เมื่อหลายวันมานี้ผมมีโอกาสได้นั่งรถไฟ
เผอิญว่าขณะที่นั่งรอรถไฟอยู่นั้นก็เห็นกิ้งกือกำลังคลานมาอยู่บนรถไฟ
ก็คิดในใจว่าเดี๋ยวกิ้งกือตัวนั้นก็จะถูกรถไฟเหยียบหรอก
แล้วแล้วก็มีรถไฟวิ่งมาพอดี ผมก็เลยคิดว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยดีเพราะว่ารถไฟมันอยู่ใกล้มาก
แต่ก็พอที่จะช่วยได้ แต่จนแล้วจนรอดผมก็คิดว่ามันคงเป็นกรรมของกิ้งกือตัวนั้น
ก็เลยวางอุเบกขา อยากถามว่าผมจะบาปไหมที่ไม่ได้ช่วย
จะบาปไหมถ้าไม่ช่วยสัตว์ให้รอดพ้นจากความตาย
เริ่มโดย myself, Nov 27 2006 01:37 PM
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 27 November 2006 - 01:37 PM
#2
โพสต์เมื่อ 27 November 2006 - 02:24 PM
โดยส่วนตัวผมคิดว่าไม่บาปครับ ถ้าใจเราวางอุเบกขา ปล่อยสัตว์โลกตามยถากรรม
แต่ถ้าเมื่อใด ที่ใจเราพลอยยินดีในการตายของสัตว์ ก็จะกลายเป็นอนุโมทนาบาปไปครับ
โดยเฉพาะ พวกกิ้งกือไส้เดือน เป็นสัตว์ที่น่ารังเกียจของหลายๆคน บางคนอาจพลอยยินดีในการตายของมันอย่างไม่รู้ตัวได้ครับ
แต่ถ้าเมื่อใด เราเข้าไปช่วยสัตว์ที่กำลังเผชิญกับอันตรายอยู่ เราก็จะได้บุญอภัยทานครับ
แต่ถ้าเมื่อใด ที่ใจเราพลอยยินดีในการตายของสัตว์ ก็จะกลายเป็นอนุโมทนาบาปไปครับ
โดยเฉพาะ พวกกิ้งกือไส้เดือน เป็นสัตว์ที่น่ารังเกียจของหลายๆคน บางคนอาจพลอยยินดีในการตายของมันอย่างไม่รู้ตัวได้ครับ
แต่ถ้าเมื่อใด เราเข้าไปช่วยสัตว์ที่กำลังเผชิญกับอันตรายอยู่ เราก็จะได้บุญอภัยทานครับ
#3
โพสต์เมื่อ 27 November 2006 - 02:44 PM
ไม่บาป
สถานการณ์ไม่อำนวย แม้จะมีเมตตาแต่ก็ต้องวางอุเบกขา
สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม"
สถานการณ์ไม่อำนวย แม้จะมีเมตตาแต่ก็ต้องวางอุเบกขา
สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม"
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#4
โพสต์เมื่อ 27 November 2006 - 04:55 PM
หากเราไม่มีใจยินดีหรือยินร้ายในการตายของมันไม่เป็นบาปครับ แต่ผมคิดว่าน่าจะมีวิบากกรรมติดตัว อย่างเช่นเราไม่ช่วยมันในชาตินี้ ชาติต่อไปอาจจะไม่มีใครช่วยเหลือเราก็เป็นได้ ถ้าจะให้สบายใจช่วยได้ช่วยไปเถอะครับ เป็นการฝึกใจเราให้มีใจเมตตากรุณาต่อชีวิตผู้อื่นด้วย อย่างผมเองก็เคยเหมือนกัน ลูกน้องผมรดนําต้นไม้นําไหลผ่านขบวนมดที่เดินอยู่ข้างขอบกระถาง เห็นแล้วอดคิดไม่ได้หากเราไม่ช่วยมันแล้วชาติหน้าจะมีใครมาช่วยเรา เลยพยายามเอาใบไม้มาช้อนเอามดออก แม้จะช่วยได้ไม่หมดทุกตัวแต่ก็สบายใจครับ มีอีกครั้งหนึ่งผมเข้าห้องนําเพื่อที่จะปลดทุกข์ เรียบร้อยแล้วกดชักโครก เจ้ากรรม จิ้งจกมันดันไปเกาะอยู่ตรงขอบล่างของปากโถ ซึ่งผมมองไม่เห็นเลยทำให้จิ้งจกจกไปอยู่ที่คอห่านชักโครก ตอนแรกผมเองก็ไม่กล้าที่จะช่วยมันเพราะไม่มีอุปกรณ์ที่พอจะช่วยได้ อีกอย่างผมแขยงจิ้งจกด้วยอ่ะไม่ค่อยกล้าจับมัน แต่คิดไปคิดมา ที่มันตกลงไปก็เพราะเราไม่รอบคอบ หากปล่อยไว้แบบนั้นมันก็ต้องตาย เราจะมีวิบากกรรมติดตัวเสียเปล่า เลยตัดสินใจใช้มือตัวเองนี่แหละครับ ช้อนตัวมันขึ้นมาจากขอห่าน แปลกนะครับ แทนที่ผมจะรู้สึกขยะแขยง ผมกลับรู้สึกโล่งใจมากกว่า ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#5
