนิดๆ) ผมเป็นแบบนี้ ผมทำแบบนี้ คุณจะทนผมได้หรือเปล่า หากเค้าบอกทนได้ คุณก็บอกว่า
ต่อไปคุณต้องไปวัดกับผมทุกครั้งที่ผมชวน ห้ามปฎิเสธ หรือมีข้อโต้แย้งใด ๆ (อาจมีอาการไข้(มารยาหญิง)กำเริบฉับพลันได้ อิอิ) แต่ตรงนี่ไม่ซีเรียสนะค่ะ ว่าเค้าจะมาหรือมั๊ย? แต่หาคุณพาเค้าเข้าวัดได้ พอเข้ามานานเข้า เค้าก็จะได้มีโอกาส รับฟังธรรมะต่าง ๆ และอาจจะคิดเช่นเดียวกับคุณ ก็อาจจะกลายเป็นคู่บุญคู่บารมีคุณก็ได้ ที่แต่งงานเพื่อให้พ่อแม่ปลดห่วง แต่ทั้งสองอยู่กันฉันท์เพื่อน เมื่อคุยกันแล้ว คุณก็ทำตามแผนการที่คุณแจ่มบอก คือ ถือศีล 8 จริง ๆ เหมือนฝึกตัวเองไปในตัวด้วยค่ะ
หากไม่มีห่วงอะไร บวช ๆๆๆ ตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อไปเลย ให้รู้แล้วรู้รอดไปค่ะ

#5 *Guest*

*Guest*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 25 October 2005 - 05:55 PM

ที่ผ่านมาดิฉันแกล้งทำเป็น innocent ค่ะ คือเขาพูดอะไรมาเป็นเชิงเกี้ยวพาราสี ดิฉันก็ดึงเข้าเรื่องอื่นทันที หรือทำเป็นฟังไม่รู้เรื่องทันควัน

ข้อแนะนำอื่น ๆ ค่ะ

วันเกิด วัดสำคัญ แทนที่จะให้ดอกไม้ดอกไร่ ก็นี่เลยหนังสือธรรมะ ไม่งั้นก็เทปธรรมะ
อยากไปข้างนอกด้วยกันใช่ไม๊ OK พาเข้าร้านหนังสือ ปักหลักตรงมุมหนังสือธรรมะ
ชอบมาหาที่บ้านใช่ไม๊ ก็ชวนทานข้าวเย็นไปดู DMC ไปด้วยเลยจ้า

ขอให้โชคดีนะค้า


#6 *Guest*

*Guest*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 25 October 2005 - 07:08 PM

อาจใช้แบบคุณยายอาจารย์ "ไปไหนมา สามวาสองศอก"

และขอน้อมนำโอวาทของคุณยายอาจารย์ฯที่ได้ฝึกพระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสอง เหล่าพระมหาเถระ ซึงเมื่อสมัยหนุ่มยังไม่ได้บวช ท่านถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติมาก และคงพบปัญหาเหล่านี้ไม่น้อย แต่มีคุณยายอาจารย์ฯประคับประคอง

การสร้างบารมีให้ตลอดรอดฝั่ง

เมื่อเราเข้าวัด เพื่อหวังสร้างบารมีให้เต็มเปี่ยม ก็ต้องทำจริงๆจังๆจึงจะไปตลอดรอดฝั่งได้ ยายอยากให้ทุกคนไปได้ตลอดรอดฝั่ง จะไปได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา ที่ต้องระวังก็คือเรื่องผู้หญิง เรื่องนี้สำคัญมาก อย่าเอาความสงสารเดินหน้า ต้องเอาปัญญาเอาอุเบกขาเดินหน้า ถ้าเอาความสงสารเดินหน้าแล้วเราจะตกกระป๋อง เรื่องนี้ยายเห็นมาหลายคนแล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องระวังใจของเราให้ดี อย่าเชื่อมสะพาน อย่าทอดสะพานให้เขาเป็นอันขาด เพราะถ้าใกล้ชิดกันแล้ว จะเลิกได้ยาก เราอย่าทอดสะพานให้เขาก็หมดเรื่อง ถ้าเราไม่ทอดให้เขาก็ข้ามมาไม่ได้ นักปฏิบัติธรรมมักจะเสียในเรื่องนี้มากที่สุด เป็นเรื่องที่ตัดทอนบารมี ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย มีคุณน้อยนิ๊ด...เดียว แต่มีโทษมากมาย แม้คนที่สร้างบารมีไปไม่ได้ตลอดก็เพราะเรื่องนี้ ป้องกันไว้ดีกว่ามาแก้ทีหลัง ไม่มีได้จะดีที่สุดจะได้สร้างบารมีไปตลอด มีบารมีมากบริสุทธิ์สะอาดมาก รู้เห็นวิชชาได้มาก และชนะทุกอย่างได้หมด

