การโพสต์รูป
#1
โพสต์เมื่อ 27 November 2006 - 11:11 PM
1. หากเป็นภาพที่เราก๊อปจากเน็ตมา ถ้าให้ดี น่าจะมีที่มาที่ไปไว้อ้างอิงก็ดีนะคะ จะได้เป็นการให้เกียรติเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือบางกรณีเป็นภาพที่เขาสร้างหลอกตาขึ้นมา ซึ่งหากเรานำไปเผยแพร่ต่อ โดยที่เราไม่ได้เช็คข้อมูล ก็อาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนขยายไปในวงกว้างได้ค่ะ
2. รูปอุบัติเหตุหวาดเสียว ( หลังเกิดเหตุ ) หรือภาพประกอบอาชญากรรม แค่คุยกันบอกเล่าเก้าสิบด้วยตัวหนังสือ ก็พอมองตามได้ค่ะ แฮ่ะๆ ไม่ต้องโชว์รูปก็ได้จ้า ยังไงฝากสกรีนสักหน่อยค่ะ ดูแล้ว ใจจะได้ไม่หมองค่ะ ให้โต๊ะสนทนาเรามีบรรยากาศใสๆ กันดีกว่า ดีไหมคะ
3. รูปอสุภะต่างๆ หากท่านใดชอบดูไว้พิจารณาเป็นการส่วนตัว แนะนำให้ทำลิงค์เข้าไปดูในหมวดหมู่นั้นๆ ดีกว่านะคะ แฮ่ะๆ ดีกว่าโพสต์กันจะๆ จ้า
กราบอนุโมทนาบุญค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 28 November 2006 - 12:01 AM
จะได้เป็นการให้เกียรติเจ้าของลิขสิทธิ์
เห็นด้วยนะครับ
แล้วภาพภาพที่เราได้มาโดยไมทราบแหล่งที่มาที่ชัดเจนล่ะครับ
เช่น
- ภาพที่เก็บไว้นานแล้ว
- ภาพที่ download ผ่าน googlegrap
จะไม่ทราบแหล่งที่มาของภาพ (ถ้าไม่มีตัวอัษรระบุแหล่งที่มา)
ทำไงดี ครับ
3. รูปอสุภะต่างๆ หากท่านใดชอบดูไว้พิจารณาเป็นการส่วนตัว
แนะนำให้ทำลิงค์เข้าไปดูในหมวดหมู่นั้นๆ ดีกว่านะคะ แฮ่ะๆ ดีกว่าโพสต์กันจะๆ จ้า
ขอบคุณที่ทักท้วงและชี้แนะ นะครับ
ผมลบภาพอสุภะ ในกระทู้ กลิ่นกายมนุษย์ ที่คุณ KATCH แนะนำแล้วครับ
ปกติในรอบ 1 - 2 เดือนผมจะเข้าไปดูข้อมูลการจัดการแฟ้มแนบ ในข้อมูลส่วนตัว
ภาพไหนที่ไม่มีใคร download หรือ เป็นภาพในกระทู้เก่าๆ ผมจะลบออกบ้าง
ในส่วนภาพที่เคยแปะไว้ ท่านใดเห็นว่าไม่เหมาะสม
กรุณาทักท้วงและชี้แนะด้วยนะครับ สาธุ
#3
โพสต์เมื่อ 28 November 2006 - 06:43 AM
ภาพไหนที่ไม่มีใคร download หรือ เป็นภาพในกระทู้เก่าๆ ผมจะลบออกบ้าง
เมื่อก่อน admin จะจำกัดพื้นที่ให้เก็บได้คนละ 100 Mb
เมื่อผมแนบไฟล์ลงไปก็จะจำกัดโดยกำหนดระยะเวลาให้ DL
เพื่อผมจะได้ clear ของเก่าออก แล้วแนบไฟล์ใหม่ลงไป...
