ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ลูกสาวดีมีบุญชิงช่วง (24 พฤษภาคม 2546)


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 1 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 extra

extra
  • Members
  • 409 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 December 2006 - 03:07 PM

ย่อเรื่อง ลูกสาวดีมีบุญชิงช่วง(24พฤษภาคม2546) โดยExtra happy.gif



พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลับไปยังกบิลพัสดุ์ หมู่ญาติไม่รู้ว่าท่านเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ยังติดภาพเก่า ๆ ยังนึกว่าเป็นเจ้าชายสิทธัตถะที่เคยเลี้ยงมา เคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็ไม่ยกมือไหว้ ยืนเฉย ๆ บ้าง ยิ้มให้บ้าง คุยบ้าง จนกระทั่งท่านประกาศตัวเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ลอยไปในอากาศ เดินจงกรม แล้วโปรยละอองธุลี พอหมู่ญาติเห็นเหาะได้ จึงยกมือไหว้ ถ้าเรายึดแบบของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเนติแบบแผนในการดำเนินชีวิตของนักบวช ก็จะมีความสุขมาก ๆ พระเณรจะต้องสร้างบารมีอีกยาว ต้องศึกษาสั่งสมฝึกสอนญาติโยม ทั้งปฏิบัติ ปริยัติ ปฏิเวธ เทศนาวิชชาธรรมกาย ต้องทำความเพียร สั่งสมบารมีมาก ๆ แล้วจะได้ไปพักชั่วคราวบนดุสิตบุรี จะได้ไม่แวะเวียนอยู่ข้าง ๆ ทาง ดังนั้น ให้สั่งสมบารมีให้บุญเกิดขึ้นมาก ๆ อย่าเพิ่งคิดถึงบ้าน หลังจากเข้าถึงธรรมแล้ว บ้านก็ผุ ๆ พัง ๆ ไปอย่างนั้น ทั้งบ้าน ทั้งคน ต้นไม้ สิ่งของ จะกลายเป็นเฉาอารมณ์ มานึกถึงเรื่องที่จะทำให้เกิดปีติดีกว่า



สามเณรมีบุญมาก ดีกว่าการเป็นพระเจ้าจักรพรรดิเสียอีก อย่าไปเชื่อคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ต่อไปก็จะเป็นพระ เป็นสมณะ ผู้ที่มาบวชเป็นพระตอนโต ยังมีโอกาสน้อยกว่าสามเณรที่ได้สั่งสมบุญตั้งแต่เยาว์วัย เขามาสั่งสมบุญตอนโต อีกไม่กี่ปีเขาก็ตายแล้ว บุญใครจะมากกว่ากัน ต้องคิดอย่างนี้ ใจจะได้ใส ๆ



เรื่องจริงของผู้ที่ร้องเพลงชีวิตสมณะ version ภาษาจีน ผู้ชายเป็นครูสอนเกี่ยวกับเรื่องดนตรี ท่านอยู่ที่ฮ่องกง ส่วนนักร้องหญิงนั้นเป็นนักร้องอาชีพมาจากสิงคโปร์ ท่านไม่เคยรู้เรื่องวัดพระธรรมกาย ไม่เคยมา ไม่เคยรู้เรื่อง แต่พอแปลงเนื้อเป็นภาษาจีนเข้า นักร้องหญิงก็ประทับใจ อยากจะมาเจอผู้แต่ง บอกใครแต่งเพลงนี้ ซึ้งจังเลย เลยถามว่าอยากจะมาพบเพื่ออะไร เขาก็บอกว่าอยากจะมาบวช นักร้องหญิงมืออาชีพฟังแล้วอยากบวช



จากเรือนเหมือนนกที่จากคอน พอแปลไปเป็นภาษาจีนก็ดี ภาษาอังกฤษก็ดี ภาษาญี่ปุ่นก็ดี เขาจะใช้คำว่าจากรัง คนที่แปลจากภาษาไทยไปเป็นภาษาอังกฤษ คือ คุณพัฒน์ อินลาภบอกว่า ขออนุญาตอธิบายคำว่า nest แทนคอน ซึ่งคำภาษาอังกฤษแปลว่า branch เพราะฝรั่งอายุประมาณ 14-15 ปี ครูที่โรงเรียนจะเตรียมตัวสอนให้พัฒนาตัวเอง ให้มีความพร้อมที่จะออกจากบ้านเหมือนลูกนกที่จะออกจากรังเพื่อหากินด้วยตนเอง ไม่กลับมาที่รังอีก เป็นอุปมาอุปไมยของฝรั่ง เธอเองก็ปรึกษาหลาย ๆ คนที่เป็นฝรั่งก็ตอบแบบเดียวกัน เป็นความรู้ใหม่ที่ครูไม่ใหญ่ได้รับทราบและขออนุโมทนาสาธุการด้วย



