ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

วันสามเณร วันเด็กแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2550 (^_^)


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Peacefulness ™

Peacefulness ™
  • Members
  • 1145 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:On the planet Earth.
  • Interests:Almost everything that helps me to become better and better; especially, the Grestest Dharma of the Lord Buddha

โพสต์เมื่อ 13 January 2007 - 11:58 AM



QUOTE
พระราหุลเถระ

เอตทัคคะ : ผู้เป็นเอตทัคคะทางผู้ใคร่ต่อการศึกษา


ภาคชีวประวัติ และการศึกษา

มีบิดาชื่อว่า “เจ้าชายสิทธัตถะ” มารดาชื่อ “พระนางยโสธรา(พิมพา)” ระบิดาเสด็จออกบวชในวันที่ท่านเกิดนั้นเอง

ท่านเป็นสามเณรรูปแรกในพระพุทธศาสนา หลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปถึงเมืองกบิลพัสดุ์ เพียง ๗ วัน โดย ท่านเข้าไปทูลขอราชสมบัติจาก พระพุทธเจ้า ผู้เป็นพระบิดา ตามคำแนะนำของ พระนางยโสธราพิมพา พระมารดา พระพุทธองค์ทรงมอบหมายให้ พระสารีบุตรเถระ เป็น พระอุปัชฌาย์ โดยบวชแบบ "ติสรณคมนูปสัมปทา" เพราะ การให้ อริยทรัพย์ เป็นสิ่งประเสริฐ และยั่งยืนถาวร

เมื่อท่านบวชแล้ว เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษามาก ครั้งหนึ่งท่านลุกขึ้นแต่เช้าตรู่แล้วกอบเอาทรายเต็มกำมือแล้วตั้งจิตปรารถนาว่า ขอให้ได้รับคำแนะนำพร่ำสอนมากเท่ากับเม็ดทรายจากพระพุทธเจ้า และจากอุปัชฌาย์อาจารย์ ท่านประพฤติปฏิบัติธรรมและฟังธรรมจากพระพุทธองค์ไม่นานนักก็บรรลุเป็นพระอรหันต์

พระราหุลเถระ
ผู้มีความใคร่ในการศึกษา

พระราหุลเถระ เป็น พระสาวกรูปแรก ที่บวชแต่อายุเพิ่ง 7 ขวบ จึงเป็น “บิดา” แห่งสามเณรทั้งหลาย


เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้า เสด็จนิวัติไปโปรดพระประยูรญาติที่เมืองกบิลพัสดุ์นั้น พระมารดาของท่าน (พระนางยโสธราพิมพา) ได้บอกกับพระราหุลกุมารว่า ตั้งแต่พระราชบิดาเสด็จออกผนวช ขุมทรัพย์ที่ปรากฏขึ้นพร้อมกับการประสตูของพระองค์ได้หายไป ขอให้ราหุลกุมารไปทูลขอขุมทรัพย์นั้น ขณะที่พระพุทธองค์พร้อมทั้งภิกษุสงฆ์จำนวนมากเสด็จออกมาบิณฑบาตอยู่ในเมือง ราหุลกุมารก็ติดตามพระบิดาไปพลางร้องว่า “สมณะ ขอขุมทรัพย์ๆ” พระพุทธองค์มิได้ตรัสตอบ คงเสด็จดำเนินไปเรื่อย จนกระทั่งไปถึงนิโครธาราม สถานที่ประทับชั่วคราวอยู่นอกเมือง ราหุลกุมารเข้าไปนั่งใกล้พระพุทธองค์ มีความรู้สึกสงบและร่มเย็นอย่างประหลาด จนถึงกับอุทานออกมาว่า “สมณะ ร่มเงาของท่านสบายจริงๆ” (สุขา เต สมณ ฉายา)

พระพุทธองค์ ทรงดำริว่า อันทรัพย์สมบัตินั้นๆ ในโลกย่อไม่จีรังยั่งยืน อย่าให้กระนั้นเลย เราจะให้อริยทรัพย์แก่ราหุลดีกว่า แล้ว พระองค์จึงมีพุทธบัญชา ให้ พระสารีบุตร บวชให้ ราหุลกุมาร