แต่ตอนนี้ทาง admin ใจดี ให้พื้นที่ในการจัดเก็บไฟล์แนบ
เพิ่มขึ้น เป็น 500 Mb ต่อสมาชิก ตอนนี้ก็เลยยังไม่ได้
จัดการลบไฟล์เก่าๆ ที่แนบไปกับกระทู้ต่างๆ ออกเลย
#4
โพสต์เมื่อ 28 November 2006 - 02:52 PM
#5
โพสต์เมื่อ 28 November 2006 - 04:49 PM
แต่พอได้เรียนกายวิภาคตอนอยู่มหาวิทยาลัย กลับไม่กลัวอาจารย์ใหญ่แม้แต่นิดเดียว ได้จับ ได้ผ่า ได้สัมผัส ก็ยังไม่เคยกลัว กลับรู้สึกเคารพท่านมากๆ
แต่พอมาได้ดูได้เห็นภาพน่าหวาดเสียว ก็กลัวเหมือนเดิมค่ะ (แม้จะรู้ว่าเพื่อให้นึกถึงมรณานุสติ)
แบบนี้เป็นเพราะบุญความเมตตาของอาจารย์ใหญ่รึเปล่าหนอ ที่ทำให้เราเรียนอยู่กับท่านได้จนจบเทอม
#6
โพสต์เมื่อ 28 November 2006 - 09:58 PM
เช่น
- ภาพที่เก็บไว้นานแล้ว
- ภาพที่ download ผ่าน googlegrap
จะไม่ทราบแหล่งที่มาของภาพ (ถ้าไม่มีตัวอักษรระบุแหล่งที่มา)
อืมมม เรื่องภาพประกอบทั่วไปที่นำมาจาก google ไม่อยากให้คุณ DANGDEE กังวลมากไปค่ะ
เพียงแค่ว่า หากเราดึงภาพมาจากเวปใด เราก็แนบชื่อเวปนั้นๆ ด้วย เป็นการอ้างอิงหรือถ้ามีชื่อเจ้าของภาพ ก็พิมพ์ชื่อเจ้าของไว้เป็นการให้เกียรติเจ้าของภาพก็ดีค่ะ ( ยกเว้นภาพเก่าที่เราเก็บสต๊อกไว้ มันไม่รู้จะหาที่มาที่ไปยังไง ก็คงสุดวิสัยเนอะ ) เพราะเรานำมาประกอบบทความเฉยๆ ไม่ใช่ในเรื่องการค้า หาผลประโยชน์อื่นใดๆ งั้นก็สบายใจได้
อีกอย่าง...ในเรื่องลิขสิทธิ์ ( ตามความเข้าใจของ KATCH เองนะคะ ) จะมีปัญหาก็ต่อเมื่อ
เรานำภาพเขามาใช้ยังไม่พอ แถมมาตัดแต่งใหม่ แล้วบอกว่าเป็นของเรา อันนั้นผิดเต็มๆ แน่นอนค่ะ
จุดใหญ่น่าจะอยู่ตรงนี้มากกว่า
#7
โพสต์เมื่อ 29 November 2006 - 12:27 PM
บุญโตก็ขอโทษด้วย จากภาพ "ความผิดปกติของยีน"
#8
โพสต์เมื่อ 29 November 2006 - 12:44 PM
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#9
โพสต์เมื่อ 29 November 2006 - 01:22 PM
"ถ้าหากข้าพเจ้า ผิดพลาดแต่ประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ"
ความคิดอันวิเศษ มาจากใจที่สงบ
ความอดทนอันสูงสุด มาจากใจที่หยุดนิ่ง
น้องขวัญ
...A LiTTle GuiDE...
อาสาสมัครแผนกมัคคุเทศก์
สังกัดกองปฏิสันถาร สำนักศรัทธาภิบาล
#10
โพสต์เมื่อ 29 November 2006 - 01:44 PM
#11
โพสต์เมื่อ 29 November 2006 - 07:32 PM
มนุษย์ส่วนมากไม่ชอบดู ไม่ชอบชมหรอกครับ
ถ้าให้เลือกชมภาพโสภา สวยๆงามๆ ของคน สัตว์ สิ่งของ กับ
ภาพที่ไม่โสภา น่ารังเกียจ น่ากลัว ของคน สัตว์ สิ่งของ
