ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

เพราะเหตุใดจึงไม่มีภิกษุณีในเมืองไทย


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 13 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 โน้ตผู้ชนะมาร

โน้ตผู้ชนะมาร
  • Members
  • 6 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 November 2006 - 08:52 PM

เพราอะไรครับ nerd_smile.gif nerd_smile.gif nerd_smile.gif nerd_smile.gif สงสัยสงสัย

#2 เด็กกะปิ

เด็กกะปิ
  • Members
  • 130 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 November 2006 - 10:30 PM

การบวชภิกษุณี ก็ต้องมีพระอุปัชณาย์ทั้งพระภิกษุและพระภิกษุณีครับ ในเมื่อปัจจุบันไม่สามารถหาภิกษุณี(ตัวจริง) ที่บวชกันเป็นทอด ๆ กันลงมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลได้แล้ว จึงทำให้การบวชภิกษุณีในปัจจุบัน ไม่สามารถบวชได้อีกแล้วครับ

(ไม่ว่าที่ใด ๆ ในโลกครับ ไม่ใช่แค่ในไทย)


#3 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 28 November 2006 - 12:57 AM

Because Buddism in Thailand is Theravad, and in order for you to baccome a ภิกษุณี you must be ordain by a ภิกษุณี. When there is no one who want to become ภิกษุณี , therefore ภิกษุณี " died out " in Theravad kah happy.gif
So we don-t have any more ภิกษุณี in Thailand
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง

#4 niwat

niwat
  • Members
  • 1420 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 28 November 2006 - 06:09 AM

ระหว่างรอพี่ๆ สมาชิกมาตอบ... ลองศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Link ข้างล่างครับ smile.gif

ผู้หญิงกับการบวช (มี link ย่อยลงไปอีก 4 link ในกระทู้นี้)
http://www.dmc.tv/fo...wtopic=4385&hl=

คิดอย่างไรเมื่อผู้หญิงต้องการบวชเป็นภิกษุณี
http://www.dmc.tv/fo...wtopic=7014&hl=

ทำไมเป็นผู้หญิงถึงบวชไม่ได้ค่ะ ในสมัยพระพุทกาลก็ยังมีภิกษุณี
http://www.dmc.tv/fo...owtopic=409&hl=

#5 koonpatt

koonpatt
  • Members
  • 616 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 28 November 2006 - 08:36 AM

ลองเข้าไปดู ตามนี้นะคะ www.thaibhikkhunis.org

ไม่อยากให้บอกว่าไม่มีเลยค่ะ เพราะ มันแปลได้ว่า เราไม่รู้ว่ามี หรือ เราปิดตา ปิดหูของตัวเอง ไม่รับรู้ และไม่ยอมรับต่างหาก

koonpatt เชื่อว่า การตั้งใจที่จะถือศีล เป็นเรื่องดีทั้งนั้น เพียงแต่ แตกต่างกันไปในเรื่องของรูปแบบเท่านั้นเอง การไม่ยอมรับ และ ปฏิเสธการมีตัวตนของภิกษุณี ผู้ถือศีลเหล่านั้น เราจะมีวิบากกรรมหรือไม่คะ แล้วคนที่โจมตี และให้ร้ายผู้ถือศีลเหล่านั้น จะมีวิบากกรรม หรือไม่ อย่างไรคะ

รบกวนขอคำชี้แนะด้วยนะคะ
จึงยังคง เชื่อมั่นและศรัทธาใน "รัก" เหมือนอย่างที่เคย...เสมอมา...และจะตลอดไป
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ

#6 จะว่าง่ายค่ะ

จะว่าง่ายค่ะ
  • Members
  • 25 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 November 2006 - 10:33 AM

เหมือนกับเคยเห็นว่ามีพระผู้หญิงที่แถวๆทางเหนือของอินเดีย และในประเทศจีนก็มี ไม่ทราบว่าจะสามารถเรียกว่าพระภิกษุนีได้หรือเปล่า และถ้าไม่ได้เพราะอะไร แล้วถ้าบอกว่าไม่มีพระภิกษุนีแล้วทำไมถึงไม่มี ขาดหายไปช่วงใด เพราะโดยธรรมดาแล้วผู้ที่เป็นหญิงจะมีศรัทธามากกว่าชายโดยจะเห็นว่าคนเข้าวัดเป็นหญิงมากกว่าชาย (หรือว่า ประชากรเป็นชายน้อยกว่า ...ขำ...ขำนะ)

#7 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 28 November 2006 - 11:20 AM

รู้สึกว่าจะเคยอ่านเจอในหนังสือหลายเล่มน่ะครับ

เรื่องเกี่ยวกับการพยากรณ์อายุกาลแห่งพระศาสนา ๕๐๐๐ ปี

พอจำได้นิดหน่อยว่า

เมื่อศาสนาล่วงไปถึง พ.ศ. ๕๐๐ ภิกษุณีสงฆ์จะหมดไป

เมื่อศาสนาล่วงไปถึง พ.ศ. ๑๐๐๐ พระอรหันต์ปฎิสัมภิทาผู้เหาะเหินเดินอากาศจะหมดสิ้นไป