เนื่องจากไม่เคยมีเด็กบวชมาก่อน พระเถระจึงกราบทูลถามวิธีปฏิบัติ พระพุทธองค์ตรัสว่า ให้บวชด้วยการเปล่งวาจาถึงไตรสรณคมน์ การบวชของราหุล จึงมีชื่อว่า ติรสรณคมนูสัมปทา การอุปสมบทด้วย การระลึกถึงสรณะสาม ต่อมาการบวชแบบนี้ ได้ใช้สำหรับ การบวชสามเณรเท่านั้น บวชแล้ว สามเณรราหุลเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษามาก ว่ากันว่าในทุกๆ เช้าสามเณรน้อยจะลงมากอบทรายเต็มกำมือ แล้ว อธิษฐานดังๆ ว่า “วันนี้ขอให้เราได้ฟังโอวาทจากพระพุทธเจ้าและพระอุปัชฌาย์มากมาย ดุจเมล็ดทรายในกำมือเรานี้” พระพุทธองค์จึงทรงยกย่องท่านว่าเป็นเอตทัคคะในทางเป็นผู้ใคร่ในการศึกษา

สามเณรราหุล ไม่เคยถือตนว่าเป็นโอรสของพระพุทธเจ้า ท่านเป็นคนว่าง่าย และมีความเคารพในพระสงฆ์ ครั้งหนึ่งพระจากชนบทจำนวนหนึ่งมาพักที่พระเชตวัน เนื่องจากพระวินัยห้ามภิกษุนอนในที่เดียวกับอนุปสัมบัน จึงไล่ให้สามเณรราหุลไปข้างนอก โดยไม่คำนึงถึงว่าสามเณรน้อยจะไปอยู่ที่ไหน

สามเณรราหุลไม่มีที่อยู่ จึงเข้าไปพักอยู่ที่ วัจกุฏี (ส้วม) ของพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์เสด็จไปพบเข้ากลางดึก จึงนำท่านกลับมาพักที่ พระคันธกุฎี ของ พระองค์

จากเหตุการณ์ครั้งนั้น พระองค์จึงทรงลดหย่อนผ่อนสิกขาบทข้อที่ว่าด้วยห้ามภิกษุอยู่ในที่มุงบังเดียวกับอนุปสัมบันเกินหนึ่งคืน ขยายเวลาออกเป็นสามคืน

ท่านได้ฟังพระพุทธโอวาทหลายครั้ง พระโอวาทองค์ที่น่าสนใจเป็นพิเศษอยู่ครั้งหนึ่ง ที่ผมว่าน่าสนใจมากก็เพราะทรงสอนโดยใช้สื่อเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อเหมาะแก่อุปนิสัยของเด็กเป็นอย่างยิ่ง นี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ โทษของการพูดเท็จ

พระพุทธองค์ทรงจับขันน้ำล้างพระบาทขึ้น แล้วทรงเทลงหน่อยหนึ่ง แล้วตรัสถามว่า

“ราหุล เห็นไหม น้ำที่เราเทลงหน่อยนี้”

“เห็นพระเจ้าข้า” สามเณรน้อยกราบทูล

“ราหุล คนที่พูดเท็จทั้งๆ ที่รู้ ย่อม เทคุณความดีออกจากคนทีละนิด เหมือนเทน้ำออกจากขั้นนี้”

“เห็น พระเจ้าข้า”

“ราหุล คนที่พูดเท็จทั้งๆ ที่รู้ ย่อม เทคุณความดีออกหมด เหมือนน้ำที่เราเทออกหมดนี้”

เสร็จแล้วทรงคว่ำขันลง ตรัสถามว่า

“ราหุลเห็นไหม ขันที่เราคว่ำลงนี้”

“เห็นพระเจ้าข้า”

“ราหุล คนที่พูดเท็จทั้งๆ ที่รู้ ย่อมคว่ำคุณธรรมออกหมด เหมือนขันคว่ำนี้”

เสร็จแล้วทรงหงายขันเปล่าขึ้น แล้วตรัสถามว่า

“ราหุล เห็นไหม ขันเปล่าที่เราหงายขึ้นนี้ ไม่มีน้ำเหลือเลย”

“เห็น พระเจ้าข้า”

“ราหุล คนที่พูดเท็จทั้งๆ ที่รู้ ย่อม ไม่มีคุณความดีเหลืออยู่เลย ดุจขันเปล่านี้”

ทรงสอนโดย ใช้สื่อประกอบเป็นขั้นตอน ซึ่งทำให้เด็กน้อยได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง คำว่า “คุณความดี” คนที่พูดเท็จทั้งๆ ที่รู้ เทออกจากตนนี้ ท่านใช้ศัพท์ว่า สามญญ แปล ว่าความเป็นสมณะ หรือ ความเป็นพระ นั่นแหละครับ (เท คุณความดี ออกที่ละ นิดๆ)