ผมว่า มากกว่า 95 % ต้องเลือกดู-ชมภาพโสภา สวยๆงามๆ ของคน สัตว์ สิ่งของ
ผมเองก็เลือกชมภาพที่โสภา เหมือนกันแหละครับ
สำหรับนักปฏิบัติธรรม สมถะ-วิปัสสนากรรมฐาน ที่ฝึกชมภาพอสุภะ
ผมคิดว่า ท่านก็ไม่ได้ชอบดูหรอก
แต่ท่านดูเพื่อพิจารณา ความไม่เที่ยงของสังขาร และรูปขันธ์
จะได้สอนตนเองให้เข้าใจสภาพความเป็นจริงของร่างกายมนุษย์
ว่ามีความเสื่อม มีสิ่งปฏิกูล เน่าอยู่ข้างในร่างกาย
จะได้ติดเบรก ราคะ โทสะ โมหะ ในตนเองลงบ้าง
ใจจะได้ปล่อยวาง สงบ สงัดจาก กามราคะ ละนิวรณ์
ใจจะได้หยุด นิ่ง ดิ่งเข้าสู่ภายในได้เร็ว
แต่สำหรับท่านที่ขวัญอ่อน พอเห็นภาพอสุภะแล้ว
มีทั้งติดเบรกในราคะได้ แต่ก็สะอิดสะเอียน ขวัญหนีดีฝ่อ
ใจยิ่งเตลิดเปิดเปิง ไม่หยุด ไม่นิ่ง และยิ่งฟุ้งซ่านเพราะภาพน่ากลัวมันติดในใจ
จริตแบบนี้ ก็อาจไม่เหมาะกับการ ชมดอกไม้พระอริยะเจ้า หรอกครับ
ผมเอง ครั้งที่อบรมสมาธิแก้ว ณ หมู่บ้านปฏิบัติธรรม
สมาธิแก้วรุ่นนั้นได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ให้ไปชมการผ่าศพ ที่สถาบันนิติเวช
ในคณะมีทั้งพระอาจารย์ , อุบาสิกาที่เป็นบุคลากรใหม่ , สมาธิแก้วทั้งหญิง/ชาย
และเวลาเข้าชมเป็นเวลาช่วง 9 – 10 นาฬิกา
ครั้งนั้นพระเดชพระคุณให้ทำการบ้าน คือ
ทำรายงาน บรรยายขั้นตอนการผ่าศพ รายละเอียดต่างๆที่เราเห็น
บรรยายความรู้สึกที่ได้ชม + ข้อคิดที่ได้จากการชมและประโยชน์ในการสร้างบารมี
และให้วาดภาพ sketch ระบายสีสันให้เหมือนจริง
ส่งท่านด้วย
แค่ชมภาพหน้าห้องผ่าศพ มีภาพศพ ที่ยังไม่ได้พบญาติ ในสภาพต่างๆ
ทั้งสภาพมีเสื้อผ้า กับ สภาพขึ้นอืด ตัวพอง อวัยวะครบบ้าง ไม่ครบบ้าง
ผิวเหลือง เขียวคล้ำ จนถึงดำเกรียม เห็นหนอนชอนไช
พอได้เข้าไปชมจริงๆ
โอ้โห มันไม่เหมือนที่เราจินตนาการไว้เลยครับ
มีห้องเก็บศพ สภาพใหม่ๆ เรียงเป็นสินค้าในห้างฯเลยครับ
และห้องที่ผ่าศพ ก็มีร่างไร้อาภรณ์ ทั้งหญิง/ชาย อยู่มากมาย รอคิวชำแหละ
อุบาสกเดินนำหน้า เพื่อเปิดทางให้พระอาจารย์เดินสะดวก ปิดท้ายขบวนด้วยอุบาสิกา
ซึ่งเธอก็คงยินดีอยู่แล้ว
เจ้าหน้าที่แต่ละท่าน รวมถึงนักนิติเวช( เรียกถูกไหมเนี่ย) ที่ผ่าศพ บันทึกข้อมูลที่พบ
ดูเฉยๆกับเรื่องแบบนี้ เหมือนกำลังทำงานอยู่ในโรงชำแหละซากสัตว์
เจ้าหน้าที่ท่านอื่นๆในห้อง ที่ไม่ไดเป็นคนผ่าศพก็ฟังเพลง ดนตรีสากลไป ส่ายหัวไป ฮัมเพลงไป
แถมยังดูด Lactasoy กล่องที่พระอาจารย์มอบให้ อย่างเอร็ดอร่อย
เทียบอารมณ์ของพี่ๆเจ้าหน้าที่กับของพวกเรา มันคนละ feel กันเลยครับ
ลำพังการเห็นภาพอสุภะ ว่าแย่แล้ว แต่การได้กลิ่นศพ นี่สิครับ