บวชเป็นพระแล้ว ถ้าไม่ได้นั่งสมาธิแล้วน่าเสียดาย ไม่ต้องทำมาหากินแบบชาวบ้าน เรื่องกังวลก็ไม่ค่อยมี ถ้าไม่ได้นั่งก็เสียดาย อาชีพพระคือนั่งหลับตา ดูพระพุทธเจ้าเป็นเกณฑ์ แม้บรรลุแล้วก็ยังนั่งหลับตาเทศน์สั่งสอน มีความสุขจริง ๆ อย่างน้อยนั่งวันละครั้งก็ยังดี แต่ครูไม่ใหญ่ชอบนั่งวันละหลาย ๆ ครั้ง ตื่นนอนก็นั่งสักหน่อย ดูไปเรื่อย ๆ มืด ๆ เดี๋ยวก็แจ้งเอง เดี๋ยวก็สว่างเอง ตอนหลังพบเทคนิคต้องทำเคลิ้ม ๆ คล้าย ๆ จะหลับ อย่าไปหลับจริง ๆ ถ้าหลับหลอก ๆ แล้วจะเจอของจริง ถ้าหลับจริง ๆ เจอของหลอก ในฝันเจอแต่ของมายาทั้งนั้น ทำเคลิ้ม ๆ นิ่ง ๆ จะมีจุด ๆ หนึ่งที่เหมือนตื่นจากหลับ สดชื่น แจ้ง ค่อย ๆ สว่าง ดื่มด่ำกับความสว่างของแสงแก้ว แสงแห่งความบริสุทธิ์จะมาพร้อมกับความสุขตรงนี้ แม้ยังไม่เห็นอะไร เห็นแต่แสงสว่าง มองผ่านแสงสว่างไปเรื่อยๆ มีให้ดูเป็นจุดใส ๆ เล็ก ๆ เกิดขึ้น ดูไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็โตขึ้นเป็นดวงกลม ดูไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ดูดเข้าหากันเหมือนดูดลูกนัยน์ตา และทั้งตัวของเราไปเป็นอันหนี่งอันเดียวกับดวง แล้วขยายสุดขอบฟ้า สบาย ๆ เวลาฉันเช้าหรือบิณฑบาต ก็ทำภาวนาไปด้วย



สมัยที่ครูไม่ใหญ่ยังแข็งแรง ไปบิณฑบาตริมแม่น้ำแคว บ้านเกิดของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะชีโว เดินไป ใจสบาย ดูดวงบ้าง เดี๋ยวมีองค์พระมาให้ดู เราก็ดูพระ มีความรู้สึกว่าเราเป็นพระ เวลาเห็นพระข้างใน มีความรู้สึกเป็นพระ ตั้งแต่บวชมา ได้เป็นพระตอนเห็นพระ ตอนบวชเป็นพระ ยังรู้สึกว่ายังไม่เป็นพระ แต่พอเห็นพระแล้วรู้สึกว่าเป็นพระ เวลารับบาตรรับอาหารจากญาติโยม มีความรู้สึกเหมือนเป็นผู้ให้ ให้บุญกับเขา ไม่มีความรู้สึกเป็นผู้ขอเลย มีความภาคภูมิใจในตัว ปลื้มในตัว ใหม่ ๆ ก็ปลื้มเล็ก ๆ พอทำไปเรื่อยๆ ก็ปลื้มลึก ๆ สบาย ๆ กลับมาฉันเสร็จก็เดินให้อาหารย่อย เดินดูนกดูไม้ คือ เดินจงกรม มี 2 วิธีคือ

1. เดินให้เมื่อย คือ เดินให้เคร่งเครียดนะ เดินไปเหมือนหาอะไรไม่เจอ
2. เดินแก้เมื่อย คือ เดินสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ ดูนก ดูไม้ ตาดูไปอย่างนั้น แต่แบ่งแยกได้ เพราะพระในตัวจะแบ่งเอง ถ้ายังไม่เห็น ฝึกแล้วจะเหมือนฝืน ๆ นิด ๆ แต่พอเห็นแล้ว จะเหมือนกับดูทีเดียว 2 อย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกัน คือ ดูทั้งข้างนอก ดูทั้งข้างในไปด้วยกัน น่าอัศจรรย์ทีเดียว ชีวิตพระสนุก พออาหารย่อย ก็กลับมานั่ง ลืมตาอีกทีก็เพล สบาย ๆ ใหม่ ๆ ก็ดูพระ มองพระเห็นดวง มองดวงเห็นพระ ดูไปเรื่อยๆ ไม่เคยเบื่อเลย มีแต่ความสุข