คนที่พูดเท็จทั้งๆ ที่รู้ ย่อม เทความเป็นพระออกทีละนิดๆ จนไม่มีเหลือ กลายเป็น “คนโกหกหลอกลวง” หรือ อลัชชี ในที่สุดนั้นแล

ครั้งสุดท้ายท่านได้ฟัง จุฬราหุโลวาทสูตรที่ 2 เนื้อหาว่าด้วย ขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ) ว่า ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ เป็น อนัตตา

ท้ายพระสูตรได้บันทึกไว้ว่า ท่านได้บรรลุพระอรหันต์จากกการฟังพระโอวาทนี้ ไม่ได้บอกว่าท่านบรรลุพระอรหัตเมื่ออายุเท่าไหร่ คาดว่าคงจะอายุประมาณ 18 ปี และเมื่อท่านอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์แล้ว ก็ได้อุปสมบทเป็นภิกษุ (เข้าใจว่า พระสารีบุตรอัครสาวก คงจะเป็นพระอุปัชฌาย์เช่นเดิม)

พระราหุล มีสมญานามที่ เพื่อนพรหมจารีทั้งหลาย เรียกขานอีกอย่างหนึ่งว่า ราหุลภัททะ แปลว่า ราหุลผู้โชคดี หรือ ราหุลผู้ดีงาม พระราหุลเถระยอมรับว่าคำพูดนั้นเป็นความจริง เพราะท่านนับว่ามีโชคดีถึงสองชั้น โชคชั้นหนึ่ง ได้เป็นเจ้าชายแห่งศากยวงศ์ โชคชั้นที่สอง ได้เป็นโอรสในทางธรรมของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระราหุลเถระนิพพานเมื่ออายุเท่าไร ไม่มีบันทึกไว้ที่ไหน ทราบแต่ว่าท่านนิพพานก่อนพระอุปปัชฌาย์ และก่อนพุทธปรินิพพาน ถ้าเช่นนั้นท่านก็คงนิพพานเมื่ออายุไม่มากนัก สถานที่นิพพานของท่าน คือ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์

ภาคการปฏิบัติ-ภาคการประกาศพระศาสนา

ไม่มีกล่าวไว้ชัดเจนว่าท่านมีบทบาทอย่างไรในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา แต่ท่านมีวัตรปฏิบัติที่เลื่องลือมากอีก ๒ ประการ คือ

๑.) ทรงเป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย

๒.) เป็นผู้มีความกตัญญูกตเวทีต่อมารดา


ข้อควรจำ

ท่านเป็น สามเณรรูปแรกในพระพุทธศาสนา ซึ่งบวชด้วยวิธี "ไตรสรณคมน์" โดยพระสารีบุตรเป็นพระอุปัชฌาย์


ท่านเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง

เป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย และมีความกตัญญูกตเวทีเป็นยอด

ท่านนิพพาน ใน สวรรค์ชั้นดาวดึง ก่อน พระพุทธเจ้า และพระสารีบุตร
ที่มา คลิ๊กที่นี้
หมายเหตุ ข้าพเจ้าต้อง ขออนุญาต แก้ไขบ้างเพียงเล็กน้อย เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจมากขึ้น นะครับ

QUOTE
...พ.ล.เ.อ.ก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ก็ได้มอบคำขวัญวันเด็กมาแล้วว่า “ มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข ”

ดังจะเห็นได้ว่าพระบรมราโชวาท และคำขวัญ ในวันเด็กแห่งชาติล้วนเป็นการเสนอแนะแนวทางให้เด็กสามารถนำไปประพฤติปฏิบัติตนเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและประเทศชาติได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคำขวัญวันเด็กปี ๒๕๕๐ นี้ สอดคล้องกับสภาพสังคมเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม เด็กๆ ซึ่งเปรียบเสมือนเมล็ดพันธุ์เล็กๆ จะแข็งแกร่งเป็นต้นกล้าที่เติบโตพร้อมจะแผ่กิ่งก้านสาขาไปช่วยเหลือผู้อื่นและสังคมได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ใหญ่ในวันนี้ จะต้องหมั่นดูแลให้ความรัก ความเอาใจใส่ และ ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ให้เด็ก ได้กลายเป็นคนที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกายและจิตใจ ข้อสำคัญ ผู้ใหญ่จะต้อง “ ต้นแบบที่ดี ” พร้อมจะเป็นหลักให้เด็กได้ยึดถือ เพื่อก้าวย่างไปสู่อนาคตของชาติร่วมกัน อย่างมั่นคง และมั่นใจ