ผมว่าการได้กลิ่นคาวศพ สร้างความรู้สึก แย่ๆมากกว่าการดู ทางสายตาอีกครับ
เนื่องจากมีการบ้านจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ผมจึงยืนใกล้เหตุการณ์ และตระเวนดูห้องอื่นๆตามสมควร
เพื่อเก็บข้อมูลไปเขียนรายงานให้มากหน่อย
ขอข้ามรายละเอียดการผ่าศพ และสิ่งแวดล้อมนะครับ
มีจังหวะหนึ่ง เจ้าหน้าที่เข็นรถ บรรทุกศพไปติด ศพที่วางกับพื้น
ผมจึงเดินไปช่วยหยิบแขนศพ ออกให้พ้นทางรถเข็น
แต่
มีเสียงที่ทำให้สะดุ้ง นิดๆ คือ
เสียงดังแบบนี้ครับ
อึย
อึย
อึย
ทำอะไรหน่ะ
ผมไม่ได้ตอบอะไร เพราะกำลังยกแขนศพให้พ้นทางรถเข็น
หันมาดูอีกที อ๋อ เพื่อน ทักผมว่า ทำอะไร
เพราะเพื่อนๆ ไม่กล้าจับศพหน่ะครับ
วันนั้นได้ดูผ่าสัก 2 ศพ คือ
1 ) ศพหญิงวัยกลางคน กินยาฆ่าแมลง ที่จำได้เพราะ กลิ่น คือ
ตอนผ่ากระเพาะอาหาร กลิ่นไบกอนเขียว ปะทะ ฆานะประสาท ฉุนกั่กเลยครับ
2 ) พอจำได้ลางๆว่า เป็นศพชายวัยกลางคน ถูกยิง มีรอยกระสุน 11 นัด
ตอนผ่ากระเพาะอาหาร กลิ่นแอลกอฮอล์และกลิ่นอาหารแบบซุปเครื่องในวัว ยังคละคลุ้งอยู่เลย
คงตายในวงสุรามั้งครับ
น้องๆผู้หญิง เตรียมตัวมาดี มียาดม น้ำมันเหลืองมาทางจมูก
มีน้องท่านหนึ่ง สีหน้าไม่ดี เดินออกไปอีกห้องหนึ่ง
สักประเดี๋ยวกลับเข้ามาท่าทางแย่หนักกว่าเดิมอีก
ผมจึงถามว่า ข้างนอกเป็นไงบ้าง
เธอปิดปาก ตอบอ้อมแอ้ม พี่แดงไปดูเองดีกว่าค่ะ
อ่ะอย่างนี้ต้องพิสูจน์
โอ้โห เข้าใจแล้วครับว่าทำไมน้องท่านนั้น
จึงมีอาการสีหน้าแย่หนักกว่าอยู่ในห้องผ่าศพอีก
เพราะข้างนอกมีแต่ศพที่อืด ตัวพอง ผิวปริ ตาถลน
มีทั้งผิวเหลืองแก่ เขียวแก่ ดำแก่ และหมู่หนอนชอนไชยุ่บยั่บ
มีทั้งศพหญิง / ชาย และที่บวมเป่ง จนดูไม่ออกว่าเพศไหนกันแน่
อย่างที่บอก กลิ่นคาวศพที่เพิ่งตายไม่นาน ว่าโหดแล้ว
ศพที่อยู่นอกห้อง กลิ่นเน่าเหม็น ฉุนสุดโหดกว่ากันเยอะเลย
ผมยืนดูสักครู่ก็กลับเข้าไปข้างใน ชมการผ่าศพต่อ
หลังการขอบคุณเจ้าหน้าที่ ก็ได้เวลาสำคัญแล้วครับ
อาหารมื้อกลางวัน
อย่าว่าแต่ผู้หญิงที่ขวัญอ่อนเลยครับ
แม้ผู้ชายขวัญไม่อ่อน ขวัญยังไม่หนี ดียังไม่ฝ่อแบบผม
ยังไม่มีอารมณ์กินข้าวกลางวันเลย
พอถึง food centre
ผมนั่งขยี้จมูกอยู่เรื่อยๆ เพราะไม่มียาดม น้ำมันเหลืองทาจมูก
จึงสูดดมกลิ่น สุดหลอน ไปเต็มๆ
จึงบอกเพื่อนไปว่า ซื้ออะไรมาก็ได้
โถ เพื่อนก็แสนดี ซื้อ ตือฮวน 1 ชามมาให้
ผมก็ตอบตามมารยาท ว่า ขอบใจนะ เอ็งกินเองเถอะ เดี๋ยวพี่เดินไปซื้อเอง
กลับมาถึงวัด ตอนเย็นนั่งทำรายงาน
