ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ทำอย่างไรที่จะให้ใจใส


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 20 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 สุดดีดี

สุดดีดี
  • Members
  • 56 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 10:38 AM

ดิฉันนั่งสมาธิตามแนวหลวงพ่อ แต่จิตมันไม่สามารถกำหนดที่ศูนย์กลางกายได้
จิตพยายามเพ่งระหว่างคิ้วเป็นประจำ ควรทำอย่างไรคุ

#2 BiBi

BiBi
  • Members
  • 240 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 10:45 AM

http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=1554

เข้าไปอ่านที่นี่เลยค่ะ
กราบอนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ
ทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี

#3 เฉย เฉย

เฉย เฉย
  • Members
  • 618 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:เรื่องกฎแห่งกรรม การกระทำ สมาธิ

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 11:27 AM

นั่งแรกๆก็อย่างนี้แหละค่ะยังหาศูนย์กลางกายไม่เจอให้กำหนดว่ากลางท้องก็แล้วกันตรงไหนก็ได้แต่เป็นในท้องของเราเดี๋ยวพอใจหยุดใจนิ่งดีแล้วก็จะถูกส่วนตกศูนย์เองค่ะ
แม้มืดตื้อ..มืดมิด..ก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรม

#4 สุดดีดี

สุดดีดี
  • Members
  • 56 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 11:44 AM

ขอบคุณค๊ะ

#5 คนรักวัด

คนรักวัด
  • Members
  • 626 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 11:46 AM

อนุโมทนาสาธุด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ


อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ

เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก

Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain

#6 Peacefulness ™

Peacefulness ™
  • Members
  • 1145 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:On the planet Earth.
  • Interests:Almost everything that helps me to become better and better; especially, the Grestest Dharma of the Lord Buddha

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 11:56 AM

QUOTE
ดิฉันนั่งสมาธิตามแนวหลวงพ่อ แต่จิตมันไม่สามารถกำหนดที่ศูนย์กลางกายได้ จิตพยายามเพ่งระหว่างคิ้วเป็นประจำ ควรทำอย่างไรคุ
แล้วลองปฎิบัติตามข้อแนะนำ ตามลิงค์ที่ ท่าน O-ho ที่ได้ให้ไว้ หรือ คลิ๊กที่นี้ และ คลิ๊กที่นี้ อีกลิงค์หนึ่งนะครับ ลองดูหลายๆความคิดเห็นแบบ ใสๆ นุ่มๆ สบายๆ นะครับ และ ควรพึ่งปฎิบัติอย่างสม่ำเสมอ ข้าพเจ้าเชื่อเป็นอย่างยิ่ง ว่าไม่นาน คงจะได้มีประสบการณ์ มาบอกเล่าให้ท่านทั้งหลายๆ ได้รับรู้ และร่วมอนุโมทนาบุญกับการปฎิบัติธรรมของ ท่าน สุดดีดี ด้วย ความขยัน ความอดทน และความเพียรตั้งใจ นะครับ

ขออนุโมธนาบุญ
กับ ทุกๆท่าน สำหรับ
ความตั้งใจ ที่อยากจะ ประพฤติปฎิบัติธรรมะ เพื่อ ให้ได้ รู้แจ้ง เห็นแจ้ง ตามความเป็นจริง ดังที่ พระพุทธเจ้า ได้ทรงโปรดตรัสสั่งสอนกับ เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไว้ดีแล้ว สมบรูณ์ และถูกต้องเป็นที่สุดแล้ว ด้วยนะครับ

สาธุ... สาธุ... สาธุ... ครับ happy.gif smile.gif laugh.gif

ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดปากน้ำภาษีเจริญ คลิ๊กที่นี้
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
.

Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

For any inquiries please

.

รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า:
คลิ๊กที่นี้
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ ได้รับ ภาพทั้งหมดของ คำสอนคุณยาย ฉบับรวมเล่ม และภาพ (ฉบับสมบรูณ์)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 157 files, 557.61 MB, ธรรมมะเทศนา มงคล 38 โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
ที่มา: คลิ๊กที่นี้ ปล. สืบเนื้องมาจาก กระทู้นี้ โพสต์โดย ท่าน ฟ้าร้าง
.
เรื่อง การสร้างบารมีของพระโพติสัตว์ เข้าใจได้ไม่ยาก โปรดลอง คลิ๊กที่นี้
.
สนใจอ่าน

The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้

(With some english explanation)

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

"Do not confuse having a career with having a life"
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>>
CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
Lastest Revised: 16/12/2006 | 08:43 PM

#7 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 12:55 PM

unsure.gif ปล่อยวาง เฉยๆ

อย่าไป mad.gif ลุ้น เร่ง เพ่ง จ้อง
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#8 นับดาว

นับดาว
  • Members
  • 422 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 01:41 PM

ทำทุกอย่างแบบสบายๆ

ไม่คาดหวังอะไรเลย

ระหว่างวันรักษาอารมณ์ให้แจ่มใสอยู่เสมอ

มีความเพียร .. สม่ำเสมอ..

หมั่นสังเกตและปรับปรุง

เดี๋ยวก็ใสค่ะ
ถ้าใจใส

เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน

#9 joeintra

joeintra
  • Members
  • 261 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 02:32 PM

ทำความรู้สึกก่อนนั่งสมาธิ เหมือน build อารมณ์ว่า นี่คือเวลาส่วนตัวอันมีค่าของเราจริงๆ เราอยู่ตัวคนเดียวในโลก ไม่รู้จักใครเลย และเราก็จะไม่คิดอะไรเลย
ทำความรู้สึก เหมือนศิลปินที่กำลังจะแต่งเพลง นุ่มๆ เบาๆ ละเอียดอ่อน หลับตาเบาๆ เหมือนเราใกล้จะหลับ ความรู้สึกนุ่มนิ่ม เหมือนเรานอนอยู่บนหมอนนุ่มๆใบโปรดของเรา จะทำให้ใจเราใสขึ้นได้ครับ นักปฏิบัติธรรมที่ดีต้องรู้จัก สร้างอารมณ์ดี ด้วยตัวเองนะครับ

#10 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1199 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 02:59 PM

มีความเพียร .. สม่ำเสมอ..
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#11 MIHARU

MIHARU
  • Members
  • 620 โพสต์
  • Interests:พระพุทธศาสนา<br />วิทยาศาสตร์

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 03:01 PM

QUOTE
พึ่งปฎิบัติอย่างสม่ำเสมอ

สำคัญมากเลยค่ะ เรื่องนี้
เอาใจช่วยนะคะ
อนุโมทนาบุญค่ะ สว่าง ใส สบาย นะคะ
Relax & Alert

#12 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 04:20 PM

อิริยาบถอื่นๆ ตอนทานข้าว หรือตอนที่เดินอยู่ ก็ลองฝึกเอาใจมาไว้ที่ศูนย์กลางกาย บ่อยๆ ทุกวัน จะได้ไม่ไปติดที่หัวตา
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#13 panu

panu
  • Members
  • 530 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 04:26 PM

ทำอารมณ์ดี ให้ได้ตลอดทั้งวัน มีความรู้สึกให้ความรักความเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายตลอดเวลา

#14 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1199 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 04:27 PM

และศรัทธาในแนวทางที่ปฎิบัติแนวใดแนวหนึ่งก็พอ
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#15 cheterk

cheterk
  • Members
  • 314 โพสต์
  • Interests:พระนิพพาน

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 06:16 PM

ผมยังไม่แนะนำนะครับ เพราะยังมองไม่เห็นปฐมมรรคเหมือนกัน

#16 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 08:30 PM

ลองไปดูเทคนิคนี้นะครับ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=5135
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#17 บารมีธรรม