เวลาฉันเพลก็ฉันไปให้อร่อย อร่อยกับติดในรสคนละเรื่องกัน อร่อยทำให้มีอารมณ์เคี้ยวและกลืน ถ้าไม่อร่อยก็ไม่มีอารมณ์เคี้ยวมีแต่อารมณ์คาย เคี้ยวไปก็เพลินไป ฉันเสร็จก็ล้างหน้าล้างตาทำความสะอาด แล้วเดินไปเดินมาให้ย่อย หาหนังสือธรรมะมานั่งอ่าน หนังสืออื่นอ่านแล้วปวดหัว ครูไม่ใหญ่อ่านได้ไม่นาน เพราะสุขภาพไม่แข็งแรง ดูได้ไม่เกิน 10-15 นาทีหรือไม่เกินครึ่งชั่วโมง สายตาไม่ค่อยจะดี พอรู้สึกร่างกายเราสดชื่นกระปรี้กระเปร่าแล้วไปนั่งใหม่ พอพร้อมที่จะนั่งแล้วก็อยากจะนั่งเอง อีกทีหนึ่งก็เย็นแล้ว ออกมาดื่มน้ำปานะ ออกกำลังกายให้สดชื่น ดูโน่นดูนี่ ถ้าปั้นหลวงปู่ก็ไปปั้นหลวงปู่ ดูอะไรเพลิน ๆ เดี๋ยวกลางคืนอีกแล้ว นี่คือวันหนึ่งคืนหนึ่งของชีวิตพระ



ทำตามที่พระพุทธเจ้าบอก ไม่ต้องทำเกินนั้น แค่ท่านบอกให้ทำอะไรเราก็ทำแค่นั้นปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธอ่านหนังสือธรรมะ นั่งธรรมะ ทำกิจสวดมนต์ไหว้พระ ไม่ต้องมีทีวี พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้บอกให้ตามดูข่าว ท่านไม่ได้ให้ติดตามละคร เราก็ไปดูพระไตรปิฏกในตัว สบาย หนักเข้า ๆ ใจมันเริ่มคล่องมีเรื่องราวที่ต้องผ่านกายภายในศูนย์กลางกายออกไปสู่อีกหลาย ๆ มิติ



Case study เภสัชกรหญิงเข้าวัดตั้งแต่ปี 2531 ช่วยงานชมรมพุทธ งานธุดงคสถานล้านนา ทำบุญกับวัดพระธรรมกายเกือบทุกบุญ พ่อของเจ้าของเคสเสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2545 อายุ 65 ปี ด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระดูก พ่อเป็นข้าราชการกรมพัฒนาที่ดิน สมัยหนุ่มๆ เรียนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์รุ่นที่ 18 กินเหล้าฆ่าสัตว์ตามประสาวัยคะนอง เลิกกินเหล้าตอนอายุประมาณ 50 กว่าปีเพราะเป็นความดันสูงจนหมอห้าม ตอนพ่อใกล้ละโลกเคยพามาดูธรรมกายเจดีย์ ถวายหลอดไฟฟ้ากับพระอาจารย์ พระอาจารย์ก็สอนนั่งสมาธิให้ แม่ก็เปิด CD ฝันในฝันให้พ่อฟัง พ่อรำคาญก็เลิกฟัง แม่ใช้อุบายเปิดเบา ๆ แบบแอบฟัง พ่อก็เลยแอบฟังบ้าง ตอนแรกก็บอกว่า นรกสวรรค์ไม่มีจริง พอฟังไปก็บอกว่า หลวงพ่อพูดถูก คำสอนก็ดี แต่โม้มากไปหน่อย แม่พยายามทวนบุญที่พ่อทำเป็นการเก็งข้อสอบก่อนไปเจอของจริง คือคำถามที่ยมโลกว่า พ่อทำบุญอะไรมาบ้าง เผื่อเจอจะได้ตอบคำถามถูก ก่อนวันที่พ่อละโลก ท่านได้มีโอกาสทำบุญกับพระวัดป่าที่น้องชายเคยธุดงค์ตอนบวชที่มาเยี่ยมโดยบังเอิญ ก่อนพ่อละโลก เจ้าของเคสบอกให้พ่อไปเวียนประทักษิณที่ธรรมกายเจดีย์ ตอนพ่ออยู่ รพ. พ่อก็บ่นว่าแม่หัวเราะเสียงดังทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นไม่มีใครหัวเราะเลย ต่อมาแม่ก็หัวเราะดัง ๆ ในงานศพของพ่อเพราะพี่น้องมากันเยอะ คุยกันสนุกจนลืมพ่อไป บุญที่พ่อทำด้วยตัวเองคือ ตักบาตรตามวันสำคัญ ๆ ของพระพุทธศาสนาเป็นประจำ ถวายพระประธานที่วัดจังหวัดตาก ถวายโลงทองที่วัดศรีตลาราม จ.ตาก เป็นประธานกฐินผ้าป่าที่ จ.ตาก ปล่อยปลาบางครั้ง พอตอนป่วยก็ปล่อยปลาทุกวันพฤหัส ส่งสามเณรเรียนหนังสือ สร้างกุฏิเจ้าอาวาสวัดศรีตลาราม จ.ตาก บวชลูกชาย สร้างพระธรรมกายประจำตัว บุญที่แม่และลูก ๆ ทำให้พ่อ คือ มหาวิหารหลวงปู่ฯ กฐินปี 45 กฐินปี 46 ในนามพ่อ สร้างพระธรรมกายถวายพระสังฆาธิการในนามพ่อ แม่นำเงินที่ได้จากงานศพพ่อถวายวัดท่านา วัดนำไปสร้างศาลาจารึกชื่อพ่อ 20,000 บาท