#7 *Guest*

*Guest*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 25 October 2005 - 07:41 PM

วางระยะให้ดีแค่นี้เอง

#8 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 26 October 2005 - 01:13 AM

nerd_smile.gif ก่อนอื่นกระผมต้องขอประทานอภัยต่อทุกท่าน และขอขอบพระคุณทางทีมงานมากๆ นะครับ ที่กรุณาเตือน (ชี้ขุมทรัพย์ให้) กระผมเอง ยอมรับแบบลูกผู้ชายนะครับว่า งานนี้ อัศวินตกม้าขาวไม่เป็นท่าเลย แต่ไม่ต้องกลัวว่าผมจะโกรธนะครับ เพราะผมเข้าใจและรู้ว่าคนที่เตือนผมนั้น "รักและหวังดีต่อผม" และหากกระผมมีข้อบกพร่องประการใดที่ต้องแก้ไขอีก ขอความกรุณาแจ้งเตือนและชี้แนะมาได้ทุกเวลานะครับ.
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#9 tnawut

tnawut
  • Moderators
  • 2398 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Laksi
  • Interests:Internet, Computer, Electronic, Security, Merit, Meditation, อินเตอร์เน็ต, คอมพิวเตอร์, ทำบุญ, ปล่อยปลา, บูชาเจดีย์, ฝันในฝัน, DOU, หมู่บ้านปฏิบัติธรรม, บวช, บรรพชา, Web, CU, Chula

โพสต์เมื่อ 26 October 2005 - 07:56 AM

สาธุ

#10 *Guest*

*Guest*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 27 October 2005 - 06:01 PM

ขอกราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะคะ...อ่านแล้วได้กำลังใจดีจังเลยค่ะ...เพราะคำตอบเหล่านี้ คงสำหรับผู้หญิงหลายๆคนที่ต้องการประพฤติพรหมจรรย์ด้วยค่ะ

#11 *Guest*

*Guest*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 27 October 2005 - 06:40 PM

สำหรับผู้หญิง หากเป็นผู้ที่เข้าวัดอยู่แล้ว เกิดมีความรักขึ้นควรทำอย่างไร และถ้าฝ่ายชายก็เข้าวัดด้วย

#12 *Guest*

*Guest*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 27 October 2005 - 08:50 PM

ตอนแรกที่อ่านกระทู้ก็รู้สึกว่า เจ้าของคำถามกำลัง "ใจอ่อน" ยังไงก็ไม่รู้

ชาตินี้ทำใจลำบาก

อย่าลืมอธิษฐานล้อมคอกเผื่อชาติหน้านะ ขอให้โชคดี

#13 แจ่ม

แจ่ม
  • Members
  • 196 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 October 2005 - 11:00 PM

QUOTE(Guest @ 27/10/2005 17:40) ดูโพสต์

สำหรับผู้หญิง หากเป็นผู้ที่เข้าวัดอยู่แล้ว เกิดมีความรักขึ้นควรทำอย่างไร และถ้าฝ่ายชายก็เข้าวัดด้วย