บารมีธรรม
  • Members
  • 212 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 29 September 2006 - 10:26 PM


เคยอ่านเจอและได้ Save ไว้ ลองศึษาดูนะครับ

วิธีการฝึกให้สภาพใจใสสว่าง


วิธีการพัฒนาให้ใจเกิดความใสและสว่าง เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเรียนรู้ก่อน ปกติใจของเราไม่ใส ไม่สงบ ไม่ระงับ เอาแต่คิดนึกเรื่องราวทั้งหลาย เพียงนาทีเดียวก็คิดหลายเรื่อง การจะทำให้ใจสงบและนิ่งเป็นเรื่องทำยาก ท่านได้กำหนดกฎเกณฑ์ไว้ดังนี้


วิธีการฝึกให้สภาพใจใสสว่าง

ลำดับแรก : ให้ท่านดูภาพในท่าผ่าซีก จำฐานทางเดินของใจ ๗ ฐาน ให้ได้

ลำดับที่ ๒ : ให้ท่านดูดวงแก้วขาวใส ดูแล้วให้นึกได้ด้วยใจ เมื่อหลับตาแล้ว จะต้องนึกมโนภาพของดวงแก้วขาวใสได้

ลำดับที่ ๓ : ขั้นปฏิบัติ

(ก) ให้นั่งสมาธิ คือเท้าขวาทับเท้าซ้าย

(ข) มือขวาทับมือซ้าย นิ้วชี้ขวาจรดหัวแม่มือซ้าย แขน ๒ ข้างไม่เกร็ง ปล่อยตามสบาย

(ค) ตั้งกายตรง ไม่ค้อมหลัง ตั้งใบหน้าให้ตรง ไม่ก้มหน้า

จากนั้นให้หลับตา ไม่ต้องขยี้ตา เพียงหลับตาเบาๆ ให้นึกทำใจปลอดโปร่ง ไม่คิดไปในเรื่องอื่นใดทั้งหลายทั้งปวง พึงนึกสลัดเรื่องขุ่นข้องหมองใจออกไปจากใจตน เรื่องหน้าที่การงาน และกิจการส่วนตัว ไม่นำมาคิดนึกขณะฝึกใจ

ความรู้ใดที่เคยอ่าน เคยรู้ เคยได้ยิน ให้ระงับความรู้นั้นไว้ก่อน อย่านำมานึกคิดขณะฝึก หากนำมาคิดนึก จะทำให้การฝึกไม่ได้ผล ให้นึกทำใจโปร่งใส นึกทำใจปลอดโปร่ง นึกทำใจเป็นใจเด็กไร้เดียงสา เขาสอนแค่ไหน ทำแค่นั้น เขาสอนอย่างไร ทำอย่างนั้น ทำได้อย่างนี้การฝึกจะก้าวหน้า จากนั้น พึงนึกถึงคำสอนของพระศาสดาข้อ ๓ ที่สอนให้ทำใจให้ใสนั้น มีวิธีทำดังนี้


นึกถึงดวงแก้วกลมขาวใสรัศมีโชติขนาดเท่าแก้วตา แล้วน้อมใจให้ดวงใสไปตามจุดหมายในตัวเรา ดังนี้

(๑) ฐานที่ ๑ ปากช่องจมูก (หญิงปากช่องจมูกข้างซ้าย ชายปากช่อง
จมูกข้างขวา)

น้อมดวงนิมิตขาวใสมาที่ปากช่องจมูก สำหรับหญิงน้อมมาที่ปากช่องจมูกข้างซ้าย สำหรับชายน้อมมาที่ปากช่องจมูกข้างขวา ส่งความรู้สึกทางใจสัมผัสนิ่งกลางดวงนิมิตใส บริกรรมในใจว่า สัม มา อะ ระ หัง จำนวน ๓ ครั้ง และนึกให้ดวงนิมิตใสสว่างโชติ