คำถาม พ่อมีโอกาสตอบคำถามที่แม่เก็งข้อสอบให้หรือไม่ พ่อตายแล้วไปไหน ได้รับบุญที่ลูกๆและแม่อุทิศให้หรือไม่ จะทำบุญอะไรให้พ่ออีกเพื่อให้พ่อได้ไปภพภูมิที่ดีกว่านี้ พ่อได้มาเวียนประทักษิณที่ธรรมกายเจดีย์หรือไม่ วันบุญต้นเดือนที่มีพิธีบุพเปตพลี พ่อมารับบุญที่วัดหรือไม่ พ่อทำกรรมอะไรไว้จึงถึงเป็นมะเร็งถึง 3 อย่าง ทำไมพ่อสามารถรู้ล่วงหน้าว่าแม่หัวเราะเสียงดัง



คำตอบ จริงๆ ไม่อยากให้เก็งข้อสอบหรอกอยากให้สอบถูกเลย พ่อได้ยินเสียงแม่หัวเราะดัง ๆ เพราะพ่อฝันไปจากที่พ่อได้ลองทำสมาธิตามที่ลูกสาวได้บอก แต่ทำเป็นไม่สนใจว่าทำสมาธิ เพราะกลัวเสียเหลี่ยม ก็แอบทำจนเคลิ้ม พอเคลิ้มกึ่งสมาธิ ก็เลยฝันไปเห็นภาพแม่หัวเราะเสียงดัง เป็นภาพแม่ในอนาคตมาปรากฏให้เห็นจากที่มีสมาธิอ่อน ๆ คือกึ่งหลับกึ่งสมาธิแล้วไปเห็นล่วงหน้า



วิบากกรรมที่ทำให้เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้และมะเร็งกระดูก มีกรรมปัจจุบันและอดีต กรรมที่ผิดศีลทุกข้อในปัจจุบันจึงไปดึงกรรมในอดีตมาเสริม ผิดศีลกาเมในปัจจุบันและอดีตชาติ เลยทำให้เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ที่เป็นมะเร็งในกระดูกเพราะผิดศีลข้อที่ 2 ทั้งในปัจจุบันและในอดีตชาติ ในอดีตพ่อเคยเป็นข้าราชการในระดับอำเภอ จับโจรที่ปล้นสะดมได้ไม่กี่คน ก็อยากจะจับให้ได้หมด จึงนำโจรนั้นมาทรมานหลายแบบเพื่อให้โจรชี้รังโจร แต่โจรไม่บอกจึงผ่าท้องโจรทั้งเป็น ๆ แล้วเอาขอเกี่ยวลำไส้เอาไว้โจรก็ดิ้นพราด ๆ จนตายด้วยความทรมาน กรรมนั้นจึงทำให้เป็นมะเร็งลำไส้ แล้วพอเป็นข้าราชการระดับอำเภอเขาก็เลยเอาสาว ๆ มาให้ ก็วุ่นวายทั้งสาว ๆ ที่มีเจ้าของและไม่มีเจ้าของ ก็เลยผิดศีลกาเม ก่อนตายพ่อไม่ค่อยเชื่อเรื่องนรกสวรรค์ เพราะมีเหตุผลว่าพ่อไม่เคยเห็น และเกรงคนอื่นเขาว่างมงายประกอบกับพ่อได้ทำผิดทำไม่ดีไว้ตั้งหลายอย่าง ตั้งแต่ข้อ 1 - ข้อ 5 กลัวจะไปตกนรก กึ่งสงสัยกึ่งกลัวกึ่งเชื่อว่ามี มันเสียว ๆ บอกไม่ถูก เพราะตัวทำไม่ค่อยถูกต้อง ต่อมาฟังอนุบาลฝันในฝันไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มเชื่อ แต่ปากแข็ง ที่เขาเรียกว่าผู้ดีปากแข็ง พอป่วยก็พยายามทำตามคำแนะนำของลูกสาว เพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ต้องหาทางรอด มีเวลาช่วงสั้นแล้ว ก็เลยทำสมาธิ ทำไปตามที่ลูกสาวบอกแล้วก็นึกถึงบุญตามที่ลูกสาวแนะนำ ทำสมาธิเท่าที่จะทำได้เพราะภาพอื่นแซงมาให้เห็นแล้ว พยายามนึกถึงบุญ บุญก็เลยให้ผลก่อน แต่ถ้าประมาทพลาดพลั้งก็มีสิทธิจุติจากตรงนั้นไปเสวยผลบาปต่อ ตรงนี้อันตรายทีเดียว