ให้คิดเสมอว่าเราเป็นพี่น้องทางธรรมเหมือนกัน สิ่งใดที่เราทำแล้วเป็นการสนับสนุนให้พี่น้องของเราได้มีโอกาสได้สร้างบารมีอย่างเต็มที่ก็ควรทำ เราควรสนับสนุนพี่น้องของเราให้ได้บวชหรือให้ได้ทำงานอุทิศตนเพื่อพระศาสนา อะไรก็ตามที่เราทำไปจะบั่นทอนการสร้างบารมีของพี่น้องก็อย่าทำเลย หลวงพ่อทัตตะท่านเคยสอนอยู่บ่อยๆเมื่อก่อนนี้ประมาณว่า เรามีกำลังทรัพย์ทำบุญได้ร้อย อยู่ตัวคนเดียวอาจทำได้ครึ่งนึง พอแต่งงานแล้วก็ทำได้ลดลง อาจจะ 25 บาท พอมีลูกคนแรกก็ทำได้น้อยลงไปอีก มีลูกคนต่อไปอาจไม่มีเงินเหลือจะทำบุญเลย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องทรัพย์อย่างเดียว เรื่องเวลาก็เหมือนกัน ขนาดอยู่ตัวคนเดียวหลายๆคนยังพูดบ่อยๆว่าไม่ค่อยมีเวลาในการปฏิบัติธรรม ถ้าเราไปครองเรือนซะเวลาก็ยิ่งหายากขึ้นอีก เมื่อก่อนคุณยายอาจารย์ท่านคอยเตือนลูกหลานนักว่าให้ระวังให้ดี สมัยก่อนหญิงชายก็ยังให้นั่งแยกกัน เพราะท่านอยากให้ลูกหลานทุกคนได้มุ่งสร้างบารมีเต็มที่ ไม่ไปตกข้างทางที่ไหนเสียก่อน
หากเรามีความรักให้แก่กันก็ควรจะมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตให้แก่คนที่เรารัก ซึ่งนั่นก็คือโอกาสในการสร้างบารมีอย่างเต็มที่ ฝ่ายหญิงก็สนับสนุนให้ฝ่ายชายได้บวช ฝ่ายชายก็สนับสนุนให้ฝ่ายหญิงได้ประพฤพรหมจรรย์ สร้างบารมีด้วยกันไปกับหมู่คณะ ได้บุญด้วยกันทั้งสองฝ่าย คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

#14 Streamdhamma

Streamdhamma

    หยุด นิ่ง เฉย ได้ไหม

  • Members
  • 528 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 27 October 2005 - 11:02 PM

Nice question & nice answer

Thank you so much

But, why don't anybody answer da last question kha --?? answer please

I wanna know too Na Kha please answer 2 kha

>>> It one falls in love with somebody in the temple, what should he or she do --??? <<<

ปัญหาโลกแตก ความรักมักจะเข้าใครออกใคร ถึงหนุจะเด็กเด้กเด็ก (ช่วงวัยรุ่นเหมือนหลายๆคน) แต่ทุกครั้งที่เข้าวัดก็ไม่เคยใจว๊อกแว๊ก ถึงไม่ได้เข้าก็ไม่มี (เพราะคิดว่าได้แต่มองยังไงก็เอาเค้าไปไม่ได้หรอกเนอะๆ) คิดอยู่อย่างเดียว เข้าซ้ายทะลุขวาให้หมด นึกถึงใจใสๆ บริสุทธิ์ อิอิ coolllllll
"เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"



#15 Streamdhamma

Streamdhamma

    หยุด นิ่ง เฉย ได้ไหม

  • Members
  • 528 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 27 October 2005 - 11:04 PM

I've got a nice answer already very nice Na Kha.

Thank you kha for your opinion.
"เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"



#16 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 28 October 2005 - 01:14 AM

nerd_smile.gif กามราคะไม่เคยไว้หน้าใคร อย่าประมาทนะครับ อีกประการหนึ่งก็คือ ในวงศ์บุญของเรานี้ นอกจาก/ยกเว้นครูบาอาจารย์แล้ว กระผมกล้าพูดนะครับว่า ไม่มีใครที่แน่จริงเลยสักคนเดียว หมายความว่า หากท่านเกิดประมาทพลาดพลั้งต่อข้าศึก (กิเลสมาร) ขึ้นมาคราใด ตัวท่านเองก็มีสิทธิ์ที่จะตกจากรถด่วนขบวนนี้ได้ตลอดเวลา ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ เขา (มาร) รู้จุดอ่อนของพวกเราแต่ละคนหมดเลยนะครับ ยกตัวอย่างเช่น หากเราเป็นทหารเกรด B เขาก็จะส่งทหารเกรด B+ มาประกบ และหากเราเป็นทหารเกรด B+ เขาก็จะส่งทหารเกรด A มาประกบเรา เป็นต้น ร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เราเสียเปรียบเขาก็ตรงที่เราไม่รู้วิบากกรรมของตัวเราเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ได้เคยพลาดพลั้งกระทำมาแต่ในอดีต ว่าวิบากกรรมเหล่านั้น จะให้ผลแก่ตัวเรา ณ เพลาใด??? แต่เขานั้น ทั้งรู้ และทั้งเห็น ถึงจังหวะชีวิต (ผังการเกิด) ของพวกเราล่วงหน้าก่อนหมดเลยว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร? เกิดมาเพื่อทำภาระกิจใด? และภาระกิจที่จะกระทำนั้น ทำไปเพื่ออะไร? อันนี้น่ากลัวนะครับ เพราะฉะนั้น เวลาที่ท่านจะประกอบการกุศลใด ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ก็ตาม ควรกระทำอย่างฉับพลันทันที ยกตัวอย่างเช่น หากพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ชวนเราทำบุญใหญ่สักอย่างหนึ่ง และในวันนั้นเรามีปัจจัยเป็นจำนวนเพียงพอที่สามารถจะถวายให้กับท่านได้ ก็ควรทำเสียแต่ในวันนั้นเลย เรียกว่า คิด พูด และทำก่อนล่วงหน้าไปเลย อย่ายั้งและอย่ารอให้ถึงวันงานก่อนแล้วค่อยทำนะครับ "เพราะพรุ่งนี้ อาจสายเกินไป" (ความตาย ไม่มีนิมิตหมาย).
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#17 แมวน่ารัก