(๒) ฐานที่ ๒ เพลาตา (หญิงเพลาตาซ้าย ชายเพลาตาขวา)

จากนั้น เลื่อนดวงนิมิตขาวใสมาฐานที่ ๒ คือเพลาตา สำหรับหญิงเพลาตาซ้าย สำหรับชายเพลาตาขวา บรรจุดวงนิมิตลงที่รูน้ำตาออก ส่งความรู้สึกทางใจสัมผัสนิ่งกลางดวงใส บริกรรมในใจว่า สัม มา อะ ระ หัง จำนวน ๓ ครั้ง และนึกให้ดวงนิมิตใสสว่างโชติ


(๓) ฐานที่ ๓ จอมประสาท

จากนั้น เลื่อนดวงใสไปที่จอมประสาท อยู่ในกะโหลกศีรษะของเรา ให้เหลือกตา คือทำตาขาวเหมือนคนเป็นลม เลื่อนดวงนิมิตใสไปที่จอมประสาท เพื่อให้ใจของเราไปรับรู้ข้างใน และให้ลืมเรื่องเหลือกตาทันที เอาความรู้สึกจรดนิ่งกลางดวงนิมิตใส บริกรรมในใจว่า สัม มา อะ ระ หัง จำนวน ๓ ครั้ง และนึกให้ดวงนิมิตใสสว่างโชติ


(๔) ฐานที่ ๔ ปากช่องเพดาน หรือเพดานปาก

จากนั้น เลื่อนดวงนิมิตใสมาที่ฐานที่ ๔ คือปากช่องเพดาน ได้แก่ จุดหมายที่เราสำลักน้ำสำลักอาหาร ส่งใจสัมผัสนิ่งกลางดวงนิมิตใส บริกรรมในใจ สัม มา อะ ระ หัง จำนวน ๓ ครั้ง และนึกให้ดวงนิมิตใสสว่างโชติ


(๕) ฐานที่ ๕ ปากช่องลำคอ

จากนั้น เลื่อนดวงนิมิตใสมาที่ฐานที่ ๕ คือ ปากช่องลำคอ อยู่ในหลอดลำคอ แต่อยู่เหนือลูกกระเดือกนิดหนึ่งโดยประมาณ ส่งใจสัมผัสนิ่งกลางดวงนิมิตใส บริกรรมในใจ สัม มา อะ ระ หัง จำนวน ๓ ครั้ง และนึกให้ดวงนิมิตใสสว่างโชติ


(๖) ฐานที่ ๖ ฐานของศูนย์กลางกาย

จากนั้น เลื่อนดวงนิมิตใสไปในท้องเรา ให้ได้ระดับสะดือ สมมุติว่ามีเข็มร้อยด้าย ๒ เล่ม เล่มที่ ๑ สมมุติแทงจากสะดือตัวเราเองเป็นเส้นตรงทะลุข้างหลัง อีกเล่มหนึ่งสมมุติว่าแทงจากสีข้างขวาเป็นเส้นตรงทะลุสีข้างซ้าย เห็นเป็นมโนภาพว่า ในท้องเรามีเส้นด้ายตัดกันเป็นรูป
กากบาท จุดที่เส้นด้ายตัดกันนั้นคือ ฐานของศูนย์กลางกาย ให้เลื่อนดวงนิมิตใสตั้งไว้ตรงนั้น ส่งใจนิ่งกลางดวงนิมิตใส บริกรรมใจว่า สัม มา อะ ระ หัง จำนวน ๓ ครั้ง และนึกให้ดวงนิมิตใสสว่างโชติ


(๗) ฐานที่ ๗ ศูนย์กลางกาย

จากนั้น เลื่อนดวงนิมิตใสจากฐานที่ ๖ ให้สูงขึ้นมาประมาณ ๒ นิ้วมือตัวเอง ส่งใจนิ่งกลางดวงนิมิตใส บริกรรมในใจ สัม มา อะ ระ หัง จำนวน ๑๐๐ ครั้ง ๑๐๐๐ ครั้ง และภาวนาเรื่อยไป