ท่านตายแล้วไปเกิดเป็นอากาศเทวดากลางวิมานทันที เพราะว่าช่วงสุดท้ายของชีวิตบุญชิงช่วงไปก่อนเพราะลูกสาวเป็นกัลยาณมิตรแนะนำ ถ้าใครมีลูกสาวอย่างนี้ก็สุดยอด มีวิมานเป็นทอง ขนาดใหญ่พอประมาณ เนื่องจากเป็นอากาศเทวดาจะอยู่ใกล้มนุษย์อยู่สูงจากพื้นมนุษย์ไป 1 โยชน์ (16 กิโลเมตร) มองเห็นมนุษย์ มองเห็นบุตรภรรยา มองเห็นครอบครัว เห็นเหตุการณ์ว่าเขากำลังทำอะไรกับตัวเอง ตอนใกล้ละโลก นึกถึงคำแนะนำของลูกสาวแว่ว ๆ ว่าให้มาวนเวียนรอบมหาธรรมกายเจดีย์ ทำให้ไปเกิดเป็นอากาศเทวดา แล้วนึกถึงคำของลูกสาวได้ จึงมาเดินรอบมหาธรรมกายเจดีย์ ไม่มีราชรถ ท่านเดินในระดับที่สูงจากพื้นดินรอบมหาธรรมกายเจดีย์ เดินเร็ว เดินจากวิมานมามหาธรรมกายเจดีย์แค่ 3ก้าวเท่านั้นก็ถึง มาเดินวน 3 รอบแล้วกลับวิมาน และได้รับบุญที่บุตรภรรยาอุทิศให้ ถ้าหากไม่สงสัยเรื่องบุญบาป นรกสวรรค์ ใจจะใสกว่านี้ ใจมีความสงสัยเลยไม่ค่อยจะใสมาก คือ ใสพอประมาณเท่านั้นจึงได้ไปเกิดเป็นอากาศเทวดาชั่วคราว



ตอนนี้ลูกสาวทำบุญอะไรให้ ท่านก็ได้รับทั้งหมด เช่น บุญปุพเปตพลี ท่านมองเห็นลูกสาวตลอดจากวิมานเพราะอยู่ใกล้ ๆ กัน ดังนั้นลูกสาวต้องทำบุญให้มาก ๆ ทั้งทาน ศีล ภาวนา ปฏิบัติจนเข้าถึงธรรมกายแล้วอุทิศไปให้ แล้วมาศึกษาวิชชาธรรมกาย ไปสอนไปแนะนำให้ท่านทำสมาธิภาวนา ถ้าท่านเข้าถึงธรรมกาย ก็จะได้ไปสู่ที่ดีกว่านี้ดีขึ้นไปยิ่งเรื่อย ๆ บาปก็จะตามไม่ทัน



เรื่องสุราเมรัยน้ำเปลี่ยนนิสัยไปอบาย ในกาลครั้งหนึ่งมีต้นไม้ขึ้นอยู่กลางป่าห่างไกลจากผู้คน บนคาคบมีแอ่งซึ่งเมื่อฝนตกลงมาแล้วเป็นที่ขังน้ำ บริเวณแถว ๆ นั้นมีต้นไม้ที่เป็นเถา ต้นสมอ พริกไทย มะขามป้อมขึ้นล้อมอยู่ หลุดจากขั้วก็ตกลงไปในโพรงไม้ โคนต้นมีข้าวสาลี นกมากินข้าวสาลี แล้วคาบไปกินบนกิ่งคาคบต้นไม้ ข้าวสาลีตกลงไปในแอ่งน้ำนั้น แสงอาทิตย์กลั่นน้ำนั้นให้เป็นเหล้า เปลี่ยนทั้งสีกลิ่นและรสเป็นสีแดง นกบินมาเมื่อยก็มาเกาะกระหายน้ำก็มาดื่มน้ำด้วยวิธีการของนก แล้วก็ตกลงมาที่โคนต้นหลับสบายสุขไสยาสน์ นายพรานชื่อสุระ เห็นนกตกลงมาก็แอบเฝ้าดู เห็นชุดแรกนอนหลับบนต้นแล้วฟื้น แล้วก็บินไป ตัวอื่นก็ยังหลับอยู่ ตัวเองก็หิวน้ำก็ขึ้นไปดู พบน้ำก็เลยตักลงมาดื่ม พอดื่มไปก็เกิดความรู้สึกคึกคักอยากจะกินเนื้อขึ้นมา จึงนำนกที่นอนหลับนั้นมาย่างกินไปดื่มไป อาการมึนเมาก็เกิด ลุกขึ้นมาร้องรำทำเพลง มีอารมณ์ครึกครื้น กิน เมา สร่าง อย่างนี้ 2 วัน ก็คิดถึงเพื่อนที่บวชเป็นฤๅษีชื่อ วรุณ ฤๅษีกำลังทำความเพียร นายพรานเอาสุราไปให้ฤๅษีดื่ม ฤๅษีดื่มแล้วก็ครึ้มขึ้นมาทันที ต่างชวนกันไปนำน้ำสีแดงนี้ไปถวายพระราชา โดยตัดกระบอกไม้ไผ่หาบน้ำเอาไปถวาย เล่าสรรพคุณให้ฟังว่า ดีจริง ๆ ให้ลองเสวย พระราชาเสวยแล้วก็รู้สึกชอบใจ เพราะไม่เคยเจอ รู้สึกครึ้ม ๆ จึงสั่งให้ไปนำมาอีก ทั้งคู่จึงเทียวไปเทียวมาครั้งแล้วครั้งเล่ามาให้พระราชา