แมวน่ารัก
  • Members
  • 11 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 October 2005 - 11:53 AM

ไม่เข้าใจเลยว่า
จะกลัวการแต่งงานไปทำไม ???

ผมคิดว่า เป็นเรื่องต้องระวัง เฉพาะอุบาสก อุบาสิกกา พระ และสามเณร ไม่ใช่หรือครับ ???

ส่วนฆราวาส ... ถ้ายังไม่ได้บวช แต่อยากบวช ก็ต้องระวังนิดหน่อย แต่ไม่ตัองมาก
เนื่องจาก เมื่อเกิดปัญหาแล้ว ... ผู้หญิงครับที่เสีย ไม่ใช่ผู้ชาย

เพราะผู้ชาย เดี๋ยวก็ทิ้งผู้หญิง มาบวชได้อยู่ดี ...
ส่วนผู้หญิง จะต้องแบกความอับอาย ไปอย่างไม่น่าจะเป็น ...

คุณผู้ตั้ง กระทู้ ...
ไม่ต้องไปเตือนน้องเขาหรอก ... ควรเตือนตัวเองนั่นแหล่ะ ...
ถ้าไม่ชอบเขาจริง ต่อให้เขาทอดสะพานยังไง ก็ไม่ได้ผลหรอกครับ ...

ที่รำคาญใจ.. อยู่ทุกวันนี้
ก็เพราะมัวแต่คิด เรื่องบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น ...
ควรเปลี่ยนความคิดใหม่ ...
คิดแต่เรื่อง ตัดบัวไม่ให้เหลือใย .. มากกว่า

คือ ต้องแสดงออกตรง ๆ ไม่ใช่ ... ทำใจดี เป็นสุภาพบุรุษ
อาจทำให้น้องเขา เข้าใจผิด ... คิดว่ายังมีโอกาส หรือ รอโอกาส ...

แต่ถ้าพลาดท่า ก็ถือว่า ไม่ได้ขาดทุนอะไร เพราะคุณยังไม่ได้บวชพระ ...
ถือเป็นกรรมเก่าร่วมกัน ....
และเป็นการทดสอบ ความแข็งเกร่งของผู้ชาย ที่จะบวชเป็นพระด้วย
ลองคิดดูสิครับ ... พลาดตอนเป็นฆราวาส ดีกว่า พลาดตอนบวชเป็นพระ นะครับ

ชีวิต หลังการแต่งงาน ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ...
บางคน ลูกพาเข้าวัด ด้วยซ้ำ
หรือ ลูกเข้าถึงธรรม พ่อแม่ก็ได้อานิสงค์ ไปด้วย ...

เ ป็นห่วงแต่ผู้หญิง ... ถ้าแม้เขาเป็น อุบาสก หรือเป็นพระ หรือเขามีความคิดที่จะบวชตลอดชีวิต ... อย่าได้เป็นยุ่งกับเขาเชียวนะครับ ...