บริกรรม สัม มา อะ ระ หัง เรื่อยไป จะรู้สึกเกิดควมปลอดโปร่งทางใจ รู้สึกสบายใจ เกิดความสงบทางใจ จนในที่สุด “ใจนิ่ง” ไม่ส่าย ไม่ไหว ไม่ริบรัว ดวงนิมิตกลมขาวใส ก็จะเกิดความสว่างยิ่งขึ้น เมื่อถึงขั้นนี้ อย่าให้เกิดความดีใจเป็นอันขาด อย่าได้เกิดความลิงโลดเป็นอันขาด พึงวางใจเฉยๆ ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย


หากท่านเกิดความดีใจ หากท่านนึกเอาใจจี้ ดวงนิมิตจรัสแสงจะหายไปทันที ดังนั้น จึงขอร้องให้ท่านวางใจเฉยๆ ภาวนาไปเรื่อยๆ จนกว่าดวงเดิมหายไป แล้วท่านจะเห็นดวงธรรมจริงของท่าน มีลักษณะเป็นดวงเพชรขาวใสกลมสว่างโชติ เท่าดวงดาวในอากาศก็มี เท่าลูกหมากก็มี เท่าผลส้มโอก็มี เท่าเมล็ดข้าวโพดก็มี แต่อย่างใหญ่ไม่เกินดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์


ลักษณะของดวงธรรม เป็นดวงเพชรขาวใสกลมมีรัศมีสว่างโชติ เหตุที่ดวงธรรมมีขนาดต่างกัน ขึ้นอยู่กับวาสนาบารมีที่สร้างสมอบรมมาแต่อดีตชาติ ใครสร้างสมอบรมบุญบารมีไว้มากดวงธรรมจะมีขนาดใหญ่ ท่านที่ดวงธรรมใหญ่ มักเรียนรู้เร็ว ทำเป็นเร็ว


ขณะที่ท่านบริกรรมจนสภาพใจ “หยุด” และ “นิ่ง” ดวงนิมิตสมมุติที่เรากำหนดแต่แรกนั้นจะหายไป และท่านจะเห็นดวงธรรมของท่านเอง ช่วงนี้เป็นเหตุการณ์เร็วและฉับพลัน ต้องสังเกตให้ดี


เมื่อเห็นดวงธรรมที่ศูนย์กลางกายเช่นนี้แล้ว พึงรักษาดวงธรรมให้สว่างจรัสแสงเนืองๆ ชีวิตของท่านจะเจริญก้าวหน้า อารมณ์ของเราจะสว่างใส สุขภาพอนามัยดี นอนหลับเป็นสุข ตื่นขึ้นก็เป็นสุข


พระศาสดาทรงรับรองเป็นภาษาบาลีว่า นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ แปลว่า ไม่มีความสุขใดเท่ากับความสงบใจ บัดนี้ เราได้พิสูจน์ความจริงแล้ว เราฝึกเพียงเบื้องต้น ยังให้ผลแก่เราถึงเพียงนี้ หากเราขยันหมั่นเพียรยิ่งขึ้น นั่นคือประโยชน์อันไพศาลที่เราคาดไม่ถึง
แต่ถ้าเราไม่ขยันหมั่นฝึก ดวงธรรมของเราไม่สว่างใส เราจะมีอารมณ์หงุดหงิด สุขภาพไม่ดี สามวันดีสี่วันไข้ ไม่ว่าจะทำอะไรไม่ดีทั้งนั้น เหตุนี้เอง พระศาสดาจึงสอนว่า ให้ทำใจให้สว่างใส เพราะสภาพใจที่สว่างใสให้ประโยชน์สถานเดียว ประโยชน์อันยิ่งใหญ่นั้นเราจะได้เรียนกันต่อไป