รัตนาภรณ์ เจริญศรี นักศึกษาฝึกงานมหาวิทยาลัยมหาสารคาม

กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม
ที่มา คลิ๊กที่นี้


ข้าพเจ้าใคร่ขอ ขอบคุณ ท่านผู้จัดทำข้อมูลข้างต้น ทุกๆท่าน อย่างยิ่ง สำหรับ ข้อมูลต่างๆ ที่ข้าพเจ้าได้นำมาแสดงไว้ในกระทู้นี้ และกระนั้น ข้าพเจ้าขอ อนุโมทนาบุญทุกๆบุญ กับ ทุกๆท่าน ด้วยนะครับ

สาธุ...สาธุ...สาธุ...ครับ


ถ้าเราได้ ลองศึกษา สิ่งหรือบุคคล ที่เกิดขึ้นพร้อมในภพชาติของ พระพุทธเจ้า แล้วนั้น เราจะพบว่าความรักนิรันดร์
(รักในสัจธรรม ความจริงของชีวิต) ของ สิ่งเหล่านั้น ท่านเหล่านั้น นั้น จะเป็นแบบ
รักนิรันดร์ ปราถนาความสุขนิรันดร์ ในอริยทรัพย์ (นิพพาน) นั้นเอง...


#2 ลีดเดอร์

ลีดเดอร์
  • Members
  • 416 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 January 2007 - 03:23 PM

ขอขอบพระคุณนักเรียนอนุบาลpeacefulnessมากๆค่ะ
ที่เอาความรู้ดีๆ มาแบ่งปัน จริงๆค่ะไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า
ว่าพระราหุลท่านเสด็จนิพพานก่อน พระพุทธเจ้า ก่อนพระสารีบุตร
และเสด็จนิพพานที่ดาวดึงส์ด้วย.


............................................................................
การให้ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง

#3 นิ่งๆ นุ่มๆ

นิ่งๆ นุ่มๆ
  • Members
  • 618 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 January 2007 - 03:31 PM

ได้ความรู้มากมายเลย อนุโมทนาบุญด้วยค่า
อย่าทำตัวเหมือนเรือ ที่เก็บขยะในมหาสมุทร ใครเขาจะพูดอะไร จะว่าอะไรเราให้ใจขุ่น ก็อย่าไปสนใจ ปากก็ของเขา ความคิดก็ของเขา อย่าเอามาแบกไว้ เพราะสุดท้ายเรือจะล่มอยู่กลางมหาสมุทร ไปไม่รอด
น้าจี้

#4 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 January 2007 - 04:10 PM

ขอเสริม จขกท.เรื่องของพระราหุล บางส่วนสามารถศึกษาได้จาก ติปัลลัตถมิคชาดก เป็นเรื่องของการแสดงคุณของความว่านอนสอนง่าย

http://www.kalyanami...Itemid=99999999
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#5 Peacefulness ™

Peacefulness ™
  • Members
  • 1145 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:On the planet Earth.
  • Interests:Almost everything that helps me to become better and better; especially, the Grestest Dharma of the Lord Buddha

โพสต์เมื่อ 13 January 2007 - 06:47 PM



QUOTE(From Ms. Leader)
ขอขอบพระคุณนักเรียนอนุบาลpeacefulnessมากๆค่ะ
ที่เอาความรู้ดีๆ มาแบ่งปัน จริงๆค่ะไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า
ว่า พระราหุลท่านเสด็จนิพพานก่อน พระพุทธเจ้า ก่อนพระสารีบุตร
และเสด็จนิพพานที่ดาวดึงส์
ด้วย.
___By ท่าน "ลีดเดอร์"
ด้วยความยินดีครับ
ข้าพเจ้าก็เพิ่งจะได้ทราบเช่นกันครับ

QUOTE(From Ms. Gentle & Soft)
ได้ความรู้มากมายเลย อนุโมทนาบุญด้วยค่า ___By ท่าน "นิ่งๆ นุ่มๆ"
สาธุ...สาธุ...สาธุ...อนุโมทามิ