เกิดความเหนื่อยเพราะไกลเหลือเกิน จึงเกิดมิจฉาปัญญาว่าเรามาผลิตกันเองดีกว่า ในที่สุดก็ไปดูสูตรที่แหล่งกำเนิด แล้วผลิตใส่ตุ่มเตรียมไว้อย่างดี นำไปถวายพระราชา ส่วนที่เหลือก็นำไปขายให้ชาวบ้านให้ลองดื่มกินดู ผลปรากฏว่าชาวเมืองครึกครื้นกันไปทั้งเมือง ติดอกติดใจกัน ไม่เป็นอันทำมาหากิน ในที่สุดเมืองนั้นก็ล่มสลายพังพินาศไป เมื่อไม่มีใครเอาเงินมาซื้อเหล้าอีก ก็ไปเมืองอื่นคือเมืองพาราณสีก็ทำแบบเดียวกัน ชาวเมืองก็ดื่มน้ำสีแดง พาราณสีก็พังไปด้วย



หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ เหล้าสาโท น่าเป็นห่วงมาก เราอย่าไปผลิตเหล้าสาโทเลย ผลิตพืชผักผลไม้ที่ไร้สารพิษเอามาเลี้ยงพลโลกดีกว่า ได้ทั้งเงินได้ทั้งบุญเพราะให้ความแข็งแรงกับเพื่อนมนุษย์ ความจริงยุคนี้สารพิษระบาดไปทั่วโลก พลโลกก็อ่อนแอลง จึงอยากได้อาหารที่ฟื้นฟูสุขภาพ พืชผักผลไม้ที่ไร้สารพิษจะช่วยได้ ชาวโลกต้องการอันนี้ 100% แต่ผลิตได้เพียง 8% ยังขาดอีก 92% ถ้าแต่ละตำบลหันมาสนใจทางนี้จะดีกว่า ตรงนั้นทำไปแล้วเกิดความพินาศตาย แล้วก็ไปอบาย เราเกิดมาเป็นมนุษย์ ต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อสังคมด้วย รับผิดชอบชีวิตของเพื่อนมนุษย์ สังคมจึงจะอยู่เย็นเป็นสุข ถ้าดื่มสุราก็วุ่นวาย



พรานสุระและฤๅษีวิรุณ พาชาวบ้านชาวเมืองดื่มสุราพังพินาศไป 2 เมืองแล้ว ก็ไปเข้าเฝ้าพระราชาชื่อพระสรรพมิตร ท่านยังไม่ได้ลองดื่มแต่สั่งผลิตเลยให้ได้ 500 ตุ่มเพื่อจะได้เสวยแต่ยังไม่ได้เสวย ปรากฏว่าเมื่อวานนี้มีแมวได้กลิ่นก็ตามมา ตอนแรกมันก็ตามหนู พอเจอน้ำสุราขึ้นมาก็ลองเลียดูตามประสาแมว พอเลียไปแล้วก็เมาหลับใหลอยู่ข้างตุ่มนั้นเอง หนูลงมากัดหู กัดหนวดแมว ก็ไม่ตื่น ทำให้เสียศักดิ์ศรีของความเป็นแมว คนเลยไปบอกพระราชาสรรพมิตรว่า น้ำนั้นน่าจะมีพิษ แมวกินแล้วยังตายเลย หนูแทะหูแทะหนวดยังไม่ตื่นเลย เสียศักดิ์ศรีหมด เลยจับทั้งสองไปประหารชีวิต พอสร่างเมา แมวตัวนั้นก็ลุกขึ้นแล้วจากไป คนก็มาบอกพระราชาว่าแมวฟื้น พระราชาจึงบอกว่าน้ำนั้นคงไม่ใช่น้ำเป็นพิษ ไม่อย่างนั้นแมวคงตายแล้ว สงสัยจะอร่อยจริง ๆ จึงจัดเตรียมการเพื่อที่จะดื่มเสวยสุรา เนื่องจากพระราชาจะดื่มสุราไม่ใช่เรื่องธรรมดาเพราะพังมาแล้ว 2 เมืองทำให้ทิพยอาสน์ของพระอินทร์แข็งตัว จึงสอดส่องทิพยเนตรจึงเห็นว่ามนุษย์กำลังประมาทเพราะดื่มสุราอยู่ ยังไม่รู้จักสุราและโทษของสุรา เดี๋ยวจะพังไปหมดทั้งชมพูทวีปแล้วจะลามไปทวีปอื่นด้วย



พระเจ้าสรรพมิตรกำลังจะดื่มสุราแล้ว พระอินทร์จึงแปลงกายเป็นพราหมณ์ถือหม้อสุรามาลอยอยู่กลางอากาศ ร้องว่า เอาหม้อสุรานี้มาขาย พระราชาเห็นแล้วก็สงสัยว่าใครยืนกลางอากาศได้ เปล่งรัศมีสว่างเหมือนพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ จึงถามว่าทำไมท่านเดินและยืนในอากาศได้ ทำอย่างไรจึงได้หม้ออันนี้มา ท่านเป็นใครหรือ หม้อของท่านมีประโยชน์อะไรบ้าง



พระอินทร์ตอบว่า หม้อนี้ใส่น้ำชนิดหนึ่งมีโทษมากใครดื่มแล้วล่ะก็จะมีอาการอย่างนี้ เมาจนหัวทิ่มบ่อ เมาหยำเป ไม่มีกฎมีเกณฑ์อะไรเหมือนโคกินกากสุรา ไปไหนก็ร้องรำทำเพลง ฟ้อนไปเรื่อยๆ ถ้าดื่มน้ำนี้เข้าไป ถึงขนาดแก้ผ้าแก้ผ่อนได้ ปราศจากความละอายท่ามกลางชุมชน หรือทำตัวโซซัดโซเซเหมือนหุ่นกระบอกทีเดียว สองคนที่ดื่มสุรา ผลัดกันไปส่งที่บ้านของตัว เดินกลับไปกลับมา 2 บ้านตั้งแต่มืดถึงเช้า หรือพอดื่มไปแล้วก็หลับสนิท ไฟไหม้ก็ยังไม่รู้เลย ดื่มแล้วสามารถกินอาหารเหลือเดนของสุนัขได้ หรือไม่ก็พูดพร่ำเพ้อเจ้อ ปราศจากผ้าผ่อนไปในที่ชุมชน บางคนก็นอนเลอะเทอะ จมอาเจียน บางคนพอดื่มเข้าไปแล้วเกิดความรู้สึกว่าเราเป็นบุคคลสำคัญที่สุดในเมืองเป็นมังกรในเมืองมนุษย์ มีความรู้สึกว่าไม่มีใครเสมอเรา บางคนพอดื่มไปแล้วผิวพรรณสวย ๆ ก็หยาบกระด้างไปเลย บางบ้านลูกชายคนเดียว พอลูกชายดื่มจนตาย ก็ขาดผู้สืบสกุล เมื่อดื่มน้ำนี้สามารถทำให้ทรัพย์ทั้งหลาย ไร่นาสาโทโคกระบือพินาศไป บางคนพอดื่มไปแล้วสามารถพูดจาหยาบคาย ด่าพ่อด่าแม่ได้ บางทีไปพูดจาหยอกล้อเกี้ยวพาราสีลูกสะใภ้ซึ่งเป็นภรรยาของลูกชายตัว ถ้าเป็นผู้หญิงก็สามารถด่าว่าพ่อแม่สามีหรือสามีของตัวได้ บางคนก็เอาทาสในเรือนเป็นสามี บ้างถึงกับทำร้ายฆ่าฟันสมณะชีพราหมณ์หรือไม่ก็ทะเลาะทุบตีกัน เอากันถึงตาย หัวร้างข้างแตก หรือด่าว่ากัน พูดเพ้อเจ้อ คุยฟุ้งกันทั้งคืน คุยกันคนละเรื่อง แต่ว่าอยู่ร่วมกันได้ ใครพูดอะไรก็เออออ แล้วก็พูดเรื่องของตัว พูดเท็จ ดื่มไปแล้วมัวแต่เมา ไม่ต้องทำงานกัน ลืมเรื่องราวที่รับภาระ เคยเป็นคนมีปัญญามีความละอายก็กลับกลายเป็นคนพูดมากขาดความละอาย ยอมอดข้าว เมาเดียวดาย หมดสง่าราศี นอนคอตกเหมือนโคถูกแทงด้วยปฏัก