เมื่อศาสนาล่วงไปถึง พ.ศ. ๒๐๐๐ พระอรหันต์สุกขวิปัสสกะจะหมดสิ้นไป

เมื่อศาสนาล่วงไปถึง พ.ศ. ๓๐๐๐ จะหาพระภิกษุมาประชุมลงฟังพระปาฎิโมกข์ไม่มี

เมื่อศาสนาล่วงไปถึง พ.ศ. ๔๐๐๐ จะหาพระภิกษุผู้ครองไตรจีวรครบ ๓ ผืนไม่มี

เมื่อศาสนาล่วงไปถึง พ.ศ. ๕๐๐๐ เป็นอันสิ้นกาลแห่งศาสนาของพระสมณะโคดมด้วยประการฉะนี้แล

ดังนั้นในปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๔๙ ถ้าเป็นไปตามคำพยากรณ์ ภิกษุณีก็น่าจะสูญสิ้นไปแล้วครับ

อย่าว่าแต่ในเมืองไทยเลยครับ แม้แต่ในที่อื่น ที่ทางพระไม่ให้การยอมรับก็เพราะหลักฐานการสืบสายของภิกษุณียังมีปรากฎไม่ชัดเจน

ส่วนเรื่องการโจมตีกันในเรื่องนี้ ก็คงเป็นเวรกรรมของทั้งฝ่่ายที่โจมตี และฝ่าที่ถูกโจมตี น่าจะเคยโจมตีกันมาแล้วในอดีตชาติ มาเกิดใหม่ก็เลยตามมาว่ากันอีก
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก

#8 ladaratd

ladaratd
  • Members
  • 6 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 November 2006 - 11:28 AM

เคยอ่านหนังสือว่า พระพุทธเจ้าได้บัญญัติให้ผู้หญิงบวชได้ การบวชครั้งแรกได้บวชโดยภิกษุ ภายหลังได้กำหนดว่าให้บวชโดยภิกษุและภิกษุณี แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้ยกเลิกคำกล่าวครั้งแรกที่ให้บวชโดยภิกษุได้นี่ค่ะ ผู้หญิงที่มีจิตใจมุ่งมั่นก็มีมาก เราอย่ายึดถืออัตตากันเลย รูปลักษณ์เป็นเพียงภายนอกที่สำคัญคือดวงจิตภายใน ไม่ว่าคนใดก็ได้เคยเกิดเป็นผู้หญิงสลับกับการเกิดเป็นผู้ชายกันมาแล้วทั้งนั้น ดังนั้นทุกคนภายในโลกสมควรได้มีโอกาสบวช สิ่งสำคัญคือการมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม แม้พระพุทธเจ้าก็ยังอนุญาตให้ผู้หญิงบวชได้ คนที่บอกว่าผู้หญิงบวชไม่ได้เป็นสิ่งนอกเหนือจากวาจาที่กล่าวออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ โดยผู้ชายเป็นคนมาตีความภายหลังจำกัดสิทธิของผู้หญิง ถ้าผู้หญิงเรามีความมุ่งมั่นเชื่อว่าภิกษุณีจะสามารถกำเนิดอีกครั้งทั่วโลกค่ะ

วาจาใดที่กล่าวนอกเหนือจากความตั้งใจของพระพุทธองค์ ลูกขออโหสิกรรมค่ะ

#9 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 28 November 2006 - 12:32 PM

ก็เอาสิครับ ท่านใดอยากบวชเป็นภิกษุณี ก็ลองปฏิบัติตนเคร่งครัด ถือศีลตามแบบที่ภิกษุณีในกาลก่อนท่านถือ (3 ร้อยกว่าข้อ) ซ้อมๆ ดูสัก 5-6 ปี ถ้าทำได้จริงผมว่า ผู้ปฏิบัติจะปล่อยวางเอง เพราะคำว่าภิกษุณี ก็แค่ศัพท์บัญญัติเท่านั้น สำคัญที่การกระทำของเรา

แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็จะเข้าใจว่า ก็มันทำไม่ได้ มันก็เลยไม่มีไง ง่ายๆ แค่นี้แหละครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#10 โน้ตผู้ชนะมาร

โน้ตผู้ชนะมาร
  • Members
  • 6 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 November 2006 - 06:40 PM

เออคือกฎสามร้อยกว่าๆเนี่ยมีอะไรบ้าง


#11 Tanay007

Tanay007
  • Members
  • 616 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 November 2006 - 09:11 AM