ข้าพเจ้าปราถานาขอให้ ทุกๆท่าน ไม่ว่า จะเป็นสมาชิก หรือ ยังไม่เป็นสมาชิก ของ DMC.tv webboard แห่งนี้ ก็ดี ที่ได้ สละเวลา และมีโอกาศ เข้ามารับรู้ รับทราบ ถึง บุญ กุศล เหล่านี้ ที่ข้าพเจ้า ได้ ตั้งใจกระทำ สะสมไว้ ด้วยความตั้งใจ ไว้ดีแล้ว ณ. กระทู้นี้ แม้จะไม่ได้พิมพ์ตอบอะไรเลย ก็ดี จงได้รับ กุศลผลบุญ เหล่านี้ ให้จง เท่าๆกัน ทุกๆคน ทุกๆท่าน ด้วยเทอญ... สาธุ...สาธุ...สาธุ...

QUOTE(From Mr. WISH)
ขอเสริม จขกท. (เจ้าของกระทู้) เรื่องของพระราหุล บางส่วนสามารถศึกษาได้จาก ติปัลลัตถมิคชาดก เป็นเรื่องของการแสดงคุณของความว่านอนสอนง่าย

http://www.kalyanami...Itemid=99999999 ___By ท่าน "WISH"
ข้าพเจ้าขอ ขอบคุณ ท่าน WISH มากนะครับ สำหรับ ลิงค์นี้ นะครับ

และ ข้าพเจ้า ขออนุญาต นำมาแสดง และเสนอ ไว้ ณ. ที่นี้ ให้ ทุกๆท่าน ได้พิจารณา กันได้ตามสบาย เลยนะครับ

QUOTE

ชาดก

๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘

ชาดก
คือ เรื่องราวหรือชีวประวัติในชาติก่อนของพระพุทธเจ้า คือสมัยที่พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้อยู่ พระองค์ทรงนำมาเล่าให้พระสงฆ์ฟังในโอกาสต่างๆ เรียกเรื่องในอดีตของพระองค์นี้ว่า ชาดก


ชาดก เป็นเรื่องเล่าคล้ายนิทาน จึงบางครั้งเรียกว่า นิทานชาดก แต่มีความหมายต่างจากนิทานที่เล่ากันทั่วไป คือชาดกเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่นิทานเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น

ชาดกที่ทรงเล่านั้นมีนับพันเรื่อง หมายถึง พระองค์ได้เสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์นับพันชาติ โดยทรงเกิด เป็นมนุษย์บ้าง เป็นสัตว์บ้าง (ดูเรื่องเสวยพระชาติ) แต่ที่รู้จักกันโดยทั่วไปคือ ๑๐ ชาติสุดท้าย ที่เรียกว่า ทศชาติ และ ชาติท้ายที่สุด คือ ที่ทรงเกิดเป็น พระเวสสันดร จึงเรียกเรื่องพระเวสสันดรนี้ว่า เวสสันดรชาดก
ที่มา คลิ๊กที่นี้

QUOTE
ติปัลลัตถมิคชาดก ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๙

ติปัลลัตถมิคชาดก
การแสดงคุณของความว่านอนสอนง่าย


สถานที่ตรัสชาดก พทริการาม นครโกสัมพี

สาเหตุที่ตรัสชาดก
ในสมัยพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จจากนครอาฬวีไปยังนครโกสัมพี ประทับอยู่ที่พทริการาม ครั้งนั้น มีพระภิกษุตามเสด็จจำนวนมาก กุฏิที่มีอยู่จึงไม่พอ ทำให้สามเณรราหุลซึ่งปกติได้อาศัยนอนค้างร่วมกับพระเถระองค์ใดองค์หนึ่งเสมอ ไม่มีที่นอนเพราะภิกษุต่างเกรงอาบัติผิดวินัย ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติว่า “ห้ามพระภิกษุนอนในที่มุงบังเดียวกันกับผู้ที่ไม่ใช่ภิกษุ”
เมื่อสามเณรราหลุไม่มีที่นอน ก็มิได้โต้แย้ง ด้วยความที่มีอัธยาศัยงาม เป็นผู้ว่านอนสอนง่าย และเคารพในพระวินัยอย่างเคร่งครัด จึงพยายามช่วยเหลือตนเอง ด้วยการอาศัยนอนในเวจกุฎี (ห้องส้วม ) ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช้ามืดนั้นเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาที่เวจกุฎี ก่อนเข้าไปได้ทรงกระแอมขึ้น สามเณรราหุลกระแอมตอบ แล้วออกมากราบทูลถึงสาเหตุที่มานอนในเวจกุฎีนี้