*****************

** การเห็นดวงธรรมที่ถูกต้องนั้นคืออย่างไร **

เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเรียนรู้แต่เบื้องต้นว่า การเห็นดวงธรรมที่ถูกต้องนั้นคืออย่างไร การเห็นที่ถูกต้องนั้น มีกฎเกณฑ์ดังนี้

(๑) เห็นดวงธรรมในท้องของตนเอง คือเห็นที่ศูนย์กลางกาย การเห็นนอกท้องของตน เรียกว่า “เห็นนอก” เป็นการเห็นที่ผิด


(๒) ปัญหาใหญ่อยู่ที่เรามักเห็นนอกตัวเรา คือเห็นนอกเกิดจากการเลื่อนดวงนิมิตจากฐานที่ ๒ (เพลาตา) ไปฐานที่ ๓ (จอมประสาท) ไม่เหลือกตากลับเข้าไปในกะโหลกศีรษะ ความเห็นของเราจึงไม่เข้าไปในกาย เราจึงมักเห็นดวงธรรมนอกกายกันเป็นส่วนใหญ่ การเห็นลักษณะนี้ เป็นความผิดอย่างมหันต์ ดังนั้น จึงต้องรีบแก้ไข การฝึกเบื้องต้นให้ถูกต้อง

ปกติเรามองเห็นสิ่งรอบตัวเราเป็นการเห็นข้างนอกอยู่แล้ว ต่างกับการเห็นของการพัฒนาใจ การพัฒนาใจจะต้องเห็นข้างใน จึงต้องฝึกการเหลือกตาให้ชำนาญ คือการทำตาขาวเหมือนคนเป็นลม แล้วนึกให้ดวงนิมิตใสเข้าไปอยู่ในกะโหลกศีรษะของตัวเรา และเมื่อดวงนิมิตใสเข้าไปอยู่ในกะโหลกศีรษะแล้ว ให้เราลืมเรื่องเหลือกตาทันที คงใช้ความรู้สึกคือใจมองนิมิตต่อไป หากฝึกเหลือกตาเป็นแล้ว เราก็จะเห็นดวงธรรมข้างใน คือเห็นในท้องของเรา


(๓) ระหว่างการฝึก ให้ทำใจนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายเพียงอย่างเดียว เห็นหรือไม่เห็น ก็ให้จรดใจไว้ที่ศูนย์กลางกายสถานเดียว ไม่ส่ายใจไปทางอื่น ในที่สุด ที่เราว่ามืดนั้น จะสว่างขึ้นมาเอง โปรดจำไว้ว่าการเห็นนั้น จะต้องเห็นที่ศูนย์กลางกายเท่านั้น

ขณะที่เราวางใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย กิเลสเขามักจะแกล้งเราให้เราเห็นสว่างที่หน้าอก ให้เห็นเป็นไฟฉายมาที่ใบหน้า เห็นสว่างที่ศีรษะ เห็นความสว่างที่นัยน์ตา กรณีอย่างนี้ ห้ามส่งใจไปมองดูความสว่างเหล่านั้น คงให้ภาวนามองดูที่ศูนย์กลางกายเท่านั้น

บางรายไม่ทราบวิธีหลอกของกิเลส แต่แรกกำหนดนิมิตก็ว่าดวงนิมิตชัดเจนดีอยู่ แต่พอเลื่อนดวงนิมิตไปที่ศูนย์กลางกายภาวนาได้สักครู่ เกิดมืดไม่เห็นดวงนิมิต แต่ไปเกิดความสว่างรอบตัวเรา เกิดความสว่าง
ตามที่ต่างๆ ดังกล่าวนั้น กรณีเช่นนี้ ห้ามส่ายใจไปดูคงยึดมั่นและภาวนาที่ศูนย์กลางกายดังเดิม และอีกไม่นานความมืดนั้นจะกลายเป็นสว่าง จะเห็นดวงธรรมค่อยๆ ชัดขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดเราก็เห็นดวงธรรมได้ตลอดปลอดโปร่ง