มีเพื่อนหลายท่าน มีทักษะการวาดภาพ และระบายสีสัน ได้เหมือนมาก
ยิ่งถ้าเราอยู่ในเหตุการณ์ จะนึกกันได้ทันที ว่าภาพนี้แหละที่ยังติดตาใน ติดในใจ
ส่วนผมมีทักษะการวาดภาพน้อย ก็อาศัยสีสันและคำบรรยายข้อมูลแทน
คืนนั้น ทุกคนนอนคุยกันก่อนนอนน้อยกว่าเคย
ปกติผมหลับรวดเดียว แต่คืนนี้ ลุกมาเข้าห้องน้ำ
อย่างที่ทราบกันครับว่า
ยามดึกที่วัด ค่อนข้างเงียบ มีเสียงหริ่งหรีด บรรเลงตามปกติ
แต่คืนนี้ผมรู้สึกวังเวง และเพลงบรรเลงจากธรรมชาติฟังดูชอบกลแฮะ
ขากลับบ้านพัก โอ้โห เห็นเพื่อนๆ นอนเรียงกัน ก็เหมือนทุกคืนที่ผ่านมาแหละครับ
แต่คืนนี้ มันวังเวง ทำให้ผมรู้สึกไปเองว่า
เห็นเพื่อนนอนเรียงกันแล้ว นึกถึงศพใหม่ ๆ ในสถาบันนิติเวช
ใจเริ่มฟุ้งถึงเหตุการณ์ตอนกลางวัน ต้องนั่งสมาธิสักหน่อย
นั่งไปเดี๋ยวเดียว อดไม่ได้ที่จะลืมตามาดู เพื่อนนอน
โอ้ ใช่ เลย เหมือนกันเลยกับเมื่อตอนกลางวัน
จะปลุกใครมานั่งคุยเป็นเพื่อนก็ไม่กล้า งั้น นอนคลุมโปงดีกว่า
เฮ้อ กว่าจะผ่านคืนนั้นไปได้
ภายหลังผมมาคิดว่า
ทำไมตอนดูของจริง ใจเรานิ่ง แบบกำลังรักษาอารมณ์ที่ละเอียดจากสมาธิได้
แต่เมื่อคืน ไม่ได้ดูของจริง แต่กลับฟุ้งซ่านเกินเหตุ เป็นไปได้แฮะ
ตอนนั้นให้คำตอบกับตัวเองว่า
เพราะกลางวันเราตั้งใจดูเพื่อเก็บข้อมูลมาทำรายงาน + กำลังเข้มงวดเรื่องฝึกสมาธินอกรอบ
แม้เห็นศพอสุภะหรือศพสตรีไร้อาภรณ์ ก็งั้นๆ เฉย ๆ ไม่ยินดี หรือยินร้ายอะไร
ส่วนกลางคืน เพิ่งตื่น ไปเข้าห้องน้ำแล้วฟุ้งซ่าน เพราะ
บรรยากาศ ความเงียบ + จิตที่คุ้นการปรุงแต่ง + กำลังสมาธิเราอ่อน
ที่เล่ามานี้เพื่อเป็นข้อคิดว่า
ภาพอุสภะ แม้จะไม่โสภา ดูแล้วติดตาใน ก็ควรดูไว้บ้างนะครับ
โดยเฉพาะวัยหนุ่ม วัยสาว นานๆดูสักครั้ง ก็ยังดี
จะได้ไม่ประมาทในวัยหนุ่ม วัยสาวกันมากเกินไป
ส่วนภาพสุภะ คน สัตว์ สิ่งของ ดูแล้วสบายใจก็สมควรครับ
แต่ถ้าเป็นภาพการสร้างบารมีของตนเองและหมู่คณะ ในวาระต่างๆ
แบบนี้ดีที่สุด ครับ
เป็นการทบทวนบุญเก่า ยิ่งปลื้มในบุญที่ผ่านมา ก็ยิ่งทับทวีดวงบุญให้ใหญ่โตมากขึ้น
และใจจะได้มีแต่ภาพการสร้างบุญกุศล ภาพดีๆ ภาพ dmc เป็นเพื่อนแท้ของเรา
ในช่วงจิตสุดท้าย ก่อนถอดกาย นำเราไปสู่เป้าหมายสรวงสวรรค์ที่เราปรารถนาไว้
ไฟล์แนบ
#12
โพสต์เมื่อ 29 November 2006 - 10:55 PM
#13
โพสต์เมื่อ 30 November 2006 - 01:14 PM
แค่อ่านเรื่องราวที่พี่ได้เขียนมานั้น... ก็สามารถจินตนาการตามได้เลย!
...แต่จะติดอยู่ก็ตรงเรื่องกลิ่นคาวของศพนี่แหละ หุหุหุ
(อันนี้จินตนาการไม่ได้... ต้องไปสัมผัสด้วยตนเอง)