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบังเกิดธรรมสังเวช จึงประชุมสงฆ์ในเช้าตรู่วันนั้น แล้วตรัสว่า “ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายไม่เอาใจใส่ดูแลสามเณรราหุล ทอดทิ้งได้อย่างนี้ ต่อไปภายหน้าสามเณรอื่นๆ มาบวชคงไม่มีที่พึ่ง”

พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติพระวินัยขึ้นใหม่ว่า “นับแต่นี้ไป อนุญาตให้สามเณรหรือผู้ไม่ใช่ภิกษุ นอนในที่มุงบังเดียวกันกับภิกษุได้ไม่เกินสามคืน เมื่อถึงคืนที่สี่ ต้องไปหาที่นอนที่อื่นๆ”

เย็นวันนั้น พระภิกษุทั้งหลายประชุมกัน กล่าวสรรเสริญสามาเณรราหุลเป็นสามเณรใจเพชร เคารพและปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบว่า พระภิกษุกำลังปรารภกันถึงเรื่องนี้อยู่ จึงทรงระลึกชาติหนหลัง แล้วตรัส ติปัลลัตถมิคชาดก ดังนี้

เนื้อหาชาดก ในอดีตกาล ณ ชายป่าใกล้กรุงราชคฤห์ มีกวางฝูงใหญ่ฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ วันหนึ่งน้องสาวของพญากวางนำลูกน้อยของตนมาฝากให้พญากวางช่วยสอนวิชา มฤคมายา อันเป็นวิชาที่ว่าด้วยการแสดงมายาเพื่อรักษาตัวรอด ลูกกวางน้อยตั้งใจเรียนเป็นอย่างดี พญากวางจึงเมตตา ถ่ายทอดวิชามฤคมายาให้จนหมดสิ้น

อยู่มาวันหนึ่ง บังเอิญกวางน้อยไปติดบ่วงของนายพรานเข้า แต่ลูกกวางน้อยมีสติ มิได้เสียขวัญแต่อย่างใด กลับบอกให้เพื่อนๆ รีบหนีไปเสีย บรรดาเพื่อนๆ จึงรีบกลับไปแจ้งข่าวร้ายนี้แก่นางกวางผู้เป็นแม่ นางกวางตกใจมาก รีบวิ่งไปหาพญากวาง บอกว่าลูกของฉันติดบ่วงนายพรานเสียแล้ว “พี่สอนวิชาให้หลานจบแล้วหรือ?”

พญากวางจึงปลอบนางกวางว่า บุตรชายของนางตั้งใจเรียนเป็นอย่างดีย่อมปลอดภัยแน่นอน ฝ่ายลูกกวางน้อย เมื่อติดบ่วงแล้วก็สำรวมสติมั่น นึกทบทวนวิชาที่ได้ร่ำเรียนมาจากพญามารผู้เป็นลุง แล้วทำมารยา ๖ ประการ กล่าวคือ

แสร้งตะกุยดินให้เป็นฝุ่นอยู่ข้างหน้า แล้วเตะฝุ่นให้ฟุ้งกระจายดูราวกับว่าได้ตะกุยจนเต็มแรงแล้ว จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนตะแคงเหยียดเท้าทั้งสี่ออกไปด้านข้าง เกร็งตัวแข็งทื่อเหมือนกับว่าตายมานานแล้ว สักพักหนึ่ง ฝูงแมลงวันพากันมาตอมอุจจาระปัสสาวะ ฝูงกาก็บินมาเกาะกิ่งไม้คอยทีอยู่ เมื่อนายพรานมาถึง เห็นลูกกวางนอนตัวพองขึ้นอืดอยู่ ก็เอานิ้วดีดท้องลูกกวาง ได้ยินเสียงดัง ปุ ปุ จึงหลงเข้าใจว่าลูกกวางน้อยตายจนขึ้นอืดแล้ว จึงรีบถอดบ่วงออกจากคอ ตั้งใจจะชำแหละเนื้อในที่นั้น ทันทีที่บ่วงหลุด ลูกกวางน้อยก็กระโจนหนีไปด้วยความเร็วราวกับลมพัด กลับไปหามารดาและพญากวางผู้เป็นลุงทันที