โพสต์เมื่อ 27 November 2006 - 05:29 PM
คุณยายท่านกล่าวไว้ว่า ทำนองว่า
เมตตาเป็นสิ่งที่ดี ควรมีเมตตาต่อกันให้มาก
แต่ถ้ามีมากเกินไป เราอาจจะพลาดเหมือนตกเหว
ดังนั้น ต้องมีอุเบกขา เป็นเหมือนเถาวัลย์ที่จะเหนี่ยวรั้ง ไม่ให้ต้องตกเหวลงไป
คงจะมีความหมายว่า มีเมตตา ที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์ ก็คงต้องมีปัญญากำกับ
เมตตาที่ขาดปัญญา คือคิดจะช่วยอย่างเดียวโดยไม่ไตร่ตรอง อาจจะทำให้เกิดผลเสียหายต่อเรา
หรืออาจจะมีอันตรายต่อเราโดยไม่สมควร ซึ่งบางภาวะจำเป็นต้องมีอุเบกขา คือการวางเฉย เข้าช่วย
เมตตาเป็นสิ่งที่ดี ควรมีเมตตาต่อกันให้มาก
แต่ถ้ามีมากเกินไป เราอาจจะพลาดเหมือนตกเหว
ดังนั้น ต้องมีอุเบกขา เป็นเหมือนเถาวัลย์ที่จะเหนี่ยวรั้ง ไม่ให้ต้องตกเหวลงไป
คงจะมีความหมายว่า มีเมตตา ที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์ ก็คงต้องมีปัญญากำกับ
เมตตาที่ขาดปัญญา คือคิดจะช่วยอย่างเดียวโดยไม่ไตร่ตรอง อาจจะทำให้เกิดผลเสียหายต่อเรา
หรืออาจจะมีอันตรายต่อเราโดยไม่สมควร ซึ่งบางภาวะจำเป็นต้องมีอุเบกขา คือการวางเฉย เข้าช่วย
#6
โพสต์เมื่อ 27 November 2006 - 05:36 PM
ไม่บาปครับ แต่ก็ไม่ได้บุญจากการช่วยเหลือ สรรพสัตว์
การอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำบาปเลย มีผลมั้ย คำตอบคือ มีผลครับ เช่น เราอยู่เฉยๆ ไม่ได้ไปลักขโมยใคร เราย่อมไม่ทำบาป แต่เราก็ไม่เคยคิดช่วยเหลือเมื่อใครเดือดร้อน เราย่อมไม่ได้บุญ
บุญเราก็จะหมดลงไปเรื่อยๆ จากคนรวยก็จะยากจนลงๆ เรื่อยๆ จนกลายเป็นยากจนครับ
นี่ว่าแค่ เรื่องทรัพย์สิน เรื่องเดียว ยังไม่พูดถึงอย่างอื่นนะ สรุปว่า อยู่เฉยๆ โดยไม่ทำบาป ไม่พอครับ แต่จะต้องสร้างบุญ และทำใจให้ผ่องใสด้วยครับ
การอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำบาปเลย มีผลมั้ย คำตอบคือ มีผลครับ เช่น เราอยู่เฉยๆ ไม่ได้ไปลักขโมยใคร เราย่อมไม่ทำบาป แต่เราก็ไม่เคยคิดช่วยเหลือเมื่อใครเดือดร้อน เราย่อมไม่ได้บุญ
บุญเราก็จะหมดลงไปเรื่อยๆ จากคนรวยก็จะยากจนลงๆ เรื่อยๆ จนกลายเป็นยากจนครับ
นี่ว่าแค่ เรื่องทรัพย์สิน เรื่องเดียว ยังไม่พูดถึงอย่างอื่นนะ สรุปว่า อยู่เฉยๆ โดยไม่ทำบาป ไม่พอครับ แต่จะต้องสร้างบุญ และทำใจให้ผ่องใสด้วยครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#7
โพสต์เมื่อ 28 November 2006 - 10:03 PM
QUOTE
ผมก็เลยคิดว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยดีเพราะว่ารถไฟมันอยู่ใกล้มาก
ถ้ารถไฟมาใกล้ขนาดนั้น ก็ระวังรถไฟหน่อยนะคะ หุ หุ ไม่งั้นอาจไปพร้อมกับกิ้งกือได้ค่ะ