เดี๋ยวจะเข้าวัดไม่ได้ ... ตัดบุญตัวเองทั้งชาตินี้ ชาติหน้า
อดใจไว้ รอให้เราเป็นผู้ชายก่อน ... แล้วจะดีเอง




#18 unlimitedheart

unlimitedheart
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 November 2005 - 12:52 AM

ที่สำคัญ อย่าลืมนั่งธรรมะทุกๆวันนะครับ อ่านโอวาทหลวงพ่อ คุณยาย เดี๋ยวก็จะพบคำตอบเองคับ

#19 *Guest*

*Guest*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 03 November 2005 - 10:18 AM

นึกถึงคำคุณยายไว้ค่ะ ว่าถ้าเราเป็นผู้ชาย ก็อย่าไปทอดสะพาน ถ้าเราไม่ทอดสะพานเค้าก็ไม่เดินข้ามมา
ถ้าเป็นผู้หญิง แล้วอยากเป็นผู้ชาย อยากหมดกรรมเจ้าชู้ ก็ต้องอดทนต่อกิเลส ทั้งปวง เค้ามาซ้าย เราก็ไปขวา เขามาขวา เราก็ไปซ้าย ผู้ชายก็เลิกยุ่งกับเราเอง

พรหมจรรย์ และเข้าวัดปฏิบัติธรรมเป็นชีวิตที่มีความสุขที่สุด เพราะเข้าใจกับพระนิพพานมากที่สุดแล้ว ให้ท่องไว้ แล้วปฏิบัติให้ได้ค่ะ
ถึงจะรักมากแค่ไหน ต่อให้ทั้งสองคนเป็นคนดีทั้งคู่ ถ้ามีลูก ลูกไม่ดี เราก็ห่วง ถึงลูกดี เราก็ห่วง เงินเราก็ใช้ไม่ได้เต็มที่ เวลาใครคนหนึ่งป่วย ลูกป่วย เราก็ทุกข์
แค่พ่อแม่เรา ญาติพี่น้อง เราทีผูกพันกับเราจนถึงทุกวันนี้ ก็มีมากพอแล้ว เอาพวกท่านกลับดุสิตบุรี ยังไม่ได้ครบทุกคน
แล้วถ้าตัวเราทำตัวตกต่ำไปอีก ไปแต่งงานมีครอบครัว นอกจากสร้างห่วงเพิ่ม จะได้ก็แต่หลอกตัวเองว่า สร้างบุญบารมีคู่กัน เป็นคู่บุญ คู่บารมี จริง ๆ ก็เป็นบ่าวเป็นทาสของพญามารดี ๆ นี่เองแหละค่ะ
ทำใจให้เข้มแข็งเข้าไว้นะคะ

คำสอนคุณยาย ไม่เคยสอนใครให้แต่งงานค่ะ
อนุโมทนาบุญค่ะ


#20 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 05 November 2005 - 02:14 AM

nerd_smile.gif ตอนนี้อัศวินขึ้นนั่งบนม้าขาวแล้ว ขอแนะให้อีกสักหน่อยก็แล้วกันนะ เราอย่ามัวแต่ห่วงคนอื่นจนลืมหันกลับมามองดูตัวเองล่ะ ที่สำคัญ "ดีชั่ว อยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำ อยู่ที่ทำตัว" ขอฝากทิ้งท้ายไว้เตือนสติด้วยนะครับ.
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#21 ojojoe

ojojoe
  • Members
  • 15 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 November 2005 - 02:06 PM

นั่งธรรมะเยอะๆ ครับ เดี่ยวปัญญาจะเกิด
ก็จะรู้ว่าควรทำอย่างไร

#22 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 07 November 2005 - 07:52 AM

อนิจจาร่างกายของชายหญิง มีแต่สิ่งปฏิกูลอาดูรหลาย เต็มไปด้วยมูตรคูถไม่เว้นวาย น่าเบื่อหน่ายรำคาญทุกกาลไป ร่างกายนี้มีหนังหุ้มบังทั่ว โดยรอบตัวมีช่องดังปล่องไข่ สิ่งโสโครกมากมายจากภายใน ให้หลั่งไหลซึมออกมานอกกาย กายนี้เป็นแผลใหญ่จำไว้เถิด เป็นที่เกิดทุกข์ยากลำบากหลาย แต่คนเขลาเฝ้าชมหลงงมงาย ว่าเฉิดฉายโสภาเที่ยงถาวร อะยังโขกาโยโอ้กายนี้ เป็นถิ่นที่เกิดอยู่แห่งหมู่หนอน มีโรคาสารพัดคอยตัดรอน ให้เดือดร้อนเป็นประจำทุกข์ย่ำยี ร่างกายนี้ไม่นานนักจักผันแปร ถึงความแก่คร่ำคร่าสิ้นราศี จักสิ้นลมล้มตายวายชีวี กลายเป็นผีเน่าผุพังเหม็นจังเลย

(พระใบฎีกาตรีคูณ จิตฺตปญฺโญ : ประพันธ์)


#23 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 05 February 2007 - 07:54 AM

กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