ประชุมชาดก เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสชาดกจบแล้ว ทรงแสดงธรรมให้ลุ่มลึกตามลำดับ พระภิกษุจำนวนมากบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประชุมชาดกว่า

ลูกกวางน้อย ได้มาเป็น สามเณรราหุล

แม่กวาง ได้มาเป็น พระอุบลวรรณาเถรี

พญากวาง ได้มาเป็น พระองค์เอง

ข้อคิดจากชาดก
๑. บางครั้งหากมีความจำเป็นต้องนอนในที่เดียวกับคนอื่น เช่น ในโอกาสไปพักแรมต่างจังหวัด จึงควรระมัดระวังให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่ง

๒. เมื่อเราได้ร่ำเรียนวิชาจากครูบาอาจารย์แล้ว ควรเรียนรู้ให้แตกฉาน นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำรงชีวิต หรือ แม้กระทั่งรักษาชีวิตของตนได้ ดังคำของกวีสุนทรภู่ ที่กล่าวว่า รู้อะไรแม้รู้เพียงเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล

๓. ศิษย์เมื่อมีความศรัทธา มีความเคารพในครูบาอาจารย์อย่างเต็มเปี่ยมแล้ว จะปฏิบัติตามคำสั่งสอน โดย ไม่โต้แย้งหรือบิดพริ้ว ทำให้ครูบาอาจารย์มีความเมตตา เอ็นดู ปรารถนาจะถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป


แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( ๗ กรกฎาคม ๒๕๔๙ )
ที่มา คลิ๊กที่นี้


ข้าพเจ้าใคร่ ขอขอบคุณ และ อนุโมทนาบุญทุกๆบุญ กับ ทุกๆท่าน สำหรับ ทุกๆ ความคิดเห็น และ ข้อแนะนำ ด้วยนะครับ

สาธุ...สาธุ...สาธุ...ครับ
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดปากน้ำภาษีเจริญ คลิ๊กที่นี้
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
.

Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

For any inquiries please

.

รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า:
คลิ๊กที่นี้
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ ได้รับ ภาพทั้งหมดของ คำสอนคุณยาย ฉบับรวมเล่ม และภาพ (ฉบับสมบรูณ์)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 157 files, 557.61 MB, ธรรมมะเทศนา มงคล 38 โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
ที่มา: คลิ๊กที่นี้ ปล. สืบเนื้องมาจาก กระทู้นี้ โพสต์โดย ท่าน ฟ้าร้าง
.
เรื่อง การสร้างบารมีของพระโพติสัตว์ เข้าใจได้ไม่ยาก โปรดลอง คลิ๊กที่นี้
.
สนใจอ่าน

The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้

(With some english explanation)

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

"Do not confuse having a career with having a life"
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>>
CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
Lastest Revised: 16/12/2006 | 08:43 PM

#6 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 13 January 2007 - 07:16 PM

สามเณรวันนี้ คือพระภิกษุในวันหน้า
นักเรียนอนุบาลฝัีนในฝันวันนี้ คือนักเรียน ปฐม มัธยม อุดมศึกษา ฝันในฝันในวันหน้า
สาธุ
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก

#7 เพียงพอ

เพียงพอ

    I |\|EE|) S()|\/|E |3()DY |_()\/E.

  • Members
  • 724 โพสต์
  • Location:ไม่มีข้อมูล
  • Interests:ไม่มีข้อมูล

โพสต์เมื่อ 14 January 2007 - 10:40 AM

สาธุ สาธุ สาธุ
--------------------
เพียง. . .เพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้มีคุณค่า
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.

เพียงพอ


#8 พรฤทธิ์

พรฤทธิ์
  • Members
  • 85 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อ.เมือง จ.ขอนแก่น

โพสต์เมื่อ 17 January 2007 - 10:33 AM

ก่อนอื่นขออนุโมทนาบุญกับ คุณPeacefulness ค่ะ ที่กรุณานำเรื่องราวดี ๆ มาให้พวกเราได้อ่านกันเช่นเคย แต่ดิฉันมีข้อสงสัยนิดหน่อยค่ะว่า การที่พระราหุล ท่านนิพพาน ณ ดาวดึงส์ มีความแตกต่างจากนิพพานทั่วไปหรือ ณ ที่อื่น ๆเช่นใดคะ happy.gif

#9 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 17 January 2007 - 10:47 AM

กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