กรณี ที่รู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย หรือรู้สึกคันตามตัวเสมือนมีตัวอะไรมาคลาน อย่าได้ส่งความรู้สึกไปรู้สิ่งเหล้านั้น เพราะอีกไม่นานท่านก็จะบรรลุผลของการฝึกแล้ว หากท่านใช้มือเกาตามร่างกายหรือไปบีบเท้าเพื่อคลายความปวดเมื่อย ใจของเราจะถอนออกจากศูนย์กลางกายทันที การฝึกไม่ได้ผล ต้องมาตั้งต้นกันใหม่ ความปวดเมื่อยมีอยู่บ้าง แต่คันตามตัวไม่มีอะไรมาคลาน เป็นเรื่องของกิเลสที่จะทำให้การฝึกของเราไม่ได้ผลเท่าที่ควร ดังนั้น การฝึกเบื้องต้นจึงขอร้องให้เราอดทน หากจะขยับกาย ใจต้องไม่เคลื่อนจากศูนย์กลางกาย


(๔) การเห็นดวงธรรมที่แท้จริง เพียงแต่นึกจะให้เห็น ก็เห็นดวงธรรมใสแจ่มจรัสที่ศูนย์กลางกาย อารมณ์ของเราแช่มชื่นอยู่กับดวงธรรมนั้น หลับตาก็เห็น แม้ลืมตาก็เห็น แสดงถึงว่าได้ฝึกใจมาชำนาญแล้ว ให้จรดใจไว้กับดวงธรรมเนืองๆ ดวงธรรมก็ให้ความคุ้มครองรักษา แม้จะพูดหรือคิดหรือตัดสินใจ จะถูกต้องไปทั้งหมด นี่คือดวงธรรมให้การคุ้มครองรักษา ไปไหนมาไหนไม่มีอันตราย พระศาสดาทรงยืนยันว่า จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ แปลว่า จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้ เราเกิดความรู้สึกว่า พระศาสดาตรัสไว้ถูกแล้ว เพียงเราพัฒนาใจเบื้องต้น เรายังได้รับประโยชน์ถึงเพียงนี้ หากเราขยันหมั่นเพียรต่อไป เราจะได้รับความสุขมากกว่านี้แน่นอน




#18 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 30 September 2006 - 12:42 PM

ทำแบบนี้ผิดวิธีนะ ถ้าทำมากหรือนานไปแล้วเราจะปวดตาหรือปวดหัว เราอย่าจดจอมากให้ปล่อยใจสบายๆๆ
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี

#19 น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

    เราคือ นักรบกล้าอาสาสมัคร กองทัพธรรม

  • Members
  • 1961 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:ช่วยงานบุญที่วัด ให้ถึงที่สุดกำลัง ตราบวันที่ชีวิตจะสิ้นลมหายใจ

โพสต์เมื่อ 02 October 2006 - 04:20 PM

หยุดเป้นตัวสำเร็จ
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"

น้ำฝนลูกพระธัมฯ

#20 สุดดีดี

สุดดีดี
  • Members
  • 56 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 11:30 AM

ขอบคุณทุกท่านคะที่เมตตาให้คำแนะนำ

#21 จักรพรรดิ์

จักรพรรดิ์
  • Members
  • 39 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 12:38 PM

ที่ไม่สบายเพราะรีบนั่นเองครับ อาการที่คิ้วบอกว่าเรากำลังจ้องมองหรือคอยตะคุบดวงแก้ว ต้องใจเย็นๆครับสบายๆนิ่งๆนุ่มๆ อย่ารีบปล่อยใจเป็นอิสระไม่ผูกมัดกับอะไร เย็นๆ เลื่อยๆ เดี๋ยวเห็นเองครับ สิ่งที่ควรได้คือใจที่สบายการเห็นเป็นของแถมสำหรับใจครับ ขอให้มีความสุขครับ