ดื่มเหล้าก็เหมือนดื่มยาพิษ ถูกกฎหมายแต่ผิดกฎแห่งกรรม ถ้าใครค้าก็รวยชาติเดียว ตายแล้วก็ไปอบายอยู่นาน เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ อวัยวะก็พิกลพิการ มีโรคภัยไข้เจ็บร้ายแรง ถูกคนดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม อายุก็ไม่ยืน แม้มีฐานันดรสูง แม้โอรสทั้งหลายดื่มแล้วก็พานางบำเรอไปเที่ยวตีกันเอง ตีกันด้วยสากตำข้าว เรื่องทั้งหมดนี้มีอยู่ในพระไตรปิฎก อย่าว่าแต่มนุษย์เลย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ แม้แต่อสูรอยู่บนดาวดึงส์ดื่มสุราแล้วยังถูกเหวี่ยงลงมาอยู่ชั้นจาตุมหาราชิกา แล้วพราหมณ์ที่ลอยอยู่กลางอากาศซึ่งเป็นพระอินทร์แปลงมาก็บอกว่า น้ำที่อยู่ในหม้อนี้ให้โทษอย่างนั้น แต่โทษนั้นยังมีอีกมากมาย ท่านต้องการโทษเช่นนั้นไหม น้ำในไหที่ข้างหน้าท่านแบบเดียวกับน้ำที่อยู่ในหม้อนี้



พระราชาได้สติขึ้นมา เห็นว่า นี่ท่านไม่ใช่บิดามารดาของเรา ทำไมมาชี้โทษให้ ทำให้รู้จักสิ่งควรหรือไม่ควร จึงกราบขอบพระคุณ แล้วปฏิบัติตามคำสอนโดยก็ไม่รู้ว่าพราหมณ์นั้นคือใคร นึกว่าเป็นมนุษย์มีฤทธิ์เหาะได้ ท่านเกิดปีติขึ้น จะยกบ้านส่วยให้ 5 ตำบลและทรัพย์สินมากมาย แล้วขอให้พราหมณ์นั้นเป็นอาจารย์สอนอรรถธรรมแก่พระราชา ท่านจึงบอกว่าสมบัตินั้นของพระองค์ขอให้เป็นของพระองค์ไปเถิด เราเป็นท้าวสักกะ จอมเทพของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เรามาเพื่อเตือน ขอให้พระองค์ได้รู้จักว่าสิ่งที่อยู่ข้างหน้าพระองค์เป็นน้ำอุบาทว์ ดื่มแล้วก็จะพินาศวอดวาย ขอให้ไปทำลายทิ้ง แล้วออกกฎ ไม่ให้ใครได้ดื่มน้ำนี้ ชี้โทษชี้ภัยให้เห็นด้วย



ท้าวสักกะยังไม่ได้พูดถึงภัยในอบายและภัยในสังสารวัฏ พูดถึงแค่ภัยในปัจจุบันเท่านั้น แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านชี้ให้เห็นทั้งภัยปัจจุบัน ภัยในอบาย และภัยในสังสารวัฏ เพราะฉะนั้นน้ำอย่างนี้ใครใส่ขวดเอาไว้ตั้งโชว์ที่บ้าน เห็นว่าเป็นของสวยงาม ยกฐานะขึ้นมาเป็นผู้มีรสนิยมสูง พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะชีโวท่านบอกว่า เป็นน้ำเสนียด ถ้าอยากให้เป็นบ้านเสน่ห์ ก็ต้องเอาเสนียดออกจากบ้าน อย่าเอาไปให้ใครเลย เอาเทน้ำเททิ้ง เอาขวดนั้นทุบทิ้ง แล้วความมีเสน่ห์ ความมีสิริมงคลก็จะเกิดขึ้นภายในบ้าน เป็นที่มาแห่งโภคทรัพย์ ดังนั้นใครมีน้ำนี้ ภาพอย่างนี้ ก็ให้เอาออกไป เจอใครก็แนะนำต่อ ๆ กัน ให้เอาออก ยิ่งเป็นนักบวช เป็นบรรพชิต ถือเป็นหน้าที่โดยตรงเลย ไม่ต้องไปเกรงใจเขา เราต้องสงสาร กลัวเขาจะมีทุกข์ในอบายและในสังสารวัฏ และการรับผิดชอบต่อสังคมในโลกนี้เป็นหน้าที่ของนักบวชที่จะต้องสอนกันไป





#2 ผู้ฝึกตนอยู่

ผู้ฝึกตนอยู่
  • Members
  • 3 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 January 2007 - 12:57 PM

ขอพิมพ์ไปอ่านหน่อยค่ะ
ขอบคุณค่ะ