การบวชของภิกษุณี จะต้องบวชจากสงฆ์ทั้งสองฝ่าย คือ สงฆ์ฝ่ายภิกษุ และสงฆ์ฝ่ายภิกษุณี
ทีนี้ ปรากฏว่า ภิกษุสงฆ์ได้หมดไปจากอินเดียประมาณหลังพุทธปรินิพพานได้ 500 ปี
ส่วนในลังกา เมื่อโปรตุเกสเข้ามาครอบครอง ก็ได้ไล่รุกจนภิกษุและภิกษุณีในลังกาหมดไปเหมือนกัน
ต่อมาเมื่อศรีลังกาเริ่มฟื้นฟูพระพุทธศาสนาหลังจากศาสนบุคคลหมดสิ้นไปจากลังกา ก็ได้นิมนต์พระจากพม่าบ้าง
จากสยามบ้าง (ตั้งสยามวงศ์ในลังกา) ไปให้การอุปสมบทกุลบุตรในลังกาจนพระพุทธศาสนาค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นมาได้
แต่ปรากฏว่าในประเทศดังกล่าวนั้น ไม่ว่าจะเป็นสยามหรือพม่า ก็ไม่มีสงฆ์ฝ่ายภิกษุณีครับ ฉะนั้นจึงเป็นอันว่า ไม่สามารถ
จะฟื้นฟูภิกษุณีสงฆ์ขึ้นมาได้ เพราะต้องมีการอุปสมบทจากสงฆ์สองฝ่าย
บางคนอาจจะคิดว่า น่าจะอนุโลมให้บวชได้นะ ไม่น่ามีปัญหาอะไรถ้ากุลสตรีเหล่านั้นสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ได้
แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงที่บุคคล ปัญหาอยู่ที่ธรรมและวินัย สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบัญญํติไว้คณะสงฆ์และพระเถระในกาลก่อนท่านจะไม่บัญญัติเพิ่มเติมเด็ดขาดครับ โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของภิกษุณีบริษัท พระองค์ระมัดระวังมาก


#12 niwat

niwat
  • Members
  • 1420 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 29 November 2006 - 10:32 AM

QUOTE
เออคือกฎสามร้อยกว่าๆเนี่ยมีอะไรบ้าง
ภิกขุณีวิภังค์
http://84000.org/tip...a1/vinai03i.php

#13 ladaratd

ladaratd
  • Members
  • 6 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 November 2006 - 01:03 PM

ภิกษุหมดไปก็สามารถฟื้นฟูได้ ภิกษุณีหมดไปก็สามารถฟื้นฟูได้เช่นกัน ถ้าหญิงมีใจมั่นจริงกฎ 300 กว่าข้อ คงไม่ยากเกินไป ถ้ามุ่งมั่น แม้ภิกษุเอง มีข้อกำหนด 227 ข้อ ก็ใช่ว่าภิกษุทุกรูปจะสามารถปฏิบัติตามได้ ภิกษุประพฤติบกพร่องบางองค์ก็เป็นเหตุให้ศาสนาเสื่อมเช่นกัน มิใช่แต่ภิกษุณีฝ่ายเดียว แม้พระอานนท์ก็ยังเห็นด้วยกับการมีภิกษุณี จึงทูลขอร้องพระพุทธองค์ ถ้าหญิงผู้นั้นมีความมุ่งมั่นจริง

#14 บารมีธรรม

บารมีธรรม
  • Members
  • 212 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 01 December 2006 - 12:15 AM

ครับไม่มีอะไรยากเกินไปถ้าทำจริง
แต่มองในมุมพระธรรมวินัยก็ลำบากใจแทนครับ

เห็นด้วยกับคุณหัดฝันนะครับ

แม้เป็นชายก็ใช่ง่ายหากคิดจะบวชที่วัดพระธรรมกาย
หมายถึงบวชเป็นพระลูกวัดจริงๆ ตลอดชีวิต
ยังต้องได้รับการทดสอบอย่างยาวนานนะครับ
(ยกเว้นบวชธรรมทายาทหรือบวชระยะสั้น)

เพราะคนที่คิดจะบวชเพื่อสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาจริงๆนั้น
ส่วนตัวผมคิดว่า ต้องเข้าใจพระพุทธศาสนาให้ดีก่อนถึงบวช

ก็เห็นด้วยกับคุณ Ladaratd นะครับในส่วนที่ว่าถ้าหญิงมีใจมั่นจริงกฎ 300 กว่าข้อคงไม่ยากเกินไป
ขอยกตัวอย่าง มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ( คุณยายอาจารย์)
ส่วนตัวผมคิดว่า สำหรับท่านแล้วกฎ 300กว่าของภิกขุณี ท่านถือได้อย่างแน่นอน
แล้วคนที่ได้ผ่านการทดสอบและมีผลการปฏิบัติธรรมที่เห็นชัดอย่างท่าน
ยังไม่สามารถบวชเป็นภิกขุณีได้เลยครับ

ดังนั้นประเด็นคงไม่ใช่แค่ว่าถือศีลได้หรือไม่อย่างเดียว นะครับ..

แต่ถ้าหากจะสามารถให้บวชภิกขุณีได้ในปัจจุบันอย่างถูกต้องไม่ขัดบัญญัติของพระพุทธเจ้าแล้ว
กระผมก็ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ...